ฟู่จาวหนิงฟังคำพูดเขา พอคิดดูมันก็ใช่"ไม่พูดถึงหลันยวน เอาแค่เจ้าก็พอ ซือถูไป๋เหมือนจะหลงเจ้าน่าดูเลยนี่" เสิ่นเสวียนรู้สึกขำขันพอได้ยินชื่อซือถูไป๋ ฟู่จาวหนิงก็เงียบไปทันทีคำพูดแบบนี้ความไม่สบอารมณ์สองส่วนในใจนางนั่นก็สลายหายไปแล้วซือถูไป๋ไม่ว่าจะมีใจให้นางแค่ไหน ถึงอย่างไรใจนางก็ไม่โลเลไปมา เช่นนั้นเซียวหลันยวนเองก็เช่นกัน ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะชอบเขาแค่ไหน นางเองก็ควรจะเชื่อมั่นเซียวหลันยวนและควรจะเชื่อมั่นว่าเซียวหลันยวนจะจัดการได้"ท่านลุงพูดถูกต้อง ข้าไม่กังวลเรื่องนี้แล้ว""ส่วนเจ้าอารามโยวชิง เจ้าสนใจไว้หน่อยก็เรื่องปกติ รู้เขารู้เราน่ะนะ"ดังนั้นพวกเขายังต้องดูว่าเจ้าอารามโยวชิงเป็นคนอย่างไรระหว่างที่คุยกัน รถไม้ก็มาถึงปลายทาง จอดลงมาแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปด้านหลัง รู้สึกว่าทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว รถม้านี้แล่นระยะทางยาวพอควร"ท่านลุง นี่ยังเป็นอาณาเขตของสวนคะนึงอยู่ไหม?"ระยะห่างขนาดนี้ น่าจะออกจากสวนคะนึงแล้วอืม ที่นี่ถึงจะเป็นหอเก็บหนังสือ"เสิ่นเสวียนหลังลงจากรถไม้ก็ยื่นมือไปกดบนกำแพงข้างๆ มีเสียงแกร๊กเบาๆ กำแพงก็สว่างขึ้นมา ส่องให้เห็นประตูเหล
แคว้นตงฉิงมีแร่หินเรืองรอง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่ำรวยได้แล้วแต่ว่า จนถึงปัจจุบัน ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งจะเคยเห็นหินเรืองรองในหอเก็บหนังสือของตระกูลเสิ่นนี่เอง สิ่งนี้อธิบายอะไรได้?หินเรืองรองไม่ได้มีชื่อเสียงขึ้นมานั่นเอง"จากบันทึก เดิมทีควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ตงฉิงจนถึงวันที่ล่มสลายวันนั้น ก็ญังไม่ได้ส่งหินเรืองรองออกมาจำนวนมาก จึงมีเพียงคนบางส่วนที่รู้ หรือบางทีอาจจะมีหินเรืองรองอยู่ปริมาณน้อย"เสิ่นเสวียนไปหยิบตะเกียงน้ำมัน เดินอยู่ระหว่างชั้นหนังสือที่สูงลิบทีละแถวๆ ฟู่จาวหนิงเดินตามเขาอยู่ข้างๆสายตาเหลือบไปยังหนังสือบนชั้นที่สูงลิบเหล่านี้สิ่งที่นางมองเห็น คือความเห็นแปลกใหม่ที่น่าสนใจของแคว้นต่างๆ อักษรบนหนังสือก็มีความแตกต่างกัน น่าจะเป็นอักษรของแต่ละแคว้นฟู่จาวหนิงยังเห็นอักษรของหนานฉือด้วย มีอยู่หลายเล่มเลยดูแล้วหอเก็บหนังสือนี้ยังมีคนคอยจัดระเบียบอยู่"ดังนั้นข้าจึงคาดเดาว่า ตงฉิงในอดีตคงไม่ได้คิดจะเปิดเผยเรื่องหินเรืองรอง ตงฉิงเป็นแคว้นเล็กๆ ประชากรไม่มากนัก และไม่ได้สนใจเรื่องการทหาร ถ้าให้คนอื่นมารู้เรื่องหินเรืองรองเข้า เกรงว่าคงจะกลายเป็นดึงเอาภัยสงครามเข้ามา
ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หนังสือแพทย์มีน้อยจนน่าสงสารเลยทีเดียวสาวตาฟู่จาวหนิงตกไปอยู่บนชั้นหนังสือด้านหลังเขาหนังสือเหล่านั้นดูน่าสนใจขึ้นมา จักรวาลอันยิ่งใหญ่ โลกที่ว่างเปล่า นางเคยอ่านหนังสือทำนองนี้มาแล้วหลายเล่มเสิ่นเสวียนเห็นนางดูหนังสือเหล่านี้ เอ่ยขึ้นว่า "หนังสือพวกนี้ไม่รู้ว่ามาจากไหน ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ตระกูลเสิ่นมีอยู่มาโดยตลอด บอกว่าความใหญ่โตของใต้หล้านี้ ไม่มีใครที่ไปถึงชายขอบ ไกลออกไปลึกออกไป จนอาจจะมีอีกโลกหนึ่งอยู่ด้วยก็เป็นได้"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนี่พูดถึงอวกาศหรือจักรวาลคู่ขนานเนี่ยนางเดิมทีก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ แต่เสิ่นเสวียนดูแล้วเหมือนไม่อยากให้นางอ่านหนังสือพวกนี้ นางเองก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรจะไปสืบคนค้นมันพกเขาออกจากหอเก็บหนังสือ นั่งรถม้ากลับมาพูดถึงทางเซียวหลันยวนบ้างหลังจากถูกบริการนำทางมายังห้องหรูหราเรือนด้านหลัง เซียวหลันยวนก็มองเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นั่งอยุ่ตรงข้ามท่านหูเขาชะงักไปท่านหูมองเข้ามาเชิงขอโทษหน่อยๆ"องค์หญิงใหญ่หาข้าเจอ เดาออกถึงตัวตนฐานะของท่านแล้ว บอกว่ามีเรื่องต้องหารือต่อหน้ากับท่าน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน
อ๋องเจวี้ยนพักผ่อนที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอดว่ากันว่า นอกจากสาวใช้สองคนที่ติดตามมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่มีหญิงสาวคนใดอีกยิ่งไปกว่านั้นสาวใช้สองคนนี้ก็แค่คอยดูแลเรื่องยกชาพับผ้าอะไรแบบนี้เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงเรื่องการปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดตอนกลางคืนอ๋องเจวี้ยนพูดคุยกับพวกนางน้อยมาก พูดน้อยมาโดยตลอดเรื่องเหล่านี้ ท่านหูก่อนหน้านี้เคยพูดกับนางไว้แล้วหลังจากได้ยิน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็รู้สึกว่าใจต้นเองเต้นแรงขึ้น"ประสบการณ์ของอ๋องเจวี้ยนกับข้าคล้ายกันเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเสียงอ่อนหวาน มือเรียวขาวของนางยกกาน้ำชาขึ้น เทให้กับเซียวหลันยวน ยกมาไว้ตรงหน้าเขาการเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่นนี้พอนางมาทำ กลับสวยงามราวกับเป็นภาพวาดที่เคลื่อนไหว"ข้าเองก็พักผ่อนอยู่แต่ในสุสานจักรพรรดิตั้งแต่เล็ก ข้างกายมีแค่หมัวมัวไม่กี่คนกับสาวใช้วังอีกสองคนเท่านั้น นอกจากพวกองครักษ์ที่เฝ้าเวรยามซึ่งอยู่ห่างไปหน่อยแล้ว ปกติก็แทบจะไม่ได้เจอผู้ชายเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองๆ เซียวหลันยวน เม้มริมฝีปาก"ดังั้นอันที่จริงข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยกับผู้ชายอย่างไรดี ถ้าหากมีอะไรที่ไม่เหมาะสม อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัยด้
ชิงอีถอนใจโล่งออกมาท่านอ๋อง ควรจะเป็นเช่นนี้ อดทนไว้ จะมาถูกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำลายการป้องกันลงไม่ได้นะ"อ๋องเจวี้ยน ท่านลองดูก่อนว่าคืออะไร"ท่านหูขมวดคิ้ว ท่าทีเช่นนี้ของอ๋องเจวี้ยนดูเกินไปหน่อยไหม?"ไม่จำเป็น""อ๋องเจวี้ยน!"ท่านหูกัดฟัน "ท่านได้ยินเรื่องปาฎิหาริย์ตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอวยพรเมื่อวันก่อนหรือไม่?""ปาฎิหารย์?""นกนับร้อยบินผ่าน ดนตรีสวรรค์ดังแว่ว" ท่านหูตอนนั้นเองก็อยู่ด้วย ดังนั้นตอนที่พูดถึงเรื่องนี้จึงตื่นเต้นขึ้นมา "องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นหญิงสาวที่สวรรค์ปกป้องโดยแท้จริง สูงส่งจนเกินกว่าจะเอ่ยถึง โชครุนแรงอย่างมิอาจต้านทาน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินเขาชมตนเองเช่นนี้ ก็รู้สึกอายขึ้นมาจนต้องก้มหน้า "ท่านหูกล่าวเกินไปแล้ว""ข้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน "ข้าไปดูพวกของเฉินเซียงหน่อยว่าเลือกอาหารแล้วหรือยัง"พูดจบนางก็รีบเดินออกไปท่านหูพอเห็นนางออกไป ก็รู้ว่านางให้จังหวะกับเขาในการคุยกับอ๋องเจวี้ยน จึงรีบบอกอ๋องเจวี้ยนว่า "อ๋องเจวี้ยน ท่านทำไมจึงเย็นชากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้?"เซียวหลันยวนลดสายตาลงท่านหูเอ่ยต่ออย่าง
เซียวหลันยวนมองโสมเซียนค้างฟ้า เสียงใต้หน้ากากยังคงเย็นชา"ข้ามีพระชายาแล้ว""อ๋องเจวี้ยนช่างเขลาเหลือเกิน" ท่านหูรีบพูดขึ้นมา "เรื่องนี้คุยกับองค์หญิงใหญ่อย่างละเอียดได้นี่! ตอนนี้องค์หญิงใหญ่อยู่ในแคว้นต้าชื่อ อันที่จริงก็ลำบากอยู่บ้างแล้ว เจ้าอารามเองก็เคยวิเคราะห์ไว้ องค์หญิงใหญ่คิดจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ ก็ออกหาคนที่มีชะตาต้องกับตนเอง และคนคนนั้นก็คือท่าน"ท่านหูกดเสียงลงต่ำ"องค์จักรพรรดิต้าชื่อที่เอ็นดูองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ ก็เพราะโชคขององค์หญิงใหญ่ แต่ถ้าการเอ็นดูนี้ยิ่งลึกลงไป เกรงว่าคงจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแน่ ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้นางเติบโตขึ้นแล้ว แล้วจะถูกรั้งเอาไว้แต่ในวังลึกแล้วอยู่แต่กับองค์จักรพรรดิได้อย่างไรกัน?"เซียวหลันยวนพอได้ยินคำพูดของท่านหู ดวงตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา"เจ้าอารามเคยทอดถอนใจมาแล้ว กลัวแค่ว่าองค์หญิงใหญฝู่อวิ้นได้รับโชคมา แต่ก็จะพ่ายเพราะโชคเช่นกัน องค์จักรพรรดิไม่มีทางยอมให้นางแต่งงานออกจากวังจักรพรรดิแน่นอน แล้วในวังลึก จะไทเฮาฮองเฮา หรือเหล่าสนมองค์หญิงทั้งหมด ไม่มีใครสักคนที่มีอำนาจกับได้รับความเอ็นดูเท่ากับองค์หญิงใ
เซียวหลันยวนหัวเราะพรืดออกมา "และยิ่งไม่เชื่อเรื่องการคุ้มครองจากสวรรค์อะไรนั่นด้วย ดังนั้นคำพูดนี้ท่านหูทีหลังไม่ต้องพูดแล้วนะ"สวรรค์คุ้มครองอะไรกัน ชะตาต้องกันอะไรกันถ้าให้พูดจริงๆ เขามีชะตาต้องกันกับจาวหนิงต่างหากหลังจากแต่งงานกับจาวหนิง สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืน ตอนแรกที่เขาพิษกำเริบจนตัวเย็นเฉียบ แค่นางมาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นแล้วแล้วมาพูดอะไรสวรรค์คุ้มครอง อย่างฟู่จาวหนิงที่เรียนรู้มาจนวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม นั่นเป็นความสามารถของตนเองต่างหากพิษในร่างกายเขาได้นางมาช่วยแก้ให้ ชีวิตของเขาก็ยืดตามาได้เพราะลูกกลอนบำรุงหัวใจที่นางไปตามหาและสกัดมาให้ พิษคงค้างของเขาก็เป็นโชคดีของนางที่หาเอ็นมังกรหยกจนพบแล้วนำมาแก้ให้แผลเป็นพิษบนหน้าเขาตอนนี้ ก็เป็นฟู่จาวหนิงที่รักษาให้เป็นนางที่ไม่กลัวความน่าเกลียด ไม่รังเกียจความสกปรก คอยล้างแผลให้กับเขาทายาให้เขาอยู่ตลอดถ้าจะบอกว่าที่เขามีชีวิตต่อมาได้ นั่นก็ล้วนเป็นเพราะฟู่จาวหนิงทั้งนั้นต้องมาขอโชคจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเสียที่ไหน?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำอะไรบ้าง? นางทำอะไรได้บ้าง?"อ๋องเจวี้ยน..."ในใจท่านหูรู้สึกไม่ค่อยดี แม้จะไ
ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เสแสร้งเก่งจริงๆ รู้อยู่ว่าคนผู้นี้คือสามีของนาง คืออ๋องเจวี้ยน แล้วยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันอีกคิดจะเล่นตลกกับองค์หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ?จะดูตอนที่องค์หญิงใหญ่เลือกคู่ตอนนั้นแล้วเปิดโปงตัวตนฐานะออกมา แล้วค่อยมาถากถางเยาะเย้ยอย่างนั้นหรือ? ดูมีเจตนาร้ายแอบแฝงจริงๆถูกเสิ่นเซียงบอกว่าตนเองชื่นชมอ๋องเจวี้ยน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เขินอายเล็กน้อย นางก้มหน้าลง เสียงเองก็เบาลง แต่ไม่ได้แย้งคำพูดของเสิ่นเซียงเมื่อครู่เลย แต่ขอโทษกลับมา"อ๋องเจวี้ยน สาวใช้ของข้าไม่รู้จักมารยาท ท่านอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเลย เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักตัวตนของท่าน ถ้าหากรู้ล่ะก็ วันนี้ข้าคงเชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาด้วยแล้ว""ช่างเถอะๆ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว กินข้าวกินข้าว"ท่านหูมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง กังวลหน่อยๆ ว่าเขาจะเอาเรื่องที่ไม่สนใจองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยเมื่อครู่พูดออกมาอีกครั้ง จึงเรียกให้พวกเขามากินข้าวดีกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคีบห่อเส้นเงินชิ้นหนึ่งใส่ไปที่ชามของเซียวหลันยวน"อ๋องเจวี้ยนลองชิมดู นี่เป็นอาหารมังสวิรัตชนิดหนึ่งที่ข้าชอบที่สุด..."คำพู
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ