ฟู่จาวหนิงฟังคำพูดเขา พอคิดดูมันก็ใช่"ไม่พูดถึงหลันยวน เอาแค่เจ้าก็พอ ซือถูไป๋เหมือนจะหลงเจ้าน่าดูเลยนี่" เสิ่นเสวียนรู้สึกขำขันพอได้ยินชื่อซือถูไป๋ ฟู่จาวหนิงก็เงียบไปทันทีคำพูดแบบนี้ความไม่สบอารมณ์สองส่วนในใจนางนั่นก็สลายหายไปแล้วซือถูไป๋ไม่ว่าจะมีใจให้นางแค่ไหน ถึงอย่างไรใจนางก็ไม่โลเลไปมา เช่นนั้นเซียวหลันยวนเองก็เช่นกัน ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะชอบเขาแค่ไหน นางเองก็ควรจะเชื่อมั่นเซียวหลันยวนและควรจะเชื่อมั่นว่าเซียวหลันยวนจะจัดการได้"ท่านลุงพูดถูกต้อง ข้าไม่กังวลเรื่องนี้แล้ว""ส่วนเจ้าอารามโยวชิง เจ้าสนใจไว้หน่อยก็เรื่องปกติ รู้เขารู้เราน่ะนะ"ดังนั้นพวกเขายังต้องดูว่าเจ้าอารามโยวชิงเป็นคนอย่างไรระหว่างที่คุยกัน รถไม้ก็มาถึงปลายทาง จอดลงมาแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปด้านหลัง รู้สึกว่าทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว รถม้านี้แล่นระยะทางยาวพอควร"ท่านลุง นี่ยังเป็นอาณาเขตของสวนคะนึงอยู่ไหม?"ระยะห่างขนาดนี้ น่าจะออกจากสวนคะนึงแล้วอืม ที่นี่ถึงจะเป็นหอเก็บหนังสือ"เสิ่นเสวียนหลังลงจากรถไม้ก็ยื่นมือไปกดบนกำแพงข้างๆ มีเสียงแกร๊กเบาๆ กำแพงก็สว่างขึ้นมา ส่องให้เห็นประตูเหล
แคว้นตงฉิงมีแร่หินเรืองรอง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่ำรวยได้แล้วแต่ว่า จนถึงปัจจุบัน ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งจะเคยเห็นหินเรืองรองในหอเก็บหนังสือของตระกูลเสิ่นนี่เอง สิ่งนี้อธิบายอะไรได้?หินเรืองรองไม่ได้มีชื่อเสียงขึ้นมานั่นเอง"จากบันทึก เดิมทีควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ตงฉิงจนถึงวันที่ล่มสลายวันนั้น ก็ญังไม่ได้ส่งหินเรืองรองออกมาจำนวนมาก จึงมีเพียงคนบางส่วนที่รู้ หรือบางทีอาจจะมีหินเรืองรองอยู่ปริมาณน้อย"เสิ่นเสวียนไปหยิบตะเกียงน้ำมัน เดินอยู่ระหว่างชั้นหนังสือที่สูงลิบทีละแถวๆ ฟู่จาวหนิงเดินตามเขาอยู่ข้างๆสายตาเหลือบไปยังหนังสือบนชั้นที่สูงลิบเหล่านี้สิ่งที่นางมองเห็น คือความเห็นแปลกใหม่ที่น่าสนใจของแคว้นต่างๆ อักษรบนหนังสือก็มีความแตกต่างกัน น่าจะเป็นอักษรของแต่ละแคว้นฟู่จาวหนิงยังเห็นอักษรของหนานฉือด้วย มีอยู่หลายเล่มเลยดูแล้วหอเก็บหนังสือนี้ยังมีคนคอยจัดระเบียบอยู่"ดังนั้นข้าจึงคาดเดาว่า ตงฉิงในอดีตคงไม่ได้คิดจะเปิดเผยเรื่องหินเรืองรอง ตงฉิงเป็นแคว้นเล็กๆ ประชากรไม่มากนัก และไม่ได้สนใจเรื่องการทหาร ถ้าให้คนอื่นมารู้เรื่องหินเรืองรองเข้า เกรงว่าคงจะกลายเป็นดึงเอาภัยสงครามเข้ามา
ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หนังสือแพทย์มีน้อยจนน่าสงสารเลยทีเดียวสาวตาฟู่จาวหนิงตกไปอยู่บนชั้นหนังสือด้านหลังเขาหนังสือเหล่านั้นดูน่าสนใจขึ้นมา จักรวาลอันยิ่งใหญ่ โลกที่ว่างเปล่า นางเคยอ่านหนังสือทำนองนี้มาแล้วหลายเล่มเสิ่นเสวียนเห็นนางดูหนังสือเหล่านี้ เอ่ยขึ้นว่า "หนังสือพวกนี้ไม่รู้ว่ามาจากไหน ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ตระกูลเสิ่นมีอยู่มาโดยตลอด บอกว่าความใหญ่โตของใต้หล้านี้ ไม่มีใครที่ไปถึงชายขอบ ไกลออกไปลึกออกไป จนอาจจะมีอีกโลกหนึ่งอยู่ด้วยก็เป็นได้"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนี่พูดถึงอวกาศหรือจักรวาลคู่ขนานเนี่ยนางเดิมทีก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ แต่เสิ่นเสวียนดูแล้วเหมือนไม่อยากให้นางอ่านหนังสือพวกนี้ นางเองก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรจะไปสืบคนค้นมันพกเขาออกจากหอเก็บหนังสือ นั่งรถม้ากลับมาพูดถึงทางเซียวหลันยวนบ้างหลังจากถูกบริการนำทางมายังห้องหรูหราเรือนด้านหลัง เซียวหลันยวนก็มองเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นั่งอยุ่ตรงข้ามท่านหูเขาชะงักไปท่านหูมองเข้ามาเชิงขอโทษหน่อยๆ"องค์หญิงใหญ่หาข้าเจอ เดาออกถึงตัวตนฐานะของท่านแล้ว บอกว่ามีเรื่องต้องหารือต่อหน้ากับท่าน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน
อ๋องเจวี้ยนพักผ่อนที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอดว่ากันว่า นอกจากสาวใช้สองคนที่ติดตามมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่มีหญิงสาวคนใดอีกยิ่งไปกว่านั้นสาวใช้สองคนนี้ก็แค่คอยดูแลเรื่องยกชาพับผ้าอะไรแบบนี้เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงเรื่องการปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดตอนกลางคืนอ๋องเจวี้ยนพูดคุยกับพวกนางน้อยมาก พูดน้อยมาโดยตลอดเรื่องเหล่านี้ ท่านหูก่อนหน้านี้เคยพูดกับนางไว้แล้วหลังจากได้ยิน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็รู้สึกว่าใจต้นเองเต้นแรงขึ้น"ประสบการณ์ของอ๋องเจวี้ยนกับข้าคล้ายกันเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเสียงอ่อนหวาน มือเรียวขาวของนางยกกาน้ำชาขึ้น เทให้กับเซียวหลันยวน ยกมาไว้ตรงหน้าเขาการเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่นนี้พอนางมาทำ กลับสวยงามราวกับเป็นภาพวาดที่เคลื่อนไหว"ข้าเองก็พักผ่อนอยู่แต่ในสุสานจักรพรรดิตั้งแต่เล็ก ข้างกายมีแค่หมัวมัวไม่กี่คนกับสาวใช้วังอีกสองคนเท่านั้น นอกจากพวกองครักษ์ที่เฝ้าเวรยามซึ่งอยู่ห่างไปหน่อยแล้ว ปกติก็แทบจะไม่ได้เจอผู้ชายเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองๆ เซียวหลันยวน เม้มริมฝีปาก"ดังั้นอันที่จริงข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยกับผู้ชายอย่างไรดี ถ้าหากมีอะไรที่ไม่เหมาะสม อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัยด้
ชิงอีถอนใจโล่งออกมาท่านอ๋อง ควรจะเป็นเช่นนี้ อดทนไว้ จะมาถูกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำลายการป้องกันลงไม่ได้นะ"อ๋องเจวี้ยน ท่านลองดูก่อนว่าคืออะไร"ท่านหูขมวดคิ้ว ท่าทีเช่นนี้ของอ๋องเจวี้ยนดูเกินไปหน่อยไหม?"ไม่จำเป็น""อ๋องเจวี้ยน!"ท่านหูกัดฟัน "ท่านได้ยินเรื่องปาฎิหาริย์ตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอวยพรเมื่อวันก่อนหรือไม่?""ปาฎิหารย์?""นกนับร้อยบินผ่าน ดนตรีสวรรค์ดังแว่ว" ท่านหูตอนนั้นเองก็อยู่ด้วย ดังนั้นตอนที่พูดถึงเรื่องนี้จึงตื่นเต้นขึ้นมา "องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นหญิงสาวที่สวรรค์ปกป้องโดยแท้จริง สูงส่งจนเกินกว่าจะเอ่ยถึง โชครุนแรงอย่างมิอาจต้านทาน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินเขาชมตนเองเช่นนี้ ก็รู้สึกอายขึ้นมาจนต้องก้มหน้า "ท่านหูกล่าวเกินไปแล้ว""ข้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน "ข้าไปดูพวกของเฉินเซียงหน่อยว่าเลือกอาหารแล้วหรือยัง"พูดจบนางก็รีบเดินออกไปท่านหูพอเห็นนางออกไป ก็รู้ว่านางให้จังหวะกับเขาในการคุยกับอ๋องเจวี้ยน จึงรีบบอกอ๋องเจวี้ยนว่า "อ๋องเจวี้ยน ท่านทำไมจึงเย็นชากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้?"เซียวหลันยวนลดสายตาลงท่านหูเอ่ยต่ออย่าง
เซียวหลันยวนมองโสมเซียนค้างฟ้า เสียงใต้หน้ากากยังคงเย็นชา"ข้ามีพระชายาแล้ว""อ๋องเจวี้ยนช่างเขลาเหลือเกิน" ท่านหูรีบพูดขึ้นมา "เรื่องนี้คุยกับองค์หญิงใหญ่อย่างละเอียดได้นี่! ตอนนี้องค์หญิงใหญ่อยู่ในแคว้นต้าชื่อ อันที่จริงก็ลำบากอยู่บ้างแล้ว เจ้าอารามเองก็เคยวิเคราะห์ไว้ องค์หญิงใหญ่คิดจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ ก็ออกหาคนที่มีชะตาต้องกับตนเอง และคนคนนั้นก็คือท่าน"ท่านหูกดเสียงลงต่ำ"องค์จักรพรรดิต้าชื่อที่เอ็นดูองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ ก็เพราะโชคขององค์หญิงใหญ่ แต่ถ้าการเอ็นดูนี้ยิ่งลึกลงไป เกรงว่าคงจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแน่ ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้นางเติบโตขึ้นแล้ว แล้วจะถูกรั้งเอาไว้แต่ในวังลึกแล้วอยู่แต่กับองค์จักรพรรดิได้อย่างไรกัน?"เซียวหลันยวนพอได้ยินคำพูดของท่านหู ดวงตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา"เจ้าอารามเคยทอดถอนใจมาแล้ว กลัวแค่ว่าองค์หญิงใหญฝู่อวิ้นได้รับโชคมา แต่ก็จะพ่ายเพราะโชคเช่นกัน องค์จักรพรรดิไม่มีทางยอมให้นางแต่งงานออกจากวังจักรพรรดิแน่นอน แล้วในวังลึก จะไทเฮาฮองเฮา หรือเหล่าสนมองค์หญิงทั้งหมด ไม่มีใครสักคนที่มีอำนาจกับได้รับความเอ็นดูเท่ากับองค์หญิงใ
เซียวหลันยวนหัวเราะพรืดออกมา "และยิ่งไม่เชื่อเรื่องการคุ้มครองจากสวรรค์อะไรนั่นด้วย ดังนั้นคำพูดนี้ท่านหูทีหลังไม่ต้องพูดแล้วนะ"สวรรค์คุ้มครองอะไรกัน ชะตาต้องกันอะไรกันถ้าให้พูดจริงๆ เขามีชะตาต้องกันกับจาวหนิงต่างหากหลังจากแต่งงานกับจาวหนิง สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืน ตอนแรกที่เขาพิษกำเริบจนตัวเย็นเฉียบ แค่นางมาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นแล้วแล้วมาพูดอะไรสวรรค์คุ้มครอง อย่างฟู่จาวหนิงที่เรียนรู้มาจนวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม นั่นเป็นความสามารถของตนเองต่างหากพิษในร่างกายเขาได้นางมาช่วยแก้ให้ ชีวิตของเขาก็ยืดตามาได้เพราะลูกกลอนบำรุงหัวใจที่นางไปตามหาและสกัดมาให้ พิษคงค้างของเขาก็เป็นโชคดีของนางที่หาเอ็นมังกรหยกจนพบแล้วนำมาแก้ให้แผลเป็นพิษบนหน้าเขาตอนนี้ ก็เป็นฟู่จาวหนิงที่รักษาให้เป็นนางที่ไม่กลัวความน่าเกลียด ไม่รังเกียจความสกปรก คอยล้างแผลให้กับเขาทายาให้เขาอยู่ตลอดถ้าจะบอกว่าที่เขามีชีวิตต่อมาได้ นั่นก็ล้วนเป็นเพราะฟู่จาวหนิงทั้งนั้นต้องมาขอโชคจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเสียที่ไหน?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำอะไรบ้าง? นางทำอะไรได้บ้าง?"อ๋องเจวี้ยน..."ในใจท่านหูรู้สึกไม่ค่อยดี แม้จะไ
ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เสแสร้งเก่งจริงๆ รู้อยู่ว่าคนผู้นี้คือสามีของนาง คืออ๋องเจวี้ยน แล้วยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันอีกคิดจะเล่นตลกกับองค์หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ?จะดูตอนที่องค์หญิงใหญ่เลือกคู่ตอนนั้นแล้วเปิดโปงตัวตนฐานะออกมา แล้วค่อยมาถากถางเยาะเย้ยอย่างนั้นหรือ? ดูมีเจตนาร้ายแอบแฝงจริงๆถูกเสิ่นเซียงบอกว่าตนเองชื่นชมอ๋องเจวี้ยน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เขินอายเล็กน้อย นางก้มหน้าลง เสียงเองก็เบาลง แต่ไม่ได้แย้งคำพูดของเสิ่นเซียงเมื่อครู่เลย แต่ขอโทษกลับมา"อ๋องเจวี้ยน สาวใช้ของข้าไม่รู้จักมารยาท ท่านอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเลย เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักตัวตนของท่าน ถ้าหากรู้ล่ะก็ วันนี้ข้าคงเชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาด้วยแล้ว""ช่างเถอะๆ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว กินข้าวกินข้าว"ท่านหูมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง กังวลหน่อยๆ ว่าเขาจะเอาเรื่องที่ไม่สนใจองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยเมื่อครู่พูดออกมาอีกครั้ง จึงเรียกให้พวกเขามากินข้าวดีกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคีบห่อเส้นเงินชิ้นหนึ่งใส่ไปที่ชามของเซียวหลันยวน"อ๋องเจวี้ยนลองชิมดู นี่เป็นอาหารมังสวิรัตชนิดหนึ่งที่ข้าชอบที่สุด..."คำพู