เสิ่นเสวียนมองนางยิ้มๆ"วันก่อนตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอวยพร บนถนนหลวงมีนกนับร้อยบินผ่าน และยังมีดนตรีสวรรค์ดังแว่ว เรื่องนี้เจ้าเชื่อไหม?"ตอนนั้นฟู่จาวหนิงไม่มีเวลาออกไปดูเลยถ้าจะต้องแย่งไปอยู่แถวหน้าก็สิ้นเปลืองพลังงานไปหน่อย นางขี้เกียจจะไปแย่งและต่อมาก็เห็นแต่คนมากมายดำทมึนไปหมด นางก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะมีนกนับร้อยบินผ่านกับเสียงดนตรีสวรรค์ดังแว่วแบบนี้ล่ะฟังแล้วรู้สึกไม่น่าเชื่อเลย"เป็นเรื่องจริงหรือ?"เสิ่นเสวียนพยักหน้า "นกนับร้อยบินผ่านเป็นเรื่องจริง แต่ว่า คำว่านกนับร้อยก็ดูจะเป็นคำพูดที่เกินจริงไปหน่อย ตอนนั้นประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ดูอย่างละเอียด อันที่จริงก็เป็นแค่นกฝูงหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป็นนกยูงพญาหงส์อะไรแบบนั้น ก็เป็นแค่นกธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไป"ฟู่จาวหนิงเงียบลงมา"แต่จำนวนก็เยอะอยู่ไหม?"ก็น่าจะหลายสิบตัวอยู่กระมัง ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ถ้ามีนกขนาดฝูงนี้บินผ่าน ก็ถือว่าดึงดูดสายตาผู้คนอยู่ พอบวกกับการจงใจแต่งแต้ม มันก็เลยดูเกินจริงขึ้นมา"เรื่องนี้ ใช้วิธีการอะไรเสียหน่อยก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้"ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเกี
ฟู่จาวหนิงฟังคำพูดเขา พอคิดดูมันก็ใช่"ไม่พูดถึงหลันยวน เอาแค่เจ้าก็พอ ซือถูไป๋เหมือนจะหลงเจ้าน่าดูเลยนี่" เสิ่นเสวียนรู้สึกขำขันพอได้ยินชื่อซือถูไป๋ ฟู่จาวหนิงก็เงียบไปทันทีคำพูดแบบนี้ความไม่สบอารมณ์สองส่วนในใจนางนั่นก็สลายหายไปแล้วซือถูไป๋ไม่ว่าจะมีใจให้นางแค่ไหน ถึงอย่างไรใจนางก็ไม่โลเลไปมา เช่นนั้นเซียวหลันยวนเองก็เช่นกัน ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะชอบเขาแค่ไหน นางเองก็ควรจะเชื่อมั่นเซียวหลันยวนและควรจะเชื่อมั่นว่าเซียวหลันยวนจะจัดการได้"ท่านลุงพูดถูกต้อง ข้าไม่กังวลเรื่องนี้แล้ว""ส่วนเจ้าอารามโยวชิง เจ้าสนใจไว้หน่อยก็เรื่องปกติ รู้เขารู้เราน่ะนะ"ดังนั้นพวกเขายังต้องดูว่าเจ้าอารามโยวชิงเป็นคนอย่างไรระหว่างที่คุยกัน รถไม้ก็มาถึงปลายทาง จอดลงมาแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปด้านหลัง รู้สึกว่าทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว รถม้านี้แล่นระยะทางยาวพอควร"ท่านลุง นี่ยังเป็นอาณาเขตของสวนคะนึงอยู่ไหม?"ระยะห่างขนาดนี้ น่าจะออกจากสวนคะนึงแล้วอืม ที่นี่ถึงจะเป็นหอเก็บหนังสือ"เสิ่นเสวียนหลังลงจากรถไม้ก็ยื่นมือไปกดบนกำแพงข้างๆ มีเสียงแกร๊กเบาๆ กำแพงก็สว่างขึ้นมา ส่องให้เห็นประตูเหล
แคว้นตงฉิงมีแร่หินเรืองรอง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่ำรวยได้แล้วแต่ว่า จนถึงปัจจุบัน ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งจะเคยเห็นหินเรืองรองในหอเก็บหนังสือของตระกูลเสิ่นนี่เอง สิ่งนี้อธิบายอะไรได้?หินเรืองรองไม่ได้มีชื่อเสียงขึ้นมานั่นเอง"จากบันทึก เดิมทีควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ตงฉิงจนถึงวันที่ล่มสลายวันนั้น ก็ญังไม่ได้ส่งหินเรืองรองออกมาจำนวนมาก จึงมีเพียงคนบางส่วนที่รู้ หรือบางทีอาจจะมีหินเรืองรองอยู่ปริมาณน้อย"เสิ่นเสวียนไปหยิบตะเกียงน้ำมัน เดินอยู่ระหว่างชั้นหนังสือที่สูงลิบทีละแถวๆ ฟู่จาวหนิงเดินตามเขาอยู่ข้างๆสายตาเหลือบไปยังหนังสือบนชั้นที่สูงลิบเหล่านี้สิ่งที่นางมองเห็น คือความเห็นแปลกใหม่ที่น่าสนใจของแคว้นต่างๆ อักษรบนหนังสือก็มีความแตกต่างกัน น่าจะเป็นอักษรของแต่ละแคว้นฟู่จาวหนิงยังเห็นอักษรของหนานฉือด้วย มีอยู่หลายเล่มเลยดูแล้วหอเก็บหนังสือนี้ยังมีคนคอยจัดระเบียบอยู่"ดังนั้นข้าจึงคาดเดาว่า ตงฉิงในอดีตคงไม่ได้คิดจะเปิดเผยเรื่องหินเรืองรอง ตงฉิงเป็นแคว้นเล็กๆ ประชากรไม่มากนัก และไม่ได้สนใจเรื่องการทหาร ถ้าให้คนอื่นมารู้เรื่องหินเรืองรองเข้า เกรงว่าคงจะกลายเป็นดึงเอาภัยสงครามเข้ามา
ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หนังสือแพทย์มีน้อยจนน่าสงสารเลยทีเดียวสาวตาฟู่จาวหนิงตกไปอยู่บนชั้นหนังสือด้านหลังเขาหนังสือเหล่านั้นดูน่าสนใจขึ้นมา จักรวาลอันยิ่งใหญ่ โลกที่ว่างเปล่า นางเคยอ่านหนังสือทำนองนี้มาแล้วหลายเล่มเสิ่นเสวียนเห็นนางดูหนังสือเหล่านี้ เอ่ยขึ้นว่า "หนังสือพวกนี้ไม่รู้ว่ามาจากไหน ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ตระกูลเสิ่นมีอยู่มาโดยตลอด บอกว่าความใหญ่โตของใต้หล้านี้ ไม่มีใครที่ไปถึงชายขอบ ไกลออกไปลึกออกไป จนอาจจะมีอีกโลกหนึ่งอยู่ด้วยก็เป็นได้"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนี่พูดถึงอวกาศหรือจักรวาลคู่ขนานเนี่ยนางเดิมทีก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ แต่เสิ่นเสวียนดูแล้วเหมือนไม่อยากให้นางอ่านหนังสือพวกนี้ นางเองก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรจะไปสืบคนค้นมันพกเขาออกจากหอเก็บหนังสือ นั่งรถม้ากลับมาพูดถึงทางเซียวหลันยวนบ้างหลังจากถูกบริการนำทางมายังห้องหรูหราเรือนด้านหลัง เซียวหลันยวนก็มองเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นั่งอยุ่ตรงข้ามท่านหูเขาชะงักไปท่านหูมองเข้ามาเชิงขอโทษหน่อยๆ"องค์หญิงใหญ่หาข้าเจอ เดาออกถึงตัวตนฐานะของท่านแล้ว บอกว่ามีเรื่องต้องหารือต่อหน้ากับท่าน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน
อ๋องเจวี้ยนพักผ่อนที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอดว่ากันว่า นอกจากสาวใช้สองคนที่ติดตามมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่มีหญิงสาวคนใดอีกยิ่งไปกว่านั้นสาวใช้สองคนนี้ก็แค่คอยดูแลเรื่องยกชาพับผ้าอะไรแบบนี้เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงเรื่องการปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดตอนกลางคืนอ๋องเจวี้ยนพูดคุยกับพวกนางน้อยมาก พูดน้อยมาโดยตลอดเรื่องเหล่านี้ ท่านหูก่อนหน้านี้เคยพูดกับนางไว้แล้วหลังจากได้ยิน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็รู้สึกว่าใจต้นเองเต้นแรงขึ้น"ประสบการณ์ของอ๋องเจวี้ยนกับข้าคล้ายกันเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเสียงอ่อนหวาน มือเรียวขาวของนางยกกาน้ำชาขึ้น เทให้กับเซียวหลันยวน ยกมาไว้ตรงหน้าเขาการเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่นนี้พอนางมาทำ กลับสวยงามราวกับเป็นภาพวาดที่เคลื่อนไหว"ข้าเองก็พักผ่อนอยู่แต่ในสุสานจักรพรรดิตั้งแต่เล็ก ข้างกายมีแค่หมัวมัวไม่กี่คนกับสาวใช้วังอีกสองคนเท่านั้น นอกจากพวกองครักษ์ที่เฝ้าเวรยามซึ่งอยู่ห่างไปหน่อยแล้ว ปกติก็แทบจะไม่ได้เจอผู้ชายเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองๆ เซียวหลันยวน เม้มริมฝีปาก"ดังั้นอันที่จริงข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยกับผู้ชายอย่างไรดี ถ้าหากมีอะไรที่ไม่เหมาะสม อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัยด้
ชิงอีถอนใจโล่งออกมาท่านอ๋อง ควรจะเป็นเช่นนี้ อดทนไว้ จะมาถูกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำลายการป้องกันลงไม่ได้นะ"อ๋องเจวี้ยน ท่านลองดูก่อนว่าคืออะไร"ท่านหูขมวดคิ้ว ท่าทีเช่นนี้ของอ๋องเจวี้ยนดูเกินไปหน่อยไหม?"ไม่จำเป็น""อ๋องเจวี้ยน!"ท่านหูกัดฟัน "ท่านได้ยินเรื่องปาฎิหาริย์ตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอวยพรเมื่อวันก่อนหรือไม่?""ปาฎิหารย์?""นกนับร้อยบินผ่าน ดนตรีสวรรค์ดังแว่ว" ท่านหูตอนนั้นเองก็อยู่ด้วย ดังนั้นตอนที่พูดถึงเรื่องนี้จึงตื่นเต้นขึ้นมา "องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นหญิงสาวที่สวรรค์ปกป้องโดยแท้จริง สูงส่งจนเกินกว่าจะเอ่ยถึง โชครุนแรงอย่างมิอาจต้านทาน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินเขาชมตนเองเช่นนี้ ก็รู้สึกอายขึ้นมาจนต้องก้มหน้า "ท่านหูกล่าวเกินไปแล้ว""ข้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน "ข้าไปดูพวกของเฉินเซียงหน่อยว่าเลือกอาหารแล้วหรือยัง"พูดจบนางก็รีบเดินออกไปท่านหูพอเห็นนางออกไป ก็รู้ว่านางให้จังหวะกับเขาในการคุยกับอ๋องเจวี้ยน จึงรีบบอกอ๋องเจวี้ยนว่า "อ๋องเจวี้ยน ท่านทำไมจึงเย็นชากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้?"เซียวหลันยวนลดสายตาลงท่านหูเอ่ยต่ออย่าง
เซียวหลันยวนมองโสมเซียนค้างฟ้า เสียงใต้หน้ากากยังคงเย็นชา"ข้ามีพระชายาแล้ว""อ๋องเจวี้ยนช่างเขลาเหลือเกิน" ท่านหูรีบพูดขึ้นมา "เรื่องนี้คุยกับองค์หญิงใหญ่อย่างละเอียดได้นี่! ตอนนี้องค์หญิงใหญ่อยู่ในแคว้นต้าชื่อ อันที่จริงก็ลำบากอยู่บ้างแล้ว เจ้าอารามเองก็เคยวิเคราะห์ไว้ องค์หญิงใหญ่คิดจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ ก็ออกหาคนที่มีชะตาต้องกับตนเอง และคนคนนั้นก็คือท่าน"ท่านหูกดเสียงลงต่ำ"องค์จักรพรรดิต้าชื่อที่เอ็นดูองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ ก็เพราะโชคขององค์หญิงใหญ่ แต่ถ้าการเอ็นดูนี้ยิ่งลึกลงไป เกรงว่าคงจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแน่ ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้นางเติบโตขึ้นแล้ว แล้วจะถูกรั้งเอาไว้แต่ในวังลึกแล้วอยู่แต่กับองค์จักรพรรดิได้อย่างไรกัน?"เซียวหลันยวนพอได้ยินคำพูดของท่านหู ดวงตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา"เจ้าอารามเคยทอดถอนใจมาแล้ว กลัวแค่ว่าองค์หญิงใหญฝู่อวิ้นได้รับโชคมา แต่ก็จะพ่ายเพราะโชคเช่นกัน องค์จักรพรรดิไม่มีทางยอมให้นางแต่งงานออกจากวังจักรพรรดิแน่นอน แล้วในวังลึก จะไทเฮาฮองเฮา หรือเหล่าสนมองค์หญิงทั้งหมด ไม่มีใครสักคนที่มีอำนาจกับได้รับความเอ็นดูเท่ากับองค์หญิงใ
เซียวหลันยวนหัวเราะพรืดออกมา "และยิ่งไม่เชื่อเรื่องการคุ้มครองจากสวรรค์อะไรนั่นด้วย ดังนั้นคำพูดนี้ท่านหูทีหลังไม่ต้องพูดแล้วนะ"สวรรค์คุ้มครองอะไรกัน ชะตาต้องกันอะไรกันถ้าให้พูดจริงๆ เขามีชะตาต้องกันกับจาวหนิงต่างหากหลังจากแต่งงานกับจาวหนิง สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืน ตอนแรกที่เขาพิษกำเริบจนตัวเย็นเฉียบ แค่นางมาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นแล้วแล้วมาพูดอะไรสวรรค์คุ้มครอง อย่างฟู่จาวหนิงที่เรียนรู้มาจนวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม นั่นเป็นความสามารถของตนเองต่างหากพิษในร่างกายเขาได้นางมาช่วยแก้ให้ ชีวิตของเขาก็ยืดตามาได้เพราะลูกกลอนบำรุงหัวใจที่นางไปตามหาและสกัดมาให้ พิษคงค้างของเขาก็เป็นโชคดีของนางที่หาเอ็นมังกรหยกจนพบแล้วนำมาแก้ให้แผลเป็นพิษบนหน้าเขาตอนนี้ ก็เป็นฟู่จาวหนิงที่รักษาให้เป็นนางที่ไม่กลัวความน่าเกลียด ไม่รังเกียจความสกปรก คอยล้างแผลให้กับเขาทายาให้เขาอยู่ตลอดถ้าจะบอกว่าที่เขามีชีวิตต่อมาได้ นั่นก็ล้วนเป็นเพราะฟู่จาวหนิงทั้งนั้นต้องมาขอโชคจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเสียที่ไหน?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำอะไรบ้าง? นางทำอะไรได้บ้าง?"อ๋องเจวี้ยน..."ในใจท่านหูรู้สึกไม่ค่อยดี แม้จะไ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้