ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เสแสร้งเก่งจริงๆ รู้อยู่ว่าคนผู้นี้คือสามีของนาง คืออ๋องเจวี้ยน แล้วยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันอีกคิดจะเล่นตลกกับองค์หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ?จะดูตอนที่องค์หญิงใหญ่เลือกคู่ตอนนั้นแล้วเปิดโปงตัวตนฐานะออกมา แล้วค่อยมาถากถางเยาะเย้ยอย่างนั้นหรือ? ดูมีเจตนาร้ายแอบแฝงจริงๆถูกเสิ่นเซียงบอกว่าตนเองชื่นชมอ๋องเจวี้ยน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เขินอายเล็กน้อย นางก้มหน้าลง เสียงเองก็เบาลง แต่ไม่ได้แย้งคำพูดของเสิ่นเซียงเมื่อครู่เลย แต่ขอโทษกลับมา"อ๋องเจวี้ยน สาวใช้ของข้าไม่รู้จักมารยาท ท่านอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเลย เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักตัวตนของท่าน ถ้าหากรู้ล่ะก็ วันนี้ข้าคงเชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาด้วยแล้ว""ช่างเถอะๆ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว กินข้าวกินข้าว"ท่านหูมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง กังวลหน่อยๆ ว่าเขาจะเอาเรื่องที่ไม่สนใจองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยเมื่อครู่พูดออกมาอีกครั้ง จึงเรียกให้พวกเขามากินข้าวดีกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคีบห่อเส้นเงินชิ้นหนึ่งใส่ไปที่ชามของเซียวหลันยวน"อ๋องเจวี้ยนลองชิมดู นี่เป็นอาหารมังสวิรัตชนิดหนึ่งที่ข้าชอบที่สุด..."คำพู
ฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปด้านนอกผาดหนึ่ง ชิงอีกำลังชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอก พอสบสายตากับนาง จึงหดกลับมาทันทีนี่มันแปลกๆ นะฟู่จาวหนิงตักน้ำแกงให้เขา "ดื่มน้ำแกงก่อน ท่านหูไม่ใช่บอกว่าหารุ่นหลังสาวใช้วังของตงฉิงพบแล้วหรือ? ได้เจอแล้วหรือยัง?""ไม่เลย""เขาโกหกท่านหรือ?""ยังไม่ทันพูดถึงเรื่องนี้"ฟู่จาวหนิงเห็นเซียวหลันยวนเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดต่อ ก็เลยไม่ถามอีก"กินข้าว กินเสร็จพวกเราไปอ่านหนังสือกัน หนังสือที่ท่านลุงให้มา" ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้เริ่มอ่านหนังสือเลย นางเดิมทีคิดจะรอเขากลับมาก่อนแล้วค่อยไปดูหนังสือสามเล่มที่เกี่ยวกับตงฉิงนั่นด้วยกัน"ได้"กินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่จาวหนิงหยิบหนังสือสามเล่มนั้นออกมาเล่มหนึ่งคือตำราของหายากล้ำค่าของตงฉิง ด้านในเขียนถึงผลิตผลที่มีเฉพาะในตงฉิงส่วนหนึ่ง และยังมีเรื่องวิถีชีวิตของผู้คนอีกส่วนหนึ่งด้วยมองออก ว่าตงฉิงนั้นมีผลิตผลที่สมบูรณ์จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นวิถีชีวิตผู้คนก็ยังเรียบง่ายอีกด้วยเรื่องที่แตกต่างจากที่พวกเขารู้มาทั้งหมดที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ ระบบจักรพรรดินีตงฉิงไม่ใช่จะมีจักรพรรดินีอยู่ตลอด แต่เหล่าทายาทของราชวงศ์ตงฉิงนั้นก็ไม
ชิงอีแม้จะปิดปากแล้ว แต่แค่ประโยคนี้คำเดียวฟู่จาวหนิงก็เดาออก"ตอนกลางวันเจอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยหรือ?""อืม"อารมณ์เซียวหลันยวนดีดขึ้นมา เขาตอนนี้ไม่อยากจะเอ่ยถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลย เกี่ยวกับเรื่องที่ชะตาของตนเองถูกกำหนดไว้แล้วชัดเจน และมักจะถูกนำไปโยงกับคนอื่นๆ ทำเอาเขารู้สึกรำคาญมาก"เช่นนั้นข้าก็จะรีบผ่าตัดให้พวกเขา จากนั้นก้รีบออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อเสีย"ฟู่จาวหนิงเองก็มองออกว่าเขาไม่อยากจะพูดต่อไปแล้ว ตนเองจึงหยุดความคิดที่จะถามซักไซ้ไล่เรียงเซียวหลันยวนกลับมาทั้งที่ยังไม่กินข้าว คิดว่าเขาคงจะเลือกไว้แล้ว"ได้"เสิ่นเสวียนยังไม่กลับมา แต่คนในสวนคะนึงก็ได้รับการกำชับจากเขาไว้เรียบร้อย ว่าอะไรก็ให้ฟังฟู่จาวหนิงไว้ก่อนสองวันก่อนให้คนจัดการทำความสะอาดห้องๆ หนึ่งเอาไว้แล้ว ฟู่จาวหนิงก็นำอุปกรณ์ที่จำเป็นเตรียมไว้แล้วเรียบร้อย สืออีสือซษนเองก็เป็นผู่ช่วยชั้นเยี่ยมของนง มีพวกเขาคอยเฝ้าประตู ฟู่จาวหนิงก็วางใจขึ้นมากหลังจากเตรียมเสร็จ ฟู่จาวหนิงก็ไปพบฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยว"ท่านมาแล้ว เตรียมจะรักษาพวกเราแล้วใช่ไหม?"ฟู่จิ้นเชินพอเห็นนางเข้ามา กลับถอนหายใจ
เสิ่นเชี่ยวพอเห็นก็รู้สึกสงสัย "นี่คืออะไรหรือ? ยังต้องมัดพวกเราไว้ด้วยหรือ?""ตอนนี้ยังไม่ต้อง"ฟู่จาวหนิงคิดในใจอีกเดี๋ยวพอข้าทำให้พวกท่านชาไปทั้งตัวแล้ว ยังต้องมามัดอีกทำไมกัน นางก็แค่เผื่อเอาไว้ก่อนเท่านั้น"ท่านคนเดียวรักษาพวกเราสองคนหรือ?" เสิ่นเชี่ยวถามขึ้นมาอีก"ใช่แล้ว""ท่านจะเหนื่อยเกินไปไหม?" เสิ่นเชี่ยวเป็นห่วงนางขึ้นมาสายตาที่มองนางอย่างกังวล ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง"พวกท่านนอนลงบนเตียงเถอะ"ฟู่จิ้นเชินกุมมือภรรยา "ฮูหยินไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ข้างๆ""ได้"เสิ่นเชี่ยวดวงตาเหมือนจะร้องไห้ฟู่จาวหนิงหลังจากที่พวกเขานอนลงไปก็ปิดประตู สืออีสือซานคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกฟู่จาวหนิงทำความสะอาดมือ สวมถุงมือ ให้พวกเขานอนตะแคง ส่วนตนเองก็หยิบยาชาออกมา"ข้าจะฝังเข็มให้พวกเท่านก่อน เช่นนี้พวกท่านจะหลับไป"ทั้งสองคนนอนตะแคง มองไม่เห็นเข็มในมือนางฟู่จาวหนิงฉีดยาชาให้กับพวกเขาอย่างไม่ลังเลรอจนพวกเขาหลับจึงเริ่มงานสิ่งของในหัวของพวกเขานั้น นางทดลองใช้แม่เหล็กดูก่อน ก็ยังไม่สามารถดึงออกมาค่อยได้ ต่อให้จะใช้คีมปากแหลมเบอร์เล็กที่สุด ก็คีบออกมาไม่ได้เหมือนกันกระทั่งว่า ยั
องค์รัชทายาทต้าชื่อคิดใช้โอกาสนี้สังหารอ๋องเจวี้ยนเสียความคิดสังหารต่ออ๋องเจวี้ยนของเขาควบกลั่นไว้นานแล้ว"อ๋องเจวี้ยนถ้าอยู่ที่แคว้นเจา ข้าเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว!"องค์รัชทายาทต้าชื่อคุยกับที่ปรึกษาของเขา ดวงตาดุดัน"ข่าวลือที่ส่งมาจากแคว้นเจา จักรพรรดิแคว้นเจาไม่ยอมให้เขาออกจากแคว้นเจา ดังนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงถือโอกาสแอบหลบหนีมา ปิดบังองค์จักรพรรดิแคว้นเจาไว้ เช่นนั้นเขาคงไม่ได้นำองครักษ์เงามังกรมาด้วย จึงทำได้เพียงแอบปรากฏตัวเท่านั้น""องค์รัชทายาทพูดได้ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่มีคนเปิดเผยออกมา พวกเราก็ยังไม่รู้ว่าจอมยุทธสวมหน้ากากที่ช่วยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ที่ถนนวันนั้นคืออ๋องเจวี้ยน!" ที่ปรึกษาเอ่ยขึ้นมา"เขาต้องมาเพื่อฝูอวิ้นแน่นอน"องค์รัชทายาทต้าชื่อรู้สึกว่าตนเองคาดเดาไม่ผิดถึงอย่างไร คนอย่างฝูอวิ้นใครจะไม่อยากแต่งด้วยกัน?อ๋องเจวี้ยนอยู่ที่แคว้นเจา ก็เป็นเหมือนหนามตำตาของจักรพรรดิแคว้นเจา เขาเองก็ไม่มีแรงช่วยใด แต่ถ้าหากเขาสามารถแต่งกับฝูอวิ้นได้ก็จะต่างไปแล้ว!เขาจะมีแรงช่วยจากต้าชื่อ กระทั่งถ้าอยู่ต่อในแคว้นเจาไม่ได้ เขาก็มาเป็นราชบุตรเขยองค์ห
อันที่จริงองค์รัชทายาทเองก็รู้ความตกต่ำของซ่งอวิ๋นเหยา แต่เขาตอนนี้ไม่มีซ่งอวิ๋นเหยามาพัวพันแล้ว ดังนั้นจึงทำเป็นไม่รู้เรื่อง"ไม่กล้าปิดบังใต้ฝ่าพระบาท""ช่างเถอะ" องค์รัชทายาทแม้ในใจจะไม่ค่อยชอบนัก แต่คิดๆ แล้วจึงถามขึ้นมา "เจ้าคิดว่าซ่งอวิ๋นเหยาตอนนี้ยังมีประโยชน์อะไรหรือ?""ไปบอกนางว่าอ๋องเจวี้ยนมายังต้าชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะมารับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปแต่งงานด้วย คิดแล้วคงไม่ต้องให้ใต้ฝ่าพระบาทลงมือหรอก ซ่งอวิ๋นเหยาก็สามารถไปหาเรื่องพวกเขาได้""เจ้าพูดได้ถูกต้อง"ถึงอย่างไรให้พวกเขาไปกัดกันเอง ท่านคอยดูมหรสพก็พอองค์รัชทายาทคิดๆ แล้วถามขึ้นอีก "ได้ยินว่าฟู่จาวหนิงคนนี้งดงามยิ่งกว่าซ่งอวิ๋นเหยา เทียบเคียงได้กับฝูอวิ้นเลย อันนี้เรื่องจริงไหม?""ใต้ฝ่าพระบาท องค์ชายสองคอยหาวิธีจะเอาฟู่จาวหนิงเข้าไปในจวนอ๋องให้ได้ พระชายาองค์ชายสองไม่ไช่ว่าตั้งครรภ์หรอกหรือ? เขาอยากจะเรียกฟู่จาวหนิงเข้าไปในฐานะแพทย์หญิง ถึงอย่างไรอยู่ใกล้กว่าก็ได้เปรียบนี่นะ" ที่ปรึกษาสองวันนี้ก็ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว"เขาไม่รู้ตัวตนฐานะที่แท้จริงของฟู่จาวหนิงหรือ?""น่าจะยังไม่รู้ ตัวตนฐานะอ๋องเจวี้ยนเพิ่งจ
ครอบครัวนี้กับพระชายาองค์ชายสองถือว่าเป็นญาติกันอยู่ แม้จะไม่ได้สัมพันธ์ใกล้ชิดนัก แต่เพราะตำแหน่งขุนนางที่ท่านผู้เฒ่ามีอยู่นั้นยังมีประโยชน์อยู่ พระชายาองค์ชายสองปกติจึงยังพอไปมาหาสู่กันบ้างพระชายาองค์ชายรองวันนี้ไม่ได้มา นางเดิมทีครรภ์ยังไม่มั่นคง แน่นอนว่าไม่มีทางมาสถานการณ์แบบนี้ แต่องค์ชายสองมาแล้วตอนที่เหอเซี่ยนอันเดินเข้าไปในศาลาตั้งศพ องค์ชายสองก็เพิ่งมาถึงเขาได้ยินคนข้างๆ ร้องขึ้นอย่างตกตะลึง"นี่ นี่ไม่ใช่คุณชายน้อยเหอหรือ?""ขาของคุณชายน้อยเหอทำไมจึงเดินได้แล้วกัน?""ได้ยินว่าจวนผิงเหอกงเชิญหมอเทวดาไปรักษานี่นา"องค์ชายสองพอได้ยินประโยคนี้ จึงค่อยๆ หันหน้ามองมา และก็เห็นเหอเซี่ยนอันเดินเข้ามาจริงๆหมอเทวดา?องค์ชายสองคิดถึงฟู่จาวหนิงขึ้นมาทันทีเขาหลายวันนี้หาตัวฟู่จาวหนิงไม่เจอมาตลอด น่าจะเพราะหาตัวไม่เจอ ดังนั้นจึงยิ่งยึดติด บวกกับพระชายาองค์ชายเองก็ตั้งครรภ์ เขาไปแตะตัวนางไม่ได้เลย จึงยิ่งรู้สึกปรารถนาต่อตัวหญิงสาวขึ้นไปอีก ในหัวเองพอมีเงาของฟู่จาวหนิง พวกอนุภรรยาในเรือนหลังก็ไม่อยู่ในสายตาแล้วแล้วในจวนอ๋องพระชายาองค์ชายสองเองก็จับตามองอย่างเข้มงวด ไม่ยอมให
"เอาล่ะ คนตายไปแล้วก็คืนชีพไม่ได้อีก พวกท่านต่อให้เจ็บปวด แต่จะมาลงบนตัวเหอเซียนอันไม่ได้"องค์ชายสองหลังจากขึ้นไปจุดธูปก็พาเหอเซี่ยนอันออกมาเขามองขาของเหอเซี่ยนอัน "เซี่ยนอัน คนที่รักษาขาให้เจ้าคือหมอเทวดาฟู่หรือ?"เขาไม่กล้ายืนยัน แต่พอคิดถึงเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา จวนผิงเหอกงเชิญหมอที่มีในเมืองหลวงทั้งหมดเข้าไปแล้ว แล้วยังเข้าวังมาอ้อนวอนฝ่ายาทเพื่อขอตัวหมอหลวงอีก ไม่มีใครสักคนที่รักษาจนหายดีได้ดังนั้นตอนนี้คนที่รักษาขาของเขา จะต้องเป็นหมอเทวดาที่มาใหม่จากภายนอกแน่ เขาคิดออกแต่ฟู่จาวหนิงเท่านั้นเหอเซี่ยนอันพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็คิดว่าเขารู้ ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จาวหนิงก็ไม่ได้กำชับไว้ว่าห้ามพูดถึงนาง เขาจึงพยักหน้าให้"ใช่แล้ว หมอเทวดาฟู่เก่งมากเลย"เป็นนางจริงๆ!องค์ชายสองใจเต้น "แล้วหลิวเกาไหลกับหลินต๋าก็เป็นนางที่ช่วยชีวิตเอาไว้หรือ?""องค์ชายสองรู้จักนางด้วยหรือ?"รู้จักสิ ข้ารู้จักนาง" ใจขององค์ชายสองร้อนวาบขึ้นมาแม่นางฟู่เป็นหมอเทวดาจริงๆ ด้วย เช่นนั้นก็ต้องเชิญนางไปที่จวนอ๋องเสียหน่อย "เจ้ารู้ไหมว่านางพักอยู่ที่ใด? ข้ามีเรื่องต้องไหว้วานนาง""ข้าไม่รู้ แต่ว่าส่ง
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้