"หนิงหนิง นี่ก็ดึกแล้ว พักผ่อนก่อนดีไหม?" เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหยิบของลุกขึ้นยืน "ท่านนอนก่อนเถอะ ข้าต้องไปสกัดยาสำหรับเหอเซี่ยนอันอีกครู่หนึ่ง"นางมองตามสายตาเขาไปที่เตียง เข้าใจขึ้นมา"โอ้ ท่านนอนบนเตียงเถอะ"เซียวหลันยวนใจเต้น รู้สึกว่าใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที"ถ้าอย่างนั้นข้ารอเจ้าแล้วกัน?"ตอนที่พูดขาเขาก็เดินไปที่เตียงอย่างควบคุมไม่อยู่ หยิบหมอนของตัวเองขึ้นมาวางไว้ที่หัวเตียงเคียงหมอนฟู่จาวหนิงในใจก็ร้อนวาบขึ้นมาฟู่จาวหนิงที่ความคิดอยู่กับว่าจะสกัดยาอย่างไร พอได้ยินคำพูดเขาก็แย้งมาทันที"ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านเพิ่งจะขับพิษออกไปจนหมด ต้องพักผ่อนให้ดีสิ? ท่านนอนไปก่อนเลย"พูดจบนางก็เดินออกไป ปิดประตูให้ก่อนหน้าที่เขียนอยู่ในนี้นางก็ไม่ทันคิดเยอะ ตอนนี้พอมาคิดว่าเขาต้องนอน นางถึงมีปฏิกิริยาขึ้นมานางไปเขียนที่ห้องข้างๆ ก็ดีแล้วแท้ๆ"ข้าจะรอเจ้ากลับมา"เซียวหลันยวนปลดเข็มขัดชุดคลุมนอกออก นอนไปบนเตียง คลุมผ้าห่ม กระทั่งได้กลิ่นหอมบนตัวฟู่จาวหนิงด้วยเขาลืมตาโพลง กำลังคิดไปว่าอีกเดี๋ยวฟู่จาวหนิงกลับมา จะยื่นหน้าไปจูบนางดีไหม? หรือว่าใช้มือกอดเอวของนาง
"เอา..เอาเลือดออกมา?"องค์หญิงใหญ่พอได้ยินคำนี้ของฟู่จาวหนิงก็ร้องแหลมเสียงสั่น"เจ้าคิดอะไรกัน! อันเอ๋อร์ของข้าพิการมาตั้งขนาดนี้แล้ว ร่างกายเดิมทีก็อ่อนแอ ข้าพยายามให้เขาได้กินเยอะๆ ดื่มเยอะ เพื่อบำรุงร่างกาย แต่นี้เจ้าคิดจะเอาเลือดเขาออกมาหรือ? เอาเลือดเขาออกมาแล้วรักษาได้หรือไรกัน?"เพราะร้อนรนเกินไป ดังนั้นคำพูดขององค์หญิงใหญ่จึงทั้งรีบร้อนทั้งเสียงดังนางกระทั่งคิดจะพุ่งเข้าไปข่วนฟู่จาวหนิงด้วยซ้ำฟู่จาวหนิงรู้สึกรำคาญจริงๆถ้านางมารักษาให้เหอเซี่ยนอันที่นี่ พูดอะไรมาำคหนึ่งก็ต้องมารับมือกับองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ แล้วห้าวันนางจะรักษาเสร็จได้อย่างไรกัน?แค่ฟังเสียงร้องแหลมขององค์หญิงใหญ่ก็แย่แล้ว"ถึงอย่างไร ถ้าคิดจะให้ข้ารักษา ก็ต้องนำเลือดของเขาออกมา พวกท่านคิดให้รอบคอบแล้วกันว่าจะให้ข้ารักษาไหม!"ฟู่จาวหนิงถอยไปก้าวหนึ่ง มองไปทางองค์หญิงใหญ่"แล้วถ้าจะให้ข้ารักษา ตอนที่ข้าอยู่ที่นี่ ก็รบกวนฮูหยินผิงเหอกงไม่ต้องออกมาด้วย! เพราะข้าไม่อยากจะต้องมาถูกตวาดจนปวดหูเป็นระยะก่อนที่จะได้รักษาคนป่วย""เจ้าๆๆ เจ้าบังอาจนัก!"องค์หญิงใหญ่ถูกนางทำให้โมโหเสียแล้วฟู่จาวหนิงคนนี้เป็น
"ฮูหยิน พวกเราออกไปก่อนเถอะ ออกไปกัน" ผิเหอกงพอเห็นนางเหมือนคิดจะพูดอะไร ก็รีบปลอบนางแล้วดึงออกไปเขาเองก็ไม่กล้ามองเหมือนกันคุณหนูรองเหอเองก็หน้าเปลี่ยนสี "ใช้มีดกรีดไปตรงๆ เลยหรือ?"ซู๊ดเหอเซี่ยนอันที่เดิมทียังไม่ค่อยกลัวแต่พอได้ยินคำพูดของพี่สาวก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"วางใจเถอะ ไม่เจ็บมากหรอก ข้าจะทำให้ผิวหนังชาเสียก่อน"ฟู่จาวหนิงหยิบผ้าฝ้ายขาวผืนหนึ่งออกมา เทของเหลวที่เหมือนกับน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็มาทาบนขาของเหอเซี่ยนอัน"เย็นดีจัง" เหอเซี่ยนอันเอ่ยขึ้น"รอสักครู่"ผ่านไปพักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงจึงใช้คมมีดกรีดเบาๆ ไปที่ขาของเขา"เอ๋? ไม่รู้สึกอะไรเลย!"เหอเซี่ยนอันตกตะลึงอย่างมากฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกเสียดายถ้าหากเข็มเจาะเลือดที่ไว้ใช้เจาะของนางเอาออกมาได้ล่ะก็ จะต้องมาใช้วิธีการแบบนี้ทำไม ใช้มีดหรือ? โบราณของแท้แต่ก็ไม่มีทางเลือกคุณหนูรองเหอพอเห็นนางลงมีดจริงๆ ก็หันหน้าออกไป ไม่กล้าจ้องแล้วแต่เหอเซี่ยนอันกลับจ้องเขม็งฟู่จาวหนิงเอาเลือดออกมาเล็กน้อยจากนั้นก็โรยผงยาลงไป เลือดแข็งตัวอย่างรวดเร็วแผลเองก็ไม่ใหญ่ด้วยนางหยิบขวดเล็กลุกขึ้นยืน "สิ่งนี้ข้าต้องวาง
น่าจะเพราะขาพิการมาแล้วปีครึ่ง ตอนนี้จึงรู้สึกว่า จะเป็นอย่างไรก็คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว"ต่อให้ท่านจะบอกว่าขานี้รักษาไม่ได้ ข้าจะยืนไม่ได้อีกทั้งชีวิต ข้า ข้าเองก็ยอมรับแล้ว!"หลังจากเหอเซี่ยนอันพูดคำนี้ ดวงตาก็แดงรื้น ร้องไห้จ้าขึ้นมาฟู่จาวหนิงทั้งโมโหทั้งขบขันพูดว่ากล้าหาญมาก แต่นี่ร้องไห้ขึ้นในพริบตาเลยนะนี่มันกล้าหาญหรือว่าไม่กล้าหาญกันเนี่ย?"ข้าบอกตอนไหนว่ารักษาไม่ได้?""อึก!"เสียงสะอื้นของเหอเซี่ยนอันชะงักไปทันที แต่ก็เก็บไม่อยู่จนส่งเสียงอึกออกมา"รักษาได้ ที่ข้าอยากบอกคือสาเหตุที่ทำให้ขาของเจ้าพิการน่ะ มันน่ากลัวมาก บางทีบอกแล้วมันดูเวทนาอยู่ แต่ข้ารักษาได้"คำพูดของฟู่จาวหนิง ทำให้พวกเขาถลึงตาโตมองนาง"ไม่เข้าใจหรือ?""เข้าใจแล้ว ท่านบอกว่าขาของข้าท่านรักษาได้!" น้ำตาของเหอเซี่ยนอันอาบลงมาอีกครั้งฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้นี่ก็จับจุดสำคัญได้จริงๆ สินะ"ใช่ เจ้าไม่ได้ฟังผิด ข้าต้องยืนยันกับเจ้าก่อน ขาของเจ้าข้ารักษาได้ แต่ก่อนที่จะรักษา พวกเจ้าน่าจะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับขานี้กันแน่กระมัง?"หลังจากถูกฟู่จาวหนิงย้ำมาหลายครั้งว่
แต่ว่าผิงเหอกงอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน"ในเมื่อพวกเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าก็จะพูดความจริงล่ะนะ"ผิงเหอกงมองนางอย่างตึงเครียด "หมอเทวดาฟู่ ท่านพูดเถอะ""ในขาของเหอเซี่ยนอัน มีแมลงพิษชอนไชเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเวลาผ่านมากว่าปีครึ่งแล้ว แต่ว่าแมลงพิษเหล่านี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ กระทั่งยังวางไข่ในเลือดของเขาด้วยซ้ำ""อะไรนะ?!"เสียงขิงผิงเหอกงพุ่งขึ้นสูง สีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว"แมลง..."เหอเซี่ยนอันหน้าซีด ตาเหลือกเป็นลมไปเรียบร้อยคุณหนูรองเหอมองไปที่ขาของเขา ถอยหลังออกไปด้วยสัญชาตญาณ กระทั่งสำรอกแห้งออกมา"โอ๊ก..."ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกนางยังคิดว่าเหอเซี่ยนอันที่พูดอย่างกล้าหาญจะพอรับไหวอยู่ ใครจะคิดว่าเจ้าเด็กนี่กลับเป็นลมล้มตึงไปแล้วนางมองไปทางผิงเหอกง "พิษของแมลงพิษนี้มีบทบาททำให้เส้นประสาทชา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผ่านไปนานจะกัดกร่อนกระดูก ทำให้กระดูกกรอบจนหลุดร่อน พอปล่อยไปนานเข้า กระดูกขาของเขาก็จะพังหมดยับเยิน ถึงตอนนั้นสองขาก็จะพิการไปจริงๆ จะช่วยอย่างไรก็ไม่ได้แล้ว"ผิงเหอกงเสียงสั่นเทา"หรือว่า หรือว่าจะเป็นแมลงกระดูกตาย?""ท่านเคยได้ยินมาหรือ?""พวกนักล่าบางส่วนของต้
"หมอเทวดาฟู่ สิ่งนี้คืออะไรหรือ?""ท่อนกระดูกหมูน่ะ" ฟู่จาวหนิงไม่เปลี่ยนสีหน้าผิงเหอกงถลึงตาอ้าปากค้างเขานึกไม่ถึงเลยว่ารักษาโรคจะต้องใช้กระดูกหมู "แล้วบนกระดูกนั่น...""เป็นยาลับที่ข้าทำขึ้นมา มีแรงดึงดูดเจ้าแมลงพิษพวกนั้นอย่างมาก"นางกรีดขาของเหอเซียนอันออกเป็นแผล แล้วมัดกระดูกหมูชุบยาชิ้นนั้นเอาไว้ที่ข้างๆ แผล จากนั้นก็หยิบเข็มเงินออกมา เริ่มปักลงไปบนขาของเหอเซี่ยนอันพอแทงเข็มเหล่านี้ ก็สามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และยังกระตุ้นให้เส้นประสาทตื่นตัวด้วยจากการปักเข็มลงไปไม่น้อยของนาง แมลงพิษที่อยู่ในขาของเหอเซี่ยนอันก็ไม่อาจอยู่นิ่งได้อีกแล้ว จะถูกบีบให้ขยับตัวขั้นตอนนี้เหอเซี่ยนอันต้องรู้สึกแย่มากแน่นอนตอนที่ชอนไช ยาบนกระดูกหมูนั่นก็จะสำแดงบทบาท แผ่กลิ่นประหลาดที่สามารถดึงดูดแมลงพิษออกมาผิงเหอกงกับคุณหนูรองเหอทั้งสองคนล้วนสีหน้าตึงเครียด กำหมัดแน่น จ้องมองบาดแผลแบบทั้งกลัวทั้งเครียดผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวแต่พวกเขาก็เห็นฟู่จาวหนิงยังคงแทงเข็มต่อไปอย่างสงบ จึงกลั้นหายใจรอต่อไปในที่สุด ตำแหน่งปากแผลก็มีจุดสีแดงดำขยับขยุกขยิกขึ้นมาผิงเหอกงเกือบจ
เมื่อครู่ถือโอกาสช่องว่างที่ผิงเหอกงไปพักหายใจ คุณหนูรองเหอเองก็ไปล้างปากพักผ่อน ที่นี่ไม่มีคน นางจึงใช้อุปกรณ์มาแสกนขาของเหอเซี่ยนอัน และพบว่าไม่มีแมลงเป็นอยู่อีกแล้ว นางจึงถอนใจโล่งออกมาถ้าไม่มีอุปกรณ์นี้ นางเองก็ไม่มีวิธียืนยันว่าไม่มีแมลงเหลือรอดอยู่สักตัวแล้วเหมือนกันตอนนี้พอยืนยันได้ก็วางใจพอเสร็จเรื่อนี้ นางก็จะกลับแล้ว"หมอเทวดาฟู่ พรุ่งนี้ท่านต้องมาอีกนะ!" ผิงเหอกงมาส่งฟู่จาวหนิงถึงหน้าประตูด้วยตนเอง โค้งคารวะให้หลายครั้ง กลัวว่าท่าทีจะไม่ดีพอ จนฟู่จาวหนิงไม่กลับมาอีก"ข้าต้องกรรับไปสกัดยาให้ใหม่ พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะมาอีกครั้ง""ได้เลยได้เลย"ผิงเหอกงหยิบกล่องใบหนึ่งมาจากมือของคนใช้ข้างๆ ประเคนสองมือให้กับฟู่จาวหนิง "นี่คือน้ำใจส่วนหนึ่งของข้า วันนี้ลำบากหมอเทวดาฟู่เสียแล้ว วางใจเถิด เรื่องค่ารักษาถึงเวลาข้าจะมอบให้แน่นอน""นี่คืออะไรหรือ?" ไม่ใช่ค่ารักษาหรอกหรือ?"ลูกเขยคนโตที่ไม่ได้เรื่องของข้าคนนั้นประจำการอยู่ที่เมืองหมาน ทางนั้นมีวัตถุดิบยาบางส่วนที่เมืองหลวงจักรพรรดิทางนี้ไม่มี บอกว่าให้เอาไว้ต้มดื่ม ดีต่อสตรีเพศ พวกเราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ท่านเป็นหมอเทวดา สู้
เสิ่นเสวียนพอได้ยินคำพูดฟู่จาวหนิงก็ชะงักตะลึงไป"นั่นน่าจะเป็นชุดใหม่ที่ส่งไปประจำการเมื่อครึ่งปีก่อน ช่วงครึ่งปีนี้เพราะอาการป่วยของไท่ไท่อาวุโส แม้ข้าจะรู้ว่าคนที่ประจำการเมืองหมานเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปหาข้อมูลอย่างละเอียด"เรื่องนี้ภายหลังเขาเองก็จะไปจัดการเช่นกันแต่เขาก็คิดไม่ถึง ว่าเขายังไม่ทันจะได้ลงมือ ฟู่จาวหนิงทางนี้ก็เหมือนจะหาเส้นสายได้อย่างบังเอิญเข้าเสียแล้วแม่ทัพคนใหม่ที่ส่งไปประจำการยังเมืองหมาน กลับเป็นพี่เขยใหญ่ของเหอเซี่ยนอันเรื่องนี้มีเรื่องบังเอิญแบบนี้ด้วยหรือ?สายตาที่มองฟู่จาวหนิงของผู้อาวุโสจี้ยิ่งเปล่งประกาย"เมื่อครู่ก็พูดอยู่ ว่าโชคของศิษย์รักของข้าดีมากเป็นพิเศษ เป็นคนที่มีโชควาสนา! พวกเจ้าดูเอาก็แล้วกัน แค่อยู่กับนางก็ได้รับโชคติดมาตามตัวแล้วใช่ไหมล่ะ?"นางไปรักษาเหอเซี่ยนอัน ก็ทำให้ได้เถาอมแสงมาให้เซียวหลันยวน สำคัญอย่างมากสำหรับเซียวหลันยวนตอนนี้ แผลเป็นบนหน้าเขาเองก็จะหายเร็วขึ้นด้วยส่วนเสิ่นเสวียนทางนี้ แม้เขาจะไม่รู้ว่าอะไรที่เมืองหมานนั่นใช้อย่างไร แต่ตอนนี้พอฟังแล้ว ก็เหมือนสามารถใช้เส้นสายอย่างเหอเซี่ยนอันได้พอดีเสิ่นเสวียนเองก็
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้