คำพูดที่เสิ่นเสวียนบอก ฟู่จาวหนิงก็ฟังอยู่แต่ว่าตอนนี้ความคิดนางไม่ได้อยู่ที่นี่ เซียวหลันยวนถ้ายังคิดจะหลบหน้าต่อ นางก็จะตัดขาดกับเขาเสีย บอกขอหย่ากับเขาไปเลยตรงๆเพียงแต่ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางก็อยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้พบ จัดการขจัดพิษให้เขาเสียก่อน ให้เขาได้หายดีนี่เป็นความรับผิดชอบต่อคนไข้ของนางและมีเพียงการขจัดพิษของเขาให้หมดเท่านั้น หลังจากนี้หากนางจะจากไปถึงจะจากไปได้อย่างไม่ต้องกังวล การรักษาครึ่งๆ กลางๆ ไม่ใช่ลักษณะของตัวนางกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฟู่จาวหนิงจะกลับไปสกัดยาต่อแล้วนางเริ่มค้นคว้าเรื่องการกำจัดรอยแผลเป็นยังดีที่มีคลังข้อมูลที่สุดยอดอยู่ในห้องเภสัช นางสามารถนำวิทยานิพนธ์กับการค้นคว้าของหมอมีชื่อเสียงด้านนี้ในอดีตมาพลิกอ่านได้ แล้วยังสามารถหาข้อมูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในด้านนี้ได้ด้วยเท่ากับว่านางเริ่มค้นคว้าข้อมูลอีกด้านขึ้นมาแล้วเพื่อเซียวหลันยวนพอเข้าไปในทะเลการค้นคว้า เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วพอถึงช่วงกลางวันที่เสี่ยวชิ่นเข้ามาเรียกนางไปทานข้าวเที่ยว ฟู่จาวหนิงจึงเงยหน้าขึ้นมา และออกมาจากห้องเภสัช ยืดเส้นยืดสายร่างกายเสียหน่อยนั่งมาตลอดทั้งเช้า ร่างกาย
"มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ขอรับ ดังนั้นวันนี้เหล่าประชาชนจึงล้วนชื่นชมกับความเมตตาและทรงคุณธรรมขององค์หญิงใหญ่กัน"ฟู่จาวหนิงคิดๆ นี่น่าจะไม่ใช่เพราะเมื่อวานเกิดเรื่องเหยียบกันขึ้นมา มีคนบาดเจ็บล้มตาย กลัวว่าจะส่งผลกระทบกับความรุ่งโรจน์แห่งโชคลาภขององค์หญิงใหญ่ ดังนั้นนางจึงรับมือออกมาแบบนี้ใช่ไหม?แต่นางก็ส่ายหัวทันทีมาคาดเดาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้ก็เหมือนจะไม่คอ่ยดี บางทีองค์หญิงใหญ่ฝูอิว้นอาจจะเป็นคนที่มีเมตตาทรงคุณธรรมจริงๆ ก็ได้"ในเมื่อได้รับวัตถุดิบยาบางส่วนมา นางทำไมไม่ส่งมอบให้องค์จักรพรรดิไปเลยล่ะ" สืออีไม่ค่อยเข้าใจสือซานเองก็รีบตอบมา "ให้องค์จักรพรรดิไปแล้วจะได้ชื่อเสียงแบบตอนนี้ที่ไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะที่แท้สือซานเองก็คิดเช่นนี้"นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้อาจารย์ไปเข้าร่วม ดังนั้นจึงไม่ได้บอก" ไป๋หู่รู้สึกกังวล "ท่านอาจารย์ตอนนี้อยากจะไปดูหน่อยไหม?""ในเมื่อมีวัตถุดิบยา เช่นนั้นก็ต้องไปดู"ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็จะออกไปหาวัตถุดิบยาอยู่แล้ว ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทางนั้นได้เอ็นมังกรหยกมาพอดีล่ะ?เรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมที
"ชิ่งอวิ๋นเซียวเห็นนางเดินเข้าไป ก็ตามติด"พวกเขาถูกขวางเอาไว้"ป้ายอนุญาตหมอ หมอใหญ่คนหนึ่งพาเข้าไปได้แค่สองคน"ฟู่จาวหนิงหยิบป้ายอนุญาตหมอออกมาป้ายตราสีม่วงชิ้นหนึ่งพอหยิบออกมา คนที่ตรวจสอบป้ายก็ตกตะลึงไป เงยหน้าขึ้นมองฟู่จาวหนิง ท่าทีเปลี่ยนเป็นยิ้มละไมหน้าแป้น"ป้ายอนุญาตหมอสีม่วง หมอเทวดาท่านนี้สกุลใดหรือ?""สกุลหนิง""ผู้อาวุโสหนิง เชิญด้านใน"พอเป็นป้ายอนุญาตสีม่วงการต้อนรับก็ต่างออกไปแล้วฟู่จาวหนิงพาไป๋หู่กับสืออีไปด้วย ให้สือซานรอด้านนอกชิ่งอวิ๋นเซียวร้อง "ท่านลุงท่านพาข้าไปด้วยสิ!"ฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา รีบเดินเข้าไปในโรงหมอใหญ่"ทำไมไม่มีมิตรบ้านคนบ้านเดียวกันเลย? เป็นคนแคว้นเจาด้วยกันแท้ๆ" ชิ่งอวิ๋นเซียวพูดอย่างจนใจกับสือซานสือซานเดินไปข้างๆ ไม่สนใจเขาชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่นี่ ท่านอ๋องจะอยู่ที่นี่ด้วยไหมนะ?พูดจริงๆ สือซานเองก็กังวลหน่อยๆ ถ้าหากท่านอ๋องไม่บอกพระชายา แล้วตรงมาพบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พระชายาต้องโกรธมากแน่ๆยังดีที่เขารอไปพักหนึ่งก็ยังไม่เห็นเซียวหลันยวนท่านอ๋องน่าจะไม่ได้มาแต่เขาไม่รู้ ว่าพอฟู่จาวหนิงขึ้นหอ ก็มองเห็นเซียวหลันยวนในชุดคลุมผ
ยังมีอีกคนหนึ่ง อายุราวสามสิบเจ็ดสามสิบแปด รูปร่างราวต้นหลิว มีผ้าบางปิดใบหน้าฟู่จาวหนิงตอนที่มองไป นางก็กำลังมองมาพอดี สายตาทั้งสองคนประสานกันกลางอากาศพริบตานี้ ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกในใจแปลกประหลาดดวงตาทั้งสองของหญิงสาวคนนั้นราวกับสายน้ำฤดูใบไม้ร่วงอันอุดม เปล่งประกายส่องแสง งดงามจับตานางรู้สึกว่าพอมองดวงตาคู่นี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยหญิงสาวคนนั้นมองๆ นาง จากนั้นก็เอนไปด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปข้างๆ นางๆ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังตบลงเบาๆ ที่บ่าของนาง ราวกับกำลังปลอบโยนชายหนุ่มคนนี้ผอมแห้ง ก้มหน้าอยู่จนไม่เห็นหน้าตาดูแล้วน่าจะเป็นสามีภรรยากันแต่นางก็เอาแต่รู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้ทำเอาใจของนางรู้สึกแปลกๆตอนที่นางเก็บสายตากลับ หางตาก็เหลือบไปเห็นเซียวหลันยวนกำลังมองที่สามีภรรยาคู่นั้นเช่นกันเขาทำไมจึงจับตาสามีภรรยาคู่นั้นกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงขณะที่กำลังคิด ก็มีเสียงหนึ่งดังลอดเข้ามา..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงแล้ว"พอกลิ่นหอมดอกบัวจางๆ ที่เหมือนมีเหมือนไม่มีลอยเข้ามา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เข้ามาแล้วนางอยู่ในชุดวังสีเหลืองอ่อน ใบหน้าขาวสะอาด เดินผ่านเบื้องหน้าคนทั้งหมดไ
ท่านอาจารย์วินิจฉัยไปแล้วด้วยหรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางผู้อาวุโสจี้ รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ แต่พอมองดู นางกลับพบว่าสีหน้าผู้อาวูโสจี้ดูประหลาดนิดๆสีหน้าเขามองไม่เห็นความยินดีอยู่เลย กลับดูมึนงงห่อเหี่ยวเสียด้วยซ้ำ แล้วยังมีโทสะอยู่หน่อยๆนี่มันเกิดอะไรขึ้น?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ถึงทำให้ผู้อาวุโสจี้มีสีหน้าแบบนี้"ผู้อาวุโสจี้วินิจฉัยไปแล้ว วัตถุดิบยาเหล่านี้ล้วนค่อนข้างหายาก มีบางส่วนที่หมอใหญ่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก ดังนั้นข้าจึงพาผู้อาวุโสจี้มาด้วย ถ้าหากทุกท่านมีวัตถุดิบยาที่ไม่รู้จัก หรือข้อสงสัย ก็สามารถขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสจี้ได้เลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูด พลางมองไปทางผู้อาวุโสจี้ภายใต้สายตาให้กำลังใจและวิงวอนของนาง ผู้อาวุโสจี้ลุกขึ้นยืน"ข้าเองก็ไม่กล้าประมาทนัก ถ้าหากทุกท่านมีข้อสงสัยอะไร ก็มาพิจารณาศึกษาร่วมกันเถิด" พอพูดประโยคนี้อย่างหมดเรี่ยวแรง ผู้อาวุโสจี้ก็นั่งลงมาดูแล้วเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆฟู่จาวหนิงพอเห็นก็กังวลหน่อยๆ แล้ว แต่ตอนนี้นางจะไปถามสถานการณ์ให้ชัดเจนข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ก็ลำบาก"ผู้อาวุโสจี้ถ่อมตนจริงๆ"วัตถุดิบยาล้วนถูกยกเข้
วันนี้มารับวัตถุดิบยา หรือว่ามางานอวยคนที่ชื่นชอบกันแน่?และไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นโดนอวยตั้งแต่เด็กจนโตมาแค่ไหน แต่ว่า ถ้ายังพูดต่อไป คงได้ยกย่องนางจนกลายเป็นเทพเจ้าไปแล้วกระมังนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งชายคนนี้ก่อนหน้านี้ไม่มีความอดทนอะไรเลย ต่อให้อยู่ในงานเลี้ยงแคว้นเจา ตอนนั้นที่เลี้ยงต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ เขาเองก็ไม่มีความอดทนเลย ไม่ได้นั่งอยู่นานขนาดนี้ตอนนี้กลับนั่งนิ่ง ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อยหรือจะบอกว่าเขามีความอดทนที่พิเศษต่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือ?"ไม่ได้เกินจริงเลย ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร วัตถุดิบยานั้นนำมารักษาช่วยชีวิตคน แต่ว่าก็มีหมอใหญ่มากันมากมายหลายท่าน วัตถุดิบยาก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องแบ่งอย่างไรให้ยุติธรรม"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไปทางซือถูไป๋"คุณชายซือถูมีคำแนะนำอะไรไหม?"ซือถูไป๋เองก็ดูอดทนมาก นั่งฟังคนเหล่านี้ชมเปราะองค์หญิงใหญ่อยู่ตลอดตอนนี้พอได้ยินนางเรียกชื่อตนเอง ซือถูไป๋ก็คิดๆ เอ่ยขึ้นว่า "เจตนาเดิมขององค์หญิงใหญ่คือจะให้วัตถุดิบยาเหล่านี้มาใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการมันที่สุดใช่ไหม?""ถูกต้อง คุณชายซือถูพูดถู
ฟู่จาวหนิงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกลายมือนี้คุ้นเคยมากพอคิดๆ ในสมองนางก็แล่นวาบขึ้นมา ตกตะลึงไปนี่คล้ายกับอักษรของฟู่จิ้นเชินเลย!เพียงแต่ อักษรตอนนี้ดูจะคมกว่าฟู่จิ้นเชินหน่อยๆ แต่ว่าเส้นโค้งเส้นขีดตรงขอพู่กัน แบบเดียวกับฟู่จิ้นเชินไม่ผิดเพี้ยน!นางใจเต้นผาง มองไปที่ใบหน้าชายหนุ่มถ้าหากเขาโกนหนวดโกนเครา...แล้วหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ นั่น จะใช่ฟู่หลินซื่อไหม?นางสวมผ้าแพรปิดหน้า ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงเห็นหน้านางไม่ชัด แต่สำหรับดวงตา ยิ่งมองก็ยิ่งมีร่องรอยนั่นคล้ายกับเสิ่นเสวียนใจฟู่จาวหนิงเต้นเร็วขึ้น เต้นตึกตัก จะอย่างไรก็สะกดไม่อยู่นางคงไม่ได้มาเจอพ่อกับแม่ที่นี่หรอกกระมัง?"ท่านลุง ท่านทำไมจึงเอาแต่มองพวกเราล่ะ" หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟังแค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกแล้วว่าจะต้องเป็นสาวงามคนหนึ่งฟู่จาวหนิงสะดุ้งโหยง ได้สติกลับมา"ข้าเห็นหมอท่านนี้เขียนหนังสือได้ดีมาก จึงอดมองจนเคลิ้มไปไม่ได้" นางกดเสียงต่ำตอบมาหญิงสาวขมวดคิ้ว น้ำเสียงกลับดูมีความไร้เดียงสาอยู่ "แต่ท่านมองข้าอยู่ตลอดเลยนะ ไม่ได้มองตัวหนังสือของสามีข้าเลย"เรื่องนี้...ทำไมฟังแล้วจึงดูประหลาดห
ฟู่จาวหนิงในใจยังสงสัยอยู่ แต่ก็มองอะไรไม่ออก"หมอใหญ่เจี่ยเป็นคนต้าชื่อหรือ?""คนจากเมืองเล็กๆ ชายขอบน่ะ พาภรรยามาร่วมเทศกาลอวยพรสารทฤดู" หมอใหญ่เจี่ยตอบกลับมาเขาพอถามก็ตอบ มองจุดน่าสงสัยไม่ออกเลยฟู่จาวหนิงยังคิดจะถามต่อ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องเข้ามา สัมผัสได้อย่างแรงกล้านางหันหน้ามองไป ก็สบเข้ากับสายตาเซียวหลันยวนพอดีนางชะงัก ไม่ได้ถอยหนีทันที แต่พยักหน้าให้เล็กน้อย จึงเบนสายตาออกอย่างเป็นธรรมชาติเซียวหลันยวนเอาแต่จับจ้องนางทางนี้ทำไมกัน?ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ในสมองก็เหมือนถูกฟ้าผ่าลงมา นางตบหน้าผากอย่างพ่ายแพ้!นางโง่หรือเปล่า นางตอนนั้นก็ใช้ตัวตนฐานะผู้อาวุโสหนิงไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน เคยพบกับเซียวหลันยวนแล้ว นี่คิดว่าเขาจะมองไม่ออกหรือ?พอคิดถึงจุดนี้ นางก็รู้สึกพ่ายแพ้ กระทั่งไหล่ยังลู่ลงมาในดวงตาเซียวหลันยวนมีรอยยิ้มก่อนหน้านี้ที่เห็นนางคิดว่าไม่มีใครจำตัวเองได้ เขาก็อยากจะหัวเราะแล้ว นางเป็นคนฉลาดแบบนี้ กลับลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปได้แต่ว่า ก่อนหน้านี้เขาก็ยังไม่เห็นฟู่จาวหนิงคนที่เขาจับตามองคือสามีภรรยากลางคนคู่นั้น ตอนที่ฟู่จาวหนิงมาพูดกับพวกเขาจึงได้พ
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม