วันนี้มารับวัตถุดิบยา หรือว่ามางานอวยคนที่ชื่นชอบกันแน่?และไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นโดนอวยตั้งแต่เด็กจนโตมาแค่ไหน แต่ว่า ถ้ายังพูดต่อไป คงได้ยกย่องนางจนกลายเป็นเทพเจ้าไปแล้วกระมังนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งชายคนนี้ก่อนหน้านี้ไม่มีความอดทนอะไรเลย ต่อให้อยู่ในงานเลี้ยงแคว้นเจา ตอนนั้นที่เลี้ยงต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ เขาเองก็ไม่มีความอดทนเลย ไม่ได้นั่งอยู่นานขนาดนี้ตอนนี้กลับนั่งนิ่ง ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อยหรือจะบอกว่าเขามีความอดทนที่พิเศษต่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือ?"ไม่ได้เกินจริงเลย ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร วัตถุดิบยานั้นนำมารักษาช่วยชีวิตคน แต่ว่าก็มีหมอใหญ่มากันมากมายหลายท่าน วัตถุดิบยาก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องแบ่งอย่างไรให้ยุติธรรม"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไปทางซือถูไป๋"คุณชายซือถูมีคำแนะนำอะไรไหม?"ซือถูไป๋เองก็ดูอดทนมาก นั่งฟังคนเหล่านี้ชมเปราะองค์หญิงใหญ่อยู่ตลอดตอนนี้พอได้ยินนางเรียกชื่อตนเอง ซือถูไป๋ก็คิดๆ เอ่ยขึ้นว่า "เจตนาเดิมขององค์หญิงใหญ่คือจะให้วัตถุดิบยาเหล่านี้มาใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการมันที่สุดใช่ไหม?""ถูกต้อง คุณชายซือถูพูดถู
ฟู่จาวหนิงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกลายมือนี้คุ้นเคยมากพอคิดๆ ในสมองนางก็แล่นวาบขึ้นมา ตกตะลึงไปนี่คล้ายกับอักษรของฟู่จิ้นเชินเลย!เพียงแต่ อักษรตอนนี้ดูจะคมกว่าฟู่จิ้นเชินหน่อยๆ แต่ว่าเส้นโค้งเส้นขีดตรงขอพู่กัน แบบเดียวกับฟู่จิ้นเชินไม่ผิดเพี้ยน!นางใจเต้นผาง มองไปที่ใบหน้าชายหนุ่มถ้าหากเขาโกนหนวดโกนเครา...แล้วหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ นั่น จะใช่ฟู่หลินซื่อไหม?นางสวมผ้าแพรปิดหน้า ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงเห็นหน้านางไม่ชัด แต่สำหรับดวงตา ยิ่งมองก็ยิ่งมีร่องรอยนั่นคล้ายกับเสิ่นเสวียนใจฟู่จาวหนิงเต้นเร็วขึ้น เต้นตึกตัก จะอย่างไรก็สะกดไม่อยู่นางคงไม่ได้มาเจอพ่อกับแม่ที่นี่หรอกกระมัง?"ท่านลุง ท่านทำไมจึงเอาแต่มองพวกเราล่ะ" หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟังแค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกแล้วว่าจะต้องเป็นสาวงามคนหนึ่งฟู่จาวหนิงสะดุ้งโหยง ได้สติกลับมา"ข้าเห็นหมอท่านนี้เขียนหนังสือได้ดีมาก จึงอดมองจนเคลิ้มไปไม่ได้" นางกดเสียงต่ำตอบมาหญิงสาวขมวดคิ้ว น้ำเสียงกลับดูมีความไร้เดียงสาอยู่ "แต่ท่านมองข้าอยู่ตลอดเลยนะ ไม่ได้มองตัวหนังสือของสามีข้าเลย"เรื่องนี้...ทำไมฟังแล้วจึงดูประหลาดห
ฟู่จาวหนิงในใจยังสงสัยอยู่ แต่ก็มองอะไรไม่ออก"หมอใหญ่เจี่ยเป็นคนต้าชื่อหรือ?""คนจากเมืองเล็กๆ ชายขอบน่ะ พาภรรยามาร่วมเทศกาลอวยพรสารทฤดู" หมอใหญ่เจี่ยตอบกลับมาเขาพอถามก็ตอบ มองจุดน่าสงสัยไม่ออกเลยฟู่จาวหนิงยังคิดจะถามต่อ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องเข้ามา สัมผัสได้อย่างแรงกล้านางหันหน้ามองไป ก็สบเข้ากับสายตาเซียวหลันยวนพอดีนางชะงัก ไม่ได้ถอยหนีทันที แต่พยักหน้าให้เล็กน้อย จึงเบนสายตาออกอย่างเป็นธรรมชาติเซียวหลันยวนเอาแต่จับจ้องนางทางนี้ทำไมกัน?ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ในสมองก็เหมือนถูกฟ้าผ่าลงมา นางตบหน้าผากอย่างพ่ายแพ้!นางโง่หรือเปล่า นางตอนนั้นก็ใช้ตัวตนฐานะผู้อาวุโสหนิงไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน เคยพบกับเซียวหลันยวนแล้ว นี่คิดว่าเขาจะมองไม่ออกหรือ?พอคิดถึงจุดนี้ นางก็รู้สึกพ่ายแพ้ กระทั่งไหล่ยังลู่ลงมาในดวงตาเซียวหลันยวนมีรอยยิ้มก่อนหน้านี้ที่เห็นนางคิดว่าไม่มีใครจำตัวเองได้ เขาก็อยากจะหัวเราะแล้ว นางเป็นคนฉลาดแบบนี้ กลับลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปได้แต่ว่า ก่อนหน้านี้เขาก็ยังไม่เห็นฟู่จาวหนิงคนที่เขาจับตามองคือสามีภรรยากลางคนคู่นั้น ตอนที่ฟู่จาวหนิงมาพูดกับพวกเขาจึงได้พ
ฟู่จาวหนิงย้ายความสนใจออกจากตัวสามีภรรยาคู่นั้นแต่นางก็กำชับกับสืออีสองสามคำ ให้เขาคอยจับตาดูสองคนนี้ไว้ดีดี อีกเดี๋ยวถ้าพวกเขาออกไปแล้ว ก็ให้สืออีติดตามไปสืออีแม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่กลับฟังการกำชับจากฟู่จาวหนิง พยักหน้าตอบรับฟู่จาวหนิงมองไปทางผู้อาวุโสจี้เขาเขียนวัตถุดิบยาออกมาหลายตัว และในวัตถุดิบยาชนิดสุดท้ายเขาก็หยุดพู่กันลง สีหน้าดูสับสน"องค์หญิงใหญ่ ตอนนั้นข้าบอกกับท่านแล้ว ว่าวัตถุดิบยาชนิดนี้ ข้าไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจน จำได้แค่เหมือนเคยเห็นในคัมภีร์ยาเล่มไหนสักเล่มเท่านั้น แต่คัมภีร์ยานั่นก็ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ยืนยันว่ามันใช่ยาชนิดนั้นหรือไม่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสีหน้าสุภาพเยือกเย็นอ่อนโยน พอได้ยินก็พยักหน้าเบาๆ"ใช่ ข้าจำได้ ลำบากผู้อาวุโสจี้เสียแล้ว วัตถุดิบยาชนิดสุดท้ายนี้ท่านก็ปล่อยไว้ก่อนเถิด อีกเดี๋ญวค่อยดูว่ามีคนรู้จักไหม ถ้าหากมี วัตถุดิบยาชนิดนี้ก็มอบให้เขาไปเลย"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำนี้ สายตาก็ตกไปอยู่บนวัตถุดิบยาชนิดนั้นเอ๋?นางสองวันนี้ไม่ใช่เอาแต่ค้นคว้ากับศึกษาเกี่ยวกับการลบรอยแผลเป็นในคลังข้อมูลอยู่หรือ?ในคลังข้อมูลวัตถุดิบย
สายตาเซียวหลันยวนจับไปบนใบหน้านางลบรอยแผลเป็น?ดังนั้น นี่คือมาหายาเพื่อเขาหรือ?ในใจนาง การช่วยรักษาใบหน้าเขายังคงอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่สุดใช่ไหมนะ?วัตถุดิบยาชนิดสุดท้ายนั่น เมื่อครู่นางดูดีอกดีใจ เพราะว่ามันเป็นยาที่ใบหน้าของเขาใช้ได้หรือเปล่า?"จริงหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นประหลาดใจ "ท่านหมอหนิงมีผู้ป่วยที่บนตัวมีแผลเป็นหรือ?""อืม ใช่แล้ว""เช่นนั้นก็ขออวยพรให้คนป่วยท่านนี้ของท่านหมอหนิงสามารถขจัดได้ด้วยยาแล้วกัน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาพูดจบ นางก็มองไปทางเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็ใส่หน้ากากอยู่ตลอด นางเองก็ไม่รู้ว่าสภาพแท้จริงของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ค่อยจะพูดอะไรกับนางด้วย องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังให้ซือถูไป๋มาช่วยจำแนกยา แต่ที่แปลกก็คือนางรู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยกล้าให้คุณชายคนนี้ทำอะไรสักเท่าไรทั้งที่ตัวตนของนางเองก็ไม่ธรรมดาแท้ๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่าบนตัวเขามีพลังอย่างหนึ่งที่กดหัวของนางไว้นางอยากจะกระชากหน้ากากนั่นของเขาออกมาดูเสียจริงบางที หลังจากเห็นหน้าของเขาแล้วคงจะไม่ทำให้นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขนาดน
คนไม่น้อยพอเห็นว่าฟู่จาวหนิงเป็นหมอใหญ่ที่มาจากแคว้นเจา แล้วยังดูไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่ได้รับวัตถุดิบยาไปมากขนาดนี้ ในใจก็ไม่สมดุลขึ้นเสียแล้วพวกเขาที่นี่มีไม่น้อยที่ค่อนข้างมีชื่อในเมืองหลวงจักรพรรดิ กระทั่งหมอที่อยู่ในโรงหมอใหญ่ฝูอวิ๋นเองก็ยังได้วัตถุดิบยาไปแค่สองชนิดฟู่จาวหนิงเมื่อครู่เองก็ช้าไปหน่อย หลังจากมาถึงก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรกับพวกเขา หลบอยู่แต่ในมุมให้คนมองข้ามตัวตนของนางไปแล้วตอนนี้ถือดีอย่างไรที่จู่ๆ ก็โผล่พรวดพราด แล้วมาเอาวัตถุดิบยาไปตั้งหลายชนิดแบบนี้?โดยเฉพาะชนิดสุดท้ายนั่น ทำไมถึงให้นางไปทั้งหมดล่ะ?ทุกคนเริ่มมีความเห็นกันขึ้นมาทันทีซือถูไป๋กับผู้อาวุโสจี้มองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น รอให้นางตัดสินความเป็นธรรมถึงอย่างไรวิธีการแบ่งยา ก็ถูกยอมรับจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปแล้ว ก่อนหน้าที่พวกเขาจะแบ่งก็ไม่เห็นมีความเห็นอะไรกัน แต่แบ่งเสร็จคือไม่ได้แล้ว?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีสีหน้าลำบากใจ มีทั้งความจำใจและมีทั้งความรู้สึกไม่ได้ทำอะไรผิด"แต่นี่ก็แบ่งกันเสร็จไปแล้วนี่นา" นางเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว"องค์หญิงใหญ่ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ฟังท่านหรอกนะ หลักๆ คือท่านหมอหนิงคนนี้
"ใช่เลยใช่เลย"พวกหมอใหญ่ที่ไม่ได้รับวัตถุดิบยายังรู้สึกไม่ยินยอม ยังทยอยพูดกันขึ้นมาอีก"ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าที่พูดมาแบบนี้ก็ต้องการแบ่งวัตถุดิบยาไปอย่างนั้นสินะ แล้วจะเขียนอาการคนป่วยเพื่ออะไรกัน? กฏที่องค์หญิงใหญ่กำหนด พวกเจ้าตอนนี้คิดจะปฏิเสธทั้งกระดานแล้วหรือไร? วัตถุดิบยาตั้งมากมายขนาดนี้ พวกเจ้าเองก็ไม่มีทางเฉลี่ยให้เท่ากันทุกคนได้หรอก!"ผู้อาวุโสจี้เดือดขึ้นมาต่อให้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นฟู่จาวหนิง แต่เขาก็ทนเจ้าคนพวกนี้ไม่ไหวเหมือนกันกฏที่กำหนดกันดิบดีแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีความเห็นอะไร ตอนหลังก็อย่ามาจุกจิกแบบนี้!"พวกเราไม่ได้ปฏิเสธองค์หญิงใหญ่แน่นอน องค์หญิงใหญ่ถึงอย่างไรก็มีน้ำใจ...""แค่นั้นก็จบแล้วนี่? ก็แค่ให้ท่านหมอหนิงได้วัตถุดิบยาไปก็เอาไปรักษาผู้คนแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว! จะเขาช่วยหรือพวกเจ้าช่วยมันต่างกันตรงไหน?"ซือถูไป๋ตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นบ้าง "ถึงแม้พวกเจ้าหลังจากนี้อาจจะพบกับคนป่วยที่ต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่มี ท่านหมอหนิงในเมื่อพบแล้ว ดังนั้นวัตถุดิบยาเหล่านี้ถ้าต้องรีบนำไปให้กับคนที่ต้องการก็ไม่ผิดอะไร แล้วจะบอกว่าตอนนี้มีคนที่
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกไปแล้วก่อนที่ผู้อาวุโสจี้จะออกไปก็ถลึงตามองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง ทำสัญญาณมือให้สือซานที่อยู่ประตูใหญ่ชั้นล่างพอเห็นอ๋องเจวี้ยนออกไปด้วยกันกับซือถูไป๋และองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ก็งงงันไปแล้วพระชายาไม่ได้ตามลงมา ท่านอ๋องทำไมจึงแยกตัวมากับองค์หญิงใหญ่ล่ะ?ตอนนี้เองเขาถึงขึ้นไปได้ ถึงอย่างไรองค์หญิงใหญ่ก็ออกไปแล้ว สือซานรีบเดินขึ้นไปชั้นบน เห็นไป๋หู่หิ้ววัตถุดิบยากองหนึ่งอยู่ ส่วนฟู่จาวหนิงกลับพูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมหน้าล้อมหลัง พวกเขาก็พูดกันขโมงโฉงเฉง พูดกันแต่เรื่องที่ได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์"ท่านหมอหนิงเป็นหมอเทวดาเลื่องชื่อของแคว้นเจาหรือ?""จะมีชื่อเสียงในแคว้นเจาได้อย่างไรกัน? ถ้ามีชื่อเสียงขนาดนั้นจริง ต้าชื่อของพวกเราก็ต้องเคยได้ยินบ้างสิ ตอนนี้ไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อท่านหมอหนิงมาก่อนเลย หรือท่านหมอนิ่งจะไม่ทำตัวเด่นกัน?""ถ้าไม่ทำตัวเด่นจริงๆ วันนี้ทำไมถึงมาเชิดหน้าที่นี่กันล่ะ?""ก็นั่นน่ะสิ ขนาดวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้ยังยืนยันไม่ได้ ท่านหมอหนิงแค่ปราดเดียวก็บอกชื่อวัตถุดิบยาออกมาได้แล้ว เก่งกาจจริงๆ""ท่านหมอหนิงบอกพวกเราหน่อยสิ ว่าผู้ป่วยคนนั้นของท่านเป็น
ตอนนี้แบ่งข้าวต้มได้คนละชาม ตอนกลางวันข้าวต้มคนละชามกับแป้งนึ่งครึ่งก้อน ก็ถือว่าดีมากแล้วข้าวเย็นก็มีแค่ข้าวต้มชามเดียว"เด็กที่อายุต่ำกว่าสิบขวบ คนแก่ที่อายุหกสิบขึ้นไป สามารถได้เพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วก็พวกเด็กทารกบางส่วน ยังแลกข้าวต้มได้อีกครึ่งชามด้วย"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอธิบายกับฟู่จาวหนิง พวกเขาทำได้ถึงขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว ถึงอย่างไรแรงคนก็ไม่พอนี่นะ"ตอนนี้ร้านรวงในเมือง ก็ยังไม่กล้าจะทำการค้ากันเลย""นี่เพราะอะไร?" อันเหนียนถาม"อย่างเช่นพวกร้านขายซาลาเปา ขายขนมปิ่ง ขายสุระพวกนั้น พอเปิดร้านกลิ่นจะรุนแรงมาก ตอนที่หิวจนตาลายแล้ว ใครจะยังทนไหวกัน? แล้วผู้ประสบภัยพวกนี้ มีเงินพอซื้อกันที่ไหน?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวส่ายหัว "ดังนั้นจึงเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย มีคนขโมยของกิน มีคนใช้วิะีการหลอก ถึงอย่างไรความวุ่นวายต่างๆ ก็เกิดขึ้นตลอด ร้านรวงพวกนั้นจึงไม่กล้าเปิดกันแล้ว"ไม่แปลกที่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวจะอดนอนจนตาแดงก่ำ เรื่องราวมันเยอะมาจนทำเอาเขาไม่ได้พักผ่อนดีดีเลย""ช่วงนี้คนป่วยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ่ท่านลองฟังสิ เสียงที่ดังขึ้นลงสลับกันนี้"ฟู่จาวหนิงได้ยินนานแล
ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"ไม่เอาค่ารักษาจากเจ้าหรอก วางใจเถอะ"นางพูดพลางตรวจสถานการณ์ของเสี่ยวยา พอเห็นว่านางหลับปุ๋ย จับชีพจรแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ จึงถอนใจโล่งพอได้ยินว่าไม่ต้องการค่ารักษาจากพวกเขา ตู้เสี่ยวเฟิงก็ถอนใจโล่ง แต่ก็ยังรู้สึกกระวนกระวาย "หัวของน้องสาวข้าเป็นอะไรมากไหม?""โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก" ฟู่จาวหนิงเห็นดวงตาสุกใสของเขา ก็อดชอบขึ้นมาไม่ได้ เด็กคนนี้ใจสู้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังใจดีมาก นางก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือสักหน่อย"พวกเจ้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน รักษาบาดแผล เอ็นกระดูกเจ้าขาด ขยับมากไม่ได้ มือเองก็หักด้วย ไม่มีคนดูแลก็ไม่ได้อีก"ตู้เสี่ยวเฟิงร้อนรนขึ้นมา "จะให้คนมาดูแลได้อย่างไร? ข้าช่วยทำงานมาชดใช้เงินค่ายาได้!"เขาได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายค่ารักษษก็ยังไม่วางใจ รู้สึกว่าต้องทำอะไรบ้าง"ขอร้องท่านล่ะ ให้น้องข้าได้กินอะไรหน่อย เมื่อวานนางหิวจนเป็นลมไป" ตู้เสี่ยวเฟิงเสียงขืนฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"เมื่อคืนให้นางกินไปแล้ว อยู่ที่นี่แค่ทำให้พวกเจ้าพี่น้องไม่หิวแย่มันก็ทำได้อยู่""ข้าจะช่วยท่านทำงาน ข้ามีมือข้างเดียวก็ได
ดังนั้นพวกเขายังไม่มีเวลานอนเลย"พระชายา วันนี้ตอนเช้า สถานการณ์พี่น้องคู่นั้นตรวจสอบมาแล้ว" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยววางชามลง อธิบายสถานการณ์กับนาง"เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อตู้เสี่ยวเฟิง น้องสาวชื่อตู้เสี่ยวยา พี่น้องคู่นี้พักอยู่ในซอยที่พวกท่านเห็นเมื่อวาน บ้านตระกูลตู้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เวทนาขนาดนั้น ผู้เฒ่าตู้หลายปีก่อนไปช่วยขุดบ่อน้ำ แต่พลาดหกล้มจนตายไป ส่วนยายเฒ่าตู้คืนที่ไปเฝ้าศพก็ถูกลมหนาว ต่อมาก็ล้มป่วย ไม่ถึงครึ่งปีก็จากไป""พ่อแม่ของตู้เสี่ยวเฟิงตอนขึ้นไปตัดฟืนบนเขาก็เกิดเรื่อง ทั้งบ้านเหลือแต่พี่น้องคู่นี้ ไม่มีญาติที่ไหน ก่อหน้านี้ตู้เสี่ยวเฟิงก็วิ่งทำงานไปทั่ว เช่นช่วยคนส่งจดหมาย วิ่งจากต้นเมืองไปท้ายเมือง แบกหามของ ช่วยคนหิ้วน้ำ บางครั้งก็ไปอุทยานนอกเมืองช่วยคนเก็บผลไม้ แลกกับเงินเล็กๆ น้อยๆ ฝืนเลี้ยงตนเองกับน้องสาวมา"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวถอนใจ"ตู้เสี่ยวเฟิงไม่รู้ไปเก็บหมาตัวหนึ่งมาจากไหน เลี้ยงอยู่สามสี่ปี ปกติตอนที่เขาออกไปทำงานก็จะมีหมาตัวนี้อยู่กับตู้เสี่ยวยา เมื่อวานมีคนเห็นหมาตัวนั้น จึงเข้ามาแย่งไป"ฟู่จาวหนิงเข้าใจแล้ว"แย่งหมา เลยทำร้ายคน?"ผู้บริหารท้
"เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เหนื่อยไหม?"อาเหอเองก็กุมมือภรรยา มือของพวกเขาเย็นจนบาดเจ็บ พอกุมไว้แบบนี้ ทั้งสองคนก็รู้สึกเจ็บๆ คันๆ แต่ก็ไม่ทำให้พวกเขาแยกมือจากกันลูกหลับไปแล้ว หลับอย่างสบายแม้จะเป็นแค่ห้องเดียว เตียงหนึ่งให้เด็กกับคนแก่นอน พวกเขาสามีภรรยาปูเสื้อ แต่เช่นนี้ก็ดีมากแล้วตั้งแต่หนีประสบภัยมา พวกเขาลำบากมามาก หลายครั้งที่วนเวียนอยู่ขอบเหวความตาย ดวงใจตึงเกร็งอยู่ตลอด ไม่มีตอนไหนที่ผ่อนคลายได้เลย หนาวเย็นหิวโหยมาตลอดทาง ไม่ได้นอนหลับในห้องอย่างแท้จริงมานานมาก ทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่าเตียงอบอุ่นในห้องที่อบอุ่นนี่ล้ำค่าอย่างมากอาเหอนอนลงมา ทั่วทั้งตัวอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลายสุดๆระหว่างทางเขาต้องปกป้องพ่อแม่ภรรยาและลูก เป็นผู้นำครอบครัว จะอ่อนแอลงไม่ได้เลยแม้แต่น้อยพวกเขาเองก็เคยเจอพวกนักเลงหัวไม้ที่ฉวยโอกาสก่อเรื่องในช่วงภัยพิบัติระหว่างทาง มีหลายคนอุดปากลากภรรยาไปกลางดึก ถ้าไม่ใช่เขาใช้หินทุบหัวหนึ่งในนั้นจนสมองไหล จนคนที่เหลือหนีไปอย่างตกใจ ตอนนี้ภรรยาคงหายไปแล้วหลังจากครั้งนั้น เขาก็ไม่กล้านอนหลับในตอนกลางคืนจริงๆ จังๆแต่ตอนนี้น่าจะนอนได้เสียที"เหนื่อย" อาเหอได้สติก
เซียวหลันยวนยืนมือไว้บนหน้าผาก ถามเขาว่า "เจ้าคิดว่า เจ้าอารามอยู่บนยอดเขาโยวชิงจะเหงาไหม?""หา?" ชิงอีงงงันเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอยู่บนเขามาไม่รู้กี่ปี พวกเขาแม้จะอยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปี แต่ก็ไม่เคยเห็นปัญหานี้มาก่อนดังนั้น ชิงอีจึงไม่รู้คำตอบของคำถามนี้คิดๆแล้ว เขาจึงถามคำถามที่ซ่อนไว้ในใจออกมา "ท่านอ๋อง เจ้าอารามตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?"คำถามนี้อันที่จริงเขาอยากถามมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเซียวหลันยวนเหลือบมองเขา "ข้าเองก็ไม่เคยถาม""ดังนั้นท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามอายุเท่าไรหรือ?""นี่มันสำคัญไหม?""ไม่ ไม่ขอรับ" ชิงอีรีบโบกมือ "ข้าน้อยก็แค่อยากรู้""ออกไปก่อน""่ขอรับ"หลังจากชิงอีออกไป เซียวหลันยวนจึงหยิบจดหมายขึ้น เปิดออกอ่านจดหมายสั้นกระชับ เป็นลักษณะของเจ้าอารามโยวชิงแต่ที่เขียนบนจดหมาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เร่งรีบอะไร"ก่อนเดือนสาม พาภรรยาของเจ้ามาที่ยอดเขาโยวชิงหน่อย"แค่ประโยคเดียวเซียวหลันยวนงงงันพาจาวหนิงไปยอดเขาโยวชิง? มีเรื่องอะไรกัน?พอคิดๆ เซียวหลันยวนจึงเขียนตอบกลับจาวหนิงตอนนี้ไปเมืองเจ้อ หลังจากกลับมายังต้องถามนางอีก ไม่รู้ว่านางจะยอมไปยอดเข
เก๋อมู่กวงหลายวันก่อนตรวจเจอจดหมายจากในแผลของโป๋จีน่าเสียดายที่จุดหมายนั้นชุ่มไปด้วเยลือด อักษรด้านบนอ่านไม่ได้ สืบสวนต่อก็ไม่ได้อะไร โป๋จีแม้จะบอกว่าจดหมายต้องส่งให้ฟู่จาวเฟย แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยแม้แต่น้อย ที่ยืนยันได้ว่าฟู่จาวเฟยสองปีนี้ติดต่อกับราชาเฮ่อเหลียน"ก็มาหาอยู่สองครั้ง"เซียวหลันยวนเองก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ "แต่ก็ถูกข้าไล่กลับไป"ตลกแล้ว ฟู่จาวเฟยอยู่ในจวนอ๋อง ถ้าไม่มีหลักฐาน เขาจะมาเอาตัวคนไปได้อย่างไร?เก๋อมู่กวงคนนี้เองก็รับการกระตุ้นไม่ไหว พอกระตุ้นก็จะพูดผิด ตอนที่เขามาครั้งที่สองก็ถูกผู้ดูแลจงกระตุ้นไปสองคำ โมโหจนฟาดโต๊ะ แต่ผลลัพธ์...ก็ทำโต๊ะนั่นพังแล้วจะปล่อยได้อย่างไร?ดังนั้น เซียวหลันยวนจึงให้คนเข้าวังไปฟ้องทันทีองค์จักรพรรดิพอได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ แต่พอไปถามเก๋อมู่กวง เก๋อมู่กวงก็ยอมรับแล้วเขาเองก็ไม่กล้าไม่ยอมรับ เพราะนี่เป็นเรื่องจริง แต่เขาพูดเรื่องที่เขาถูกผู้ดูแลจวนอ๋องเจวี้ยนกระตุ้นจนเลือดขึ้นหัวจึงอดรนทนไม่ไหวได้หรือ?เขาทำไม่ได้ เขาที่เป็นแค่รองแม่ทัพคนหนึ่ง แต่กล้าไปอาละวาดในจวนอ๋องเจวี้ยน นี่ก็ถือว่าละเมิดเบื้องสูงแล้วด
"ให้เสี่ยวยากิน ค่อยๆ กิน กินของวางชิ้นหนึ่งก่อน ตอนนี้อากาศเย็น รอข้าวเย็นเสร็จก่อนแล้วค่อยกินข้าวนะ" ฟู่จาวหนิงลูบหัวนางเบาๆเสี่ยวเยว่ยื่นของว่างชิ้นหนึ่งเข้ามาเสี่ยวยารับไปแบบใจตุ้มต่อม มองของว่างชิ้นนั้นแล้วก็ร้องไห้ขึ้นมา จากนั้นจึงมองไปทางพี่ชาย"ข้าอยากให้พี่ตื่นขึ้นมา แล้วให้พี่ชายกิน..."ของว่างดีดีแบบนี้ นางได้กลิ่นหอมหวานแล้ว นางจะกินเองไม่ได้ ต้องเหลือไว้ให้พี่ชาย"รอพี่ชายเจ้าตื่นก็ยังมีอีก เจ้ากินเถอะ"เสี่ยวเยว่รีบปลอบนางฟู่จิ้นเชินเองก็หาไม้กระดานกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงเริ่มทายาพันแผลให้เด็กหนุ่มทันที ขึ้นไม้กระดาน พลางบอกจุดที่ต้องระวังกับฟู่จิ้นเชินสืออีกไป๋หูก็ฟังอยู่ข้างๆ เผื่อนำไปใช้ได้เสี่ยวยาตอนนี้จึงเพิ่งสังเกตเห็นอย่างตกใจ เสื้อผ้าบนตัวพี่ชายเปลี่ยนไปแล้ว สวมใส่ชุดที่สะอาดเอี่ยมทั้งตัวนางเองก็ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู แล้วก้มลงมองตัวเอง จึงพบว่าตัวเองก็เปลี่ยนชุดใหม่แล้วเหมือนกันเป็นชุดผ้าฝ้ายที่อุ่นมากนางมองงงๆ ไปทางฟู่จาวหนิงอีกครั้ง แล้วนางก็บอกว่านางไม่ใช่พี่สาวนางฟ้า!ไม่ใช่พี่สาวนางฟ้า แล้วทำไมถึงให้เสื้อผ้าใหม่กับนางและพี่ชายล่ะ?เสี่ยวยาร
พอเห็นแผลนี้ ก็เป็นไปได้มากว่าสมองจะกระทบกระเทือน แผลน่าจะสองวันแล้ว ทนมาได้อย่างไรกันนี่?นางกับเสี่ยวเยว่ช่วยกันล้างแผลให้แม่นางน้อย ทายา พันผ้าไว้หลังจากเสื้อผ้าส่งเข้ามา ก็จัดแจงเปลี่ยนให้กับเด็กทั้งสองคนสืออีดึงผ้ากั้นแยกทั้งสองคนไว้ พวกเขาเปลี่ยนให้เด็กหนุ่ม ส่วนทางนี้ ฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเยว่เปลี่ยนให้แม่นางน้อยพวกเขาไม่ใช่แค่มีแผลเต็มตัว แต่ทั้งตัวยังหนาวเย็น บวกกับเสื้อผ้าที่ทั้งบางทั้งขาด เต็มไปด้วยรอยเย็บมากมาย กระทั่งยังมีกลิ่น"คุณหนู เสื้อผ้าสองชุดนีต้องเผาไหม?" เสี่ยวเยว่ถามฟู่จาวหนิงเหลือบมอง "วางไว้ด้านนอกก่อน รอพวกเขาตื่นแล้วค่อยถามพวกเขา"ผ้าเผื่อนี่เป็นเสื้อผ้าสุดท้ายที่พ่อแม่พวกนางทำไว้ให้ล่ะ? ต่อให้จะขาดจะเก่าจะสกปรก แต่สำหรับพวกเขาอาจจะล้ำค่ามากก็ได้เสี่ยวเยว่พยักหน้านางมองฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าคุณหนูเป็นคนที่ละเอียดและจิตใจดีมากฟู่จาวหนิงจัดการแผลให้แม่นางน้อยเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงท้องของนางร้องขึ้นมา จากนั้นจึงเป็นเสียงโครกครากต่อเนื่องอีกครั้ง"หิวมากเลย""ใต้เท้าอันให้คนไปทำกับข้าวแล้ว ข้าไปเอาของวางมาให้ก่อน" เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงพย
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเดิมทียังคิดว่าผ่านการเร่งเดินทางมาหลายวัน บวกกับพอเข้าเมืองเจ้อก็เห็นสภาพแบบนี้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนน่าจะหน้าซีดเซียว สีเหน้าตึงเครียดเป็นกังวล แต่คิดไม่ถึง ว่าที่เขาเห็นจะเป็นฟู่จาวหนิงที่เคร่งขรึม แต่ไม่ได้ร้อนรนและตึงเครียดสีหน้านางยังคงดีมาก ท่วงท่าบุคลิกก็ไม่ธรรมดา จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนหญิงสาวอ่อนหวานที่ถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวเล็กที่ตกอับตามที่ลือกันเลยผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเก็บความรู้สึกดูถูกลงไปทันทีเดิมทีเขายังคิดว่า พระชายาสูงส่งคนหนึ่งวิ่งแจ้นเข้ามาที่แบบนี้ ไม่ใช่ยังต้องจ่ายเงินแรงคนออกมาปกป้องรึ? น่าจะเป็นคนที่เวลาเดินทาง จะต้องมีองครักษ์มากมายติดตาม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้เขารู้สึกคาดหวังมากคิดอยากจะเห็นว่าฟู่จาวหนิงจะทำอะไรได้"พระชายา!"ฟู่จาวหนิงกำลังจะให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเล่าเรื่องสภาพผู้ประสบภัยเมืองเจ้อ พวกของสืออีก็รีบร้อนเข้ามาแล้ว"เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปเด็กคนนี้กำลังถูกทุบตี ส่วนแม่นางน้อยคนนี้เป็นน้องสาวนาง ที่ท้ายทอยมีแผล" สืออีรีบบอกออกมาอย่างชัดเจนฟู่จาวหนิงดูอยู่ครู่เดียว "เอาพวกเขาไปในห้องโถง เสี่ยวเยว่ กล่องยา"