ฟู่จาวหนิงย้ายความสนใจออกจากตัวสามีภรรยาคู่นั้นแต่นางก็กำชับกับสืออีสองสามคำ ให้เขาคอยจับตาดูสองคนนี้ไว้ดีดี อีกเดี๋ยวถ้าพวกเขาออกไปแล้ว ก็ให้สืออีติดตามไปสืออีแม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่กลับฟังการกำชับจากฟู่จาวหนิง พยักหน้าตอบรับฟู่จาวหนิงมองไปทางผู้อาวุโสจี้เขาเขียนวัตถุดิบยาออกมาหลายตัว และในวัตถุดิบยาชนิดสุดท้ายเขาก็หยุดพู่กันลง สีหน้าดูสับสน"องค์หญิงใหญ่ ตอนนั้นข้าบอกกับท่านแล้ว ว่าวัตถุดิบยาชนิดนี้ ข้าไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจน จำได้แค่เหมือนเคยเห็นในคัมภีร์ยาเล่มไหนสักเล่มเท่านั้น แต่คัมภีร์ยานั่นก็ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ยืนยันว่ามันใช่ยาชนิดนั้นหรือไม่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสีหน้าสุภาพเยือกเย็นอ่อนโยน พอได้ยินก็พยักหน้าเบาๆ"ใช่ ข้าจำได้ ลำบากผู้อาวุโสจี้เสียแล้ว วัตถุดิบยาชนิดสุดท้ายนี้ท่านก็ปล่อยไว้ก่อนเถิด อีกเดี๋ญวค่อยดูว่ามีคนรู้จักไหม ถ้าหากมี วัตถุดิบยาชนิดนี้ก็มอบให้เขาไปเลย"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำนี้ สายตาก็ตกไปอยู่บนวัตถุดิบยาชนิดนั้นเอ๋?นางสองวันนี้ไม่ใช่เอาแต่ค้นคว้ากับศึกษาเกี่ยวกับการลบรอยแผลเป็นในคลังข้อมูลอยู่หรือ?ในคลังข้อมูลวัตถุดิบย
สายตาเซียวหลันยวนจับไปบนใบหน้านางลบรอยแผลเป็น?ดังนั้น นี่คือมาหายาเพื่อเขาหรือ?ในใจนาง การช่วยรักษาใบหน้าเขายังคงอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่สุดใช่ไหมนะ?วัตถุดิบยาชนิดสุดท้ายนั่น เมื่อครู่นางดูดีอกดีใจ เพราะว่ามันเป็นยาที่ใบหน้าของเขาใช้ได้หรือเปล่า?"จริงหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นประหลาดใจ "ท่านหมอหนิงมีผู้ป่วยที่บนตัวมีแผลเป็นหรือ?""อืม ใช่แล้ว""เช่นนั้นก็ขออวยพรให้คนป่วยท่านนี้ของท่านหมอหนิงสามารถขจัดได้ด้วยยาแล้วกัน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาพูดจบ นางก็มองไปทางเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็ใส่หน้ากากอยู่ตลอด นางเองก็ไม่รู้ว่าสภาพแท้จริงของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ค่อยจะพูดอะไรกับนางด้วย องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังให้ซือถูไป๋มาช่วยจำแนกยา แต่ที่แปลกก็คือนางรู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยกล้าให้คุณชายคนนี้ทำอะไรสักเท่าไรทั้งที่ตัวตนของนางเองก็ไม่ธรรมดาแท้ๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่าบนตัวเขามีพลังอย่างหนึ่งที่กดหัวของนางไว้นางอยากจะกระชากหน้ากากนั่นของเขาออกมาดูเสียจริงบางที หลังจากเห็นหน้าของเขาแล้วคงจะไม่ทำให้นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขนาดน
คนไม่น้อยพอเห็นว่าฟู่จาวหนิงเป็นหมอใหญ่ที่มาจากแคว้นเจา แล้วยังดูไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่ได้รับวัตถุดิบยาไปมากขนาดนี้ ในใจก็ไม่สมดุลขึ้นเสียแล้วพวกเขาที่นี่มีไม่น้อยที่ค่อนข้างมีชื่อในเมืองหลวงจักรพรรดิ กระทั่งหมอที่อยู่ในโรงหมอใหญ่ฝูอวิ๋นเองก็ยังได้วัตถุดิบยาไปแค่สองชนิดฟู่จาวหนิงเมื่อครู่เองก็ช้าไปหน่อย หลังจากมาถึงก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรกับพวกเขา หลบอยู่แต่ในมุมให้คนมองข้ามตัวตนของนางไปแล้วตอนนี้ถือดีอย่างไรที่จู่ๆ ก็โผล่พรวดพราด แล้วมาเอาวัตถุดิบยาไปตั้งหลายชนิดแบบนี้?โดยเฉพาะชนิดสุดท้ายนั่น ทำไมถึงให้นางไปทั้งหมดล่ะ?ทุกคนเริ่มมีความเห็นกันขึ้นมาทันทีซือถูไป๋กับผู้อาวุโสจี้มองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น รอให้นางตัดสินความเป็นธรรมถึงอย่างไรวิธีการแบ่งยา ก็ถูกยอมรับจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปแล้ว ก่อนหน้าที่พวกเขาจะแบ่งก็ไม่เห็นมีความเห็นอะไรกัน แต่แบ่งเสร็จคือไม่ได้แล้ว?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีสีหน้าลำบากใจ มีทั้งความจำใจและมีทั้งความรู้สึกไม่ได้ทำอะไรผิด"แต่นี่ก็แบ่งกันเสร็จไปแล้วนี่นา" นางเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว"องค์หญิงใหญ่ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ฟังท่านหรอกนะ หลักๆ คือท่านหมอหนิงคนนี้
"ใช่เลยใช่เลย"พวกหมอใหญ่ที่ไม่ได้รับวัตถุดิบยายังรู้สึกไม่ยินยอม ยังทยอยพูดกันขึ้นมาอีก"ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าที่พูดมาแบบนี้ก็ต้องการแบ่งวัตถุดิบยาไปอย่างนั้นสินะ แล้วจะเขียนอาการคนป่วยเพื่ออะไรกัน? กฏที่องค์หญิงใหญ่กำหนด พวกเจ้าตอนนี้คิดจะปฏิเสธทั้งกระดานแล้วหรือไร? วัตถุดิบยาตั้งมากมายขนาดนี้ พวกเจ้าเองก็ไม่มีทางเฉลี่ยให้เท่ากันทุกคนได้หรอก!"ผู้อาวุโสจี้เดือดขึ้นมาต่อให้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นฟู่จาวหนิง แต่เขาก็ทนเจ้าคนพวกนี้ไม่ไหวเหมือนกันกฏที่กำหนดกันดิบดีแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีความเห็นอะไร ตอนหลังก็อย่ามาจุกจิกแบบนี้!"พวกเราไม่ได้ปฏิเสธองค์หญิงใหญ่แน่นอน องค์หญิงใหญ่ถึงอย่างไรก็มีน้ำใจ...""แค่นั้นก็จบแล้วนี่? ก็แค่ให้ท่านหมอหนิงได้วัตถุดิบยาไปก็เอาไปรักษาผู้คนแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว! จะเขาช่วยหรือพวกเจ้าช่วยมันต่างกันตรงไหน?"ซือถูไป๋ตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นบ้าง "ถึงแม้พวกเจ้าหลังจากนี้อาจจะพบกับคนป่วยที่ต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่มี ท่านหมอหนิงในเมื่อพบแล้ว ดังนั้นวัตถุดิบยาเหล่านี้ถ้าต้องรีบนำไปให้กับคนที่ต้องการก็ไม่ผิดอะไร แล้วจะบอกว่าตอนนี้มีคนที่
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกไปแล้วก่อนที่ผู้อาวุโสจี้จะออกไปก็ถลึงตามองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง ทำสัญญาณมือให้สือซานที่อยู่ประตูใหญ่ชั้นล่างพอเห็นอ๋องเจวี้ยนออกไปด้วยกันกับซือถูไป๋และองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ก็งงงันไปแล้วพระชายาไม่ได้ตามลงมา ท่านอ๋องทำไมจึงแยกตัวมากับองค์หญิงใหญ่ล่ะ?ตอนนี้เองเขาถึงขึ้นไปได้ ถึงอย่างไรองค์หญิงใหญ่ก็ออกไปแล้ว สือซานรีบเดินขึ้นไปชั้นบน เห็นไป๋หู่หิ้ววัตถุดิบยากองหนึ่งอยู่ ส่วนฟู่จาวหนิงกลับพูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมหน้าล้อมหลัง พวกเขาก็พูดกันขโมงโฉงเฉง พูดกันแต่เรื่องที่ได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์"ท่านหมอหนิงเป็นหมอเทวดาเลื่องชื่อของแคว้นเจาหรือ?""จะมีชื่อเสียงในแคว้นเจาได้อย่างไรกัน? ถ้ามีชื่อเสียงขนาดนั้นจริง ต้าชื่อของพวกเราก็ต้องเคยได้ยินบ้างสิ ตอนนี้ไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อท่านหมอหนิงมาก่อนเลย หรือท่านหมอนิ่งจะไม่ทำตัวเด่นกัน?""ถ้าไม่ทำตัวเด่นจริงๆ วันนี้ทำไมถึงมาเชิดหน้าที่นี่กันล่ะ?""ก็นั่นน่ะสิ ขนาดวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้ยังยืนยันไม่ได้ ท่านหมอหนิงแค่ปราดเดียวก็บอกชื่อวัตถุดิบยาออกมาได้แล้ว เก่งกาจจริงๆ""ท่านหมอหนิงบอกพวกเราหน่อยสิ ว่าผู้ป่วยคนนั้นของท่านเป็น
เขาอยากจะพูดอะไรดีดีแทนท่านอ๋องเสียหน่อย แต่ก็พูดไม่ออก การแสดงออกหลายวันนี้ของท่านอ๋องแย่มากจริงๆ ถ้าเขาเป็นพระชายา เขาคงโกรธไปแล้วฟู่จาวหนิงโบกไม้โบกมือ "ช่างเขาเถอะ"นางตอนนี้สนใจต่อ "หมอเจี่ย" กับฮูหยินของเขามากเหลือเกิน!แม้ในใจจะสงสัยอยู่หน่อยๆ แต่นางก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะฟู่จิ้นเชินไม่ใช่หมอ เขาไม่เคยเรียนวิชาแพทย์ด้วยซ้ำ"เอ๋?"สือซานจู่ๆ ก็ชะงัก เพราะเขาเาห็นสืออีเดินเข้ามาจากด้านหน้า"มีอะไรหรือ?""สืออีกลับมาแล้ว" สือซานโบกมือไปทางสืออีสืออีวิ่งมาอย่างรวดเร็ว"พวกเขาหายไปแล้ว" เขาก้มหน้าลง ตอนที่พูดประโยคนี้ใบหน้าก็ร้อนผ่าว ละอายใจเพราะหมอเจี่ยกับภรรยาทั้งสองคนที่ดูแล้วผอมแห้งแรงน้อย ไม่มีพลังยุทธ์อะไรเลย แต่กลับสลัดเขาหลุดมาได้!พูดออกไปคงได้ทำลายบารมีของจวนอ๋องเจวี้ยนป่นปี้พี่ใหญ่จงเจี้ยนถ้ารู้เข้าก็ไม่รู้ว่าจะเดือดดาลแค่ไหนก่อนหน้านี้ติดตามพระชายาไม่ทันก็เรื่องหนึ่งแล้ว ตอนนี้แค่คู่สามีภรรยากลางคนที่ผอมแห้งแรงน้อยก็ยังตามไม่ทัน"ตามไม่ทันหรือ?" ฟู่จาวหนิงเองก็ประหลาดใจ "พวกเขาพบตัวเจ้าหรือไรกัน?""ข้า ข้ากระทั่งไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาพบตัวข้
ไม่ว่าอย่างไร ตัวคนก็ยังต้องไปหาอยู่เสิ่นเสวียนส่งคนส่วนใหญ่ออกไปคนหาร่องรอยสองสามีภรรยาทันทีเพียงไม่นานก็มีคนมารายงาน บอกว่าถามตามโรงหมอร้านยามาหลายที่ ก็ยังไม่ได้ยินเรื่องของหมอเจี่ยคนนี้เลย"เขาบอกว่ามาจากเมืองชายแดนเล็กๆ เช่นนั้นในเมืองจักรพรรดิก็น่าจะไม่มีคนรู้จักจริงๆ""ในเมื่อมาจากที่อื่น ดูสภาพแล้วยังลำบากอยู่หน่อยๆ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องคอยหาสถานที่พักตลอด ไม่เป็นไร ให้คนไปจับตาดูโรงเตี๊ยมทั้งเมืองไว้ ต้องหาพวกเขาให้พบให้ได้""ถ้าโรงเตี๊ยมยังไม่เจอ ก้ไปหาข่าวดูว่ามีบ้านปล่อยให้เช่าไหม อาจจะไม่ใช่บ้านที่สภาพแวดล้อมดีมาก"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่านางไม่ได้มองผิด ชีวิตที่ลำบากของสามีภรรยาคู่นั้นไม่น่าจะแต่งเติมขึ้นมา ดูจากทั้งสองคนแล้วเหมือนอาหารการกินก็ไม่ได้บำรุงดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะหมอเจี่ยยิ่งไปวก่นั้นเสื้อผ้าของหมอเจี่ยยังไม่เข้ากับรูปร่างด้วย อธิบายได้ว่าน่าจะหยิบยืมมาชั่วคราวถ้าเป็นเสื้อผ้าของตนเอง เสื้อผ้านั้นก็มีเนื้อผ้าที่ธรรมดามากๆ ดูเหมือนจะผ่านการซักมานานแล้ว ชีวิตของพวกเขาคงไม่ได้สุขสบายนัก"ได้ ไม่ต้องรีบร้อน จะอย่างไรก็ต้องหาพบแน่" เสิ่นเสวียนปลอบนาง"คุณลุง
"ไปหาข่าวมาแล้ว จักรพรรดิอันที่จริงไม่อยากให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งออกไป องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นวันนี้อยู่ด้วยกันกับซือถูไป๋ คนในเมืองหลวงกำลังคาดเดาว่านางน่าจะเลือกซือถูไป๋""อยู่ด้วยกันกับซือถูไป๋? แล้วเซียวหลันยวนไปไหนล่ะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดเขาตอนกลางวันไม่ได้ตามพวกเขาไปที่โรงสุราหรือ?"ไม่รู้สิ ไม่มีคนเห็นเขาเลย"เสิ่นเสวียนถอนหายใจ "จาวหนิง อ๋องเจวี้ยนปกติทำตัวลึกลับอย่างนี้กับเจ้าหรือ?"มาถึงต้าชื่อ แต่ก็ไม่ค่อยจะคุยกับฟู่จาวหนิงเลย นี่มันอะไรกัน?"ข้าเองก็ไม่ค่อยอยากจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไร""เช่นนั้นก็ไม่พูดถึงเขาแล้ว แล้วก็ องค์ชายสองก็เอาแต่ส่งคนมาตามหาเจ้า""องค์ชายสอง?""องค์ชายสองในกลุ่มราชวงศ์ต้าชื่อ ถือว่าเป็นคนที่มีสายตาดีอยู่ ทำการทำงานก็หนักแน่น จิตใจก็ไม่ได้โหดเหี้ยม"ฟู่จาวหนิงมองเขา เสิ่นเสวียนพูดแบบนี้มาหมายความว่าอย่างไร?หรือคิดจะยืนอยู่ฝั่งองค์ชายสอง?"ผิวเผินแล้วความสัมพันธ์ของเขากับองค์รัชทายาทดูไม่เลว แต่อันที่จริง องค์ชายสองก็คอยหาโอกาสเพิ่มพลังให้แก่ตนเองอยู่ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นองค์ชายสองก็เคยแสดงความปรารถนาดีกับพวกเราเหมือนกัน""แล้วองค์
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้