ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เสิ่นฉยงก็จะยิ่งลบความผิดได้ยากขึ้นน่ะสิ แล้วกลับมาที่บ้านตระกูลเสิ่นได้ยากขึ้นไปอีกมิน่าเสิ่นเสวียนวันนี้สีหน้าถึงปั้นยากนัก"ใช่แล้ว"เสิ่นเสวียนคีบซาลาเปาลูกหนึ่งให้นาง "ยังไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เรื่องนี้มีข้าอยู่นะ เจ้ากินข้าวเช้าไปก่อนเถอะ""จากที่ท่านลุงเห็น ลุงคนโตเป็นไปได้ไหม...""ไม่มีทาง"เสิ่นเสวียนยังไม่ฟังนางพูดจนจบ ก็ปฏิเสธออกมาแล้ว"ข้าเองก็ไม่ได้จะบอกว่าท่านลุงคนโตจะทำเรื่องอะไร แต่จะบอกว่าเขามีแผนการจะช่วยตัวเองหรือเปล่า เข้าน่าจะอยากกลับบ้านตระกูลเสิ่นมากกระมัง"ถ้าหากเสิ่นฉยงทำเรื่องอะไรไป แม้จะไม่ใช่เพื่อรับมือกับองค์จักรพรรดิ แต่แค่จะเพื่อลบล้างความผิด ทว่าหากลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิ ก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกมองเป็นความผิดนักฆ่าพูดชื่อเมืองหมานออกมา ถ้าหากมีปฏิบัติการอะไรที่เชื่อมเข้ากับเสิ่นฉยงขึ้นมา เช่นนั้นเสิ่นฉยงก็จะยิ่งล้างความผิดไม่ได้อีกถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิเดิมทีก็ไม่อยากให้เขากลับมาอยู่แล้วเป็นไปได้มากว่าตอนนั้นกระทั่งชีวิตก็คงจะหาไม่ด้วย"เข้าไม่ทำหรอก" เสิ่นเสวียนส่ายหัว "เจ้าไม่เข้าใจตัวลุงคนโตของเจ้า เขาไม่ใช่คนเช่นนั้
คำพูดที่เสิ่นเสวียนบอก ฟู่จาวหนิงก็ฟังอยู่แต่ว่าตอนนี้ความคิดนางไม่ได้อยู่ที่นี่ เซียวหลันยวนถ้ายังคิดจะหลบหน้าต่อ นางก็จะตัดขาดกับเขาเสีย บอกขอหย่ากับเขาไปเลยตรงๆเพียงแต่ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางก็อยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้พบ จัดการขจัดพิษให้เขาเสียก่อน ให้เขาได้หายดีนี่เป็นความรับผิดชอบต่อคนไข้ของนางและมีเพียงการขจัดพิษของเขาให้หมดเท่านั้น หลังจากนี้หากนางจะจากไปถึงจะจากไปได้อย่างไม่ต้องกังวล การรักษาครึ่งๆ กลางๆ ไม่ใช่ลักษณะของตัวนางกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฟู่จาวหนิงจะกลับไปสกัดยาต่อแล้วนางเริ่มค้นคว้าเรื่องการกำจัดรอยแผลเป็นยังดีที่มีคลังข้อมูลที่สุดยอดอยู่ในห้องเภสัช นางสามารถนำวิทยานิพนธ์กับการค้นคว้าของหมอมีชื่อเสียงด้านนี้ในอดีตมาพลิกอ่านได้ แล้วยังสามารถหาข้อมูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในด้านนี้ได้ด้วยเท่ากับว่านางเริ่มค้นคว้าข้อมูลอีกด้านขึ้นมาแล้วเพื่อเซียวหลันยวนพอเข้าไปในทะเลการค้นคว้า เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วพอถึงช่วงกลางวันที่เสี่ยวชิ่นเข้ามาเรียกนางไปทานข้าวเที่ยว ฟู่จาวหนิงจึงเงยหน้าขึ้นมา และออกมาจากห้องเภสัช ยืดเส้นยืดสายร่างกายเสียหน่อยนั่งมาตลอดทั้งเช้า ร่างกาย
"มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ขอรับ ดังนั้นวันนี้เหล่าประชาชนจึงล้วนชื่นชมกับความเมตตาและทรงคุณธรรมขององค์หญิงใหญ่กัน"ฟู่จาวหนิงคิดๆ นี่น่าจะไม่ใช่เพราะเมื่อวานเกิดเรื่องเหยียบกันขึ้นมา มีคนบาดเจ็บล้มตาย กลัวว่าจะส่งผลกระทบกับความรุ่งโรจน์แห่งโชคลาภขององค์หญิงใหญ่ ดังนั้นนางจึงรับมือออกมาแบบนี้ใช่ไหม?แต่นางก็ส่ายหัวทันทีมาคาดเดาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้ก็เหมือนจะไม่คอ่ยดี บางทีองค์หญิงใหญ่ฝูอิว้นอาจจะเป็นคนที่มีเมตตาทรงคุณธรรมจริงๆ ก็ได้"ในเมื่อได้รับวัตถุดิบยาบางส่วนมา นางทำไมไม่ส่งมอบให้องค์จักรพรรดิไปเลยล่ะ" สืออีไม่ค่อยเข้าใจสือซานเองก็รีบตอบมา "ให้องค์จักรพรรดิไปแล้วจะได้ชื่อเสียงแบบตอนนี้ที่ไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะที่แท้สือซานเองก็คิดเช่นนี้"นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้อาจารย์ไปเข้าร่วม ดังนั้นจึงไม่ได้บอก" ไป๋หู่รู้สึกกังวล "ท่านอาจารย์ตอนนี้อยากจะไปดูหน่อยไหม?""ในเมื่อมีวัตถุดิบยา เช่นนั้นก็ต้องไปดู"ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็จะออกไปหาวัตถุดิบยาอยู่แล้ว ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทางนั้นได้เอ็นมังกรหยกมาพอดีล่ะ?เรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมที
"ชิ่งอวิ๋นเซียวเห็นนางเดินเข้าไป ก็ตามติด"พวกเขาถูกขวางเอาไว้"ป้ายอนุญาตหมอ หมอใหญ่คนหนึ่งพาเข้าไปได้แค่สองคน"ฟู่จาวหนิงหยิบป้ายอนุญาตหมอออกมาป้ายตราสีม่วงชิ้นหนึ่งพอหยิบออกมา คนที่ตรวจสอบป้ายก็ตกตะลึงไป เงยหน้าขึ้นมองฟู่จาวหนิง ท่าทีเปลี่ยนเป็นยิ้มละไมหน้าแป้น"ป้ายอนุญาตหมอสีม่วง หมอเทวดาท่านนี้สกุลใดหรือ?""สกุลหนิง""ผู้อาวุโสหนิง เชิญด้านใน"พอเป็นป้ายอนุญาตสีม่วงการต้อนรับก็ต่างออกไปแล้วฟู่จาวหนิงพาไป๋หู่กับสืออีไปด้วย ให้สือซานรอด้านนอกชิ่งอวิ๋นเซียวร้อง "ท่านลุงท่านพาข้าไปด้วยสิ!"ฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา รีบเดินเข้าไปในโรงหมอใหญ่"ทำไมไม่มีมิตรบ้านคนบ้านเดียวกันเลย? เป็นคนแคว้นเจาด้วยกันแท้ๆ" ชิ่งอวิ๋นเซียวพูดอย่างจนใจกับสือซานสือซานเดินไปข้างๆ ไม่สนใจเขาชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่นี่ ท่านอ๋องจะอยู่ที่นี่ด้วยไหมนะ?พูดจริงๆ สือซานเองก็กังวลหน่อยๆ ถ้าหากท่านอ๋องไม่บอกพระชายา แล้วตรงมาพบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พระชายาต้องโกรธมากแน่ๆยังดีที่เขารอไปพักหนึ่งก็ยังไม่เห็นเซียวหลันยวนท่านอ๋องน่าจะไม่ได้มาแต่เขาไม่รู้ ว่าพอฟู่จาวหนิงขึ้นหอ ก็มองเห็นเซียวหลันยวนในชุดคลุมผ
ยังมีอีกคนหนึ่ง อายุราวสามสิบเจ็ดสามสิบแปด รูปร่างราวต้นหลิว มีผ้าบางปิดใบหน้าฟู่จาวหนิงตอนที่มองไป นางก็กำลังมองมาพอดี สายตาทั้งสองคนประสานกันกลางอากาศพริบตานี้ ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกในใจแปลกประหลาดดวงตาทั้งสองของหญิงสาวคนนั้นราวกับสายน้ำฤดูใบไม้ร่วงอันอุดม เปล่งประกายส่องแสง งดงามจับตานางรู้สึกว่าพอมองดวงตาคู่นี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยหญิงสาวคนนั้นมองๆ นาง จากนั้นก็เอนไปด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปข้างๆ นางๆ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังตบลงเบาๆ ที่บ่าของนาง ราวกับกำลังปลอบโยนชายหนุ่มคนนี้ผอมแห้ง ก้มหน้าอยู่จนไม่เห็นหน้าตาดูแล้วน่าจะเป็นสามีภรรยากันแต่นางก็เอาแต่รู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้ทำเอาใจของนางรู้สึกแปลกๆตอนที่นางเก็บสายตากลับ หางตาก็เหลือบไปเห็นเซียวหลันยวนกำลังมองที่สามีภรรยาคู่นั้นเช่นกันเขาทำไมจึงจับตาสามีภรรยาคู่นั้นกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงขณะที่กำลังคิด ก็มีเสียงหนึ่งดังลอดเข้ามา..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงแล้ว"พอกลิ่นหอมดอกบัวจางๆ ที่เหมือนมีเหมือนไม่มีลอยเข้ามา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เข้ามาแล้วนางอยู่ในชุดวังสีเหลืองอ่อน ใบหน้าขาวสะอาด เดินผ่านเบื้องหน้าคนทั้งหมดไ
ท่านอาจารย์วินิจฉัยไปแล้วด้วยหรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางผู้อาวุโสจี้ รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ แต่พอมองดู นางกลับพบว่าสีหน้าผู้อาวูโสจี้ดูประหลาดนิดๆสีหน้าเขามองไม่เห็นความยินดีอยู่เลย กลับดูมึนงงห่อเหี่ยวเสียด้วยซ้ำ แล้วยังมีโทสะอยู่หน่อยๆนี่มันเกิดอะไรขึ้น?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ถึงทำให้ผู้อาวุโสจี้มีสีหน้าแบบนี้"ผู้อาวุโสจี้วินิจฉัยไปแล้ว วัตถุดิบยาเหล่านี้ล้วนค่อนข้างหายาก มีบางส่วนที่หมอใหญ่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก ดังนั้นข้าจึงพาผู้อาวุโสจี้มาด้วย ถ้าหากทุกท่านมีวัตถุดิบยาที่ไม่รู้จัก หรือข้อสงสัย ก็สามารถขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสจี้ได้เลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูด พลางมองไปทางผู้อาวุโสจี้ภายใต้สายตาให้กำลังใจและวิงวอนของนาง ผู้อาวุโสจี้ลุกขึ้นยืน"ข้าเองก็ไม่กล้าประมาทนัก ถ้าหากทุกท่านมีข้อสงสัยอะไร ก็มาพิจารณาศึกษาร่วมกันเถิด" พอพูดประโยคนี้อย่างหมดเรี่ยวแรง ผู้อาวุโสจี้ก็นั่งลงมาดูแล้วเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆฟู่จาวหนิงพอเห็นก็กังวลหน่อยๆ แล้ว แต่ตอนนี้นางจะไปถามสถานการณ์ให้ชัดเจนข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ก็ลำบาก"ผู้อาวุโสจี้ถ่อมตนจริงๆ"วัตถุดิบยาล้วนถูกยกเข้
วันนี้มารับวัตถุดิบยา หรือว่ามางานอวยคนที่ชื่นชอบกันแน่?และไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นโดนอวยตั้งแต่เด็กจนโตมาแค่ไหน แต่ว่า ถ้ายังพูดต่อไป คงได้ยกย่องนางจนกลายเป็นเทพเจ้าไปแล้วกระมังนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งชายคนนี้ก่อนหน้านี้ไม่มีความอดทนอะไรเลย ต่อให้อยู่ในงานเลี้ยงแคว้นเจา ตอนนั้นที่เลี้ยงต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ เขาเองก็ไม่มีความอดทนเลย ไม่ได้นั่งอยู่นานขนาดนี้ตอนนี้กลับนั่งนิ่ง ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อยหรือจะบอกว่าเขามีความอดทนที่พิเศษต่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือ?"ไม่ได้เกินจริงเลย ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร วัตถุดิบยานั้นนำมารักษาช่วยชีวิตคน แต่ว่าก็มีหมอใหญ่มากันมากมายหลายท่าน วัตถุดิบยาก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องแบ่งอย่างไรให้ยุติธรรม"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไปทางซือถูไป๋"คุณชายซือถูมีคำแนะนำอะไรไหม?"ซือถูไป๋เองก็ดูอดทนมาก นั่งฟังคนเหล่านี้ชมเปราะองค์หญิงใหญ่อยู่ตลอดตอนนี้พอได้ยินนางเรียกชื่อตนเอง ซือถูไป๋ก็คิดๆ เอ่ยขึ้นว่า "เจตนาเดิมขององค์หญิงใหญ่คือจะให้วัตถุดิบยาเหล่านี้มาใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการมันที่สุดใช่ไหม?""ถูกต้อง คุณชายซือถูพูดถู
ฟู่จาวหนิงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกลายมือนี้คุ้นเคยมากพอคิดๆ ในสมองนางก็แล่นวาบขึ้นมา ตกตะลึงไปนี่คล้ายกับอักษรของฟู่จิ้นเชินเลย!เพียงแต่ อักษรตอนนี้ดูจะคมกว่าฟู่จิ้นเชินหน่อยๆ แต่ว่าเส้นโค้งเส้นขีดตรงขอพู่กัน แบบเดียวกับฟู่จิ้นเชินไม่ผิดเพี้ยน!นางใจเต้นผาง มองไปที่ใบหน้าชายหนุ่มถ้าหากเขาโกนหนวดโกนเครา...แล้วหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ นั่น จะใช่ฟู่หลินซื่อไหม?นางสวมผ้าแพรปิดหน้า ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงเห็นหน้านางไม่ชัด แต่สำหรับดวงตา ยิ่งมองก็ยิ่งมีร่องรอยนั่นคล้ายกับเสิ่นเสวียนใจฟู่จาวหนิงเต้นเร็วขึ้น เต้นตึกตัก จะอย่างไรก็สะกดไม่อยู่นางคงไม่ได้มาเจอพ่อกับแม่ที่นี่หรอกกระมัง?"ท่านลุง ท่านทำไมจึงเอาแต่มองพวกเราล่ะ" หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟังแค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกแล้วว่าจะต้องเป็นสาวงามคนหนึ่งฟู่จาวหนิงสะดุ้งโหยง ได้สติกลับมา"ข้าเห็นหมอท่านนี้เขียนหนังสือได้ดีมาก จึงอดมองจนเคลิ้มไปไม่ได้" นางกดเสียงต่ำตอบมาหญิงสาวขมวดคิ้ว น้ำเสียงกลับดูมีความไร้เดียงสาอยู่ "แต่ท่านมองข้าอยู่ตลอดเลยนะ ไม่ได้มองตัวหนังสือของสามีข้าเลย"เรื่องนี้...ทำไมฟังแล้วจึงดูประหลาดห
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่