หรือว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวความตายกัน?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นั่นเป็นคนที่พระพุทธเจ้าปกป้องเลยนะ!ยังมีคนบางส่วน ที่คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ ซึ่งก็คือคนที่เกิดเรื่องเหยียบกันขึ้นมาในวันนี้นั่นเองครั้งนี้บาดเจ็บไปยี่สิบเอ็ดคน ตายไปแล้วสองคน ยังเหลืออีกเจ็ดคนบาดเจ็บหนักจวนทางการแน่นอนว่าต้องเข้ามาดูแลคนเหล่านี้ ตอนนี้คนเหล่านี้ทั้งหมดรับไปอยู่ในโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ส่งหมอใหญ่ที่ดีหน่อยไปคอยดูแลในโรงหมอเองก็หลับกันไม่ลงคนเหล่านี้ไม่ค่อยพูดถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ที่พวกเขาพูดกันมากหน่อยคือคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาวันนี้"ข้าตอนนั้น ข้าตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายแล้ว ต่อมาแม่นางคนนั้น คนที่สวมหน้ากาก นางก็ประคองข้าขึ้นมา ใช้เข็มแทงไปที่หน้าอกข้าสองเข็ม แล้วก็เหมือนลมมันระบายออกทันที ข้าถึงหายใจได้ขึ้นมา!"มีประชาชนที่เจ็บน้อยหน่อยบอกสถานการณ์ตอนนั้นกับคนที่บ้านพวกคนที่เจ็บน้อยหน่อยล้วนอยู่ในห้องเดียวกัน เตียงหลายเตียงรวมอยู่ด้วยกัน นอนกันไม่หลับ เอาแต่พูดคุยกับคนในบ้านที่ได้รับแจ้งให้มาดูแล"ใช่ใช่ใช่ ข้าเองก็ด้วย ข้าตอนนั้นคอข้าบิด ถูกคนทับล
ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดว่าตนเองจะตื่นไว ถึงอย่างไรก็ห่างกันไปครึ่งปีแล้วเพิ่งกลับมานอนร่วมห้องกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจะอย่างไรก็คงหลับไม่ลึกนักคิดไม่ถึงว่าตอนนางลืมตาขึ้นมา ด้านนอกฟ้าก็สว่างโล่งเสียแล้วนอนหลับแบบนี้ลึกกว่าที่นางนอนตามปกติเสียอีกนางเหมือนคิดอะไรออก ลุกลงจากเตียงทันที เหลือบมองไปยังแคร่นิ่มทางนั้นผ้าห่มถูกพับไว้อย่างดีตรงนั้น เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ไม่เห็นเงาเซียวหลันยวนเลยฟู่จาวหนิงร้องเรียกขึ้นมา "เสี่ยวชิ่น?"เสี่ยวชิ่นผลักประตูเข้ามาทันที"คุณหนู ท่านตื่นแล้ว?""เขาล่ะ?""อ๋องเจวี้ยนหรือ? ข้าน้อยก็ไม่รู้ ข้าน้อยตอนเช้าตรูเข้ามา ท่านอ๋องก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว"นางรู้ว่าเซียวหลันยวนไม่อยู่ในห้อง เพราะประตูแง้มไว้อยู่ นางมองเข้าไปด้านใน ขณะที่กำลังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้านในไหม สืออีก็เข้ามาบอกว่า ท่านอ๋องตื่นแล้วนางเองก็ไม่กล้าถามอะไรมากเช่นนั้นเมื่อคืนนี้อ๋องเจวี้ยนก็น่าจะนอนอยู่ในห้องคุณหนูกระมังเสี่ยวชิ่นเห็นผ้าห่มบนแคร่นิ้ม ก็คาดเดา อ๋องเจวี้ยนเมื่อคืนคงไม่ได้นอนอยู่บนแคร่นิ่มนี้ใช่ไหม? อ๋องเจวี้ยนตัวสูงเสียขนาดนั้น แคร่นี้ก็ไม่ได้ยาวนัก ถ้าเขานอนท
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เสิ่นฉยงก็จะยิ่งลบความผิดได้ยากขึ้นน่ะสิ แล้วกลับมาที่บ้านตระกูลเสิ่นได้ยากขึ้นไปอีกมิน่าเสิ่นเสวียนวันนี้สีหน้าถึงปั้นยากนัก"ใช่แล้ว"เสิ่นเสวียนคีบซาลาเปาลูกหนึ่งให้นาง "ยังไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เรื่องนี้มีข้าอยู่นะ เจ้ากินข้าวเช้าไปก่อนเถอะ""จากที่ท่านลุงเห็น ลุงคนโตเป็นไปได้ไหม...""ไม่มีทาง"เสิ่นเสวียนยังไม่ฟังนางพูดจนจบ ก็ปฏิเสธออกมาแล้ว"ข้าเองก็ไม่ได้จะบอกว่าท่านลุงคนโตจะทำเรื่องอะไร แต่จะบอกว่าเขามีแผนการจะช่วยตัวเองหรือเปล่า เข้าน่าจะอยากกลับบ้านตระกูลเสิ่นมากกระมัง"ถ้าหากเสิ่นฉยงทำเรื่องอะไรไป แม้จะไม่ใช่เพื่อรับมือกับองค์จักรพรรดิ แต่แค่จะเพื่อลบล้างความผิด ทว่าหากลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิ ก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกมองเป็นความผิดนักฆ่าพูดชื่อเมืองหมานออกมา ถ้าหากมีปฏิบัติการอะไรที่เชื่อมเข้ากับเสิ่นฉยงขึ้นมา เช่นนั้นเสิ่นฉยงก็จะยิ่งล้างความผิดไม่ได้อีกถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิเดิมทีก็ไม่อยากให้เขากลับมาอยู่แล้วเป็นไปได้มากว่าตอนนั้นกระทั่งชีวิตก็คงจะหาไม่ด้วย"เข้าไม่ทำหรอก" เสิ่นเสวียนส่ายหัว "เจ้าไม่เข้าใจตัวลุงคนโตของเจ้า เขาไม่ใช่คนเช่นนั้
คำพูดที่เสิ่นเสวียนบอก ฟู่จาวหนิงก็ฟังอยู่แต่ว่าตอนนี้ความคิดนางไม่ได้อยู่ที่นี่ เซียวหลันยวนถ้ายังคิดจะหลบหน้าต่อ นางก็จะตัดขาดกับเขาเสีย บอกขอหย่ากับเขาไปเลยตรงๆเพียงแต่ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางก็อยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้พบ จัดการขจัดพิษให้เขาเสียก่อน ให้เขาได้หายดีนี่เป็นความรับผิดชอบต่อคนไข้ของนางและมีเพียงการขจัดพิษของเขาให้หมดเท่านั้น หลังจากนี้หากนางจะจากไปถึงจะจากไปได้อย่างไม่ต้องกังวล การรักษาครึ่งๆ กลางๆ ไม่ใช่ลักษณะของตัวนางกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฟู่จาวหนิงจะกลับไปสกัดยาต่อแล้วนางเริ่มค้นคว้าเรื่องการกำจัดรอยแผลเป็นยังดีที่มีคลังข้อมูลที่สุดยอดอยู่ในห้องเภสัช นางสามารถนำวิทยานิพนธ์กับการค้นคว้าของหมอมีชื่อเสียงด้านนี้ในอดีตมาพลิกอ่านได้ แล้วยังสามารถหาข้อมูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในด้านนี้ได้ด้วยเท่ากับว่านางเริ่มค้นคว้าข้อมูลอีกด้านขึ้นมาแล้วเพื่อเซียวหลันยวนพอเข้าไปในทะเลการค้นคว้า เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วพอถึงช่วงกลางวันที่เสี่ยวชิ่นเข้ามาเรียกนางไปทานข้าวเที่ยว ฟู่จาวหนิงจึงเงยหน้าขึ้นมา และออกมาจากห้องเภสัช ยืดเส้นยืดสายร่างกายเสียหน่อยนั่งมาตลอดทั้งเช้า ร่างกาย
"มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ขอรับ ดังนั้นวันนี้เหล่าประชาชนจึงล้วนชื่นชมกับความเมตตาและทรงคุณธรรมขององค์หญิงใหญ่กัน"ฟู่จาวหนิงคิดๆ นี่น่าจะไม่ใช่เพราะเมื่อวานเกิดเรื่องเหยียบกันขึ้นมา มีคนบาดเจ็บล้มตาย กลัวว่าจะส่งผลกระทบกับความรุ่งโรจน์แห่งโชคลาภขององค์หญิงใหญ่ ดังนั้นนางจึงรับมือออกมาแบบนี้ใช่ไหม?แต่นางก็ส่ายหัวทันทีมาคาดเดาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้ก็เหมือนจะไม่คอ่ยดี บางทีองค์หญิงใหญ่ฝูอิว้นอาจจะเป็นคนที่มีเมตตาทรงคุณธรรมจริงๆ ก็ได้"ในเมื่อได้รับวัตถุดิบยาบางส่วนมา นางทำไมไม่ส่งมอบให้องค์จักรพรรดิไปเลยล่ะ" สืออีไม่ค่อยเข้าใจสือซานเองก็รีบตอบมา "ให้องค์จักรพรรดิไปแล้วจะได้ชื่อเสียงแบบตอนนี้ที่ไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะที่แท้สือซานเองก็คิดเช่นนี้"นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้อาจารย์ไปเข้าร่วม ดังนั้นจึงไม่ได้บอก" ไป๋หู่รู้สึกกังวล "ท่านอาจารย์ตอนนี้อยากจะไปดูหน่อยไหม?""ในเมื่อมีวัตถุดิบยา เช่นนั้นก็ต้องไปดู"ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็จะออกไปหาวัตถุดิบยาอยู่แล้ว ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทางนั้นได้เอ็นมังกรหยกมาพอดีล่ะ?เรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมที
"ชิ่งอวิ๋นเซียวเห็นนางเดินเข้าไป ก็ตามติด"พวกเขาถูกขวางเอาไว้"ป้ายอนุญาตหมอ หมอใหญ่คนหนึ่งพาเข้าไปได้แค่สองคน"ฟู่จาวหนิงหยิบป้ายอนุญาตหมอออกมาป้ายตราสีม่วงชิ้นหนึ่งพอหยิบออกมา คนที่ตรวจสอบป้ายก็ตกตะลึงไป เงยหน้าขึ้นมองฟู่จาวหนิง ท่าทีเปลี่ยนเป็นยิ้มละไมหน้าแป้น"ป้ายอนุญาตหมอสีม่วง หมอเทวดาท่านนี้สกุลใดหรือ?""สกุลหนิง""ผู้อาวุโสหนิง เชิญด้านใน"พอเป็นป้ายอนุญาตสีม่วงการต้อนรับก็ต่างออกไปแล้วฟู่จาวหนิงพาไป๋หู่กับสืออีไปด้วย ให้สือซานรอด้านนอกชิ่งอวิ๋นเซียวร้อง "ท่านลุงท่านพาข้าไปด้วยสิ!"ฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา รีบเดินเข้าไปในโรงหมอใหญ่"ทำไมไม่มีมิตรบ้านคนบ้านเดียวกันเลย? เป็นคนแคว้นเจาด้วยกันแท้ๆ" ชิ่งอวิ๋นเซียวพูดอย่างจนใจกับสือซานสือซานเดินไปข้างๆ ไม่สนใจเขาชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่นี่ ท่านอ๋องจะอยู่ที่นี่ด้วยไหมนะ?พูดจริงๆ สือซานเองก็กังวลหน่อยๆ ถ้าหากท่านอ๋องไม่บอกพระชายา แล้วตรงมาพบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พระชายาต้องโกรธมากแน่ๆยังดีที่เขารอไปพักหนึ่งก็ยังไม่เห็นเซียวหลันยวนท่านอ๋องน่าจะไม่ได้มาแต่เขาไม่รู้ ว่าพอฟู่จาวหนิงขึ้นหอ ก็มองเห็นเซียวหลันยวนในชุดคลุมผ
ยังมีอีกคนหนึ่ง อายุราวสามสิบเจ็ดสามสิบแปด รูปร่างราวต้นหลิว มีผ้าบางปิดใบหน้าฟู่จาวหนิงตอนที่มองไป นางก็กำลังมองมาพอดี สายตาทั้งสองคนประสานกันกลางอากาศพริบตานี้ ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกในใจแปลกประหลาดดวงตาทั้งสองของหญิงสาวคนนั้นราวกับสายน้ำฤดูใบไม้ร่วงอันอุดม เปล่งประกายส่องแสง งดงามจับตานางรู้สึกว่าพอมองดวงตาคู่นี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยหญิงสาวคนนั้นมองๆ นาง จากนั้นก็เอนไปด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปข้างๆ นางๆ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังตบลงเบาๆ ที่บ่าของนาง ราวกับกำลังปลอบโยนชายหนุ่มคนนี้ผอมแห้ง ก้มหน้าอยู่จนไม่เห็นหน้าตาดูแล้วน่าจะเป็นสามีภรรยากันแต่นางก็เอาแต่รู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้ทำเอาใจของนางรู้สึกแปลกๆตอนที่นางเก็บสายตากลับ หางตาก็เหลือบไปเห็นเซียวหลันยวนกำลังมองที่สามีภรรยาคู่นั้นเช่นกันเขาทำไมจึงจับตาสามีภรรยาคู่นั้นกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงขณะที่กำลังคิด ก็มีเสียงหนึ่งดังลอดเข้ามา..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงแล้ว"พอกลิ่นหอมดอกบัวจางๆ ที่เหมือนมีเหมือนไม่มีลอยเข้ามา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เข้ามาแล้วนางอยู่ในชุดวังสีเหลืองอ่อน ใบหน้าขาวสะอาด เดินผ่านเบื้องหน้าคนทั้งหมดไ
ท่านอาจารย์วินิจฉัยไปแล้วด้วยหรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางผู้อาวุโสจี้ รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ แต่พอมองดู นางกลับพบว่าสีหน้าผู้อาวูโสจี้ดูประหลาดนิดๆสีหน้าเขามองไม่เห็นความยินดีอยู่เลย กลับดูมึนงงห่อเหี่ยวเสียด้วยซ้ำ แล้วยังมีโทสะอยู่หน่อยๆนี่มันเกิดอะไรขึ้น?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ถึงทำให้ผู้อาวุโสจี้มีสีหน้าแบบนี้"ผู้อาวุโสจี้วินิจฉัยไปแล้ว วัตถุดิบยาเหล่านี้ล้วนค่อนข้างหายาก มีบางส่วนที่หมอใหญ่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก ดังนั้นข้าจึงพาผู้อาวุโสจี้มาด้วย ถ้าหากทุกท่านมีวัตถุดิบยาที่ไม่รู้จัก หรือข้อสงสัย ก็สามารถขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสจี้ได้เลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูด พลางมองไปทางผู้อาวุโสจี้ภายใต้สายตาให้กำลังใจและวิงวอนของนาง ผู้อาวุโสจี้ลุกขึ้นยืน"ข้าเองก็ไม่กล้าประมาทนัก ถ้าหากทุกท่านมีข้อสงสัยอะไร ก็มาพิจารณาศึกษาร่วมกันเถิด" พอพูดประโยคนี้อย่างหมดเรี่ยวแรง ผู้อาวุโสจี้ก็นั่งลงมาดูแล้วเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆฟู่จาวหนิงพอเห็นก็กังวลหน่อยๆ แล้ว แต่ตอนนี้นางจะไปถามสถานการณ์ให้ชัดเจนข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ก็ลำบาก"ผู้อาวุโสจี้ถ่อมตนจริงๆ"วัตถุดิบยาล้วนถูกยกเข้