“อือ...ท่านหมายความว่ายังไง บอกข้ามาเดียวนี้นะลู่ลู่ ท่านไปส่งข้าที่บ้าน อะไร ยังไง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะ” เธอขืนตัวเองในวงแขนแข็งแรงของเขาพร้อมกับทุบตีอกเขารัวๆ “ข้ากับคนขี้เก๊กที่เจ้าพูดจะเป็นใครไปได้เล่า ถ้าไม่ใช่ข้าน่ะ” เขาใช้มือเพียงข้างเดียวรวบมือเล็กที่ทุบตีอกตัวเองให้หยุด “มะ...หมายความว่ายังไง ท่านกับเขาจะเป็นคนเดียวกันได้ยังไงกัน” เธอถามเขา “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ขนาดคุณยังมาอดีตได้ แล้วทำไมผมจะมาไม่ได้” ครั้งนี้เขาเลือกใช้คำในยุคปัจจุบันกับเธอ “นะ...นายหลอกฉันมาตลอดเลยใช่ไหมลู่ลู่ นี่แน่ะ! ตุ้บ! ตุ้บ!” เธอดึงมือจากอุ้งมือใหญ่มาทุบอกเขาอีกครั้ง “ผมไม่ได้หลอกคุณเถียนเถียน แต่ผมจำไม่ได้จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้ผมมาได้ยังไง แต่มาครั้งนี้ผมจำทุกอย่างได้ ไม่ว่าเรื่องที่เราแต่งงานกันและเราเข้าหอกันยังไง ผมก็จำได้ และเรื่องที่เพิ่งผ่านมา ผมก็จำได้ และไม่รู้ว่าอะไรทำให้เรามาติดอยู่ในยุคนี้ ผมมาเป็นอ๋องใหญ่จวนสิบสี่ได้ยังไง ผมก็ไม่รู้ และคุณเองก็เหมือนกันเถียนเถียน ผมคิดถึงคุณมากเถียนเถียน”ท้ายประโยคเขาเอ่ยบอกความรู้สึกของตัวเองที่เพิ่
ความคับแน่นยังคงทำให้เขาร้อนรุ่มและเคลื่อนไหวซอยเอวสอบรัวถี่ด้วยจังหวะระรัวเร่าร้อน อ้อมกอดแข็งแรงตวัดโอบกอดรัดร่างเปลือยยกขึ้นหาตัวเอง ปากหนากัดเม้มตามไหล่เล็กแล้วเคลื่อนมากัดติ่งหูของสาวงามพร้อมกับจังหวะโยกไหวสวาทของตัวเอง “โอว์...ลู่ลู่ ข้าไม่ไหวแล้ว อ่า...ไม่ไหวแล้ว อือ...” ซู่หลิงเถียนซบหน้าอ่อนล้าไปกับไหล่หนาพร้อมกับจิกเล็บสั้นของตัวเองไปกับแผ่นหลังกว้างของบุรุษแล้วลากกรีดไล้จนเกิดแผลสวาท “อ่า...ชายาคนงามของข้า อ่า...เถียนเถียนเอ๋ย...ไม่ไหวแล้ว ข้าจักเย็นฉ่ำแล้วคนดีของข้า อูว์...”ตอนนี้แท่งมังกรหยกอ๋องใหญ่ปวดร้าวจวนจะปริแตกในกายคับแน่นของนางแล้ว ยิ่งเขาเคลื่อนไหวซอยถี่ยิ่งทำให้ปวดร้าวซ่านสยิวกายสั่นสะท้าน “โอว์...แม่นางทูนหัวของข้า อ่า...” พั่บ! พั่บ! พั่บ! เสียงจังหวะสวรรค์ของเนินเนื้อทั้งสองบดเร่ากันสอดเร่าหนักหน่วง กายสาวใต้ร่างก็แอ่นเด้งเร่ากระแทกกายยกเร่าขึ้นหากายแกร่งที่บดเร่าเหนือร่างตัวเองด้วยความร้อนรุ่มและสุขซ่านเมื่อตอนนี้กายแกร่งกำลังเร่งเร้าโยกเร่าแท่งมังกรหยกแข็งกล้าสอดเสียวระรัวซอยถี่ พั่บ! พั่บ! พั่บ!
หลังจากกลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวังหลวง เขาก็รีบกลับมาที่จวนทันที ระหว่างทางที่นั่งรถม้ากลับมายังจวน เขาได้แวะตลาดซื้อขนมแป้งทอดกลับมาฝากชายาคนงามของตัวเองด้วย พอมาถึงจวนก็รีบนำขนมแป้งทอดที่ซื้อมาไปให้ซู่หลิงเถียนที่กำลังนั่งที่ศาลาริมน้ำ “เถียนเถียน” เขาเดินมานั่งลงตรงข้ามแม่ยอดดวงใจพร้อมส่งห่อขนมในมือให้หญิงสาว “อะไรลู่ลู่” “ขนมแป้งทอดน่ะ ข้านั่งรถม้าผ่านเลยนึกถึงเจ้า” “เลยซื้อมาฝากฉันเนี่ยนะ หมิงเหนียนไปเอากับข้าวที่ข้าทำเองมาให้ท่านอ๋องใหญ่ทานสิ” “เจ้าค่ะคุณหนู” หมิงเหนียนย่อตัวรับคำสั่งแล้วเดินไปยังห้องครัวทันที “หิวไหมลู่ลู่ วันนี้ฉันทำกับข้าวไว้รอนาย นายหิวไหม มีผัดผักบุ้งและผัดเนื้อเปรี้ยวหวาน ส่วนขนมหวานเป็นบัวลอยนะ” เธอบอกเขาพร้อมกับกัดขนมแป้งทอดที่เขาซื้อมาให้ “อือ...อร่อยมากลู่ลู่ นายกินด้วยกันสิ” เธอพูดพร้อมส่งให้คนที่นั่งตรงหน้าตัวเองกัดบ้าง “อือ...เจ้าทานเถอะ ข้าจักรอทานข้าวฝีมือของเจ้า” ไม่อยากเชื่อว่าซู่หลิงเถียนจะทำอาหารเป็น “ลู่ลู่ นายพาฉันไปเดินเที่ยวตลาดได้ไหม ข้าอยากไป หมิง
พอเข้ามาในห้องส่วนตัวก็อุ้มคนงามยอดสวาทของตัวเองไปยังเตียงนอนทันที พอมาถึงเตียงก็วางร่างเล็กลงบนเตียงอย่างทะนุถนอมพร้อมกับตัวเองตามขึ้นไปนอนบนเตียงข้างซู่หลิงเถียน สำหรับจ้าวซ่านลู่ขอเพียงมีสาวงามนามว่าซู่หลิงเถียนร่วมเตียงด้วยก็เพียงพอแล้ว “แค่นอนกลางวันนะ ห้ามซุกซน” เธอบอกเขาเมื่อมือของเขาเริ่มซุกซนมาจับหน้าอกของตัวเอง “อือ...เจ้าจะให้ข้านอนนิ่งๆ เนี่ยนะเถียนเถียน ให้ข้าได้ชื่นใจสักนิดเถิดชายาข้า” “ท่านทำไมหื่นแบบนี้ลู่ลู่ ต่างจากคนในโลกปัจจุบันมาก” “ข้ากับเขาก็คนเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่มาที่นี่ข้าโหยหาเจ้าปรารถนาเจ้า ยิ่งกลิ่นตัวของเจ้ายิ่งทำให้ข้าร้อนรุ่มจนตอนนี้แท่งมังกรหยกของข้ามันปวดร้าวและเริ่มขยายตัวอีกแล้วชายาข้า” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างหูของคนที่นอนข้างๆ พร้อมดึงมือเล็กมาลูบคลึงหนักหน่วงความเป็นบุรุษกลางหว่างขาตัวเอง “อือ...มะ...ไม่ได้นะลู่ลู่ ข้าอาย นี่ยังกลางวันอยู่เลย ฉันไม่อยากเป็นขี้ปากของเด็กรับใช้ในจวนนะ” “หืม! ใครมันจะกล้าพูดเรื่องของเรา เจ้าเป็นของข้า ข้าเป็นของเจ้า และตอนนี้ข้าไม่มีสนมแล้ว ข้ามี
ช่วงเวลาหกโมงเย็นถึงสามทุ่มของเวลาปัจจุบัน แต่ในยุคแคว้นหยวนในอดีตเรียกว่ายามหนึ่ง ตอนนี้ทั้งสองกำลังเดินเที่ยวเล่นในตลาดอย่างชาวบ้านทั่วไป หรือจะว่าไปเหมือนคู่รักทั่วไปก็ย่อมได้ ส่วนเสี่ยวถังและทหารคนอื่นๆ ก็กระจายตัวแฝงตามที่ต่างๆ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้เขาและพระชายาคนงาม ที่มาเที่ยวเทศกาลหยวนเซียวด้วยกันในค่ำคืนนี้ “ดูสิ มองไปรอบๆ เรามีแต่คู่รัก เหมือนเราเลยว่าไหมลู่ลู่” มือเล็กที่ถือของกินเต็มไม้เต็มมือชี้ไปยังรอบๆ ตัวเองที่มีคู่รักเดินจับมือกันเต็มไปหมด “ดูเจ้ามีความสุขจังเลยนะเถียนเถียน ที่ได้ออกมาแบบนี้” เขามองหน้าที่เต็มไปด้วยยิ้มสดใสของชายาตัวเองพร้อมกับจ่ายเงินค่าหน้ากากแมวที่นางหยิบมาจากร้านค้าระหว่างทาง “แน่นอนสิ นานๆ ได้ออกมาที และที่มีความสุขเพราะมากับนายไง อ๋องใหญ่” เธอพูดพร้อมกับส่งหน้ากากแมวที่หยิบมาสองอันส่งให้เขาหนึ่งอัน “ให้ข้า” “ใช่ เรามาใส่ด้วยกันนะ เราจะปล่อยโคมที่ไหนดี” “ที่สะพานตรงหน้า เสี่ยวถังและหมิงเหนียนบอกว่าคู่รักนิยมไปปล่อยกันที่กลางสะพาน” “แล้วโคมไฟของเราล่ะ”“เราไปซื้อที่ทางข
เขาจับเธอลุกนั่งพร้อมมองไปรอบๆ บริเวณนี้แล้วอุ้มเธอเหาะลงมายังพื้นพร้อมกับเป่าปากส่งสัญญาณให้เสี่ยวถังและทหารของตัวเองมารวมตัวกันตรงนี้ “ใครที่จะทำร้ายเรา” ซู่หลิงเถียนถามอย่างตกใจ เพราะเพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าเธอด้วยความหวาดกลัว มือเล็กกำท่อนแขนแข็งแรงแน่นสั่นเทา “ไม่ต้องกลัวเถียนเถียน เจ้ามีข้าอยู่ เจ้าจักปลอดภัย” เขาโอบกอดปลอบประโลมนางเมื่อตอนนี้เหล่าทหารองครักษ์ได้มารวมตัวอารักขาเขาและชายาเรียบร้อยแล้ว “จับตัวคนทำมาให้ได้ มันต้องซุ่มอยู่แถวนี้แน่เสี่ยวถัง” น้ำเสียงเหี้ยมเอ่ยสั่งอย่างเฉียบขาด “ขอรับท่านอ๋อง พวกเจ้าไปดูรอบๆ บริเวณนี้ให้ทั่ว” เสี่ยวถังโค้งตัวรับคำสั่งนายทหารคนอื่น “ขอรับท่านอ๋อง”แล้วทุกคนก็กระจายตัวกันไปตามหาตัวผู้ร้าย ส่วนจ้าวซ่านลู่ก็อุ้มคนตัวเล็กของตัวเองแนบอกแล้วเดินกลับไปยังจวนสิบสี่ของตัวเอง แต่ระหว่างทางที่เดินมานั้นก็มีคนชุดดำสามคนออกมาขวางไว้ “คิดว่าพวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นเหรอ” เขายิ้มหยันพร้อมกับเหาะลอยตัวพาคนตัวเล็กเหยียบหัวชายชุดดำทั้งสามคนพร้อมกับใช้เท้าใหญ่ตวัดเตะหน้าพว
มือใหญ่ผลักประตูห้องนอนของตัวเองเมื่อเดินมาถึงพร้อมส่งสายตาสั่งให้หมิงเหนียนออกไปจากห้อง ตอนนี้ไม่ต้องอยู่ดูแลชายาของเขาแล้ว เพราะหน้าห้องและในจวนตอนนี้มีทหารคุมเข้มแน่นหนา อ๋องใหญ่เดินไปหาคนที่นอนหลับบนเตียงแล้วโน้มตัวลงไปหอมแก้มนวล ก่อนจะผละเดินไปยังห้องแต่งตัวเพื่อผลัดเปลี่ยนชุดที่ใส่อยู่เป็นชุดดำ “นายจะไปไหน”คนที่ตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงประตูถามทันทีเมื่อเห็นเขากำลังจะออกทางหน้าต่างของห้อง “เถียนเถียน” “นายจะไปไหนลู่ลู่” “เจ้าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ฮึ” “ฉันถามว่านายจะไปไหน ไม่ใช่ให้นายมาถามฉันกลับ” เธอถามเสียงแข็งพร้อมเดินไปคว้าดึงยื้อแย่งดาบในมือจ้าวซ่านลู่ “ข้า...” “นายจะไปทำเรื่องอันตรายใช่ไหม ฉันไม่ให้นายไปนะ” “เจ้าก็เห็นว่าข้าเก่งไม่ใช่รึชายาข้า”เขารั้งเธอเข้ามาจุ๊บหน้าผากมนแผ่วเบาแล้วเคลื่อนโน้มไล้จุ๊บปลายจมูกมาหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มของนาง “อือ...เก่งแค่ไหน ถ้ามันจะพลาด มันก็พลาดได้เหมือนกันแหละ นายอย่าไปเลยนะ ฉันเป็นห่วงนายนะ ลู่ลู่เก็บดาบเปลี่ยนชุดไปนอนกันนะ” เธอโอบกอดร่างสูงใหญ่ตรงหน้าแ
หลังจากคืนนั้นที่โดนลอบทำร้าย จ้าวซ่านลู่ก็เฝ้าระวังตัวตลอดและให้ทหารคอยดูแลความปลอดภัยให้พระชายาตลอด วันนี้เขาไปพบฮ่องเต้ในวังหลวงแต่เช้าตามรับสั่งของฮ่องเต้ และแปลกที่ครั้งนี้เสด็จพ่อไม่ได้รับสั่งให้อ๋องเล็กเข้าเฝ้าด้วย เฮ้อ! “หมิงเหนียน ฉันเบื่อ” ซู่หลิงเถียนถอนหายใจชะเง้อมองทางหน้าจวน รอให้คนตัวโตที่จากไปตั้งแต่เช้ากลับเข้ามา “งั้นไปเข้าครัวดีไหมเจ้าคะคุณหนู” “ฝีมือข้าไม่ได้เรื่อง ทำก็เสียของเปล่า งั้นเราไปเก็บดอกบัวในสระดีไหม” เมื่อเห็นว่าบัวในสระตรงหน้าสวยงาม “แต่หมิงเหนียนพายเรือไม่เป็นนะเจ้าคะ” “ไม่เป็นก็ให้ทหารมาพายให้สิ เราสองคนก็นั่งเป็นสาวงามบนเรือสวยๆ ก็พอ” “งั้นก็ได้เจ้าค่ะ” ยังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน พ่อบ้านหลี่ก็เดินเข้ามาหาที่ศาลาเสียก่อน “อ๋องเล็กมาขอรับพระชายา” “ท่านอ๋องไม่อยู่ บอกให้เขากลับไป”เธอบอกพ่อบ้านหลี่ แต่พ่อบ้านหลี่ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงทุ้มของอ๋องเล็กก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน “พี่สะใภ้ไม่ชอบข้าด้วยเรื่องอันใดถึงได้ไล่ข้ากลับ ทั้งๆ ที่เพิ่งมาถึง” เขาเดินยิ้มเข้าม
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs
ชู่เอ๋อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ วนไปวนมาด้วยความคิดถึงเจ้าของจดหมาย และวันนี้นางก็เฝ้ารอม้าเร็วมาส่งจดหมายของพระสวามี แต่ชะเง้อคอมองประตูของจวน มองแล้วมองอีกก็ยังคงเงียบไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาเยือนจวนสักคน“คุณหนูไปกินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ หลันหลงเตรียมมื้อเช้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลันหลงเห็นคุณหนูตัวเองตื่นเช้ามารอจดหมายรักจากท่านอ๋องตู้ก็นึกสงสาร เพราะนี่ก็เริ่มสายแล้ว แต่ม้าเร็วยังมินำจดหมายมาส่งสักที“เราไม่หิวหลันหลง เจ้าไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”“แต่...”“ไม่มีแต่ ไปเถอะหลันหลง ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”“เจ้าค่ะ งั้นหลันหลงไปนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูนะเจ้าคะ”“อือ...ไปเถอะหลันหลง”นางตอบโดยมิสนใจจะมองสาวใช้ นางหยิบจดหมายฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านวนซ้ำอีก และตั้งแต่เช้าก็อ่านหลายรอบแล้ว อ่านจนจำเนื้อความในจดหมายได้ขึ้นใจ ด้านหลันหลงมองคุณหนูของตัวเองแล้วก็เดินไปจัดเตรียมขนมน้ำชามาให้คุณหนูเฮ้อ!ผ่านไปนานจนแน่ใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีจดหมายจากตู้เหลียงเฉิงแน่นอน นางก็ลุ
“เจ้ามาหาข้าเองชายาข้า จะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เจ้าก็เป็นของข้าอยู่ดีท่านหญิง มิมีใครมาแย่งเจ้าไปจากข้าได้หรอกทูนหัว อ่ะ...อื้อ” พูดจบเขาก็รั้งท้ายทอยเล็กให้แหงนเงยขึ้นพร้อมทาบทับประกบริมฝีปากหนาบดจูบคลอเคลียกลีบปากอวบฉ่ำสีระเรื่อ“อ่ะ...อื้อ” ริมฝีปากหนาบดเร่าดูดกลืนกลีบปากอ่อนนุ่มของท่านหญิง พร้อมกับมือใหญ่สากกร้านจากการทำศึกจับดาบก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหญิงงามในดวงใจไปด้วย“อ่ะ...อ่อย” แข้งขาของท่านหญิงอ่อนระทวยแทบจะยืนทรงตัวอยู่มิไหวจนต้องจับไหล่หนารั้งร่างตัวเองไว้ เพลานี้นางไม่อาจต่อต้านได้เลย นางทำตัวไม่ถูก และนางก็เกลียดตัวเองยิ่งนักที่เผลอแอ่นเด้งตัวเสียดสีไปกับร่างใหญ่ของมู่เหลียงเฉิง และร้องครางเผลอไผลไปกับจูบน่ารังเกียจ“อ่า...เห็นรึไม่ว่าเจ้าตอบสนองข้าดีแค่ไหนท่านหญิง” ปากหนาผละจูบออกมาเอ่ยเย้ยหยันพร้อมกับช้อนอุ้มนางเดินไปยังเก้าอี้ตัวที่นั่งก่อนหน้านี้แล้วดันร่างน้อยเพรียวระหงของท่านหญิงให้นั่งไปกับเก้าอี้“หม่อมฉันเกลียดท่านอ๋องมู่”“ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีเพียงไอ้อ๋องตู้ แต่เพลานี้ร่างกายของเจ้าเป็นของพี่คนเดียวท่านหญิง” เขาตอบสวนกลับพ
ไม่เคยต้องแยกห่างกันเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้เหลียงเฉิงต้องแยกห่างจากพระชายายอดรักของตนเอง เพราะหน้าที่และความปลอดภัยของนางและของทุกคนในแคว้นเฉิง เขาจึงจำเป็นต้องไปอยู่ที่ค่ายทหาร จนกว่าจะปราบกลุ่มกบฏของมู่เหลียงเฉิงได้ “คิดถึงข้าบ้างนะดวงใจข้า” มือใหญ่สากกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียนของพระชายาคนงามที่เดินมาส่งตนเองหน้าจวนอย่างอ้อยอิ่ง “หม่อมฉันจะคิดถึงท่านอ๋องตู้เพคะ” นางตอบอย่างใสซื่อพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า และตู้เหลียงเฉิงก็อดจะโน้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากหนากับริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวานของนางในดวงใจเสียมิได้ “อ่ะ...อื้อ” เหล่าทหาร สาวใช้ต่างพากันก้มหน้ามองเท้าตัวเองเมื่อนายกำลังสั่งลากันด้วยจูบดูดดื่ม “ท่านอ๋องตู้” นางทุบตีอกของพระสวามีไม่จริงจังนักเมื่ออีกฝ่ายผละจูบออกห่าง “ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่ชู่เอ๋อ ไม่รู้ว่าไปคราวนี้จะได้