"ทำไม ทำไมคนคนนั้นถึงไม่เป็นแบงค์ส้ม ทำไมถึงไม่เป็นแบงค์ ทั้งที่แบงค์ก็รักนับไม่แพ้ติณณภัทรเลย"
เสียงตัดพ้อดังเล็ดลอดออกจากปากหมอหนุ่มผู้มีนิสัยเคร่งขรึมอย่างแบงค์เมื่อสติสัมปชัญญะของเขาถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าครอบงำจนสูญเสียความเป็นตัวเอง นับดาวเป็นเพื่อนสนิทที่เขาแอบรักมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน จนถึงตอนนี้ที่เข้าสู่วัยทำงานความรู้สึกที่มีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่เพราะคำว่าเพื่อนค้ำคอทำให้เขาไม่กล้าสารภาพกลัวจะเสียเธอไป อีกทั้งเธอยังป่าวประกาศชัดเจนว่าชาตินี้จะขอครองตัวเป็นโสดเพราะขยาดผู้ชายยิ่งทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ใครไหนจะรู้เลยว่าวันหนึ่งเธอกลับแต่งงานมีครอบครัว และกล้าบอกได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้ชายคนนั้นมันยิ่งทำให้เขาชอกช้ำ ได้แต่ถามตัวเอง และเพื่อนสนิทอีกคนอย่างส้มซ้ำ ๆ ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นไม่เป็นเขา วันนี้เป็นวันที่เพื่อนสนิทอย่างนับดาวมีความสุขที่สุด เธอได้ฉลองวันเกิดพร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่รัก และได้ให้กำเนิดบุตรสาวแสนน่ารัก ความจริงเขาควรจะยินดี แต่ไม่ใช่เลยมันเป็นวันที่เขาชอกช้ำมากที่สุดต่างหาก ชอกช้ำจนต้องใช้แอลกอฮอล์ช่วยหวังว่ามันจะบรรเทาความรู้สึก.. โดยเขาไม่รู้เลยว่ายังมีอีกคนที่ชอกช้ำไม่ต่างกันก็คือส้มคนที่ยอมนั่งดื่ม และรับฟังคำพูดตัดพ้อมากมายจากปากเขา เป็นคนที่แอบรักเขามาตลอดหลายปี แต่ทำได้แค่เก็บงำความรู้สึกเอาไว้เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเขารักใคร เธอก็อยากจะถามแบงค์ไปเหมือนกันว่าทำไมคนที่เขารักถึงไม่เป็นเธอ เธอที่แอบรักเขามาตลอด แต่ทำได้เพียงแค่คิดในใจเพราะคำว่าเพื่อนมันค้ำคออยู่เช่นกัน "ทำไมแบงค์ไม่ลองมองคนอื่นนอกจากนับบ้างล่ะ" เธอกระดกน้ำสีอำพันลงคออึกใหญ่เรียกความกล้าให้ตัวเอง แล้วลองพูดหยั่งเชิงเพื่อนชายดู "ไม่ล่ะ.." คำตอบจากริมฝีปากหนาเหมือนเข็มถิ่มแทงใจคนฟังแบบนี้เธอคงจะหมดสิทธิ์ลุ้น ต่อให้ตอนนี้จะไม่มีนับดาวแล้วก็ตาม "หึ" เธอเค้นหัวเราะในลำคอเบา ๆ นึกเย้ยหยันตัวเองที่อุตส่าห์แอบหวังลม ๆ แล้ง ๆ มาตั้งนาน มือเรียวยกน้ำสีอำพันในแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วเทจากขวดใส่แก้วใหม่อีกครั้ง ตอนแรกเป็นแบงค์ที่ขอซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มที่คอนโดเธอหลังจากกลับจากโรงพยาบาลที่นับดาวคลอดลูกเพื่อต้องการเมาให้ลืมความเจ็บปวดในใจ แต่ตอนนี้เธอเองก็ต้องการดื่มให้ลืมความเจ็บปวดเช่นกัน จากที่จะดื่มนิดหน่อยเป็นเพื่อนแบงค์ก็ยกน้ำเมากระดกลงคอครั้งแล้วครั้งเล่าจนหมดไปเป็นขวด สติสัมปชัญญะเริ่มถูกครอบงำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อแต่ก็พยายามปรือขึ้นมองอีกคนที่นั่งดื่มอยู่บนพื้นตรงโซฟาอีกฝั่ง สะบัดศีรษะพรึ่บ ๆ สองสามครั้งไล่อาการมึนออก ก่อนจะเค้นน้ำเสียงยานห้ามปรามเพื่อนชายที่เหมือนจะเมาจนหมดสภาพ "บะ..แบงค์ส้มว่าพอเถอะ แบงค์เมามากแล้วนะ" "แบงค์ยังไหว ๆ" แบงค์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงยานไม่ต่างกันพลางพยักหน้าหงึกหงักยืนยันกับเพื่อนสาวว่ายังไหวทั้งที่ความจริงแทบครองสติตัวเองไม่อยู่ มือหนายังคงยกอำสีอำพันในแก้วขึ้นดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อบรรเทาความเจ็บในใจ "พอเถอะแบงค์" ถึงแม้เพื่อนชายจะบอกว่ายังไหวแต่ส้มไม่เชื่อเพราะสิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้คือสภาพเพื่อนชายไม่ไหวจริง ๆ เมาจนหัวราน้ำ เมาจนเละแทะหมดคราบหมอผู้เคร่งขรึมไปสิ้นเชิง เธอพยายามรวบรวมสติที่เหลือเพียงน้อยนิดใช้มือยันโต๊ะกระจกพาตัวลุกขึ้นยืน ก่อนเดินโซซัดโซเซเข้าไปหาอีกคน แย่งแก้วเหล้าจากมือของเขา "บอกว่าพอแล้วแบงค์" "เอามาส้ม แบงค์จะดื่มให้ลืมนับ ให้ลืมความเจ็บข้างในนี้" แบงค์หาได้ยอมไม่ใช้มือกำแก้วไว้แน่นไม่ให้ส้มเอาไปได้ ส่วนอีกข้างทุบลงบนอกด้านซ้ายที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ "เอามานะแบงค์ ส้มบอกว่าพอแล้วไง ดื่มให้ตายก็ไม่ช่วยทำให้แบงค์ลืมนับ และหายจากความเจ็บปวดได้หรอก" "ไม่แบงค์จะดื่ม ส้มอย่ามาห้าม" "อย่าดื้อได้ไหมแบงค์" "ว้าย!" ทั้งสองเยื้อแย่งแก้วกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนส้มจะต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจในวินาทีที่พลาดท่าล้มลงใส่เพื่อนชายทำให้อีกคนที่ทรงตัวแทบไม่ได้อยู่แล้วเสียหลักล้มลงไปนอนหงายบนพื้นแข็ง ๆ โดยมือก็ดันดึงเธอลงไปด้วย แก้วเหล้าในมือหนาอีกข้างตกกระทบพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ น้ำสีอำพันสาดกระเซ็นไปทั่วตัวทั้งสองคน แต่กลับไม่สามารถกระทบความรู้สึกของทั้งสองได้เลยในเมื่อตอนนี้มีสิ่งที่น่าตกใจมากกว่า ส้มตาเบิกกว้างอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงคล้ายกับจะทะลุออกมานอกอก อาการเมาแทบจะหายไปกับเหตุการณ์ในตอนนี้ นอกจากเธอจะล้มทับเพื่อนชายแล้ว ปากยังจูบลงบนริมฝีปากหนาพอดิบพอดี อึ้งค้างไปชั่วขณะเพราะทำอะไรไม่ถูกกระทั่งคนใต้ร่างเริ่มขยับจึงได้สติ รีบผละปากออกใช้มือทั้งสองยันพื้นแล้วค่อย ๆ พาตัวลุกขึ้น "อ๊ะ!" ทว่าเธอก็ต้องหลุดร้องออกมาเบา ๆ ครั้นถูกอีกคนตวัดมือกอดรัดเอวคอดทำให้ล้มลงไปทาบทับเขาอีกครั้ง หนำซ้ำวงแขนแกร่งยังกอดรัดรอบเอวแน่นจนขยับตัวไม่ได้ ทุกส่วนบนร่างกายแนบชิดไปกับร่างกำยำจนสัมผัสได้ถึงไอร้อน เธอถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามรวบรวมสติไม่ให้แตกกระเจิงทั้งที่หัวใจมันกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ใช้มือดันอกแกร่งหวังให้หลุดจากพันธนาการ "แบงค์ปล่อยส้ม" "ไม่..แบงค์จะไม่ปล่อยนับไปไหนอีกแล้ว แบงค์รักนับนะรักมานานมากแล้ว" เหมือนในตอนนี้แบงค์จะหูตาพร่าเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เห็นใบหน้าเพื่อนสาวอย่างส้มที่ลอยอยู่ใกล้ ๆ เป็นหน้าผู้หญิงที่แอบรัก พร่ำรำพันออกมาเสียงแผ่วพริ้ว และยิ่งกอดรัดร่างบางแน่นขึ้น ๆ ราวกับกลัวจะหายไป คนได้ยินถึงกับเจ็บจี๊ดในใจขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้สุดฤทธิ์ยิ่งออกแรงดันอกแกร่งพลางพูดเรียกสติ "นี่ส้มเองแบงค์ ตั้งสติหน่อยสิ ปล่อยส้มก่อนแบงค์" "ไม่.." คำพูดเรียกสติของส้มไม่ได้ผลนอกจากแบงค์จะไม่ปล่อยแล้วยังพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนแทนกลับกลายเป็นว่าเธอถูกเขาทาบทับไว้ "แบงค์กำลังทำอะไรรู้ตัวรึเปล่า ปล่อยส้มก่อน มีสติหน่อยแบงค์" ส้มตกใจไม่น้อยกับการกระทำของเพื่อนชายพยายามดิ้นใช้มือผลักไสร่างสูงพัลวัน แต่กลับถูกเขาจับมือกดตรึงกับพื้นเย็นเฉียบข้าง ๆ ศีรษะ "แบงค์รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ เป็นของแบงค์นะนับ" ดวงตากลมพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนอึ้งกับประโยคตอบกลับจากริมฝีปากหนาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากเพื่อนชายที่เธอมองว่าสุขุมนุ่มลึกมาตลอด "แบงค์ตั้งสติหน่อย นี่ส้มไม่ใช่นับ มองดี ๆ สิ มองดี ๆ แบงค์" พยายามเรียกเตือนสติเพื่อนชายพัลวันพร้อมทั้งดิ้นรนหวังให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ต่อให้เธอจะรักเพื่อนชายแค่ไหนแต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ เธอไม่ต้องการเป็นเงาของใคร ที่เธออยากได้คือหัวใจของเขา และหากจะมีอะไรกันมันต้องมาจากความรักไม่ใช่ความเมา หรือเพราะเหตุผลอื่น ๆ "แบงค์รักนับนะ" แบงค์ในตอนนี้ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำจนสมองปิดการรับรู้ต่อให้เพื่อนสาวพูดยังไงก็ไม่สามารถดึงสติเขากลับมาได้ ทว่ายิ่งคนใต้ร่างพยายามต่อต้านมากเท่าไรก็เหมือนยิ่งกระตุ้นด้านมืดในกายให้ตื่นขึ้นมา สมองสั่งการเพียงอย่างเดียวคือต้องครอบครองคนใต้ร่างเอามาเป็นของตัวเองให้ได้ "บะ.." ริมฝีปากหนาโน้มลงกดจูบปิดเรียวปากอิ่มที่กำลังส่งเสียงพูดไว้ไม่ต้องการให้เธอเอ่ยอะไรได้อีก ส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนโพรงปากฉ่ำไล่เกี่ยวกวัดลิ้นเล็กที่พยายามหลบหลีกอย่างเอาแต่ใจ "อื้อ.." ส้มพยายามขืนมือออกจากการกดตรึง ส่ายหน้าหนีริมฝีปากหนาแต่ก็ไร้ผล หนำซ้ำคนด้านบนยิ่งบดขยี้ริมฝีปากหนักหน่วงจนเธอเหมือนจะขาดอากาศหายใจเสียให้ได้ ร่างกายเริ่มรุ่มร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ ครั้นคนด้านบนบดเบียดท่อนเนื้อที่ตั้งเป็นลำภายใต้กางเกงกับเนินเนื้อสาว สมองเริ่มพร่าเบลอเหมือนถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าครอบงำอีกครั้ง จากที่พยายามต่อต้านก็คล้อยตาม หลับตาอ้าเผยอปากรับสัมผัสแสนหวามจากคนด้านบน เธอรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยากจะปฏิเสธแต่ร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมมีอะไรกับเขา แต่ก็มิอาจต้านทานความต้องการทางร่างกาย และส่วนลึกในหัวใจได้เช้าวันใหม่ภายในห้องนอนของคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองหลวงเผยให้เห็นร่างของสองหนุ่มสาวที่กำลังนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงสภาพของทั้งสองเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าเพราะเมื่อคืนเพิ่งผ่านศึกเร่าร้อนบนเตียงมาอย่างหนักหน่วงร่างสูงภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อถูกแสงแดดที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างสีขาวเข้ามากระทบเปลือกตา "อ่า.." เขาส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ พลางยกมือขึ้นกุมขมับ พยายามปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นมาด้วยอาการมึน ๆ คิ้วเข้มพลันขมวดเป็นปมเมื่อเห็นเพดานที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ดวงตาคมกระพริบปริบ ๆ สองสามครั้งไล่อาการพร่าเบลอออก ก่อนจะเลื่อนหน้ามองบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มขยับขยุกขยิกข้างตัว"ส้ม!" ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจครั้นเห็นใบหน้าของเพื่อนสาวอย่างส้ม ที่สำคัญเธอยังนอนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึกค่อย ๆ ไล่สายตาลงมองร่างกายตัวเองด้วยหัวใจลุ้นระทึกรูม่านตายิ่งขยายมากกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ได้แต่สบถในใจซ้ำ ๆ ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นทำไมเขากับเพื่อนสาวถึงได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ ที่แน่ ๆ คือเมื่อคืนเขากับเพื่อนสาวคงไม่ใช่แค่นอนแก้ผ้ากันเฉย
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างส้มกับแบงค์ยังคงเป็นเพื่อนกันดั่งเดิม แม้ช่วงแรกส้มจะทำตัวห่าง ๆ เพื่อนชายไปบ้าง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมยังคงไปมาหาสู่เธอเป็นประจำ บางครั้งก็ซื้ออาหารมาทานที่ห้องเธอบ้างล่ะ วันหยุดก็มาชวนเธอไปเที่ยวบ้าง วนเวียนอยู่แบบนั้นทำเหมือนว่าเรื่องในคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจนสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ให้กับความช่างตื้อของเขา อย่างเช่นตอนนี้ที่เขามานั่งหน้าสล่อนอยู่ห้องเธอพร้อมกับถุงอาหารมากมาย"หอบอะไรมาเยอะแยะแบงค์" เธอหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งกวาดสายตามองถุงข้าวของที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะกระจก ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าถามเพื่อนชาย"ข้าวเที่ยงไง กินคนเดียวมันเหงาเลยพามากินกับเธอ" แบงค์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วลุกเดินไปหยิบจานในครัวเพื่อมาใส่อาหารทำเหมือนที่นี่เป็นห้องตัวเองไม่ต้องขออนุญาตเพื่อนสาวสักนิด เขามาบ่อยจนรู้แล้วว่าอะไรวางอยู่ตรงไหนบ้าง"จริง ๆ เลย" ส้มได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับการตีเนียนทำเหมือนเป็นเจ้าของห้องของเพื่อนชาย เลือกจะนั่งเอนหลังพิงโซฟาแล้วหลับตาลง ปล่อยให้อีกคนใช้ห้องได้ตามสบาย ช่วงนี้เธอร
@บ้านเอกวิโรจน์ส้มขับรถเข้ามาจอดยังบ้านหลังใหญ่โตโออาไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า คฤหาสน์ที่เป็นเหมือนกรงขังสำหรับเธอ เป็นคฤหาสน์ที่หาความสุขไม่เจอ เธอนั่งมองรอบ ๆ บริเวณบ้านผ่านกระจกรถพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างในเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องโถงก็เห็นพ่อกับแม่ และพี่ชายนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม "สวัสดีค่ะพ่อ แม่ พี่เบส""นี่ถ้าพ่อไม่ให้แม่เขาโทรตาม ลูกก็คงไม่คิดจะกลับบ้านเลยใช่ไหม" อภิสิทธิ์ประมุขของบ้านมองบุตรสาวคนเล็กที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาดุแทนที่จะรับไหว้ส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับทั้งที่ในใจอยากตะโกนบอกท่านดัง ๆ ว่าสาเหตุที่เธอไม่อยากกลับบ้าน หรืออยู่ในบ้านหลังนี้เพราะความเข้มงวดของพวกท่านสองคนนั่นแหละ ทว่ารู้แก่ใจดีว่าถ้าพูดไปท่านทั้งสองคงจะพานโกรธหาว่าเธอไม่เคารพพวกท่านอีกเพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นมาเธอจึงเลือกสงบปากสงบคำดีกว่าปล่อยให้พวกท่านบ่นไป"พ่อก็อย่าดุน้องเลยครับ" เบสชายหนุ่มตาหล่อเหลาวัยสามสิบปีออกหน้ารับแทนน้องสาวเพราะเข้าใจดี