เช้าวันใหม่
ภายในห้องนอนของคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองหลวงเผยให้เห็นร่างของสองหนุ่มสาวที่กำลังนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง สภาพของทั้งสองเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าเพราะเมื่อคืนเพิ่งผ่านศึกเร่าร้อนบนเตียงมาอย่างหนักหน่วง ร่างสูงภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อถูกแสงแดดที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างสีขาวเข้ามากระทบเปลือกตา "อ่า.." เขาส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ พลางยกมือขึ้นกุมขมับ พยายามปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นมาด้วยอาการมึน ๆ คิ้วเข้มพลันขมวดเป็นปมเมื่อเห็นเพดานที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ดวงตาคมกระพริบปริบ ๆ สองสามครั้งไล่อาการพร่าเบลอออก ก่อนจะเลื่อนหน้ามองบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มขยับขยุกขยิกข้างตัว "ส้ม!" ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจครั้นเห็นใบหน้าของเพื่อนสาวอย่างส้ม ที่สำคัญเธอยังนอนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึกค่อย ๆ ไล่สายตาลงมองร่างกายตัวเองด้วยหัวใจลุ้นระทึก รูม่านตายิ่งขยายมากกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ได้แต่สบถในใจซ้ำ ๆ ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นทำไมเขากับเพื่อนสาวถึงได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ ที่แน่ ๆ คือเมื่อคืนเขากับเพื่อนสาวคงไม่ใช่แค่นอนแก้ผ้ากันเฉย ๆ แน่นอน พยายามทบทวนเรื่องราวเมื่อคืน ทว่าไม่ว่าพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก จำได้แค่ว่าเมื่อคืนเขาซื้อเหล้ามานั่งดื่มกับเพื่อนสาวที่คอนโดของเธอ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นหากเพื่อนสาวตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไง เธอกับเขาจะสามารถมองหน้ากันติดไหม เธอจะโกรธเขาจนตัดความเป็นเพื่อนเลยไหม หรือจะเอายังไงเขาไม่สามารถเดาได้เลย ได้แต่ภาวนาขอให้เพื่อนสาวยังเป็นเช่นเดิมกับเขา เป็นเพื่อนสนิทที่รักกันเหมือนเดิม หัวใจดวงแกร่งสั่นไหวราวกับกองชุดวินาทีที่คนข้างกายค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ลุ้นจนลืมหายใจไปชั่วขณะ จากนิสัยเพื่อนสาวแล้วไม่โดนหมัดก็ต้องโดนด่าแน่ ๆ เขาเชื่อแบบนั้น ทว่าเหมือนกับครั้งนี้เขาจะคิดผิดเพื่อนสาวยังคงมีท่าทีเรียบนิ่งทั้งที่ลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าเขาแล้ว เรียบนิ่งจนเขาแอบหวั่นใจว่าเธอจะมาไม้ไหน หรือยังไม่สร่างดี "เมื่อคืนเรา.." เขาต้องรวบรวมความกล้าอย่างหนักเปล่งเสียงเอ่ยออกไปติด ๆ ขัด ๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมาก เพื่อนสาวก็เอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน "ส้มจำไม่ได้หรอกว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เอาเป็นว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน" ส้มเอ่ยเพื่อตัดปัญหาเธอทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งที่ในใจเจ็บปวดอย่างหนัก จิกเล็บลงบนอุ้งมือตัวเองแน่นข่มความรู้สึกมากมายเอาไว้เพราะไม่อยากเสียเพื่อนชายไป และความจริงเธอก็จำเรื่องเมื่อคืนได้ทุกอย่าง จำทุกสัมผัสของเขาได้ จำความรู้สึกในช่วงเวลานั้นได้ดี เมื่อคืนเพื่อนชายกลืนกินเธออย่างหนักหน่วงเสร็จรอบแรกที่โซฟาก็พาเธอเข้ามาต่อในห้องนอนอีกไม่รู้กี่รอบ ทว่าพูดไปแล้วจะเกิดประโยชน์อะไรกันเมื่ออยู่เต็มอกว่าเขารักใคร เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็เป็นแค่ความผิดพลาดเท่านั้น "ส้มไม่โกรธแบงค์ใช่ไหม เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมใช่ไหม" ถึงเพื่อนสาวจะบอกแบบนั้นแบงค์ก็ยังอยากถามย้ำให้แน่ใจกลัวความสัมพันธ์อันดีที่มีมายาวนานหลายปีจบลง "อืม.." ส้มฝืนระบายยิ้มให้เพื่อนชายบาง ๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งรวบผ้ามาห่อตัวไว้โดยไม่สนใจเพื่อนชายที่นอนล่อนจ้อนอยู่สักนิด "เฮ้ย! ส้ม" แบงค์ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งเอามือปิดของสงวนไว้ด้วยความเร็วต่อให้เป็นผู้ชายเขา และต่อให้ส้มเป็นเพื่อนสนิทเขาก็อายเป็นเหมือนกัน ซึ่งส้มไม่ได้สนใจรีบพาตัวลงจากเตียงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำลงเธอก็ทิ้งตัวพิงประตูหลับตาลงด้วยสมองที่หนักอึ้ง และความรู้สึกมากมายที่มันท่วมล้นอยู่ในอก "ส้มแบงค์กลับแล้วนะ พอดีมีเคสด่วนเข้ามา" ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอยืนหลับตาจมอยู่กับความคิดตัวเองกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงของเพื่อนชาย พยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือตอบไป "โอเค ๆ" สิ้นเสียงตอบของเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงเปิด และปิดประตูแสดงว่าเพื่อนชายออกไปจากห้องแล้ว เธอจึงออกจากห้องน้ำเดินไปหย่อนก้นนั่งบนเตียง ขอบตาที่ร้อนผ่าวพลันมีน้ำสีใสรินไหลออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นประดับมุมปากหยักอย่างนึกตลกในความหวังโง่ ๆ ของตัวเอง เธอหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาจะได้ยินคำว่าขอรับผิดชอบจากเพื่อนชาย จะได้ยินคำพูดที่มากกว่านี้ ดูเหมือนเธอจะหวังอะไรเกินตัว ความจริงเธอก็แค่อยากได้ยินมันเฉย ๆ ไม่ได้ต้องการให้เขามารับผิดชอบหรอก เธอไม่อยากได้ความรับผิดชอบจากคนไม่มีใจ ขอเลือกรักษาความสัมพันธ์อันดีในแบบเพื่อนต่อไปดีกว่าแม้ลึก ๆ ในใจของเธอจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ตามหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างส้มกับแบงค์ยังคงเป็นเพื่อนกันดั่งเดิม แม้ช่วงแรกส้มจะทำตัวห่าง ๆ เพื่อนชายไปบ้าง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมยังคงไปมาหาสู่เธอเป็นประจำ บางครั้งก็ซื้ออาหารมาทานที่ห้องเธอบ้างล่ะ วันหยุดก็มาชวนเธอไปเที่ยวบ้าง วนเวียนอยู่แบบนั้นทำเหมือนว่าเรื่องในคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจนสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ให้กับความช่างตื้อของเขา อย่างเช่นตอนนี้ที่เขามานั่งหน้าสล่อนอยู่ห้องเธอพร้อมกับถุงอาหารมากมาย"หอบอะไรมาเยอะแยะแบงค์" เธอหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งกวาดสายตามองถุงข้าวของที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะกระจก ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าถามเพื่อนชาย"ข้าวเที่ยงไง กินคนเดียวมันเหงาเลยพามากินกับเธอ" แบงค์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วลุกเดินไปหยิบจานในครัวเพื่อมาใส่อาหารทำเหมือนที่นี่เป็นห้องตัวเองไม่ต้องขออนุญาตเพื่อนสาวสักนิด เขามาบ่อยจนรู้แล้วว่าอะไรวางอยู่ตรงไหนบ้าง"จริง ๆ เลย" ส้มได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับการตีเนียนทำเหมือนเป็นเจ้าของห้องของเพื่อนชาย เลือกจะนั่งเอนหลังพิงโซฟาแล้วหลับตาลง ปล่อยให้อีกคนใช้ห้องได้ตามสบาย ช่วงนี้เธอร
@บ้านเอกวิโรจน์ส้มขับรถเข้ามาจอดยังบ้านหลังใหญ่โตโออาไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า คฤหาสน์ที่เป็นเหมือนกรงขังสำหรับเธอ เป็นคฤหาสน์ที่หาความสุขไม่เจอ เธอนั่งมองรอบ ๆ บริเวณบ้านผ่านกระจกรถพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างในเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องโถงก็เห็นพ่อกับแม่ และพี่ชายนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม "สวัสดีค่ะพ่อ แม่ พี่เบส""นี่ถ้าพ่อไม่ให้แม่เขาโทรตาม ลูกก็คงไม่คิดจะกลับบ้านเลยใช่ไหม" อภิสิทธิ์ประมุขของบ้านมองบุตรสาวคนเล็กที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาดุแทนที่จะรับไหว้ส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับทั้งที่ในใจอยากตะโกนบอกท่านดัง ๆ ว่าสาเหตุที่เธอไม่อยากกลับบ้าน หรืออยู่ในบ้านหลังนี้เพราะความเข้มงวดของพวกท่านสองคนนั่นแหละ ทว่ารู้แก่ใจดีว่าถ้าพูดไปท่านทั้งสองคงจะพานโกรธหาว่าเธอไม่เคารพพวกท่านอีกเพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นมาเธอจึงเลือกสงบปากสงบคำดีกว่าปล่อยให้พวกท่านบ่นไป"พ่อก็อย่าดุน้องเลยครับ" เบสชายหนุ่มตาหล่อเหลาวัยสามสิบปีออกหน้ารับแทนน้องสาวเพราะเข้าใจดี
"ทำไม ทำไมคนคนนั้นถึงไม่เป็นแบงค์ส้ม ทำไมถึงไม่เป็นแบงค์ ทั้งที่แบงค์ก็รักนับไม่แพ้ติณณภัทรเลย" เสียงตัดพ้อดังเล็ดลอดออกจากปากหมอหนุ่มผู้มีนิสัยเคร่งขรึมอย่างแบงค์เมื่อสติสัมปชัญญะของเขาถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าครอบงำจนสูญเสียความเป็นตัวเองนับดาวเป็นเพื่อนสนิทที่เขาแอบรักมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน จนถึงตอนนี้ที่เข้าสู่วัยทำงานความรู้สึกที่มีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่เพราะคำว่าเพื่อนค้ำคอทำให้เขาไม่กล้าสารภาพกลัวจะเสียเธอไป อีกทั้งเธอยังป่าวประกาศชัดเจนว่าชาตินี้จะขอครองตัวเป็นโสดเพราะขยาดผู้ชายยิ่งทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ใครไหนจะรู้เลยว่าวันหนึ่งเธอกลับแต่งงานมีครอบครัว และกล้าบอกได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้ชายคนนั้นมันยิ่งทำให้เขาชอกช้ำ ได้แต่ถามตัวเอง และเพื่อนสนิทอีกคนอย่างส้มซ้ำ ๆ ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นไม่เป็นเขาวันนี้เป็นวันที่เพื่อนสนิทอย่างนับดาวมีความสุขที่สุด เธอได้ฉลองวันเกิดพร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่รัก และได้ให้กำเนิดบุตรสาวแสนน่ารัก ความจริงเขาควรจะยินดี แต่ไม่ใช่เลยมันเป็นวันที่เขาชอกช้ำมากที่สุดต่างหากชอกช้ำจนต้องใช้แอลกอฮอล์ช่วยหวังว่ามันจะบรรเทาความรู้สึก..โดยเขาไม