หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างส้มกับแบงค์ยังคงเป็นเพื่อนกันดั่งเดิม แม้ช่วงแรกส้มจะทำตัวห่าง ๆ เพื่อนชายไปบ้าง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมยังคงไปมาหาสู่เธอเป็นประจำ บางครั้งก็ซื้ออาหารมาทานที่ห้องเธอบ้างล่ะ วันหยุดก็มาชวนเธอไปเที่ยวบ้าง วนเวียนอยู่แบบนั้นทำเหมือนว่าเรื่องในคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจนสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ให้กับความช่างตื้อของเขา อย่างเช่นตอนนี้ที่เขามานั่งหน้าสล่อนอยู่ห้องเธอพร้อมกับถุงอาหารมากมาย "หอบอะไรมาเยอะแยะแบงค์" เธอหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งกวาดสายตามองถุงข้าวของที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะกระจก ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าถามเพื่อนชาย "ข้าวเที่ยงไง กินคนเดียวมันเหงาเลยพามากินกับเธอ" แบงค์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วลุกเดินไปหยิบจานในครัวเพื่อมาใส่อาหารทำเหมือนที่นี่เป็นห้องตัวเองไม่ต้องขออนุญาตเพื่อนสาวสักนิด เขามาบ่อยจนรู้แล้วว่าอะไรวางอยู่ตรงไหนบ้าง "จริง ๆ เลย" ส้มได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับการตีเนียนทำเหมือนเป็นเจ้าของห้องของเพื่อนชาย เลือกจะนั่งเอนหลังพิงโซฟาแล้วหลับตาลง ปล่อยให้อีกคนใช้ห้องได้ตามสบาย ช่วงนี้เธอรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาไม่รู้ทำไมกัน ส่วนแบงค์หลังจากเอาจานมาก็ทำการนั่งแกะอาหารในกล่องใส่จานเงียบ ๆ ไม่คิดส่งเสียงรบกวนอีกคนที่นั่งหลับตาอยู่ กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยแตะจมูกคนที่นั่งหลับตาอยู่จนเธอต้องลืมตาขึ้นมองด้วยความสนใจ "หอมจังซื้อไรมาอ่ะ" "ฮึ..หอมงั้นเหรอปกติส้มไม่ชอบไม่ใช่เหรอ" แบงค์ที่ได้ยินคำพูดเพื่อนสาวถึงกับขมวดคิ้วชนกันเป็นปมในตอนที่กำลังแกะแกงส้มชะอมทอดใส่ถ้วย ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าเรียวด้วยความสงสัยเพราะปกติเพื่อนสาวจะบอกว่าเหม็นตลอด แต่มาครั้งนี่กลับบอกว่ามันหอม "ส้มเป็นหวัดคัดจมูกรึเปล่า" "ไม่น่ะส้มสบายดี" ส้มเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันจ้องมองแกงส้มชะอมทอดในถ้วยอย่างพินิศที่ผ่านมาเธอไม่เคยจะชอบกลิ่นมันเลย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับรังเกียจเพราะมันเป็นของโปรดแบงค์ แต่ตอนนี้เธอกลับมองว่ามันทั้งหอมทั้งน่าทานด้วยซ้ำ ยื่นจมูกเข้าไปสูดดมกลิ่นหอมของแกงใกล้ ๆ "สงสัยส้มจะได้เห็น ได้กลิ่นบ่อย ๆ จนเริ่มชอบตามแบงค์ไปแล้วมั้ง" เปล่งเอ่ยไปตามที่คิดไม่ได้นึกเอะใจ หรือคิดว่าเป็นตัวเองที่ผิดปกติไป "มันมีด้วยเหรอแบบนี้" แบงค์ยิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเดิมตั้งแต่เกิดมาเขาก็เพิ่งเคยได้ยินจากเพื่อนสาวครั้งแรกนี่แหละว่าคนเราสามารถเปลี่ยนจากไม่ชอบเป็นชอบได้เพียงได้เห็น และได้กลิ่นบ่อย ๆ เหมือนสำนวนที่ว่าเห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง "บะ.." "เลิกสงสัยแล้วกินกันเถอะน่า ฉันอยากกินจนน้ำลายสอแล้ว" ส้มรีบพูดแทรกขึ้นก่อนเพื่อนชายจะได้เอ่ยอะไรต่อพลางยื่นมือไปตักข้าวจากกล่องใส่จานให้ตัวเองกับเขา แล้วเริ่มลงมือทาน "แปลกจริง" แบงค์บ่นพึมพำกับตัวเอง นึกแปลกใจไม่ได้จริง ๆ กับท่าทางเพื่อนสาวในตอนนี้ที่กำลังตักแกงส้มชะอมทอดเข้าปากคำแล้วคำเล่าด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อย ส่วนทางกับก่อนนี้สิ้นเชิงเพราะเพียงได้กลิ่นแกงเธอก็หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้ว เขามองเพื่อนสาวนิ่ง ๆ พลันทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ส้มถือเป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง เขารู้จักกับเธอ และนับดาวมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนสาวสองคนดีมาตลอด เวลามีปัญหาอะไรก็ช่วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด กระทั่งนับดาวแยกไปมีครอบครัวนี่แหละจึงทำให้เหลือเพียงเขากับส้มที่ยังไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเธอไว้ "กินสิแบงค์นั่งมองส้มจะไปอิ่มเหรอ" เสียงของส้มดังทบโสตประสาททำให้เขาหลุดออกจากห้วงความคิด พยักเพยิดหน้าให้เพื่อนสาวโดยไม่เอ่ยอะไร ก่อนก้มหน้าทานข้าวไปพลางปรายตามองใบหน้าเรียวเป็นระยะ สังเกตท่าทางของเพื่อนสาว เขาเป็นหมอย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่เพื่อนสาวเป็นอยู่มันไม่ปกติ คิดว่าคงมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ ๆ เพียงแต่เขาเป็นหมอกระดูกจึงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหู คอ จมูกมากเท่าไรนักหากให้แน่ใจต้องหาหมอเฉพาะทาง "แบงค์ว่าส้มลองไปหาหมอดูไหมจะได้แน่ใจว่าไม่ได้ป่วยเป็นอะไรจริง ๆ" เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากทานข้าวเสร็จแล้วเพราะอดห่วงเพื่อนสาวไม่ได้จริง ๆ "อือ ๆ ไว้พรุ่งนี้จะไปหา" ส้มรับปากแบบขอไปที ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างคนเกียจคร้านเมื่อรู้สึกอิ่มเป้ล อีกคนได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทางของเธอแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จัดการเก็บจานพาไปวางในครัวทิ้งให้หน้าที่ล้างจานเป็นของเธอเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อเสร็จก็เดินกลับไปหย่อนก้นนั่งที่เดิม ครืดดด~ สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ส้มที่กำลังจะอ้าปากพูดกับเพื่อนชายชะงัก มือเรียวหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวขึ้นมาดูครั้นเห็นเบอร์มารดาโชว์หราบนหน้าจอจึงกดรับสาย "ว่าไงคะแม่" (พ่อเขาบ่นคิดถึงน่ะ เย็นนี้กลับมาทานข้าวที่บ้านนะ) "ได้ค่ะ" (โอเคจ้ะ) หลังจากวางสายมารดาส้มก็ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะทุกครั้งที่กลับไปบ้านเธอมักจะถูกท่านบ่นเสมอ และชอบบังคับให้ทำนู่นทำนี่ที่เธอไม่อยากทำ นึ่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงแยกออกมาอยู่คอนโดทั้งที่มีบ้านหลังใหญ่โตโออา มีคนใช้คอยทำทุกอย่างให้ สะดวกสบายไปหมดทุกอย่าง ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเธอโคตรโชคดีเกิดมาบนกองเงินกองทอง มีครอบครัวแสนอบอุ่น พ่อกับแม่ดูรักเธอมาก ๆ ทว่านั่นเป็นเพียงภายนอกที่คนอื่นเห็น ความเป็นจริงคือเธอไม่มีความสุขเลยสักนิดตั้งแต่เล็กจนโตเธอโดนพ่อแม่ขีดเส้นตลอด ต้องเป็นไปตามที่พวกท่านต้องการไม่เคยมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่เคยมีอิสระเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เลย สิ่งที่พวกท่านพูดกลอกหูเธอทุกวันคืออย่าทำให้พวกท่านขายหน้า ต้องเรียนเก่ง ๆ ต้องได้เป็นที่หนึ่งเพราะพวกท่านเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคมจะน้อยหน้าคนอื่น ๆ ไม่ได้ โดยพวกท่านไม่เคยถามถึงความต้องการ และความรู้สึกของเธอสักนิด "เป็นอะไร" แบงค์ที่นั่งมองเพื่อนสาวเงียบ ๆ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าหน่าย ๆ ของเธอ หากให้เดาแม่เธอคงโทรให้กลับบ้านเพราะเธอมักบ่นเรื่องที่บ้านให้ฟังบ่อย ๆ เรื่องที่กระทบกระเทือนใจเพื่อนสาวได้มีแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น "แม่โทรให้กลับบ้านน่ะ" ส้มตอบอย่างเซ็ง ๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ แบงค์ได้ยินดังนั้นจึงยื่นมือไปตบบ่าเพื่อนสาวเชิงให้กำลังใจ "เอาน่านาน ๆ จะกลับบ้านที" ส้มเพียงพยักหน้ารับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สายตามองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกหลากหลาย เพราะเพื่อนชายดีแสนดีแบบนี้ไงจะไม่ให้เธอหลงรักได้ยังไงกัน แบงค์เป็นเพื่อนที่ช่างสังเกตและใส่ใจเพื่อน ๆ ทุกคนมาก หากเพื่อนมีปัญหาก็คอยอยู่ข้าง ๆ และคอยปลอบประโลมให้กำลังใจเสมอ เวลาเพื่อนพบเจออันตรายก็จะออกหน้าปกป้อง ยามเพื่อนไม่สบายก็คอยดูแลไม่ห่าง ผู้หญิงคนไหนได้เขาเป็นสามีคงโชคดีมาก ๆ แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่เธอ เธอมันคงเป็นได้แค่เพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นพอคิดมาถึงตรงนี้ก็อดเศร้าไม่ได้ แต่ก็พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์ชวนเพื่อนชายพูดคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกระทั่งเขาขอแยกตัวกลับไปทำงาน เธอจึงกลับบ้านเช่นกัน@บ้านเอกวิโรจน์ส้มขับรถเข้ามาจอดยังบ้านหลังใหญ่โตโออาไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า คฤหาสน์ที่เป็นเหมือนกรงขังสำหรับเธอ เป็นคฤหาสน์ที่หาความสุขไม่เจอ เธอนั่งมองรอบ ๆ บริเวณบ้านผ่านกระจกรถพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างในเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องโถงก็เห็นพ่อกับแม่ และพี่ชายนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม "สวัสดีค่ะพ่อ แม่ พี่เบส""นี่ถ้าพ่อไม่ให้แม่เขาโทรตาม ลูกก็คงไม่คิดจะกลับบ้านเลยใช่ไหม" อภิสิทธิ์ประมุขของบ้านมองบุตรสาวคนเล็กที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาดุแทนที่จะรับไหว้ส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับทั้งที่ในใจอยากตะโกนบอกท่านดัง ๆ ว่าสาเหตุที่เธอไม่อยากกลับบ้าน หรืออยู่ในบ้านหลังนี้เพราะความเข้มงวดของพวกท่านสองคนนั่นแหละ ทว่ารู้แก่ใจดีว่าถ้าพูดไปท่านทั้งสองคงจะพานโกรธหาว่าเธอไม่เคารพพวกท่านอีกเพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นมาเธอจึงเลือกสงบปากสงบคำดีกว่าปล่อยให้พวกท่านบ่นไป"พ่อก็อย่าดุน้องเลยครับ" เบสชายหนุ่มตาหล่อเหลาวัยสามสิบปีออกหน้ารับแทนน้องสาวเพราะเข้าใจดี
"ทำไม ทำไมคนคนนั้นถึงไม่เป็นแบงค์ส้ม ทำไมถึงไม่เป็นแบงค์ ทั้งที่แบงค์ก็รักนับไม่แพ้ติณณภัทรเลย" เสียงตัดพ้อดังเล็ดลอดออกจากปากหมอหนุ่มผู้มีนิสัยเคร่งขรึมอย่างแบงค์เมื่อสติสัมปชัญญะของเขาถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าครอบงำจนสูญเสียความเป็นตัวเองนับดาวเป็นเพื่อนสนิทที่เขาแอบรักมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน จนถึงตอนนี้ที่เข้าสู่วัยทำงานความรู้สึกที่มีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่เพราะคำว่าเพื่อนค้ำคอทำให้เขาไม่กล้าสารภาพกลัวจะเสียเธอไป อีกทั้งเธอยังป่าวประกาศชัดเจนว่าชาตินี้จะขอครองตัวเป็นโสดเพราะขยาดผู้ชายยิ่งทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ใครไหนจะรู้เลยว่าวันหนึ่งเธอกลับแต่งงานมีครอบครัว และกล้าบอกได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้ชายคนนั้นมันยิ่งทำให้เขาชอกช้ำ ได้แต่ถามตัวเอง และเพื่อนสนิทอีกคนอย่างส้มซ้ำ ๆ ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นไม่เป็นเขาวันนี้เป็นวันที่เพื่อนสนิทอย่างนับดาวมีความสุขที่สุด เธอได้ฉลองวันเกิดพร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่รัก และได้ให้กำเนิดบุตรสาวแสนน่ารัก ความจริงเขาควรจะยินดี แต่ไม่ใช่เลยมันเป็นวันที่เขาชอกช้ำมากที่สุดต่างหากชอกช้ำจนต้องใช้แอลกอฮอล์ช่วยหวังว่ามันจะบรรเทาความรู้สึก..โดยเขาไม
เช้าวันใหม่ภายในห้องนอนของคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองหลวงเผยให้เห็นร่างของสองหนุ่มสาวที่กำลังนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงสภาพของทั้งสองเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าเพราะเมื่อคืนเพิ่งผ่านศึกเร่าร้อนบนเตียงมาอย่างหนักหน่วงร่างสูงภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อถูกแสงแดดที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างสีขาวเข้ามากระทบเปลือกตา "อ่า.." เขาส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ พลางยกมือขึ้นกุมขมับ พยายามปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นมาด้วยอาการมึน ๆ คิ้วเข้มพลันขมวดเป็นปมเมื่อเห็นเพดานที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ดวงตาคมกระพริบปริบ ๆ สองสามครั้งไล่อาการพร่าเบลอออก ก่อนจะเลื่อนหน้ามองบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มขยับขยุกขยิกข้างตัว"ส้ม!" ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจครั้นเห็นใบหน้าของเพื่อนสาวอย่างส้ม ที่สำคัญเธอยังนอนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึกค่อย ๆ ไล่สายตาลงมองร่างกายตัวเองด้วยหัวใจลุ้นระทึกรูม่านตายิ่งขยายมากกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ได้แต่สบถในใจซ้ำ ๆ ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นทำไมเขากับเพื่อนสาวถึงได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ ที่แน่ ๆ คือเมื่อคืนเขากับเพื่อนสาวคงไม่ใช่แค่นอนแก้ผ้ากันเฉย