"ทำไมแบงค์มองส้มแบบนั้น" ในที่สุดส้มก็ทนอยู่ในสถานการณ์อันน่าอึดอัดไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเพื่อนชายเอาแต่นั่งมองหน้าเธอเป็นสิบ ๆ นาทีแล้ว
รวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นเอาไว้เปล่งเสียงถามไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มือที่ประสานกันบนหน้าตักบีบเข้าหากันแน่น "แม่ส้มโทรมาถามแบงค์ว่ารู้จักแฟนส้มไหม ท่านบอกว่าส้มท้อง สรุปส้มท้องจริง ๆ ใช่ไหม" แบงค์หลับตาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนปรือขึ้นถามเพื่อนสาวที่นั่งตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจกลับลุ้นระทึกกับคำตอบเป็นอย่างมาก แอบภาวนาขอให้ทั้งหมดเป็นเรื่องไม่จริง บอกตามตรงว่าวินาทีที่ได้ยินแม่ของส้มบอกว่าเธอท้องหัวใจของเขามันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาส้มไม่เคยมีแฟนสักคน ไม่เคยข้องแวะ หรือยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนในเชิงชู้สาว หรือกระทั่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครนอกจากเขาที่มาจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้น แล้วแบบนี้ลูกในท้องเธอจะเป็นลูกใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่ลูกเขา "ใช่ส้มท้องจริง ๆ" ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายพลันกระตุกวูบกับคำยืนยันจากปากเพื่อนสาว 'อ่า..ให้ตายเถอะ' ได้แค่สบถในใจซ้ำ ๆ จ้องมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง ตอนนี้มันสับสนงุนงงไปหมดไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ ๆ คือเขาไม่ได้ยินดีหรือดีใจกับการมีลูกกะทันหัน หนำซ้ำยังมาจากความผิดพลาดและผู้หญิงที่ไม่ได้รัก ยิ่งไปกว่านั้นคือแม่ของลูกดันเป็นเพื่อนสนิทอีก เขาคงเป็นคนที่ซวยเอามาก ๆ เพราะพลาดมีอะไรกับเพื่อนสาวแค่ครั้งเดียวแต่ดันท้องเสียงั้น ขณะที่มีคู่สามีภรรยาตั้งมากมายพยายามทำทุกวิถีทางเพราะอยากมีลูกแต่กลับไม่มี เขาส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อเปล่งเสียงถามอีกครั้งด้วยคำถามที่เขาเองก็รู้อยู่แกใจดีเพียงเพราะไม่อยากยอมรับ "ท้องได้ยังไงกัน ท้องกับใคร" "ส้มพลาดมีอะไรกับแบงค์แค่คนเดียว แล้วคิดว่าส้มท้องกับใครล่ะ" ส้มส่ายหน้าเบา ๆ มองหน้าเพื่อนชายด้วยความผิดหวังนิด ๆ ไม่คิดว่าเพื่อนชายจะกล้าถามคำถามแบบนี้ออกมาราวกับว่าเขาไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมาเธอเป็นยังไง และมีนิสัยยังไง หรือที่ถามแบบนี้เพียงเพราะไม่ต้องการรับผิดชอบลูกในท้องของเธอกันแน่ก็ไม่รู้ "แบงค์จะเอายังไงกับเรื่องนี้ว่ามาเลย" แม้จะรู้สึกกลัวกับคำตอบแต่เธอก็เลือกถามออกไปตรง ๆ จะได้รู้เรื่องกันไปเลยไม่ต้องมานั่งคิดเองเออเอง "แบงค์จะรับผิดชอบลูกในท้องส้ม หากส้มไม่อยากเลี้ยงเขาคลอดเมื่อไรแบงค์จะรับมาเลี้ยงเอง แต่ถ้าส้มอยากจะเลี้ยงเองก็ได้ แบงค์จะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และในระหว่างที่ส้มท้องแบงค์จะคอยดูแลจนกว่าจะคลอด" แบงค์นิ่งเงียบใช้ความคิดสักครู่ใหญ่ก่อนตอบ เขารู้ว่าที่ตัวเองพูดไปมันเห็นแก่ตัวสักหน่อย แต่จะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักเขาทำไม่ได้แค่เรื่องลูกมันก็มากพอแล้ว คำพูดของเพื่อนชายทำเอาส้มจุกในอกไม่น้อยเพราะเขาแสดงเจตนารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการรับผิดชอบแค่ลูก ไม่มีชื่อของเธอร่วมอยู่ในประโยคสักคำ เธอควรจะดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ยอมรับลูกในท้องพยายามตีหน้าเรียบนิ่งเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ย้อนถามให้แน่ใจว่าเธอเข้าใจถูก "หมายความว่าเราจะเกี่ยวข้องกันแค่ในฐานะพ่อแม่ของลูกใช่ไหม" "ใช่" "แล้วส้มจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ยังไง หากท่านรู้คงไม่ยอมแน่ ๆ เกรงว่ามันจะไม่จบแค่ที่แบงค์ยอมรับน่ะสิ" เธอเอ่ยออกมาอย่างอ่อนใจ ลำพังแค่เธอคนเดียวไม่เป็นไรหรอกเพื่อนชายว่ายังไงเธอก็ว่าอย่างงั้น เอาที่สบายใจกันเพราะเธอไม่อยากฝืนใจ หรือบังคับคนไม่มีใจให้มาอยู่กับตัวเอง มันคงจะไม่มีความสุขกันทั้งสองฝ่ายดีไม่ดีอาจทำให้เสียมิตรภาพดี ๆ ไปก็ได้ หากพ่อแม่เธอรู้ว่าแบงค์คือพ่อของลูกในท้องเธอท่านต้องมัดมือชกให้เขารับผิดชอบโดยการแต่งงานกับเธอแน่ ๆ เพราะพวกท่านชอบเพื่อนชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพื่อนชายเป็นถึงหมอ หนำซ้ำยังพ่วงด้วยตำแหน่งผู้บริหารบริษัทผู้จำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ และทางครอบครัวของเขายังทำธุรกิจอีกหลายอย่างเป็นตระกูลผู้ดีเก่าเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม พวกท่านยังเคยสนับสนุนให้เธอลองหยอดเพื่อนชายดูเผื่อว่าจะได้เป็นมากกว่าเพื่อนสนิท แต่เธอก็ไม่ทำทั้งที่แอบรักเขาเพราะรู้ดีแก่ใจว่าเขารักใคร "อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ของส้มว่าแบงค์คือพ่อของลูกในท้อง แบงค์ขอเวลากลับไปคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจก่อน" แบงค์เองก็เริ่มคิดหนักเหมือนกันเมื่อนึกถึงพ่อแม่ของตัวเองเพราะพวกท่านเองดูเหมือนจะชอบ และเอ็นดูเพื่อนสาวไม่น้อยถึงขั้นเคยเอ่ยปากบอกให้เขาจีบมาเป็นแฟน เพื่อนสาวเพรียบพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นฐานะ การศึกษา หน้าตา นิสัยและชาติตระกูล ที่สำคัญคือเธอเป็นทายาทของบริษัทผลิตยาชั้นนำหากได้เกี่ยวดองกันเชื่อว่าจะเป็นการดีมาก ๆ ดังนั้นเขาคงต้องกลับไปคุยกับพ่อแม่ให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อไม่ให้พวกท่านมัดมือชกให้เขาแต่งงานกับเพื่อนสาว "แต่พ่อกับแม่ให้เวลาส้มแค่สามวันนะ" ส้มก็อยากจะยืดเวลาให้เพื่อนชายอยู่หรอกแต่ติดที่พ่อแม่เธอขีดเส้นตายมาแล้ว แถมตอนนี้ผู้เป็นแม่ยังพยายามสืบอีกว่าพ่อขอลูกในท้องเธอคือใคร "ช่วยยื้อเวลาให้แบงค์หน่อยนะ แบงค์ขอร้อง" "ส้มจะพยายาม แต่ไม่รู้ว่าจะยื้อได้นานไหม" ทว่าสุดท้ายเธอก็ไม่อาจต้านทานสายตาเว้าวอน และน้ำเสียงนุ่ม ๆ ของเพื่อนชายได้ยอมตกปากรับคำง่าย ๆ แม้ตัวเองจะต้องลำบากก็ตามเพราะเข้าใจถึงความรู้สึกเขาดี หากเพื่อนชายนึกถึงจิตใจเธอเหมือนที่เธอนึกถึงจิตใจเขาบ้างก็คงดี ทว่าก็คงจะไม่แปลกในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอแล้วจะมานึกถึงจิตใจเธอได้ยังไงกัน "อืม.." แบงค์เพียงพยักหน้าไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ และไม่คิดนึกถึงจิตใจเพื่อนสาวด้วยว่าจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จะคิดถามไถ่ว่าเธอได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ตอนนี้สมองและจิตใจของเขาคิดเพียงว่าจะหาเหตุผลอะไร หรือพูดยังไงให้พ่อแม่เข้าใจโดยที่ไม่ต้องโดนบังคับแต่งงานเพราะเขาจะไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก และจะไม่มีวันให้เด็กเพียงหนึ่งคนที่เกิดมาจากความไม่ตั้งใจมาผูกมัดเขากับเพื่อนสาวไว้เด็ดขาด จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ไม่เถียงเพราะตอนนี้เขานึกถึงแต่ตัวเองจริง ๆ ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบอีกครั้งต่างคนต่างนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ผ่านไปเนินนานหลายนาทีแบงค์จึงเอ่ยขึ้น "งั้นแบงค์ขอตัวกลับก่อนนะ รู้สึกปวดหัว" เขาอ้างว่าปวดหัวทั้งที่ความจริงไม่ใช่สักนิดแค่ต้องการปลีกตัวออกจากเพื่อนสาว ยอมรับตรง ๆ ว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เขารู้สึกไม่สนิทใจกับเพื่อนสาวเหมือนเก่าจริง ๆ มันเหมือนเกิดกำแพงบางอย่างขึ้น "อืม..ขับรถดี ๆ หากปวดหัวมากก็อย่าลืมหายาทานด้วยล่ะ" ส้มพยักหน้ารับพลางบอกกล่าวต่อให้สัมผัสได้ว่าเพื่อนชายไม่เหมือนเดิม และไม่คิดใยดีแต่เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ก็คนมันรักไปหมดใจแล้วจะให้ทำยังไง เจ็บก็ต้องกลำกลืนฝืนทน "อึก.." หลังจากเพื่อนชายหายหลังไปน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ค่อย ๆ รินไหลออกจากตาคู่สวยหยดเผาะลงบนพวงแก้มนวลด้วยความรู้สึกมากมายที่จุกอยู่ในอกเพียงคิดว่าต่อจากนี้ไปทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม มิตรภาพอันดีระหว่างเธอกับเพื่อนชายส่อแววว่าจะพังทลายลงแล้วเพราะท่าทีของเพื่อนชายที่แสดงออกมามันดูนิ่งจนน่าใจหาย การมีลูกกับเธอมันคงเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับเขาวันต่อมา@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ตาแบงค์มานั่งคุยกับแม่หน่อย" เสียงของผู้เป็นแม่ทำให้แบงค์ที่กำลังจะเดินผ่านห้องโถงหยุดชะงัก หันไปเลิกคิ้วถามท่านด้วยความสงสัย "แม่มีอะไรครับผมต้องรีบไปเคลียร์งานที่บริษัท เสร็จแล้วจะได้ไปเปิดคลินิกต่อ""วันนี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ลูกต้องไปธุระกับพ่อ และแม่" คุณหญิงผกาเอ่ยแกล้มออกคำสั่งจ้องมองบุตรชายด้วยแววตาดุไร้แววล้อเล่นทำเอาแบงค์แปลกใจไม่น้อยเพราะไม่ใช่บ่อยครั้งที่จะเห็นผู้เป็นแม่ในมุมแบบนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ ๆ เขาจึงต้องเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาอีกตัวตรงข้ามพ่อแม่อย่างเลี่ยงไม่ได้"แม่มีอะไรครับทำไมต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้น" เปล่งเสียงถามไปด้วยความสงสัยกับท่าทางตึงเครียดของแม่กับพ่อที่มองมายังเขาราวกับว่าเขาไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้น"แกทำหนูส้มท้องยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ" วินิจประมุขของบ้านพูดโดยไม่อ้อมค้อม มองหน้าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยแววตาคาดโทษ ขณะที่แบงค์นั่นถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับคำบอกกล่าวจากปากผู้เป็นพ่อ คิ้วเข้มขมวดชนกันด้วยความสงสัย สมองเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามว่าท่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน ไหนจะกังวัลว่าบทสรุปขอ
@บ้านเอกวิโรจน์สุดท้ายแบงค์ก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดัน และคำประกาศกร้าวของพ่อแม่ได้จำใจต้องมาที่บ้านของเพื่อนสาวกับพวกท่าน เขาถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ครั้นรถจอดลงหน้าบ้านเอกวิโรจน์ บ้านของเพื่อนสาวที่เขาเข้าออกเป็นว่าเล่น แต่ตอนนี้เขากลับไม่อยากจะเหยียบเข้าไปที่สุด"ทำหน้าให้มันดี ๆ ตาแบงค์" ผกาเอ็ดบุตรชายด้วยน้ำเสียงดุรู้สึกไม่ชอบใจที่บุตรชายทำหน้าซังกะตาย หากพ่อแม่ของเด็กสาวเห็นคงคิดว่าบุตรชายของเธอไม่เต็มใจรับผิดชอบลูกสาวของทั้งสองคนโดนดุไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ ลงจากรถไปเงียบ ๆ ทิ้งให้คนเป็นพ่อแม่ส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอือมระอากับท่าทางของบุตรชาย ก่อนจะพากันลงจากรถ.."รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่หนูส้ม อย่าคิดทำอะไรให้แม่กับพ่อขายหน้าเด็ดขาดเข้าใจไหม" ผกาเน้นย้ำกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้งในขณะที่กำลังพากันเดินเข้าไปในบ้าน"แม่ย้ำกับผมเป็นร้อยรอบแล้วครับ" แบงค์เอ่ยออกมาอย่างอ่อนใจพลางปรายตามองผู้เป็นแม่ เพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมาท่านก็เอาแต่ย้ำเรื่องนี้ กลัวเหลือเกินกลัวว่าวะเสียหน้าไม่คิดจะถามเขาเลยสักนิดว่ารู้สึกอย่างไรมีความสุขไหมกับการตัดสินใจของพวกท่าน
"มีอะไรก็ว่ามา" ทันทีที่เดินมาถึงลานสนามหญ้าหน้าบ้านแบงค์ก็ถามไถ่ขึ้นทั้งที่ไม่หันไปมองหน้าคนที่ดินตามหลังมาสักนิด เขาไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนสาวตอนนี้เกรงว่าจะข่มอารมณ์ไม่อยู่แล้วเผลอทำอะไรรุนแรงไป"ส้มขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส้มมันสะเพร่าเองทำให้แบงค์ต้องมาเดือดร้อนด้วย แบงค์คงโกรธส้มมากสินะ" ส้มไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เพื่อนชายจะทำหน้ายังไงพยายามกักเก็บความเสียใจเอาไว้เปล่งเสียงพูดไปอย่างแผ่วเบา หวังว่าคำขอโทษจากเธอมันจะสามารถเรียกความรู้สึกของเพื่อนชายกลับมาได้บ้าง แต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะเขาไม่แม้แต่จะตอบอะไรกลับมายืนนิ่งราวกับหิน มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดนูนคงกำลังข่มอารมณ์บางอย่างอยู่เพราะเพื่อนชายมักกำหมัดแน่นทุกครั้งที่โกรธ หรือต้องข่มอารมณ์ต่าง ๆ ไว้ บอกตามตรงว่าเจอแบบนี้ก็แอบหวั่นใจเหมือนกันเธอเคยเห็นมาแล้วว่าเวลาเพื่อนชายโกรธมันน่ากลัวขนาดไหนทว่าหากไม่ใช้โอกาสนี้คุยกันให้เข้าใจเกรงว่าหลังจากนี้จะไม่ได้คุยดี ๆ กันอีกแล้วจึงรวบรวมความกล้า แล้วเดินอ้อมไปยืนเผชิญหน้ากับเขา เอ่ยไปด้วยใบหน้าเศร้า "มีอะไร หรือรู้สึกอะไรแบงค์ช่วยพูดกับส้มตรง ๆ ได้ไหม อย่าทำเย็นชาแบบนี้เลยส้มรู้สึกไ
ส้มมองคู่รักหนุ่มสาวที่พากันมาลองชุดภายในร้านด้วยความรู้สึกจุกในอกระคนอิจฉา ผู้หญิงเหล่านั้นช่างโชคดีที่ได้แต่งงานกับคนที่รัก ใบหน้าของพวกเธออิ่มเอมไปด้วยความสุข ออร่าเจ้าสาวจับ ต่างจากเธอที่ได้แต่งงานกับคนที่รักก็จริง แต่กลับไม่มีความสุขเลยเพราะเป็นการรักข้างเดียว หนำซ้ำการแต่งงานยังเกิดขึ้นเพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบังคับ ภายในใจมันเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมยิ่งเห็นว่าที่เจ้าบ่าวภายในร้านแสดงความรัก ความเอาใจใส่ต่อว่าที่เจ้าสาวของตัวเองก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกเจ็บ ขณะที่เธอต้องยืนโดดเดี่ยวคนเดียวได้แต่ถามตัวเองในใจว่าเธอมาทำอะไรที่นี่"เชิญทางนี้ค่ะคุณส้ม" เสียงของพนักงานดังขึ้นทางด้านหลังเธอจึงละสายตาออกจากเหล่าคู่รักตรงหน้า หันมองเจ้าของเสียงแทน พยายามฝืนยิ้มให้พนักงานหญิงวัยยี่สิบต้น แล้วเดินตามเธอขึ้นไปยังชั้นสองของร้านซึ่งมีชุดเจ้าสาวแบบต่าง ๆ แขวนอยู่ในตู้โชว์จนลายตา แต่ละชุดสวยมาก ๆ เหมือนที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ว่าสักวันจะสวมใส่ให้ได้ทว่าในตอนนี้เธอกลับไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับชุดสวย ๆ เหล่านี้สักนิดเธอไม่อยากจะใส่ด้วยซ้ำ มันจะมีประโยชน์อะไรต่อให้ใส่ชุดแต่งงานสวยแค่ไหนแต่ในใจเต็มไปด้
วันเวลาดำเนินมาถึงวันที่ส้มกับแบงค์ต้องแต่งงานกัน ช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยซึ่งจัดขึ้นที่บ้านของส้ม ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ทั้งสองจะบาดหมางกันแต่ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีปั้นหน้ายิ้ม และแสดงความรักต่อหน้าแขกเหรื่อได้อย่างแนบเนียน และช่วงค่ำก็เป็นงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสที่โรงแรมชื่อดัง งานฉลองของทั้งสองถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของสองตระกูล แขกเหรื่อถูกเชิญมาร่วมงานนับพันคน"เฮ้อ.." ส้มมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า ชุดเจ้าสาวแสนสวยที่สวมอยู่บนตัวไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขสักนิด ในใจมันเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมอยากจะให้งานแต่งนี้เสร็จสิ้นไว ๆ ด้วยซ้ำไปเพราะเหนื่อยกับการที่ต้องปั้นหน้ายิ้ม และทำตัวเหมือนมีความสุขเต็มทน"วันนี้แกเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลยรู้ไหมส้ม ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ" นับดาวที่คอยช่วยเพื่อนสาวแต่งตัวเอ่ยขึ้นครั้นเห็นสีหน้าเศร้าหมองในกระจกของเพื่อนพลางใช้มือตบบ่าเบา ๆ ให้กำลังใจและปลอบประโลมในเวลาเดียวกัน เพื่อนสาวเล่าทุกอย่าที่เกิดขึ้นให้ฟังหมดแล้วเธอจึงเข้าใจความรู้สึกเพื่อนสาวดีเพราะเคยผ
"หึ" ส้มมองห้องที่ถูกจัดเป็นห้องหอ บนเตียงโรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นรูปหัวใจอย่างสวยงามด้วยแววตาว่างเปล่าพร้อมกับเค้นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน เธอช่างเป็นเจ้าสาวที่น่าสมเพชสิ้นดีนอกจากจะโดนเจ้าบ่าวพูดจาจิกกัดตลอดงานแล้ว ในคืนเข้าหอเจ้าบ่าวก็หายตัวไปอีก หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันกลับไปหมดเจ้าบ่าวของเธอก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาหายไปตั้งแต่ตอนไหน ยอมรับว่าเสียใจไม่น้อยต่อให้นี่จะเป็นการแต่งงานปลอม ๆ เขาก็ควรให้เกียรติเธอกับครอบครัวหน่อย หากคนอื่นรู้คงเอาไปนินทากันสนุกปากเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนทำการปัดกลีบกุหลาบบนที่นอนออกจนเกลี้ยง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังสวมชุดแต่งงานอยู่เพราะรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ๆ เปลือกตาก็แทบปิดอยู่รอมร่อ ทันทีที่หัวถึงหมอนนุ่ม ๆ เพียงไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไปติ้ง~ ติ้ง~ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอหลับไปกระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา ยกมือขึ้นขยี้ตาไล่อาการงัวเงียเบา ๆ ก่อนจะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้าโต๊ะกระจกมาดู คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าข้อความที่ถูกส่งมาจากไลน์แปลก ๆ โปรไฟล์เป็นรูปตั
"อ๊ะ!"หัวใจดวงน้อย ๆ ของส้มหล่นวูบลงสู่ตาตุ่มเมื่อถูกเพื่อนชายทุ่มลงบนเตียงนุ่ม ๆ สีหน้าแสดงความตื่นตระหนกให้เห็นอย่างชัดเจน "แบงค์จะทำอะไร""ลองมีอะไรกับคนความคิดสกปรก และร่างกายสกปรกแบบฉันหน่อยเป็นไร ไหน ๆ เธอก็ยอมลงทุนตลบหลังฉันบากหน้าไปบอกเรื่องท้องกับพ่อแม่ฉันจนได้ตำแหน่งเมียไปครอง" ไม่ว่าเปล่าแบงค์ตามลงไปคร่อมร่างบางที่กำลังจะขยับหนีทันที รวบมือเรียวทั้งสองกดตรึงไว้ข้างศีรษะ จับจ้องดวงหน้าเรียวที่ฉายไปด้วยความตื่นตระหนกนิ่ง ๆความจริงเขาไม่ได้อยากทำเกินเลยกับหญิงสาวเป็นครั้งที่สอง แต่คำพูดของเธอทำให้เขาเปลี่ยนความคิด"อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะแบงค์ส้มท้องอยู่ เราตกลงกันแล้วไงว่าจะอยู่ด้วยกันในฐานะพ่อแม่ของลูกเฉย ๆ จะไม่มีเรื่องแบบนี้" ส้มทักท้วงข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกันก่อนแต่งงานหวังว่าจะช่วยเตือนสติเพื่อนชายได้บ้าง พร้อมกับพยายามขืนมือออกจากการกดตรึง เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเขาถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ พอเวลาต้องเลิกกันมันคงเจ็บปวดมาก บางทีอาจจะมองหน้าไม่ติดกันด้วยซ้ำไป และที่สำคัญเธอไม่อยากซ้ำรอยใครเธอรับไม่ได้จริง ๆ"ฉันเป็นหมอฉันรู้ว่าทำได้ หรือไม่ได้ เธอแค่นอนอ้าขาให้ฉั
หลังจากแบงค์เสร็จสมตามที่ตัวเองต้องการเขาก็ทิ้งตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้หญิงสาวอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นไม่กี่นาทีก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวาน ขณะที่ส้มได้แต่กลำกลืนความขืนขมไว้ในอกกับท่าทางของเพื่อนชายที่ทำเหมือนเธอเป็นกระโถนรองรับอารมณ์พอได้ดั่งใจก็ทิ้งขว้างไม่เหลียวแลจ้องมองแผ่นหลังกว้างด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะละสายตาออก หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบอกแล้วพาตัวลงจากเตียงเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายที่เคลือบไปด้วยเหงื่อ และน้ำกามตามหว่างขาออกจากนั้นออกมาแต่งตัวโดยที่อีกคนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง และเธอไม่คิดจะปลุกเขา ครั้นแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างของบ้านวิสุทธิ์ภักดี"อ้าว! หนูส้มทำไมรีบลงมา ไม่พักผ่อนอีกหน่อยล่ะจ๊ะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่ เมื่อวานก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" ผกาที่นั่งคุยกับสามีในห้องโถงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมกับระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นลูกสะใภ้คนโปรดเดินลงมาจากบันใด"หนูชินกับการตื่นเช้าแล้วค่ะคุณป้า" ส้มระบายยิ้มตอบพร้อมกับเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอีกตัว "ยังเรียกป้าอยู่อีก หนูแต่งงานเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่เพื่อนตาแบงค์แล้ว เรียก
@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ว้าย!" ส้มร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกพ่อของลูกยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านวิสุทธิ์ภักดี "จะอุ้มทำไมแบงค์ส้มก็กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นี่ไง" ครั้นตั้งตัวได้เธก็โวยวายใส่ร่างสูงพลางใช้มือทุบอกเขาแรง ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาอุ้มทำไมกันในเมื่อเธอก็ยอมเดินเข้าบ้านดี ๆ ไม่ได้จะวิ่งหนีกลับบ้านสักหน่อยแบงค์เพียงยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรตั้งหน้าอุ้มเธอเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ก่อนจะพาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทำเอาส้มต้องขมวดคิ้วเป็นปม รีบเปล่งเสียงถามทันที "แบงค์จะพาส้มไปไหน ปล่อยส้มลงเดี๋ยวนี้นะ""พาขึ้นไปดูทะเบียนสมรส แล้วก็ใบหย่าไงเพื่อยืนยันว่าแบงค์ยังไม่ได้เซ็นมันจริง ๆ เพราะฉะนั้นเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่" สิ้นประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์จนส้มอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย พยายามข่มอาการเอาไว้แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุหวังว่าอีกคนจะเกรงขึ้นมาบ้าง "แบงค์ก็ขึ้นไปหยิบลงมาให้ดูสิ จะอุ้มส้มขึ้นไปด้วยทำไม" "อยากพาขึ้นไปดูให้ถึงที่ไง" "มันใช่เรื่องไหม
หลายปีต่อมา"คุณพ่อคะเมื่อวานตอนไปห้างมีหนุ่ม ๆ มาจีบคุณแม่ด้วยค่ะ" ทันทีที่แบงค์ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านเอกวิโรจน์บุตรสาวที่นั่งรอการมาของเขาในห้องโถงก็รีบเอ่ยฟ้องเสียงเจื้อยแจ๋ว"จริงเหรอครับ" ทำเอาแบงค์ถึงกับหูผึ่งรีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างบุตรสาว ถามไถ่ด้วยความร้อนรนใจ "แล้วผู้ชายคนนั้นหล่อไหม แล้วแม่เขาตอบผู้ชายคนนั้นไปว่ายังไงบ้าง""เขาก็หล่อนะคะ แต่น้อยกว่าคุณพ่อ" ภริตาเด็กน้อยวัยย่างเข้าเก้าขวบตอบไปตามความจริงเพราะสำหรับเธอแล้วไม่มีใครหล่อกว่าพ่อตัวเอง "ส่วนคุณแม่แค่ยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนั้นค่ะไม่ได้ตอบอะไร น้องริตาเลยตอบแทนคุณแม่ไปว่ามีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเลย""ทำดีมากลูกรัก ไม่เสียแรงที่พ่อให้ลูกช่วยดูแลแม่จากผู้ชายคนอื่น" ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยบึ้งตึงก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากบุตรสาว ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปหยีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ปีเกือบห้าปีแล้วอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะคบห้าปีพอดี บุตรสาวของเขาอายุย่างเข้าเก้าปีเริ่มเติบโตเป็นสาวแล้วรู้เรื่องทุกอย่างจึงเป็นตัวช่วยของเขาได้ดีงานที่เขามอ
จากวันนั้นเวลาก็ดำเนินมาหนึ่งปีเต็ม ๆแบงค์ยังคงคอยดูแลลูกในฐานะคุณอาที่แสนดี ซึ่งเขาก็เต็มใจยอมรับไม่คิดเรียกร้องอะไรแค่ได้อยู่ในชีวิตผู้หญิงที่รักทั้งสองคนเขาก็มีความสุขแล้วครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แบงค์ที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปหาบุตรสาวที่บ้านเอกวิโรจน์เหมือนเช่นทุกวันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูคิ้วเข้มพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือแม่ของลูกอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติเธอจะไม่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ จึงกดรับสายด้วยความอยากรู้"โทรมาแต่เช้าเลยมีอะไรรึเปล่าส้ม"(ส้มจะโทรมาบอกว่าวันนี้ให้มาหาลูกตอนเย็น ๆ นะ เพราะช่วงเช้าพ่อกับแม่ส้มจะพาน้องริตาไปข้างนอก)พอได้ฟังประโยคจากปลายสายเขาก็หน้าหงอยลงฉับพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะกะไว้ว่าจะไปรับสองแม่ลูกไปทำบุญด้วยกันที่วัดสักหน่อยเนื่องในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งแต่เกิดเรื่องนั่น"อ๋อ..ได้ ๆ" เขาได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจแล้วเปล่งเสียงตอบปลายสายไ
ส้มทอดสายตามองบรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงห้องพักด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่พาบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มและลูก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนสายลมเย็นยะเยือกลอยสัมผัสผิวเรียบเนียนทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิลที่มีดวงดาวน้อยใหญ่ลอยประดับประดาอย่างสวยงาม แต่นาทีต่อมาเธอก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่คลุมลงมาบนไหล่ ครั้นเอี่ยวหน้ามองก็พบว่าเป็นพ่อของลูกนั่นเองที่เอาผ้ามาคลุมไหล่ให้เธอ จึงเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ขอบคุณ"แบงค์เพียงยกยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วเดินไปยืนริมระเบียงข้าง ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลอันมืดสลัวโดยไม่พูดอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกับส้มที่มองออกไปยังทะเลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาเป็นระยะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นชวนคุยขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับทะเลเบื้องหน้า "บรรยากาศดีเนาะ ส้มว่าไหม
เช้าวันต่อมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปทานอาหาร ครั้นทานอาหารเสร็จก็เช่ารถของโรงแรมพาบุตรสาวไปเล่นที่สวนน้ำกระทั่งเที่ยงจึงพากันไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังของภูเก็ต"กินข้าวเสร็จคุณอาใจดีจะพาน้องริตาไปเที่ยวไหนต่อคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ๋วระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับเอียงหน้าขึ้นมองคุณอาใจดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ส้มนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งจ้องมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดูระคนมันเขี้ยวเพราะยิ่งนับวันบุตรสาวก็ยิ่งติดคนเป็นพ่อมากขึ้น ดูอย่างตอนนี้สิแทนที่จะนั่งข้างเธอ กลับเลือกไปนั่งข้างชายหนุ่มแต่ก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเขาเล่นตามใจบุตรสาวไปเสียทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวจะบอกจะขออะไรก็ทำให้หมดไม่เคยขัดจึงทำให้บุตรสาวชอบอยู่กับเขา"อืม..เราไปดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกันไหมครับ พอแดดร่มหน่อยเดี๋ยวเราค่อยไปเล่นน้ำทะเลกัน" คนถูกถามอย่างแบงค์นั่งใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนเสนอความคิดเห็นให้บุตรสาวพร้อมกับยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู"ได้ค่ะ"เด็กน้อยภริตายิ้มรับจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตามไปด้วย ก่อนแบงค์จะเล
นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ แล้วที่แบงค์ได้กลับเข้ามาในชีวิตเพื่อนสาวกับลูกอีกครั้ง ตอนเช้าของทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะแวะมาหาบุตรสาวก่อนเสมอ และหลังเลิกงานตอนเย็นก็แวะมาเล่นกับบุตรสาวอีกครั้ง หากเป็นวันหยุดเขาก็จะมารับบุตรสาวพาไปเที่ยวเป็นประจำ บางครั้งก็พาไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วยกัน ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ของลูกก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าเดิมเพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทางคงจะมีแค่เรื่องลูกที่ทำให้เธอยอมเกี่ยวข้องกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจหวังว่าสักวันจะแทรกซึมเข้าไปในใจเธอได้อีกครั้งวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยชวนบุตรสาวไปเที่ยวทะเลตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ และเขายังแอบพูดกับบุตรสาวว่าให้ชวนแม่ไปด้วยเพราะหวังว่าจะได้สร้างโมเม้นท์ดี ๆ กับแม่ของลูกเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนส้มยอมไปเที่ยวทะเลด้วยเพราะทนแรงออดอ้อนจากบุตรสาวไม่ไหว ทะเลที่เขาจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวก็คือภูเก็ตนั่นเองเพราะเขาไปมาครั้งที่แล้วมันสวยมาก ที่เที่ยวก็มีเยอะแยะจึงอยากให้บุตรสาวได้เที่ยวบ้าง ทั้งสามออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถส่วนตัวโดยแบงค์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาอยากจะ
ส้มนั่งคุยกับนับดาวไปเรื่อย ๆ โดยปล่อยให้บุตรสาวเล่นกับชายหนุ่มไปเพราะเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างนั้นก็ปรายตามองสองคนพ่อลูกเป็นระยะ ๆ "แกจะไม่ให้น้องริตารู้จริง ๆ เหรอว่าแบงค์เป็นพ่อของเขา ฉันว่าน้องริตามีความสุขมากนะที่ได้เจอแบงค์" นับดาวเอียงหน้ากระซิบถามเพื่อนสาวเบา ๆ หลังจากนั่งมองเพื่อนชายกับบุตรสาวเล่นด้วยกันมาสักครู่แล้ว"ตอนนี้ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ แต่ถ้าในอนาคตไม่รู้" ส้มเองยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเธอยังจำความหมางเมินที่ชายหนุ่มแสดงต่อลูกในท้องได้ดี เขาไม่แม้แต่ทำหน้าที่พ่อสักครั้ง"แกลองเปิดโอกาสให้แบงค์ได้ทำหน้าที่พ่อดูสักหน่อยสิ หากมันดีหรือไม่ดีแกก็ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง" นับดาวใช้มือตบลงบนบ่าเพื่อนสาวเบา ๆ เชิงให้กำลัง ก่อนจะหันไปชวนเด็กน้อยภริตาเข้าไปในครัวเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้คุยกัน "น้องริตาไปดูขนมคุกกี้ในครัวกับแม่นับดีกว่าค่ะว่าเสร็จรึยัง""ค่ะ" เด็กน้อยภริตารีบพยักหน้ารับคำอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับลุกเดินไปหานับดาว จากนั้นก็พากันเดินหายเข้าไปในครัวทิ้งให้แบงค์กับส้มนั่งกันตามลำพังภายในห้องโถงถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบนานหลายนาที ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา "แบงค์รู้เร
วันต่อมา"สรุปเรื่องของลูกกับเจ้านายเป็นยังไงแล้วลูก" เสียงของคุณหญิงอัปสรดังขึ้นทำให้ส้มที่นั่งจมอยู่กับความคิดมากมายในหัวหลุดจากภวังค์ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบผู้เป็นแม่อย่างเนือย ๆ "มันจบแล้วค่ะแม่ หนูกับพี่นายคุยกันจนได้ข้อสรุปแล้วว่ากลับไปพี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่าเพราะขืนดันทุรังคบกันต่อไปหนูคิดว่าคงมีปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น หนูไม่อยากเสียใจและเหนื่อยกับเรื่องความรักแล้ว""แม่เข้าใจ ไม่เป็นไรนะยังไงลูกก็ยังมีพ่อกับแม่อยู่ข้าง ๆ" อัปสรนึกเห็นใจบุตรสาวไม่น้อยที่ต้องมาผิดหวังกับเรื่องความรักซ้ำ ๆ ถึงสองครั้งสองคราทำได้เพียงขยับตัวเข้าไปรั้งบุตรสาวมาสวมกอดไว้หลวม ๆ เชิงปลอบประโลมและให้กำลังใจในเวลาเดียว ซึ่งส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับเพียงฝืนระบายยิ้มให้ท่านบาง ๆ แม้ในใจจะรู้สึกชอกช้ำไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหลังจากเจ้านายมาหาที่บ้านเธอก็ตัดสินใจถามเขาไปตรง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ลียามาบอก คำตอบที่ได้รับจากปากเจ้านายคือมันเป็นเรื่องจริง เขาพลาดมีอะไรกับลียาจริง ๆ เพราะความเมาเขาเล่าให้เธอฟังทุกอย่างโดยไม่ปิดบังรวมทั้งเรื่องที่โดนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบังคับให้แต่ง
หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ เรื่องระหว่างส้มกับเจ้านายก็เหมือนจะไม่มีอะไรเพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาแม่ของเขาไม่ได้โทรมากวน หรือทำอะไรเลยซึ่งเจ้านายเองก็ไปมาหาสู่เธอเป็นปกติเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนพ่อของลูกก็หายเงียบไปเลยตั้งแต่วันนั้นเธอก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ชีวิตของเธอกับลูกจะราบรื่นสักที ทว่าเหมือนที่เธอหวังจะไม่เป็นจริงเมื่อแม่บ้านเดินมารายงานว่า "คุณส้มค่ะมีคนมาขอพบค่ะ เห็นว่าชื่อลียา"คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเพียงได้ยินชื่อคนที่มาหา แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่เพราะเธอกับลียาไม่ได้สนิท หรือรู้จักกันแต่อย่างใดที่เธอมาหาคงไม่พ้นเรื่องของเจ้านายแน่ ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะบอกกล่าวแม่บ้าน "เชิญเขาเข้ามาเถอะค่ะ"สิ้นเสียงเธอแม่บ้านก็เดินออกไปทันที และเพียงไม่นานก็เห็นแม่บ้านเดินนำหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวเข้ามา"สวัสดีค่ะคุณส้ม" ลียายกมือขึ้นไหว้ส้มซึ่งมีอายุมากกว่าเธออย่างนอบน้อมทันทีที่เดินมาถึงส้มเพียงพยักหน้ารับคำกล่าวทักทาย แล้วถามไถ่เข้าประเด็นทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลาแม้แแต่นาทีเดียว "คุณลียามีอะไรคะถึงได้มาหาส้มถึงที