@บ้านเอกวิโรจน์
สุดท้ายแบงค์ก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดัน และคำประกาศกร้าวของพ่อแม่ได้จำใจต้องมาที่บ้านของเพื่อนสาวกับพวกท่าน เขาถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ครั้นรถจอดลงหน้าบ้านเอกวิโรจน์ บ้านของเพื่อนสาวที่เขาเข้าออกเป็นว่าเล่น แต่ตอนนี้เขากลับไม่อยากจะเหยียบเข้าไปที่สุด "ทำหน้าให้มันดี ๆ ตาแบงค์" ผกาเอ็ดบุตรชายด้วยน้ำเสียงดุรู้สึกไม่ชอบใจที่บุตรชายทำหน้าซังกะตาย หากพ่อแม่ของเด็กสาวเห็นคงคิดว่าบุตรชายของเธอไม่เต็มใจรับผิดชอบลูกสาวของทั้งสอง คนโดนดุไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ ลงจากรถไปเงียบ ๆ ทิ้งให้คนเป็นพ่อแม่ส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอือมระอากับท่าทางของบุตรชาย ก่อนจะพากันลงจากรถ.. "รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่หนูส้ม อย่าคิดทำอะไรให้แม่กับพ่อขายหน้าเด็ดขาดเข้าใจไหม" ผกาเน้นย้ำกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้งในขณะที่กำลังพากันเดินเข้าไปในบ้าน "แม่ย้ำกับผมเป็นร้อยรอบแล้วครับ" แบงค์เอ่ยออกมาอย่างอ่อนใจพลางปรายตามองผู้เป็นแม่ เพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมาท่านก็เอาแต่ย้ำเรื่องนี้ กลัวเหลือเกินกลัวว่าวะเสียหน้าไม่คิดจะถามเขาเลยสักนิดว่ารู้สึกอย่างไรมีความสุขไหมกับการตัดสินใจของพวกท่าน ทว่าวินาทีต่อมาเขาก็ต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นพ่อกับแม่ของเพื่อนสาวเดินออกมา ก่อนยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท "สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า" "สวัสดีจ้ะ" อัปสรพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนทั้งสองจะเอ่ยทักทายพ่อแม่ของเด็กหนุ่มที่มีอายุมากกว่าสองสามปีต่อ "คุณผกา คุณวินิจสวัสดีค่ะ" "สวสดีครับพี่ผกา พี่วินิจ" ตามด้วยอภิสิทธ์ที่กล่าวทักทายไม่คิดรับไหว้แบงค์สักนิดเพราะเขายังรู้สึกเคืองที่เด็กหนุ่มทำบุตรสาวท้องมันเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติครอบครัวของเขา "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับ" ผกากับวินิจพยักหน้ารับน้อย ๆ จากนั้นก็เดินตามทั้งสองเข้าไปยังห้องโถงโดยมีแบงค์เดินตามหลังไปเงียบ ๆ เท้าใหญ่ชะงักเล็กน้อยในวินาทีที่เห็นเพื่อนสาวอย่างส้มนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงเพียงเห็นหน้าเธอก็นึกโกรธเป็นอย่างมาก "บะ..แบงค์" ขณะที่ส้มนั้นถึงกับตาเบิกกว้างผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ มองหน้าเพื่อนชายด้วยแววตาสั่นไหวพอ ๆ กับหัวใจที่กระหน่ำเต้นราวกับกลองชุด สมองเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันทำไมเพื่อนชายกับพ่อแม่ของเขาถึงมาโผล่นี่ได้ ทำไมพ่อกับแม่ไม่เห็นบอกอะไรเลยว่าครอบครัวเพื่อนชายจะมาที่บ้านเพียงโทรตามให้เธอกลับมาบ้านด่วนบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วย ชักหวั่นใจขึ้นมาแล้วสิ หวังว่าที่พวกท่านมามันจะไม่ใช่เรื่องที่กำลังคิดนะ "สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า" เธอพยายามเก็บอาการมากมายเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเคลือบรอยยิ้มยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม ทว่าสายตากลับมองผ่านไปยังเพื่อนชายที่อยู่ด้านหลัง เหมือนมีกระแสไฟแล่นเข้าสู่หัวใจจนเจ็บแปลบเมื่อสบสายตาของเพื่อนชายที่มันดูเย็นชา และว่างเปล่าจนน่าใจหายทั้งที่เมื่อก่อนมันเต็มไปด้วยความอบอุ่น อ่อนโยนยามที่มองมายังเธอ "สวัสดีจ้ะหนูส้ม" เสียงของผกาดังขึ้นทำให้เธอรีบสลัดความรู้สึกเศร้าออก แล้วเลื่อนสายตามองท่านพลางคลี่ยิ้มบาง ๆ ขณะที่ในใจได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่เธอกำลังกังวล "หนูเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ได้ไปให้หมอตรวจดูรึยังเรื่องตั้งครรภ์" ทว่าคำพูดต่อมาของผกาทำให้เธอแทบล้มทั้งยืนหน้าเหวอตาเบิกกว้าง รีบเลื่อนสายตามองหน้าเพื่อนชายอีกครั้งเชิงตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมพวกท่านทั้งสองถึงรู้เรื่องที่เธอท้อง หากให้เดาพวกท่านคงจะรู้ด้วยว่าใครคือพ่อของเด็กไม่อย่างนั้นคงไม่พากันมาที่บ้าน แต่เพื่อนชายกลับเมินหน้าหนีไปทางอื่นราวกับว่าไม่เห็นยิ่งทำให้ภายในใจของเธอมันร้อนรนหนักกว่าเดิม อยากจะถามไถ่และพูดคุยกับเพื่อนชายให้รู้เรื่องเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ "เชิญนั่งก่อนดีกว่าค่ะ แล้วค่อยคุยกัน" อัปสรเอ่ยแทรกขึ้นจึงทำให้ส้มต้องละสายตาจากเพื่อนชาย แล้วหย่อนก้นนั่งเหมือนเดิม โดยมีพ่อแม่เดินเข้ามานั่งบนโซฟาตัวข้าง ๆ วินิจกับผกานั่งอีกตัวที่ถัดจากพ่อแม่ของเธอ ส่วนแบงค์นั่งอีกตัวที่ตรงข้ามกับเธอทำให้ต้องเผชิญหน้ากันจัง ๆ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะไม่รู้สึกอึดอัดขนาดนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว แบงค์เพื่อนชายคนดีคนเดิมของเธอไม่มีอีกแล้ว ที่เธอเห็นเวลานี้มีเพียงผู้ชายเย็นชา "งั้นเข้าประเด็นเลยนะครับ" ทันทีที่ทุกคนนั่งกันเรียบร้อยวินิจก็เปิดประเด็นคุยโดยไม่รีรอ "ที่ผมกับภรรยามาวันนี้จะมาคุยเรื่องหนูส้มกับลูกชายเราครับ ผมต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะครับที่ทำอะไรไม่ให้เกียรติครอบครัวคุณอภิสิทธิ์" "ดิฉันกับสามีต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ นะคะ" ผกาเอ่ยเสริมเมื่ออีกฝั่งยังมีท่าทีนิ่งเฉย ใบหน้าเคร่งขรึมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากขนาดไหน ก่อนจะแอบส่งสายตาให้บุตรชายที่นั่งหัวโด่อยู่ "ผมขอโทษคุณลุง คุณป้านะครับกับเรื่องที่เกิดขึ้น" แบงค์ยกมือไหว้ขอโทษอย่างรู้งาน แต่ไม่คิดจะเอ่ยอะไรนอกเหนือจากนั้นไม่คิดจะพูดแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น "ขอโทษแล้วมันแก้ปัญหาได้ไหม เธอลองบอกมาสิว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้" แน่นอนว่าสร้างความไม่พอใจให้กับอภิสิทธิ์เป็นอย่างมากย้อนถามไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยม สายตาจ้องมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างเอาเรื่อง "ผะ.." "ทางเราจะรับผิดชอบโดยการให้เด็ก ๆ แต่งงานกันค่ะ จะได้ไม่มีใครเอาไปนินทาเสีย ๆ หาย ๆ ได้ วันนี้ที่มาก็เพื่อมาคุยเรื่องนี้แหละค่ะ" ไม่ทันที่แบงค์จะได้ตอบอะไรผกาก็ชิงพูดเสียก่อนเพราะเกรงว่าบุตรชายจะพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดออกไปจนทำให้เธออดได้เด็กสาวเป็นลูกสะใภ้ แบงค์ได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปมมองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยแววตาอ่อน หากไม่ติดว่ากลัวท่านจะตัดแม่ตัดลูกเขาอยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินว่าไม่แต่งเด็ดขาดจะขอรับผิดชอบเรื่องลูกเท่านั้น มือหนากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดนูนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ในกายเอาไว้ฝืนพยักหน้ารับคำพูดท่านด้วยความจำใจ "ใช่ครับ ผมจะรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับส้ม" "ก็ดีที่กล้าทำก็กล้ารับผิดชอบ" อภิสิทธิ์พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจเพราะถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีมากทีเดียว เช่นเดียวกับอัปสรที่กระอิ่มยิ้มในใจในที่สุดเธอก็ได้เด็กหนุ่มมาเป็นลูกเขยสมดั่งใจแล้ว หากรู้แต่แรกวาพ่อของลูกในท้องบุตรสาวเป็นเขาก็คงไม่ดุด่าหรอก คงจะมีแต่ส้มที่ยังคงอึ้ง และปรับอารมณ์ไม่ทันกับเรื่องที่เกิดขึ้น มองหน้าเพื่อนชายด้วยความรู้สึกหลากหลายบอกตามตรงว่าเธองงไปหมดแล้ว เมื่อวานเขายังบอกอยู่เลยว่าขอให้เก็บเรื่องที่เขาเป็นพ่อของลูกเป็นความลับก่อน ทว่าเพียงชั่วข้ามคืนเขากลับพาพ่อแม่มาพูดเรื่องแต่งงาน เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ไหนจะพ่อแม่เธออีกที่ไม่มีท่าทีตกลงใจเลยสักนิดกับการรู้ว่าเธอท้องกับเพื่อนชาย "ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะไปหากฤษ์แต่งงานให้เร็วที่สุดนะคะ หากปล่อยไว้นานเดี๋ยวหนูส้มจะท้องโตซะก่อน" ผกาเอ่ยขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเปิดทางให้ไม่ได้คัดค้านใด ๆ "โอเคค่ะ" อัปสรตอบรับโดยไม่ต้องคิด และไม่คิดจะถามความเห็นบุตรสาวสักนิด ส้มได้แต่นั่งหน้าเหวอเพราะยังอึน ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่แบงค์เองก็ไม่คิดเอ่ยอะไรปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกันตามสบายถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ซึ่งมันคงสมใจผู้หญิงที่นั่งตรงหน้าเขาแล้ว ผู้หญิงที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของเขา.. ดวงตาคมกริบฉายแววแข็งกร้าวในทันตาเพียงคิดว่าเธอตลบหลังเขา มองสบสายตาเพื่อนทรยศที่จ้องมองมาเขม็งไม่เหลือความรู้สึกดี ๆ ให้สักนิด แน่นอนว่าส้มรับรู้ได้ว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่อย่างน้อยเธอก็ขอถามถึงสิ่งที่สงสัย และขอรักษาความสัมพันธ์อันดีนี้ให้ถึงที่สุดจึงตัดสินใจเอ่ยกับเพื่อนชาย "แบงค์ออกไปคุยกับส้มหน่อยได้ไหม" แบงค์ไม่พูดอะไรตอบรับโดยการลุกเดินออกไปเงียบ ๆ ส้มจึงรีบบอกกล่าวกับผู้ใหญ่ทั้งสี่ว่าขอออกไปคุยกับแบงค์ จากนั้นก็รีบเดินตามเพื่อนชายออกไป"มีอะไรก็ว่ามา" ทันทีที่เดินมาถึงลานสนามหญ้าหน้าบ้านแบงค์ก็ถามไถ่ขึ้นทั้งที่ไม่หันไปมองหน้าคนที่ดินตามหลังมาสักนิด เขาไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนสาวตอนนี้เกรงว่าจะข่มอารมณ์ไม่อยู่แล้วเผลอทำอะไรรุนแรงไป"ส้มขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส้มมันสะเพร่าเองทำให้แบงค์ต้องมาเดือดร้อนด้วย แบงค์คงโกรธส้มมากสินะ" ส้มไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เพื่อนชายจะทำหน้ายังไงพยายามกักเก็บความเสียใจเอาไว้เปล่งเสียงพูดไปอย่างแผ่วเบา หวังว่าคำขอโทษจากเธอมันจะสามารถเรียกความรู้สึกของเพื่อนชายกลับมาได้บ้าง แต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะเขาไม่แม้แต่จะตอบอะไรกลับมายืนนิ่งราวกับหิน มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดนูนคงกำลังข่มอารมณ์บางอย่างอยู่เพราะเพื่อนชายมักกำหมัดแน่นทุกครั้งที่โกรธ หรือต้องข่มอารมณ์ต่าง ๆ ไว้ บอกตามตรงว่าเจอแบบนี้ก็แอบหวั่นใจเหมือนกันเธอเคยเห็นมาแล้วว่าเวลาเพื่อนชายโกรธมันน่ากลัวขนาดไหนทว่าหากไม่ใช้โอกาสนี้คุยกันให้เข้าใจเกรงว่าหลังจากนี้จะไม่ได้คุยดี ๆ กันอีกแล้วจึงรวบรวมความกล้า แล้วเดินอ้อมไปยืนเผชิญหน้ากับเขา เอ่ยไปด้วยใบหน้าเศร้า "มีอะไร หรือรู้สึกอะไรแบงค์ช่วยพูดกับส้มตรง ๆ ได้ไหม อย่าทำเย็นชาแบบนี้เลยส้มรู้สึกไ
ส้มมองคู่รักหนุ่มสาวที่พากันมาลองชุดภายในร้านด้วยความรู้สึกจุกในอกระคนอิจฉา ผู้หญิงเหล่านั้นช่างโชคดีที่ได้แต่งงานกับคนที่รัก ใบหน้าของพวกเธออิ่มเอมไปด้วยความสุข ออร่าเจ้าสาวจับ ต่างจากเธอที่ได้แต่งงานกับคนที่รักก็จริง แต่กลับไม่มีความสุขเลยเพราะเป็นการรักข้างเดียว หนำซ้ำการแต่งงานยังเกิดขึ้นเพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบังคับ ภายในใจมันเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมยิ่งเห็นว่าที่เจ้าบ่าวภายในร้านแสดงความรัก ความเอาใจใส่ต่อว่าที่เจ้าสาวของตัวเองก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกเจ็บ ขณะที่เธอต้องยืนโดดเดี่ยวคนเดียวได้แต่ถามตัวเองในใจว่าเธอมาทำอะไรที่นี่"เชิญทางนี้ค่ะคุณส้ม" เสียงของพนักงานดังขึ้นทางด้านหลังเธอจึงละสายตาออกจากเหล่าคู่รักตรงหน้า หันมองเจ้าของเสียงแทน พยายามฝืนยิ้มให้พนักงานหญิงวัยยี่สิบต้น แล้วเดินตามเธอขึ้นไปยังชั้นสองของร้านซึ่งมีชุดเจ้าสาวแบบต่าง ๆ แขวนอยู่ในตู้โชว์จนลายตา แต่ละชุดสวยมาก ๆ เหมือนที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ว่าสักวันจะสวมใส่ให้ได้ทว่าในตอนนี้เธอกลับไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับชุดสวย ๆ เหล่านี้สักนิดเธอไม่อยากจะใส่ด้วยซ้ำ มันจะมีประโยชน์อะไรต่อให้ใส่ชุดแต่งงานสวยแค่ไหนแต่ในใจเต็มไปด้
วันเวลาดำเนินมาถึงวันที่ส้มกับแบงค์ต้องแต่งงานกัน ช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยซึ่งจัดขึ้นที่บ้านของส้ม ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ทั้งสองจะบาดหมางกันแต่ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีปั้นหน้ายิ้ม และแสดงความรักต่อหน้าแขกเหรื่อได้อย่างแนบเนียน และช่วงค่ำก็เป็นงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสที่โรงแรมชื่อดัง งานฉลองของทั้งสองถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของสองตระกูล แขกเหรื่อถูกเชิญมาร่วมงานนับพันคน"เฮ้อ.." ส้มมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า ชุดเจ้าสาวแสนสวยที่สวมอยู่บนตัวไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขสักนิด ในใจมันเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมอยากจะให้งานแต่งนี้เสร็จสิ้นไว ๆ ด้วยซ้ำไปเพราะเหนื่อยกับการที่ต้องปั้นหน้ายิ้ม และทำตัวเหมือนมีความสุขเต็มทน"วันนี้แกเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลยรู้ไหมส้ม ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ" นับดาวที่คอยช่วยเพื่อนสาวแต่งตัวเอ่ยขึ้นครั้นเห็นสีหน้าเศร้าหมองในกระจกของเพื่อนพลางใช้มือตบบ่าเบา ๆ ให้กำลังใจและปลอบประโลมในเวลาเดียวกัน เพื่อนสาวเล่าทุกอย่าที่เกิดขึ้นให้ฟังหมดแล้วเธอจึงเข้าใจความรู้สึกเพื่อนสาวดีเพราะเคยผ
"หึ" ส้มมองห้องที่ถูกจัดเป็นห้องหอ บนเตียงโรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นรูปหัวใจอย่างสวยงามด้วยแววตาว่างเปล่าพร้อมกับเค้นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน เธอช่างเป็นเจ้าสาวที่น่าสมเพชสิ้นดีนอกจากจะโดนเจ้าบ่าวพูดจาจิกกัดตลอดงานแล้ว ในคืนเข้าหอเจ้าบ่าวก็หายตัวไปอีก หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันกลับไปหมดเจ้าบ่าวของเธอก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาหายไปตั้งแต่ตอนไหน ยอมรับว่าเสียใจไม่น้อยต่อให้นี่จะเป็นการแต่งงานปลอม ๆ เขาก็ควรให้เกียรติเธอกับครอบครัวหน่อย หากคนอื่นรู้คงเอาไปนินทากันสนุกปากเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนทำการปัดกลีบกุหลาบบนที่นอนออกจนเกลี้ยง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังสวมชุดแต่งงานอยู่เพราะรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ๆ เปลือกตาก็แทบปิดอยู่รอมร่อ ทันทีที่หัวถึงหมอนนุ่ม ๆ เพียงไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไปติ้ง~ ติ้ง~ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอหลับไปกระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา ยกมือขึ้นขยี้ตาไล่อาการงัวเงียเบา ๆ ก่อนจะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้าโต๊ะกระจกมาดู คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าข้อความที่ถูกส่งมาจากไลน์แปลก ๆ โปรไฟล์เป็นรูปตั
"อ๊ะ!"หัวใจดวงน้อย ๆ ของส้มหล่นวูบลงสู่ตาตุ่มเมื่อถูกเพื่อนชายทุ่มลงบนเตียงนุ่ม ๆ สีหน้าแสดงความตื่นตระหนกให้เห็นอย่างชัดเจน "แบงค์จะทำอะไร""ลองมีอะไรกับคนความคิดสกปรก และร่างกายสกปรกแบบฉันหน่อยเป็นไร ไหน ๆ เธอก็ยอมลงทุนตลบหลังฉันบากหน้าไปบอกเรื่องท้องกับพ่อแม่ฉันจนได้ตำแหน่งเมียไปครอง" ไม่ว่าเปล่าแบงค์ตามลงไปคร่อมร่างบางที่กำลังจะขยับหนีทันที รวบมือเรียวทั้งสองกดตรึงไว้ข้างศีรษะ จับจ้องดวงหน้าเรียวที่ฉายไปด้วยความตื่นตระหนกนิ่ง ๆความจริงเขาไม่ได้อยากทำเกินเลยกับหญิงสาวเป็นครั้งที่สอง แต่คำพูดของเธอทำให้เขาเปลี่ยนความคิด"อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะแบงค์ส้มท้องอยู่ เราตกลงกันแล้วไงว่าจะอยู่ด้วยกันในฐานะพ่อแม่ของลูกเฉย ๆ จะไม่มีเรื่องแบบนี้" ส้มทักท้วงข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกันก่อนแต่งงานหวังว่าจะช่วยเตือนสติเพื่อนชายได้บ้าง พร้อมกับพยายามขืนมือออกจากการกดตรึง เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเขาถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ พอเวลาต้องเลิกกันมันคงเจ็บปวดมาก บางทีอาจจะมองหน้าไม่ติดกันด้วยซ้ำไป และที่สำคัญเธอไม่อยากซ้ำรอยใครเธอรับไม่ได้จริง ๆ"ฉันเป็นหมอฉันรู้ว่าทำได้ หรือไม่ได้ เธอแค่นอนอ้าขาให้ฉั
หลังจากแบงค์เสร็จสมตามที่ตัวเองต้องการเขาก็ทิ้งตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้หญิงสาวอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นไม่กี่นาทีก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวาน ขณะที่ส้มได้แต่กลำกลืนความขืนขมไว้ในอกกับท่าทางของเพื่อนชายที่ทำเหมือนเธอเป็นกระโถนรองรับอารมณ์พอได้ดั่งใจก็ทิ้งขว้างไม่เหลียวแลจ้องมองแผ่นหลังกว้างด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะละสายตาออก หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบอกแล้วพาตัวลงจากเตียงเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายที่เคลือบไปด้วยเหงื่อ และน้ำกามตามหว่างขาออกจากนั้นออกมาแต่งตัวโดยที่อีกคนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง และเธอไม่คิดจะปลุกเขา ครั้นแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างของบ้านวิสุทธิ์ภักดี"อ้าว! หนูส้มทำไมรีบลงมา ไม่พักผ่อนอีกหน่อยล่ะจ๊ะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่ เมื่อวานก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" ผกาที่นั่งคุยกับสามีในห้องโถงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมกับระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นลูกสะใภ้คนโปรดเดินลงมาจากบันใด"หนูชินกับการตื่นเช้าแล้วค่ะคุณป้า" ส้มระบายยิ้มตอบพร้อมกับเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอีกตัว "ยังเรียกป้าอยู่อีก หนูแต่งงานเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่เพื่อนตาแบงค์แล้ว เรียก
หลังจากหาหมอเสร็จส้มก็โทรเรียกแกร็บคาร์ แล้วออกไปยืนรอด้านหน้าอาคารของโรงพยาบาล ยืนรอไม่ถึงห้าสิบนาทีรถก็มาถึง เธอลอบถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากก้าวขึ้นมานั่งบนรถแล้วเพราะอากาศข้างนอกทั้งร้อนทั้งอบอ้าว พอได้รับแอร์เย็นฉ่ำทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย มือเรียววางลงบนหน้าท้องที่มีอีกหนึ่งหัวใจอาศัยอยู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย หมอบอกว่าเธอตั้งครรภ์ได้ห้าสัปดาห์แล้ว ถึงแม้เขาจะเกิดมาจากความผิดพลาดแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ และมันยังมาจากผู้ชายที่เธอแอบรักหมดหัวใจถือเสียว่าเป็นตัวแทนความรักของเธอที่มีต่อเขาก็แล้วกัน ต่อให้พ่อของเขาจะไม่ต้องการแต่เธอจะดูแลหัวใจดวงนี้ให้ดีที่สุด แววตาเศร้าหมองทอดมองวิวริมทางขณะที่รถกำลังแล่นไปตามถนน มือยังคงวางบนหน้าท้องแบนราบในสมองครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เธอไม่รู้เลยว่าวันข้างต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง และไม่รู้ว่าจะสามารถทนต่อความร้ายกาจของเพื่อนชายได้ตลอดรอดฝั่งไหม แต่ไม่ว่ายังไงเธอจะอดทนให้ถึงที่สุดหากไม่ไหวจริง ๆ ค่อยว่ากันอีกทีเธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ครั้นแกร็บคาร์เคลื่อนตัวมาจอดลงหน้ารั้วบ้านวิสุทธิ์ภักดี เลือกให้รถจอดหน้าร
อื้อ.." ส้มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเลยสักนิด หนำซ้ำยังปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมดเพราะนอนบนพื้นตลอดคืน ใช่ฟังไม่ผิดเมื่อคืนเธอหลับไม่ลงจริง ๆ เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์บวกกลิ่นบุหรี่จากคนข้าง ๆ ลอยเข้าจมูกแม้ใช้ผ้าห่มปิดจมูกแล้วก็ตาม จนเธอทนไม่ไหวสุดท้ายต้องเอาผ้าห่มมารองนอนที่พื้นแข็ง ๆ และเย็นเฉียบบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้า ขณะที่อีกคนนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเธอประสานมือเหนือศีรษะแล้วบิดตัวไปมาเพื่อไล่อาการปวดเมื่อยออก จากนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นยืนพับผ้าห่มไปวางบนที่นอน ซึ่งยังมีคนเห็นแก่ตัวนอนอยู่ ยืนจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกตัดพ้อขนาดเธอท้องอยู่เขาก็ยังไม่คิดเห็นใจ หรือไม่อย่างน้อยเขาควรนึกถึงลูกในท้องเธอบ้างเพราะเป็นลูกเขาเช่นกันไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอยืนมองใบหน้าหล่อเหลาอยู่แบบนั้น กระทั่งร่างสูงเริ่มขยับเขยื้อนเธอจึงละสายตาออก แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำยี่สิบนาทีก็เสร็จครั้นเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเพื่อนชายนั่งพิงหัวเตียงอยู่ด้วยท่าทางงัวเงียคงเพิ่งตื่น เธอปรายตามองแวบหนึ่งแล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบหยิบเสื้อผ้าพาเข้าไป
@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ว้าย!" ส้มร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกพ่อของลูกยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านวิสุทธิ์ภักดี "จะอุ้มทำไมแบงค์ส้มก็กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นี่ไง" ครั้นตั้งตัวได้เธก็โวยวายใส่ร่างสูงพลางใช้มือทุบอกเขาแรง ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาอุ้มทำไมกันในเมื่อเธอก็ยอมเดินเข้าบ้านดี ๆ ไม่ได้จะวิ่งหนีกลับบ้านสักหน่อยแบงค์เพียงยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรตั้งหน้าอุ้มเธอเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ก่อนจะพาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทำเอาส้มต้องขมวดคิ้วเป็นปม รีบเปล่งเสียงถามทันที "แบงค์จะพาส้มไปไหน ปล่อยส้มลงเดี๋ยวนี้นะ""พาขึ้นไปดูทะเบียนสมรส แล้วก็ใบหย่าไงเพื่อยืนยันว่าแบงค์ยังไม่ได้เซ็นมันจริง ๆ เพราะฉะนั้นเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่" สิ้นประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์จนส้มอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย พยายามข่มอาการเอาไว้แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุหวังว่าอีกคนจะเกรงขึ้นมาบ้าง "แบงค์ก็ขึ้นไปหยิบลงมาให้ดูสิ จะอุ้มส้มขึ้นไปด้วยทำไม" "อยากพาขึ้นไปดูให้ถึงที่ไง" "มันใช่เรื่องไหม
หลายปีต่อมา"คุณพ่อคะเมื่อวานตอนไปห้างมีหนุ่ม ๆ มาจีบคุณแม่ด้วยค่ะ" ทันทีที่แบงค์ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านเอกวิโรจน์บุตรสาวที่นั่งรอการมาของเขาในห้องโถงก็รีบเอ่ยฟ้องเสียงเจื้อยแจ๋ว"จริงเหรอครับ" ทำเอาแบงค์ถึงกับหูผึ่งรีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างบุตรสาว ถามไถ่ด้วยความร้อนรนใจ "แล้วผู้ชายคนนั้นหล่อไหม แล้วแม่เขาตอบผู้ชายคนนั้นไปว่ายังไงบ้าง""เขาก็หล่อนะคะ แต่น้อยกว่าคุณพ่อ" ภริตาเด็กน้อยวัยย่างเข้าเก้าขวบตอบไปตามความจริงเพราะสำหรับเธอแล้วไม่มีใครหล่อกว่าพ่อตัวเอง "ส่วนคุณแม่แค่ยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนั้นค่ะไม่ได้ตอบอะไร น้องริตาเลยตอบแทนคุณแม่ไปว่ามีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเลย""ทำดีมากลูกรัก ไม่เสียแรงที่พ่อให้ลูกช่วยดูแลแม่จากผู้ชายคนอื่น" ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยบึ้งตึงก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากบุตรสาว ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปหยีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ปีเกือบห้าปีแล้วอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะคบห้าปีพอดี บุตรสาวของเขาอายุย่างเข้าเก้าปีเริ่มเติบโตเป็นสาวแล้วรู้เรื่องทุกอย่างจึงเป็นตัวช่วยของเขาได้ดีงานที่เขามอ
จากวันนั้นเวลาก็ดำเนินมาหนึ่งปีเต็ม ๆแบงค์ยังคงคอยดูแลลูกในฐานะคุณอาที่แสนดี ซึ่งเขาก็เต็มใจยอมรับไม่คิดเรียกร้องอะไรแค่ได้อยู่ในชีวิตผู้หญิงที่รักทั้งสองคนเขาก็มีความสุขแล้วครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แบงค์ที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปหาบุตรสาวที่บ้านเอกวิโรจน์เหมือนเช่นทุกวันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูคิ้วเข้มพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือแม่ของลูกอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติเธอจะไม่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ จึงกดรับสายด้วยความอยากรู้"โทรมาแต่เช้าเลยมีอะไรรึเปล่าส้ม"(ส้มจะโทรมาบอกว่าวันนี้ให้มาหาลูกตอนเย็น ๆ นะ เพราะช่วงเช้าพ่อกับแม่ส้มจะพาน้องริตาไปข้างนอก)พอได้ฟังประโยคจากปลายสายเขาก็หน้าหงอยลงฉับพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะกะไว้ว่าจะไปรับสองแม่ลูกไปทำบุญด้วยกันที่วัดสักหน่อยเนื่องในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งแต่เกิดเรื่องนั่น"อ๋อ..ได้ ๆ" เขาได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจแล้วเปล่งเสียงตอบปลายสายไ
ส้มทอดสายตามองบรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงห้องพักด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่พาบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มและลูก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนสายลมเย็นยะเยือกลอยสัมผัสผิวเรียบเนียนทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิลที่มีดวงดาวน้อยใหญ่ลอยประดับประดาอย่างสวยงาม แต่นาทีต่อมาเธอก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่คลุมลงมาบนไหล่ ครั้นเอี่ยวหน้ามองก็พบว่าเป็นพ่อของลูกนั่นเองที่เอาผ้ามาคลุมไหล่ให้เธอ จึงเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ขอบคุณ"แบงค์เพียงยกยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วเดินไปยืนริมระเบียงข้าง ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลอันมืดสลัวโดยไม่พูดอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกับส้มที่มองออกไปยังทะเลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาเป็นระยะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นชวนคุยขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับทะเลเบื้องหน้า "บรรยากาศดีเนาะ ส้มว่าไหม
เช้าวันต่อมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปทานอาหาร ครั้นทานอาหารเสร็จก็เช่ารถของโรงแรมพาบุตรสาวไปเล่นที่สวนน้ำกระทั่งเที่ยงจึงพากันไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังของภูเก็ต"กินข้าวเสร็จคุณอาใจดีจะพาน้องริตาไปเที่ยวไหนต่อคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ๋วระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับเอียงหน้าขึ้นมองคุณอาใจดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ส้มนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งจ้องมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดูระคนมันเขี้ยวเพราะยิ่งนับวันบุตรสาวก็ยิ่งติดคนเป็นพ่อมากขึ้น ดูอย่างตอนนี้สิแทนที่จะนั่งข้างเธอ กลับเลือกไปนั่งข้างชายหนุ่มแต่ก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเขาเล่นตามใจบุตรสาวไปเสียทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวจะบอกจะขออะไรก็ทำให้หมดไม่เคยขัดจึงทำให้บุตรสาวชอบอยู่กับเขา"อืม..เราไปดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกันไหมครับ พอแดดร่มหน่อยเดี๋ยวเราค่อยไปเล่นน้ำทะเลกัน" คนถูกถามอย่างแบงค์นั่งใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนเสนอความคิดเห็นให้บุตรสาวพร้อมกับยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู"ได้ค่ะ"เด็กน้อยภริตายิ้มรับจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตามไปด้วย ก่อนแบงค์จะเล
นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ แล้วที่แบงค์ได้กลับเข้ามาในชีวิตเพื่อนสาวกับลูกอีกครั้ง ตอนเช้าของทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะแวะมาหาบุตรสาวก่อนเสมอ และหลังเลิกงานตอนเย็นก็แวะมาเล่นกับบุตรสาวอีกครั้ง หากเป็นวันหยุดเขาก็จะมารับบุตรสาวพาไปเที่ยวเป็นประจำ บางครั้งก็พาไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วยกัน ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ของลูกก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าเดิมเพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทางคงจะมีแค่เรื่องลูกที่ทำให้เธอยอมเกี่ยวข้องกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจหวังว่าสักวันจะแทรกซึมเข้าไปในใจเธอได้อีกครั้งวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยชวนบุตรสาวไปเที่ยวทะเลตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ และเขายังแอบพูดกับบุตรสาวว่าให้ชวนแม่ไปด้วยเพราะหวังว่าจะได้สร้างโมเม้นท์ดี ๆ กับแม่ของลูกเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนส้มยอมไปเที่ยวทะเลด้วยเพราะทนแรงออดอ้อนจากบุตรสาวไม่ไหว ทะเลที่เขาจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวก็คือภูเก็ตนั่นเองเพราะเขาไปมาครั้งที่แล้วมันสวยมาก ที่เที่ยวก็มีเยอะแยะจึงอยากให้บุตรสาวได้เที่ยวบ้าง ทั้งสามออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถส่วนตัวโดยแบงค์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาอยากจะ
ส้มนั่งคุยกับนับดาวไปเรื่อย ๆ โดยปล่อยให้บุตรสาวเล่นกับชายหนุ่มไปเพราะเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างนั้นก็ปรายตามองสองคนพ่อลูกเป็นระยะ ๆ "แกจะไม่ให้น้องริตารู้จริง ๆ เหรอว่าแบงค์เป็นพ่อของเขา ฉันว่าน้องริตามีความสุขมากนะที่ได้เจอแบงค์" นับดาวเอียงหน้ากระซิบถามเพื่อนสาวเบา ๆ หลังจากนั่งมองเพื่อนชายกับบุตรสาวเล่นด้วยกันมาสักครู่แล้ว"ตอนนี้ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ แต่ถ้าในอนาคตไม่รู้" ส้มเองยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเธอยังจำความหมางเมินที่ชายหนุ่มแสดงต่อลูกในท้องได้ดี เขาไม่แม้แต่ทำหน้าที่พ่อสักครั้ง"แกลองเปิดโอกาสให้แบงค์ได้ทำหน้าที่พ่อดูสักหน่อยสิ หากมันดีหรือไม่ดีแกก็ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง" นับดาวใช้มือตบลงบนบ่าเพื่อนสาวเบา ๆ เชิงให้กำลัง ก่อนจะหันไปชวนเด็กน้อยภริตาเข้าไปในครัวเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้คุยกัน "น้องริตาไปดูขนมคุกกี้ในครัวกับแม่นับดีกว่าค่ะว่าเสร็จรึยัง""ค่ะ" เด็กน้อยภริตารีบพยักหน้ารับคำอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับลุกเดินไปหานับดาว จากนั้นก็พากันเดินหายเข้าไปในครัวทิ้งให้แบงค์กับส้มนั่งกันตามลำพังภายในห้องโถงถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบนานหลายนาที ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา "แบงค์รู้เร
วันต่อมา"สรุปเรื่องของลูกกับเจ้านายเป็นยังไงแล้วลูก" เสียงของคุณหญิงอัปสรดังขึ้นทำให้ส้มที่นั่งจมอยู่กับความคิดมากมายในหัวหลุดจากภวังค์ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบผู้เป็นแม่อย่างเนือย ๆ "มันจบแล้วค่ะแม่ หนูกับพี่นายคุยกันจนได้ข้อสรุปแล้วว่ากลับไปพี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่าเพราะขืนดันทุรังคบกันต่อไปหนูคิดว่าคงมีปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น หนูไม่อยากเสียใจและเหนื่อยกับเรื่องความรักแล้ว""แม่เข้าใจ ไม่เป็นไรนะยังไงลูกก็ยังมีพ่อกับแม่อยู่ข้าง ๆ" อัปสรนึกเห็นใจบุตรสาวไม่น้อยที่ต้องมาผิดหวังกับเรื่องความรักซ้ำ ๆ ถึงสองครั้งสองคราทำได้เพียงขยับตัวเข้าไปรั้งบุตรสาวมาสวมกอดไว้หลวม ๆ เชิงปลอบประโลมและให้กำลังใจในเวลาเดียว ซึ่งส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับเพียงฝืนระบายยิ้มให้ท่านบาง ๆ แม้ในใจจะรู้สึกชอกช้ำไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหลังจากเจ้านายมาหาที่บ้านเธอก็ตัดสินใจถามเขาไปตรง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ลียามาบอก คำตอบที่ได้รับจากปากเจ้านายคือมันเป็นเรื่องจริง เขาพลาดมีอะไรกับลียาจริง ๆ เพราะความเมาเขาเล่าให้เธอฟังทุกอย่างโดยไม่ปิดบังรวมทั้งเรื่องที่โดนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบังคับให้แต่ง
หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ เรื่องระหว่างส้มกับเจ้านายก็เหมือนจะไม่มีอะไรเพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาแม่ของเขาไม่ได้โทรมากวน หรือทำอะไรเลยซึ่งเจ้านายเองก็ไปมาหาสู่เธอเป็นปกติเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนพ่อของลูกก็หายเงียบไปเลยตั้งแต่วันนั้นเธอก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ชีวิตของเธอกับลูกจะราบรื่นสักที ทว่าเหมือนที่เธอหวังจะไม่เป็นจริงเมื่อแม่บ้านเดินมารายงานว่า "คุณส้มค่ะมีคนมาขอพบค่ะ เห็นว่าชื่อลียา"คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเพียงได้ยินชื่อคนที่มาหา แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่เพราะเธอกับลียาไม่ได้สนิท หรือรู้จักกันแต่อย่างใดที่เธอมาหาคงไม่พ้นเรื่องของเจ้านายแน่ ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะบอกกล่าวแม่บ้าน "เชิญเขาเข้ามาเถอะค่ะ"สิ้นเสียงเธอแม่บ้านก็เดินออกไปทันที และเพียงไม่นานก็เห็นแม่บ้านเดินนำหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวเข้ามา"สวัสดีค่ะคุณส้ม" ลียายกมือขึ้นไหว้ส้มซึ่งมีอายุมากกว่าเธออย่างนอบน้อมทันทีที่เดินมาถึงส้มเพียงพยักหน้ารับคำกล่าวทักทาย แล้วถามไถ่เข้าประเด็นทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลาแม้แแต่นาทีเดียว "คุณลียามีอะไรคะถึงได้มาหาส้มถึงที