อื้อ.." ส้มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเลยสักนิด หนำซ้ำยังปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมดเพราะนอนบนพื้นตลอดคืน ใช่ฟังไม่ผิดเมื่อคืนเธอหลับไม่ลงจริง ๆ เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์บวกกลิ่นบุหรี่จากคนข้าง ๆ ลอยเข้าจมูกแม้ใช้ผ้าห่มปิดจมูกแล้วก็ตาม จนเธอทนไม่ไหวสุดท้ายต้องเอาผ้าห่มมารองนอนที่พื้นแข็ง ๆ และเย็นเฉียบบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้า ขณะที่อีกคนนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเธอประสานมือเหนือศีรษะแล้วบิดตัวไปมาเพื่อไล่อาการปวดเมื่อยออก จากนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นยืนพับผ้าห่มไปวางบนที่นอน ซึ่งยังมีคนเห็นแก่ตัวนอนอยู่ ยืนจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกตัดพ้อขนาดเธอท้องอยู่เขาก็ยังไม่คิดเห็นใจ หรือไม่อย่างน้อยเขาควรนึกถึงลูกในท้องเธอบ้างเพราะเป็นลูกเขาเช่นกันไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอยืนมองใบหน้าหล่อเหลาอยู่แบบนั้น กระทั่งร่างสูงเริ่มขยับเขยื้อนเธอจึงละสายตาออก แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำยี่สิบนาทีก็เสร็จครั้นเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเพื่อนชายนั่งพิงหัวเตียงอยู่ด้วยท่าทางงัวเงียคงเพิ่งตื่น เธอปรายตามองแวบหนึ่งแล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบหยิบเสื้อผ้าพาเข้าไป
จากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาห้าเดือนเดือนเต็ม ๆ ที่ส้มเข้ามาอยู่ในบ้านวิสุทธิ์ภักดี ทุกอย่างยังคงวนลูปเหมือนเดิมแม้เธอจะอยู่อย่างสะดวกสบายในบ้านหลังนี้ แต่ใจของเธอมีแต่ความทุกข์ระทมไม่เคยได้สัมผัสคำว่าความสุขเลยเพราะถูกเพื่อนชายรังแกทั้งทางร่างกาย วาจา และจิตใจ เรื่องลูกเขาก็ไม่เคยสนใจตั้งแต่เธอท้องเดือนแรกกระทั่งเข้าเดือนที่หกแล้วเขาไม่แม้แต่จะถามถึงสักครั้ง เวลาไปหาหมอก็แค่พาไปตามหน้าที่ ไปส่งเธอแล้วทิ้งให้กลับเองทุกครั้ง อย่างเช่นตอนนี้ที่เขามาส่งเธอแล้วกลับไป ครั้นหาหมอเสร็จเธอก็ต้องโทรเรียกแกร็บคาร์ให้ไปส่งที่บ้านเหมือนเช่นเคย ชีวิตของการมีสามีมันเหมือนจะเหนื่อย และทุกข์ใจกว่าตอนอยู่ตัวคนเดียวด้วยซ้ำเมื่อกลับมาถึงบ้านเธอก็ตรงขึ้นห้องนอนทันทีเพราะวันนี้ผกาไม่อยู่บ้านเลยไม่ต้องแวะพูดคุยกับท่าน ส่วนอีกคนคงจะกลับมาดึก ๆ หรือไม่ก็ไปนอนกกกับผู้หญิงกลับมาอีกทีก็เช้ามืดเหมือนที่ผ่านมา เพื่อนชายเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเมื่อก่อนเขาไม่เคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน และมัวผู้หญิงแบบนี้ แต่พอแต่งงานกับเธอก็เป็นอย่างที่เห็นเธอเจอเรื่องแบบนี้เกือบตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาจนหัวใจมันเริ่มชิ
วันต่อมา"อ้วก..แหวะ!"เสียงอาเจียนโฮกฮากดังเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำทำให้ร่างสูงที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา"เฮ้อ.." เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางยกมือขึ้นนี้ผมอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง แต่เขาต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอาเจียนจะนอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว ซึ่งมันเป็นแบบนี้เกือบทุกเช้าลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นจากจมูกโด่งอีกครั้งระคนหงุดหงิด ก่อนเขาจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งใช้มือลูบหน้าไล่อาการงัวเงียออก แล้วขยับไปนั่งห้อยขาริมเตียงมองไปยังประตูห้องน้ำด้วยความไม่พอใจส้มที่เดินออกมาจากห้องน้ำถึงกับชะงักเล็กน้อยในตอนที่ก้าวเท้าพ้นประตูห้องน้ำแล้วเจอกับแววตาดุดันที่มองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคงไม่พอใจที่เธออาเจียนจนทำให้เขาตื่นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทีไม่พอใจแบบนี้ หากเป็นไปได้อยากจะให้เขาลองมาอุ้มท้องเองจริง ๆ จะได้รู้สึกว่ามันเป็นยังไงเธอเลือกจะทำเป็นไม่สนใจเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่ แล้วไปนั่งทาครีมที่โต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อเสร็จก็ลุกเดินไปยังชั้นล่างทำเหมือนอีกคนเป็นธาตุอากาศ คิ้วสวยพลันขมวดชนกันด้วยความแปลกใจครั้นเดินลงมาถึงชั้นล่างแล้วเห็นกระเป๋าเดินทางใบโต ๆ
น้ำสีใสที่คลั่งอยู่ในหน่วยตาของส้มค่อย ๆ ร่วงหล่นลงแก้มทันทีที่แบงค์เดินโอบไหล่หญิงสาวข้างกายผ่านเธอเข้าไปในบ้าน เสียงของเขาที่ถามไถ่ผู้หญิงคนนั้นว่าวันนี้ทำงานเหนื่อยไหม หิวข้าวหรือยัง พูดคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิงลอยมาเข้าหูยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกเจ็บ มันเป็นคำถามที่เธอไม่เคยได้รับสักครั้ง เขาไม่เคยแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธอกับลูกในท้องเหมือนที่แสดงกับผู้หญิงคนนั้นเลย แล้วเธอกับลูกผิดอะไรนักหนาทำไมเขาถึงใจร้ายได้ขนาดนี้"คุณส้มคะคุณแบงค์ให้มาตามไปทานข้าวค่ะ" ไม่รู้ว่าแค่ไหนที่เธอยืนนิ่งปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาระบายความเจ็บปวดในใจกระทั่งเสียงแม่บ้านดังขึ้นจึงรีบใช้มือเช็ดน้ำตาออก หลับตาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แล้วหันไปพยักหน้ารับ "ค่ะ"มือทั้งสองกำหมัดแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่อัดอั้นอยู่ในอก เธอรู้ว่าที่เพื่อนชายให้แม่บ้านมาตามไปทานข้าวทั้งที่ปกติไม่เคยคิดจะชวนเลยสักครั้งคงอยากให้เธอไปเห็นภาพสวีทของเขากับเมียน้อย รู้อยู่เต็มอกว่าต้องเป็นแบบนั้นแต่เธอก็เลือกจะเดินเข้าไปร่วมโต๊ะอาหารที่มีผู้ชายเลวกับหญิงแพศยานั่งอยู่เพราะหากเธอไม่มาทั้งสองคงหัวเราะเยาะ และยิ่งได้ใจเธอมองสามีของตัวเ
"ฮึก..."ส้มทิ้งตัวลงนั่งพิงประตูห้องนอนอย่างหมดเรี่ยวแรงพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก สิ่งที่ได้รับรู้มันทำให้เธอเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ลำพังเพื่อนชายทำร้ายจิตใจเธอว่าหนักหนามากพอแล้ว แต่นี่เขาตั้งใจมีลูกอีกคนกับผู้หญิงคนอื่นเพียงเพราะโกรธ และเกลียดเธอเขาทำได้ยังไงกัน อย่างน้อยถ้าไม่คิดถึงจิตใจเธอก็ควรนึกถึงลูกในท้องเธอบ้างยังไงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเรื่องอื่นเธอทนมาได้ตลอด แต่เรื่องนี้เธอรับไม่ได้จริง ๆ ทว่าหากหย่ากับเพื่อนชายเธอก็ไม่ได้เหยียบกลับไปที่บ้านพ่อแม่อีกเพราะพวกท่านยื่นคำขาดแล้ว ถ้าให้ทนอยู่ต่อกับผู้ชายเลว ๆ เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเธอควรจะทำยังไงดี..ทำไมชีวิตเธอมันถึงได้บัดซบขนาดนี้กันมีพ่อแม่ก็เหมือนเป็นคนนอกคอยแต่จะบังคับให้ทำในสิ่งที่พวกท่านต้องการ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะนึกถึงความสุขของเธอพอแต่งงานมีสามีก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นพบเจอแต่ความเจ็บปวด ความชอกช้ำ และเสียใจ ในชีวิตเธอคงดีอยู่อย่างเดียวคือเกิดมาบนกองเงินกองทอง"อึก..เราจะสู้ไปด้วยกันนะลูก" แววตาหม่นหมองที่เจิ่งนองไปด้วยสายธารน้ำตาก้มมองหน้าท้องนูน ๆ ที่มีหัวใจอีกดวงอยู่ด้านในพร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ สิ
สัมขับรถไปตามท้องถนนด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากตาไม่ขาดสายไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เธอจะรู้สึกโดดเดี่ยว และเคว้งคว้างมากขนาดนี้โดนสามีทำร้ายจิตใจยังไม่พอหวังกลับมาซบอกพ่อแม่ แต่กลับถูกพวกท่านผลักไสให้กลับไปลงนรกดั่งเดิมแทนที่จะเป็นห่วง และปลอบประโลมกันเธอไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปมันมืดมนไปหมด หากเธอหย่ากับเพื่อนชายก็เหมือนตัดขาดกับพ่อแม่ด้วย หากให้ทนอยู่กับผู้ชายใจร้ายอย่างเพื่อนชายต่อก็ไม่ไหว ถ้าคิดแบบสั้น ๆ เธออยากหนีไปอยู่ไกล ๆ ในที่ไม่มีใครหาเจอไปใช้ชีวิตอยู่กับลูกแค่สองคนก็พอเพราะนี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอในเมื่อพ่อกับแม่ไม่เคยรักและนึกถึงความรู้สึกของเธอเลยสักครั้ง แล้วเธอจะนึกถึงความรู้สึกของพวกท่านอีกทำไม ที่ผ่านมาเธออดทนมาตลอดพวกท่านว่ายังไงก็ไม่เคยขัด มันคงถึงเวลาที่เธอต้องนึกถึงตัวเองบ้างให้พวกท่านอยู่กับผลประโยชน์ เกียรติยศ ชื่อเสียงที่รักและหวงมากกว่าลูกอย่างเธอไป ส่วนเพื่อนชายก็ปล่อยให้เขาได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองเลือกเธอคิดไตร่ตรองทางที่ตัวเองตัดสินใจเลือกซ้ำ ๆ กระทั่งขับรถมาถึงบ้านวิสุทธิ์ภักดีจึงสลัดความคิดออก แล้วเปิดประตูลง
วันต่อมาส้มขับรถออกจากคอนโดกลับบ้านวิสุทธิ์ภักดีแต่เช้าเพื่อเก็บเสื้อผ้าของเครื่องใช้ต่าง ๆ เพราะเธอจองตั๋วเครื่องบินสำหรับไปประเทศอเมริกาตอนสิบเอ็ดโมงเธอลอบถอนหายใจเบา ๆ เมื่อรถจอดลงหน้าบ้านนั่งจมอยู่กับความเศร้าเนินนานหลายนาที ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ เท้าเล็กพลันหยุดชะงักหลังจากที่ก้าวเดินได้เพียงสองสามก้าวในตอนที่เห็นผู้ชายใจร้ายเดินออกมาจากบ้าน จ้องมองใบหน้าของเขาด้วยนัยน์ตาเศร้าหมองระคนเจ็บปวด นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาซึ่งตอนนี้เขาก็มองมาที่เธอเช่นกันแต่มองด้วยสายตาเย็นชาใบหน้าไร้ความรู้สึกมันเจ็บปวดในอกเหลือเกิน มือเรียวกำหมัดแน่นพยายามข่มหยาดน้ำตาที่กำลังจะรินไหลออกจากหางตา แล้วก้าวเท้าเดินต่อสายตามองตรงไปข้างหน้าเดินสวนไปราวกับคนไม่รู้จักกันทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้อยู่หยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ค่อย ๆ หยดเผาะลงบนพวงแก้มครั้นเดินผ่านผู้ชายใจร้ายมาได้แค่สองก้าวเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียวทำให้เธอเจ็บปวดได้มากขนาดนี้แม้พยายามบอกใจให้เกลียดเขา แม้พยายามทำเป็นเข้มแข็งแล้วก็ตาม แต่ในสักวันเธอจะต้องเลิกรักเขาให้ได้..มือเรียวค่อย ๆ ยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากพวงแก
หัวใจของแบงค์วูบโหวงโดยไม่ทราบสาเหตุวินาทีที่เห็นข้อความบนกระดาษที่เขียนว่าใบสำคัญการหย่ามีลายเซ็นของหญิงสาวเรียบร้อยใบหย่าคือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด แต่ทำไมเขาไม่ได้รู้สึกดีใจหรือมีความสุขสักนิดทั้งที่ความจริงเขาควรรู้สึกแบบนั้นไม่ใช่อาการวูบโหวงในอกอย่างเช่นตอนนี้รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูปรากฏว่าภายในตู้เหลือเพียงเสื้อผ้าของเขาแขวนอยู่ ส่วนฝั่งของหญิงสาวว่างเปล่ามีเพียงไม้แขวนไร้เสื้อผ้าเขาเดินกลับมาหย่อนก้นลงนั่งริมเตียงด้วยความรู้สึกหลากหลาย อีกมือยื่นไปหยิบแหวนแต่งงานที่หญิงสาวถอดทิ้งเอาไว้มาดูสลับกับใบหย่า พร่ำบอกตัวเองว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการแล้วทำไมถึงไม่ดีใจบางทีอาจเป็นเพราะอยู่กับเธอทุกวันพอรู้ว่าอีกคนหายไปเป็นปกติที่ต้องรู้สึกแปลก ๆ เขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดและความรู้สึกที่ตีกันออก แล้วลุกถอดเสื้อผ้าคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำทว่าพอเข้ามาในห้องน้ำแล้วเห็นแก้วใส่แปรงสีฟันเหลือเพียงของเขาอันเดียววางโดดเดี่ยว โฬมล้างหน้าและของใช้ต่าง ๆ ของเธอที่เคยวางเต็มขอบอ่างล้างหน้าก็หายไปพานทำให้รู้สึกแปลก ๆ ไม่น้อย เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย.."บ้าชะมัด" เส
@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ว้าย!" ส้มร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกพ่อของลูกยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านวิสุทธิ์ภักดี "จะอุ้มทำไมแบงค์ส้มก็กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นี่ไง" ครั้นตั้งตัวได้เธก็โวยวายใส่ร่างสูงพลางใช้มือทุบอกเขาแรง ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาอุ้มทำไมกันในเมื่อเธอก็ยอมเดินเข้าบ้านดี ๆ ไม่ได้จะวิ่งหนีกลับบ้านสักหน่อยแบงค์เพียงยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรตั้งหน้าอุ้มเธอเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ก่อนจะพาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทำเอาส้มต้องขมวดคิ้วเป็นปม รีบเปล่งเสียงถามทันที "แบงค์จะพาส้มไปไหน ปล่อยส้มลงเดี๋ยวนี้นะ""พาขึ้นไปดูทะเบียนสมรส แล้วก็ใบหย่าไงเพื่อยืนยันว่าแบงค์ยังไม่ได้เซ็นมันจริง ๆ เพราะฉะนั้นเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่" สิ้นประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์จนส้มอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย พยายามข่มอาการเอาไว้แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุหวังว่าอีกคนจะเกรงขึ้นมาบ้าง "แบงค์ก็ขึ้นไปหยิบลงมาให้ดูสิ จะอุ้มส้มขึ้นไปด้วยทำไม" "อยากพาขึ้นไปดูให้ถึงที่ไง" "มันใช่เรื่องไหม
หลายปีต่อมา"คุณพ่อคะเมื่อวานตอนไปห้างมีหนุ่ม ๆ มาจีบคุณแม่ด้วยค่ะ" ทันทีที่แบงค์ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านเอกวิโรจน์บุตรสาวที่นั่งรอการมาของเขาในห้องโถงก็รีบเอ่ยฟ้องเสียงเจื้อยแจ๋ว"จริงเหรอครับ" ทำเอาแบงค์ถึงกับหูผึ่งรีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างบุตรสาว ถามไถ่ด้วยความร้อนรนใจ "แล้วผู้ชายคนนั้นหล่อไหม แล้วแม่เขาตอบผู้ชายคนนั้นไปว่ายังไงบ้าง""เขาก็หล่อนะคะ แต่น้อยกว่าคุณพ่อ" ภริตาเด็กน้อยวัยย่างเข้าเก้าขวบตอบไปตามความจริงเพราะสำหรับเธอแล้วไม่มีใครหล่อกว่าพ่อตัวเอง "ส่วนคุณแม่แค่ยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนั้นค่ะไม่ได้ตอบอะไร น้องริตาเลยตอบแทนคุณแม่ไปว่ามีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเลย""ทำดีมากลูกรัก ไม่เสียแรงที่พ่อให้ลูกช่วยดูแลแม่จากผู้ชายคนอื่น" ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยบึ้งตึงก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากบุตรสาว ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปหยีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ปีเกือบห้าปีแล้วอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะคบห้าปีพอดี บุตรสาวของเขาอายุย่างเข้าเก้าปีเริ่มเติบโตเป็นสาวแล้วรู้เรื่องทุกอย่างจึงเป็นตัวช่วยของเขาได้ดีงานที่เขามอ
จากวันนั้นเวลาก็ดำเนินมาหนึ่งปีเต็ม ๆแบงค์ยังคงคอยดูแลลูกในฐานะคุณอาที่แสนดี ซึ่งเขาก็เต็มใจยอมรับไม่คิดเรียกร้องอะไรแค่ได้อยู่ในชีวิตผู้หญิงที่รักทั้งสองคนเขาก็มีความสุขแล้วครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แบงค์ที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปหาบุตรสาวที่บ้านเอกวิโรจน์เหมือนเช่นทุกวันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูคิ้วเข้มพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือแม่ของลูกอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติเธอจะไม่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ จึงกดรับสายด้วยความอยากรู้"โทรมาแต่เช้าเลยมีอะไรรึเปล่าส้ม"(ส้มจะโทรมาบอกว่าวันนี้ให้มาหาลูกตอนเย็น ๆ นะ เพราะช่วงเช้าพ่อกับแม่ส้มจะพาน้องริตาไปข้างนอก)พอได้ฟังประโยคจากปลายสายเขาก็หน้าหงอยลงฉับพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะกะไว้ว่าจะไปรับสองแม่ลูกไปทำบุญด้วยกันที่วัดสักหน่อยเนื่องในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งแต่เกิดเรื่องนั่น"อ๋อ..ได้ ๆ" เขาได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจแล้วเปล่งเสียงตอบปลายสายไ
ส้มทอดสายตามองบรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงห้องพักด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่พาบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มและลูก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนสายลมเย็นยะเยือกลอยสัมผัสผิวเรียบเนียนทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิลที่มีดวงดาวน้อยใหญ่ลอยประดับประดาอย่างสวยงาม แต่นาทีต่อมาเธอก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่คลุมลงมาบนไหล่ ครั้นเอี่ยวหน้ามองก็พบว่าเป็นพ่อของลูกนั่นเองที่เอาผ้ามาคลุมไหล่ให้เธอ จึงเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ขอบคุณ"แบงค์เพียงยกยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วเดินไปยืนริมระเบียงข้าง ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลอันมืดสลัวโดยไม่พูดอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกับส้มที่มองออกไปยังทะเลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาเป็นระยะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นชวนคุยขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับทะเลเบื้องหน้า "บรรยากาศดีเนาะ ส้มว่าไหม
เช้าวันต่อมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปทานอาหาร ครั้นทานอาหารเสร็จก็เช่ารถของโรงแรมพาบุตรสาวไปเล่นที่สวนน้ำกระทั่งเที่ยงจึงพากันไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังของภูเก็ต"กินข้าวเสร็จคุณอาใจดีจะพาน้องริตาไปเที่ยวไหนต่อคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ๋วระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับเอียงหน้าขึ้นมองคุณอาใจดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ส้มนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งจ้องมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดูระคนมันเขี้ยวเพราะยิ่งนับวันบุตรสาวก็ยิ่งติดคนเป็นพ่อมากขึ้น ดูอย่างตอนนี้สิแทนที่จะนั่งข้างเธอ กลับเลือกไปนั่งข้างชายหนุ่มแต่ก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเขาเล่นตามใจบุตรสาวไปเสียทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวจะบอกจะขออะไรก็ทำให้หมดไม่เคยขัดจึงทำให้บุตรสาวชอบอยู่กับเขา"อืม..เราไปดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกันไหมครับ พอแดดร่มหน่อยเดี๋ยวเราค่อยไปเล่นน้ำทะเลกัน" คนถูกถามอย่างแบงค์นั่งใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนเสนอความคิดเห็นให้บุตรสาวพร้อมกับยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู"ได้ค่ะ"เด็กน้อยภริตายิ้มรับจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตามไปด้วย ก่อนแบงค์จะเล
นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ แล้วที่แบงค์ได้กลับเข้ามาในชีวิตเพื่อนสาวกับลูกอีกครั้ง ตอนเช้าของทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะแวะมาหาบุตรสาวก่อนเสมอ และหลังเลิกงานตอนเย็นก็แวะมาเล่นกับบุตรสาวอีกครั้ง หากเป็นวันหยุดเขาก็จะมารับบุตรสาวพาไปเที่ยวเป็นประจำ บางครั้งก็พาไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วยกัน ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ของลูกก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าเดิมเพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทางคงจะมีแค่เรื่องลูกที่ทำให้เธอยอมเกี่ยวข้องกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจหวังว่าสักวันจะแทรกซึมเข้าไปในใจเธอได้อีกครั้งวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยชวนบุตรสาวไปเที่ยวทะเลตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ และเขายังแอบพูดกับบุตรสาวว่าให้ชวนแม่ไปด้วยเพราะหวังว่าจะได้สร้างโมเม้นท์ดี ๆ กับแม่ของลูกเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนส้มยอมไปเที่ยวทะเลด้วยเพราะทนแรงออดอ้อนจากบุตรสาวไม่ไหว ทะเลที่เขาจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวก็คือภูเก็ตนั่นเองเพราะเขาไปมาครั้งที่แล้วมันสวยมาก ที่เที่ยวก็มีเยอะแยะจึงอยากให้บุตรสาวได้เที่ยวบ้าง ทั้งสามออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถส่วนตัวโดยแบงค์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาอยากจะ
ส้มนั่งคุยกับนับดาวไปเรื่อย ๆ โดยปล่อยให้บุตรสาวเล่นกับชายหนุ่มไปเพราะเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างนั้นก็ปรายตามองสองคนพ่อลูกเป็นระยะ ๆ "แกจะไม่ให้น้องริตารู้จริง ๆ เหรอว่าแบงค์เป็นพ่อของเขา ฉันว่าน้องริตามีความสุขมากนะที่ได้เจอแบงค์" นับดาวเอียงหน้ากระซิบถามเพื่อนสาวเบา ๆ หลังจากนั่งมองเพื่อนชายกับบุตรสาวเล่นด้วยกันมาสักครู่แล้ว"ตอนนี้ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ แต่ถ้าในอนาคตไม่รู้" ส้มเองยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเธอยังจำความหมางเมินที่ชายหนุ่มแสดงต่อลูกในท้องได้ดี เขาไม่แม้แต่ทำหน้าที่พ่อสักครั้ง"แกลองเปิดโอกาสให้แบงค์ได้ทำหน้าที่พ่อดูสักหน่อยสิ หากมันดีหรือไม่ดีแกก็ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง" นับดาวใช้มือตบลงบนบ่าเพื่อนสาวเบา ๆ เชิงให้กำลัง ก่อนจะหันไปชวนเด็กน้อยภริตาเข้าไปในครัวเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้คุยกัน "น้องริตาไปดูขนมคุกกี้ในครัวกับแม่นับดีกว่าค่ะว่าเสร็จรึยัง""ค่ะ" เด็กน้อยภริตารีบพยักหน้ารับคำอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับลุกเดินไปหานับดาว จากนั้นก็พากันเดินหายเข้าไปในครัวทิ้งให้แบงค์กับส้มนั่งกันตามลำพังภายในห้องโถงถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบนานหลายนาที ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา "แบงค์รู้เร
วันต่อมา"สรุปเรื่องของลูกกับเจ้านายเป็นยังไงแล้วลูก" เสียงของคุณหญิงอัปสรดังขึ้นทำให้ส้มที่นั่งจมอยู่กับความคิดมากมายในหัวหลุดจากภวังค์ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบผู้เป็นแม่อย่างเนือย ๆ "มันจบแล้วค่ะแม่ หนูกับพี่นายคุยกันจนได้ข้อสรุปแล้วว่ากลับไปพี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่าเพราะขืนดันทุรังคบกันต่อไปหนูคิดว่าคงมีปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น หนูไม่อยากเสียใจและเหนื่อยกับเรื่องความรักแล้ว""แม่เข้าใจ ไม่เป็นไรนะยังไงลูกก็ยังมีพ่อกับแม่อยู่ข้าง ๆ" อัปสรนึกเห็นใจบุตรสาวไม่น้อยที่ต้องมาผิดหวังกับเรื่องความรักซ้ำ ๆ ถึงสองครั้งสองคราทำได้เพียงขยับตัวเข้าไปรั้งบุตรสาวมาสวมกอดไว้หลวม ๆ เชิงปลอบประโลมและให้กำลังใจในเวลาเดียว ซึ่งส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับเพียงฝืนระบายยิ้มให้ท่านบาง ๆ แม้ในใจจะรู้สึกชอกช้ำไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหลังจากเจ้านายมาหาที่บ้านเธอก็ตัดสินใจถามเขาไปตรง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ลียามาบอก คำตอบที่ได้รับจากปากเจ้านายคือมันเป็นเรื่องจริง เขาพลาดมีอะไรกับลียาจริง ๆ เพราะความเมาเขาเล่าให้เธอฟังทุกอย่างโดยไม่ปิดบังรวมทั้งเรื่องที่โดนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบังคับให้แต่ง
หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ เรื่องระหว่างส้มกับเจ้านายก็เหมือนจะไม่มีอะไรเพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาแม่ของเขาไม่ได้โทรมากวน หรือทำอะไรเลยซึ่งเจ้านายเองก็ไปมาหาสู่เธอเป็นปกติเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนพ่อของลูกก็หายเงียบไปเลยตั้งแต่วันนั้นเธอก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ชีวิตของเธอกับลูกจะราบรื่นสักที ทว่าเหมือนที่เธอหวังจะไม่เป็นจริงเมื่อแม่บ้านเดินมารายงานว่า "คุณส้มค่ะมีคนมาขอพบค่ะ เห็นว่าชื่อลียา"คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเพียงได้ยินชื่อคนที่มาหา แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่เพราะเธอกับลียาไม่ได้สนิท หรือรู้จักกันแต่อย่างใดที่เธอมาหาคงไม่พ้นเรื่องของเจ้านายแน่ ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะบอกกล่าวแม่บ้าน "เชิญเขาเข้ามาเถอะค่ะ"สิ้นเสียงเธอแม่บ้านก็เดินออกไปทันที และเพียงไม่นานก็เห็นแม่บ้านเดินนำหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวเข้ามา"สวัสดีค่ะคุณส้ม" ลียายกมือขึ้นไหว้ส้มซึ่งมีอายุมากกว่าเธออย่างนอบน้อมทันทีที่เดินมาถึงส้มเพียงพยักหน้ารับคำกล่าวทักทาย แล้วถามไถ่เข้าประเด็นทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลาแม้แแต่นาทีเดียว "คุณลียามีอะไรคะถึงได้มาหาส้มถึงที