สัมขับรถไปตามท้องถนนด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากตาไม่ขาดสายไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เธอจะรู้สึกโดดเดี่ยว และเคว้งคว้างมากขนาดนี้โดนสามีทำร้ายจิตใจยังไม่พอหวังกลับมาซบอกพ่อแม่ แต่กลับถูกพวกท่านผลักไสให้กลับไปลงนรกดั่งเดิมแทนที่จะเป็นห่วง และปลอบประโลมกันเธอไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปมันมืดมนไปหมด หากเธอหย่ากับเพื่อนชายก็เหมือนตัดขาดกับพ่อแม่ด้วย หากให้ทนอยู่กับผู้ชายใจร้ายอย่างเพื่อนชายต่อก็ไม่ไหว ถ้าคิดแบบสั้น ๆ เธออยากหนีไปอยู่ไกล ๆ ในที่ไม่มีใครหาเจอไปใช้ชีวิตอยู่กับลูกแค่สองคนก็พอเพราะนี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอในเมื่อพ่อกับแม่ไม่เคยรักและนึกถึงความรู้สึกของเธอเลยสักครั้ง แล้วเธอจะนึกถึงความรู้สึกของพวกท่านอีกทำไม ที่ผ่านมาเธออดทนมาตลอดพวกท่านว่ายังไงก็ไม่เคยขัด มันคงถึงเวลาที่เธอต้องนึกถึงตัวเองบ้างให้พวกท่านอยู่กับผลประโยชน์ เกียรติยศ ชื่อเสียงที่รักและหวงมากกว่าลูกอย่างเธอไป ส่วนเพื่อนชายก็ปล่อยให้เขาได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองเลือกเธอคิดไตร่ตรองทางที่ตัวเองตัดสินใจเลือกซ้ำ ๆ กระทั่งขับรถมาถึงบ้านวิสุทธิ์ภักดีจึงสลัดความคิดออก แล้วเปิดประตูลง
วันต่อมาส้มขับรถออกจากคอนโดกลับบ้านวิสุทธิ์ภักดีแต่เช้าเพื่อเก็บเสื้อผ้าของเครื่องใช้ต่าง ๆ เพราะเธอจองตั๋วเครื่องบินสำหรับไปประเทศอเมริกาตอนสิบเอ็ดโมงเธอลอบถอนหายใจเบา ๆ เมื่อรถจอดลงหน้าบ้านนั่งจมอยู่กับความเศร้าเนินนานหลายนาที ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ เท้าเล็กพลันหยุดชะงักหลังจากที่ก้าวเดินได้เพียงสองสามก้าวในตอนที่เห็นผู้ชายใจร้ายเดินออกมาจากบ้าน จ้องมองใบหน้าของเขาด้วยนัยน์ตาเศร้าหมองระคนเจ็บปวด นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาซึ่งตอนนี้เขาก็มองมาที่เธอเช่นกันแต่มองด้วยสายตาเย็นชาใบหน้าไร้ความรู้สึกมันเจ็บปวดในอกเหลือเกิน มือเรียวกำหมัดแน่นพยายามข่มหยาดน้ำตาที่กำลังจะรินไหลออกจากหางตา แล้วก้าวเท้าเดินต่อสายตามองตรงไปข้างหน้าเดินสวนไปราวกับคนไม่รู้จักกันทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้อยู่หยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ค่อย ๆ หยดเผาะลงบนพวงแก้มครั้นเดินผ่านผู้ชายใจร้ายมาได้แค่สองก้าวเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียวทำให้เธอเจ็บปวดได้มากขนาดนี้แม้พยายามบอกใจให้เกลียดเขา แม้พยายามทำเป็นเข้มแข็งแล้วก็ตาม แต่ในสักวันเธอจะต้องเลิกรักเขาให้ได้..มือเรียวค่อย ๆ ยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากพวงแก
หัวใจของแบงค์วูบโหวงโดยไม่ทราบสาเหตุวินาทีที่เห็นข้อความบนกระดาษที่เขียนว่าใบสำคัญการหย่ามีลายเซ็นของหญิงสาวเรียบร้อยใบหย่าคือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด แต่ทำไมเขาไม่ได้รู้สึกดีใจหรือมีความสุขสักนิดทั้งที่ความจริงเขาควรรู้สึกแบบนั้นไม่ใช่อาการวูบโหวงในอกอย่างเช่นตอนนี้รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูปรากฏว่าภายในตู้เหลือเพียงเสื้อผ้าของเขาแขวนอยู่ ส่วนฝั่งของหญิงสาวว่างเปล่ามีเพียงไม้แขวนไร้เสื้อผ้าเขาเดินกลับมาหย่อนก้นลงนั่งริมเตียงด้วยความรู้สึกหลากหลาย อีกมือยื่นไปหยิบแหวนแต่งงานที่หญิงสาวถอดทิ้งเอาไว้มาดูสลับกับใบหย่า พร่ำบอกตัวเองว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการแล้วทำไมถึงไม่ดีใจบางทีอาจเป็นเพราะอยู่กับเธอทุกวันพอรู้ว่าอีกคนหายไปเป็นปกติที่ต้องรู้สึกแปลก ๆ เขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดและความรู้สึกที่ตีกันออก แล้วลุกถอดเสื้อผ้าคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำทว่าพอเข้ามาในห้องน้ำแล้วเห็นแก้วใส่แปรงสีฟันเหลือเพียงของเขาอันเดียววางโดดเดี่ยว โฬมล้างหน้าและของใช้ต่าง ๆ ของเธอที่เคยวางเต็มขอบอ่างล้างหน้าก็หายไปพานทำให้รู้สึกแปลก ๆ ไม่น้อย เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย.."บ้าชะมัด" เส
@บ้านเอกวิโรจน์รถโตโยต้า อัลฟาร์ดที่มีผกากับแบงค์นั่งอยู่ด้านในเคลื่อนตัวมาจอดลงยังบ้านเอกวิโรจน์ ก่อนทั้งสองจะพากันลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน"เอ้า! คุณพี่ผกาสวัสดีค่ะ" อัปสรที่นั่งอยู่ในห้องโถงรีบลุกขึ้นทักทายเมื่อเหลือบเห็นผกากับบุตรชายเดินเข้ามา อดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ ๆ ทั้งสองก็มาปรากฏตัวที่บ้าน "มาได้ยังไงกันคะเนี่ย"ผกาพยักหน้ารับไหว้ ขณะที่แบงค์นั้นยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม "สวัสดีครับคุณป้า"อัปสรยิ้มรับ ก่อนทั้งสามจะพากันนั่งลงที่โซฟา"ฉันกับตาแบงค์มาหาหนูส้มน่ะ" ผกาเปิดประเด็นคุยทันที ขณะที่สายตามองสำรวจไปรอบบ้านเพื่อหาลูกสะใภ้เช่นเดียวกับแบงค์ที่กวาดสายตามองหา แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า"มาหาส้ม ไม่ใช่ว่าส้มอยู่ที่บ้านคุณพี่เหรอคะ" อัปสรถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความงุนงง จู่ ๆ ผกาก็มาถามหาบุตรสาวที่นี่ ซึ่งเธอคิดว่าบุตรสาวอยู่บ้านวิสุทธิ์ภักดีมาตลอด แล้วตกลงมันยังไงกันแน่ มองหน้าถามทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความสงสัย "มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ น้องงงไปหมดแล้ว""บอกไปสิตาแบงค์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" ผกาหันมองหน้าบุตรชายด้วยแววตาดุ แบงค์อำอึ้งอยู่สักพักใหญ่ก่อนบอกกล่าวไปอย่างไม่เต็มเสียงมากน
หลังจากกลับมาจากบ้านเอกวิโรจน์แบงค์ก็เดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียงในห้องนอนด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในสมอง คำถามผุดขึ้นในสมองตลอดเวลาว่าหญิงสาวหายไปไหน จะว่าไปอยู่บ้านเพื่อนคนไหนก็คงไม่ใช่เพราะเธอมีแค่นับดาวกับเขาที่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น ลองติดต่อไปที่คนรู้จักของเธอ ทุกคนต่างก็บอกว่าไม่รู้ลำพังเขาไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าไรหรอกกับการหายไปของเธอแม้จะรู้สึกวูบโหวงในใจอยู่บ้างคิดว่าอีกสักพักคงหายไปเอง แต่พ่อแม่ของเขากับพ่อแม่ของเธอพากันโทษว่าเป็นความผิดของเขา และบังคับให้เขาตามหาหญิงสาวให้เจอ โดยเฉพาะแม่ของเขาที่ยื่นคำขาดว่าหากหาเธอไม่เจอจะตัดเขาออกจากกองมรดกแต่ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มตามหาหญิงสาวจากตรงไหนดีเพราะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยสักนิด หนำซ้ำก่อนหน้านี้เธอไม่มีท่าทีว่าจะจากไปเลย หากหาก็เหมือนงมเข้มในมหาสมุทร เธอยังอยู่ในกรุงเทพหรือไปอยู่จังหวัดไหนก็มิอาจรู้ได้"เฮ้อ.." ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งด้วยความรู้สึกหนักใจ ก่อนเขาจะทิ้งตัวลงนอนแผ่หลา ยกมือขึ้นกายหน้าผาก สายตาจ้องมองเพดานสีขาวอย่างครุ่นคิด ผ่านไปเนินนานหลายนาทีจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งครั้นคิดอะไรออก ล้วงไปหยิบโทร
"น้องส้มอยากทานอะไรครับ บอกมาได้เลยเดี๋ยวพี่พาไป" เจ้านายถามไถ่ขณะขับรถไปตามถนนทำให้ส้มที่ทอดสายตามองวิวริมทางอย่างเหม่อลอยได้สติ หันหน้ากลับมาตอบอย่างเกรงใจ "ส้มทานอะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่พี่นายเลย""งั้นอาหารไทยไหมครับ มีร้านอาหารไทยร้านหนึ่งพี่ไปทานเป็นประจำเลย" เจ้านายเสนอ ซึ่งส้มก็พยักหน้ารับ "ค่ะ""น้องส้มท้องได้กี่เดือนแล้วครับ" เจ้านายชวนคุยไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความสนืทสนมกับหญิงสาว"ห้าเดือนใกล้หกเดือนแล้วค่ะ" "แล้วรู้รึยังครับเพศหญิง หรือเพศชาย""หญิงค่ะ" ส้มยิ้มตอบ ทว่าในใจกลับย้อนนึกถึงอีกคนที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ แต่ไม่เคยถามไถ่อะไรเกี่ยวกับลูกเลย พอคิดแล้วความรู้สึกก็เริ่มดำดิ่งอีกครั้ง ใบหน้าเรียวหม่นหมองลงฉับพลันจนเจ้านายที่ปรายตามองเธอเป็นครั้งคราวสัมผัสได้จึงชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้เธอเศร้า"อาหารไทยน้องส้มชอบทานอะไรมากที่สุดครับ""ส้มตำค่ะ แซ่บสุดอร่อยสุดแล้ว" คำถามจากชายหนุ่มทำให้ส้มต้องปรับอารมณ์ฝืนระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "เหมือนพี่เลยครับชอบทานส้มตำ อีกอย่างก็คือต้มยำทะเล" "ค่ะ แล้วพี่เจ้านายอยู่อเมริกานานแล้วเหรอคะ" ส้มเป็นฝ่ายชวนคุยบ้างเพราะหากปล่อยให้ชายหนุ่มชวนคุยอย
จากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาสามเดือนเต็ม ๆ แล้วที่ส้มหนีมาอยู่อเมริกา เดือนแรกที่มาอยู่มันยากเย็นมากสำหรับเธอ รู้สึกโดดเดี่ยวเคว้งคว้างหัวใจสุด ๆ กลางคืนนอนกอดตัวเองร้องไห้จนหลับไปทุกคืนเพราะคิดถึงคนใจร้าย แต่พอเข้าเดือนที่สองก็เริ่มเคยชินกับการอยู่ตัวคนเดียว กระทั่งมาถึงวันนี้หัวใจที่บอบช้ำของเธอค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาจมีคิดถึงเขาบ้างแต่ก็ไม่ได้มีน้ำตา หรือเจ็บปวดเหมือนช่วงแรก เวลาค่อย ๆ เยียวยาหัวใจที่แตกสลายของเธอ และเชื่อว่าในสักวันเธอจะนึกถึงเขาได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย..เธอนั่งมองรูปที่เคยถ่ายกับเพื่อนชายในโทรศัพท์ด้วยแววตาเรียบนิ่ง วันนี้เธอสามารถมองรูปของเขาได้โดยไม่มีน้ำตาแล้ว มือเรียวเลื่อนดูรูปในโทรศัพท์ที่เป็นโมเม้นต์ต่าง ๆ ของเธอกับเขาที่มีมากกว่าสองร้อยรูปไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงรูปสุดท้ายจึงกดไปที่ลบอัลบั้มวันนี้เธอตัดสินใจจะลบออกจากโทรศัพท์แม้จะรู้สึกเสียดายก็ตาม แต่ในเมื่อมันเป็นแค่อดีตไปแล้วก็ไม่รู้จะเก็บไว้อีกทำไม เธอหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พร้อมกับจิ้มนิ้วลงบนคำว่ายืนยันลบรูป แค่เสี้ยวนาทีรูปนับสองร้อยก็หายไปในพริบตา นับจากนี้ไปจะไม่มีคนชื่อแบงค์อยู่ในชีวิต
ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบนานหลายนาที ก่อนแบงค์จะยกมือขึ้นไหว้ขอโทษพ่อแม่ของเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกผิด "ผมขอโทษคุณลุง คุณป้าอีกครั้งนะครับที่เป็นต้นเหตุทำให้ส้มหายไป""ขอโทษให้ได้อะไรขึ้นมา ขอโทษไปก็ไม่ได้ทำให้ลูกสาวลุงกลับมา ถ้าอยากให้ลุงยกโทษให้ก็ตามลูกสาวลุงกลับมาให้ได้สิ" อภิสิทธิ์เป็นคนตอบ สายตาจ้องมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความโกรธ "หากแบงค์ไม่พาเมียน้อยมาหยามหน้าลูกสาวลุงถึงในบ้าน แถมยังมีลูกด้วยกันอีกลูกสาวลุงคงไม่หนีเตลิดไปแบบนี้แบงค์ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นไม่คิดแก้ตัวแม้ทุกอย่างที่ท่านพูดไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นสักนิด ความจริงคือผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เมียน้อย หรือเด็กของเขา และเธอก็ไม่ได้ท้องด้วยทุกอย่างล้วนเป็นการแสดงเขาจ้างผู้หญิงคนนั้นให้ช่วยแสดงละครเป็นผู้หญิงของเขาเพื่อทำให้เพื่อนสาวรู้ซึ้งถึงการถูกหักหลัง เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอสักครั้ง และเขาก็ไม่ใช่คนมักมากที่มีอะไรกับใครไปทั่วอย่างที่เพื่อนสาวคิด ทุกอย่างที่เห็นล้วนเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น เขาไม่ได้ออกไปเที่ยวกลางคืนเหมือนที่เพื่อนสาวเข้าใจ แต่ทำเหมือนว่าไปเที่ยวจริง ๆ ด้วยการซื้อเหล้าไปนั่งดื่มที่คอนโด ซื้
@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ว้าย!" ส้มร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกพ่อของลูกยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านวิสุทธิ์ภักดี "จะอุ้มทำไมแบงค์ส้มก็กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นี่ไง" ครั้นตั้งตัวได้เธก็โวยวายใส่ร่างสูงพลางใช้มือทุบอกเขาแรง ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาอุ้มทำไมกันในเมื่อเธอก็ยอมเดินเข้าบ้านดี ๆ ไม่ได้จะวิ่งหนีกลับบ้านสักหน่อยแบงค์เพียงยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรตั้งหน้าอุ้มเธอเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ก่อนจะพาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทำเอาส้มต้องขมวดคิ้วเป็นปม รีบเปล่งเสียงถามทันที "แบงค์จะพาส้มไปไหน ปล่อยส้มลงเดี๋ยวนี้นะ""พาขึ้นไปดูทะเบียนสมรส แล้วก็ใบหย่าไงเพื่อยืนยันว่าแบงค์ยังไม่ได้เซ็นมันจริง ๆ เพราะฉะนั้นเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่" สิ้นประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์จนส้มอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย พยายามข่มอาการเอาไว้แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุหวังว่าอีกคนจะเกรงขึ้นมาบ้าง "แบงค์ก็ขึ้นไปหยิบลงมาให้ดูสิ จะอุ้มส้มขึ้นไปด้วยทำไม" "อยากพาขึ้นไปดูให้ถึงที่ไง" "มันใช่เรื่องไหม
หลายปีต่อมา"คุณพ่อคะเมื่อวานตอนไปห้างมีหนุ่ม ๆ มาจีบคุณแม่ด้วยค่ะ" ทันทีที่แบงค์ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านเอกวิโรจน์บุตรสาวที่นั่งรอการมาของเขาในห้องโถงก็รีบเอ่ยฟ้องเสียงเจื้อยแจ๋ว"จริงเหรอครับ" ทำเอาแบงค์ถึงกับหูผึ่งรีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างบุตรสาว ถามไถ่ด้วยความร้อนรนใจ "แล้วผู้ชายคนนั้นหล่อไหม แล้วแม่เขาตอบผู้ชายคนนั้นไปว่ายังไงบ้าง""เขาก็หล่อนะคะ แต่น้อยกว่าคุณพ่อ" ภริตาเด็กน้อยวัยย่างเข้าเก้าขวบตอบไปตามความจริงเพราะสำหรับเธอแล้วไม่มีใครหล่อกว่าพ่อตัวเอง "ส่วนคุณแม่แค่ยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนั้นค่ะไม่ได้ตอบอะไร น้องริตาเลยตอบแทนคุณแม่ไปว่ามีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเลย""ทำดีมากลูกรัก ไม่เสียแรงที่พ่อให้ลูกช่วยดูแลแม่จากผู้ชายคนอื่น" ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยบึ้งตึงก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากบุตรสาว ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปหยีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ปีเกือบห้าปีแล้วอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะคบห้าปีพอดี บุตรสาวของเขาอายุย่างเข้าเก้าปีเริ่มเติบโตเป็นสาวแล้วรู้เรื่องทุกอย่างจึงเป็นตัวช่วยของเขาได้ดีงานที่เขามอ
จากวันนั้นเวลาก็ดำเนินมาหนึ่งปีเต็ม ๆแบงค์ยังคงคอยดูแลลูกในฐานะคุณอาที่แสนดี ซึ่งเขาก็เต็มใจยอมรับไม่คิดเรียกร้องอะไรแค่ได้อยู่ในชีวิตผู้หญิงที่รักทั้งสองคนเขาก็มีความสุขแล้วครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แบงค์ที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปหาบุตรสาวที่บ้านเอกวิโรจน์เหมือนเช่นทุกวันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูคิ้วเข้มพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือแม่ของลูกอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติเธอจะไม่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ จึงกดรับสายด้วยความอยากรู้"โทรมาแต่เช้าเลยมีอะไรรึเปล่าส้ม"(ส้มจะโทรมาบอกว่าวันนี้ให้มาหาลูกตอนเย็น ๆ นะ เพราะช่วงเช้าพ่อกับแม่ส้มจะพาน้องริตาไปข้างนอก)พอได้ฟังประโยคจากปลายสายเขาก็หน้าหงอยลงฉับพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะกะไว้ว่าจะไปรับสองแม่ลูกไปทำบุญด้วยกันที่วัดสักหน่อยเนื่องในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งแต่เกิดเรื่องนั่น"อ๋อ..ได้ ๆ" เขาได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจแล้วเปล่งเสียงตอบปลายสายไ
ส้มทอดสายตามองบรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงห้องพักด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่พาบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มและลูก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนสายลมเย็นยะเยือกลอยสัมผัสผิวเรียบเนียนทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิลที่มีดวงดาวน้อยใหญ่ลอยประดับประดาอย่างสวยงาม แต่นาทีต่อมาเธอก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่คลุมลงมาบนไหล่ ครั้นเอี่ยวหน้ามองก็พบว่าเป็นพ่อของลูกนั่นเองที่เอาผ้ามาคลุมไหล่ให้เธอ จึงเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ขอบคุณ"แบงค์เพียงยกยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วเดินไปยืนริมระเบียงข้าง ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลอันมืดสลัวโดยไม่พูดอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกับส้มที่มองออกไปยังทะเลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาเป็นระยะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นชวนคุยขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับทะเลเบื้องหน้า "บรรยากาศดีเนาะ ส้มว่าไหม
เช้าวันต่อมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปทานอาหาร ครั้นทานอาหารเสร็จก็เช่ารถของโรงแรมพาบุตรสาวไปเล่นที่สวนน้ำกระทั่งเที่ยงจึงพากันไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังของภูเก็ต"กินข้าวเสร็จคุณอาใจดีจะพาน้องริตาไปเที่ยวไหนต่อคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ๋วระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับเอียงหน้าขึ้นมองคุณอาใจดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ส้มนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งจ้องมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดูระคนมันเขี้ยวเพราะยิ่งนับวันบุตรสาวก็ยิ่งติดคนเป็นพ่อมากขึ้น ดูอย่างตอนนี้สิแทนที่จะนั่งข้างเธอ กลับเลือกไปนั่งข้างชายหนุ่มแต่ก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเขาเล่นตามใจบุตรสาวไปเสียทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวจะบอกจะขออะไรก็ทำให้หมดไม่เคยขัดจึงทำให้บุตรสาวชอบอยู่กับเขา"อืม..เราไปดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกันไหมครับ พอแดดร่มหน่อยเดี๋ยวเราค่อยไปเล่นน้ำทะเลกัน" คนถูกถามอย่างแบงค์นั่งใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนเสนอความคิดเห็นให้บุตรสาวพร้อมกับยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู"ได้ค่ะ"เด็กน้อยภริตายิ้มรับจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตามไปด้วย ก่อนแบงค์จะเล
นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ แล้วที่แบงค์ได้กลับเข้ามาในชีวิตเพื่อนสาวกับลูกอีกครั้ง ตอนเช้าของทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะแวะมาหาบุตรสาวก่อนเสมอ และหลังเลิกงานตอนเย็นก็แวะมาเล่นกับบุตรสาวอีกครั้ง หากเป็นวันหยุดเขาก็จะมารับบุตรสาวพาไปเที่ยวเป็นประจำ บางครั้งก็พาไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วยกัน ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ของลูกก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าเดิมเพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทางคงจะมีแค่เรื่องลูกที่ทำให้เธอยอมเกี่ยวข้องกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจหวังว่าสักวันจะแทรกซึมเข้าไปในใจเธอได้อีกครั้งวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยชวนบุตรสาวไปเที่ยวทะเลตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ และเขายังแอบพูดกับบุตรสาวว่าให้ชวนแม่ไปด้วยเพราะหวังว่าจะได้สร้างโมเม้นท์ดี ๆ กับแม่ของลูกเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนส้มยอมไปเที่ยวทะเลด้วยเพราะทนแรงออดอ้อนจากบุตรสาวไม่ไหว ทะเลที่เขาจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวก็คือภูเก็ตนั่นเองเพราะเขาไปมาครั้งที่แล้วมันสวยมาก ที่เที่ยวก็มีเยอะแยะจึงอยากให้บุตรสาวได้เที่ยวบ้าง ทั้งสามออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถส่วนตัวโดยแบงค์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาอยากจะ
ส้มนั่งคุยกับนับดาวไปเรื่อย ๆ โดยปล่อยให้บุตรสาวเล่นกับชายหนุ่มไปเพราะเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างนั้นก็ปรายตามองสองคนพ่อลูกเป็นระยะ ๆ "แกจะไม่ให้น้องริตารู้จริง ๆ เหรอว่าแบงค์เป็นพ่อของเขา ฉันว่าน้องริตามีความสุขมากนะที่ได้เจอแบงค์" นับดาวเอียงหน้ากระซิบถามเพื่อนสาวเบา ๆ หลังจากนั่งมองเพื่อนชายกับบุตรสาวเล่นด้วยกันมาสักครู่แล้ว"ตอนนี้ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ แต่ถ้าในอนาคตไม่รู้" ส้มเองยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเธอยังจำความหมางเมินที่ชายหนุ่มแสดงต่อลูกในท้องได้ดี เขาไม่แม้แต่ทำหน้าที่พ่อสักครั้ง"แกลองเปิดโอกาสให้แบงค์ได้ทำหน้าที่พ่อดูสักหน่อยสิ หากมันดีหรือไม่ดีแกก็ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง" นับดาวใช้มือตบลงบนบ่าเพื่อนสาวเบา ๆ เชิงให้กำลัง ก่อนจะหันไปชวนเด็กน้อยภริตาเข้าไปในครัวเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้คุยกัน "น้องริตาไปดูขนมคุกกี้ในครัวกับแม่นับดีกว่าค่ะว่าเสร็จรึยัง""ค่ะ" เด็กน้อยภริตารีบพยักหน้ารับคำอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับลุกเดินไปหานับดาว จากนั้นก็พากันเดินหายเข้าไปในครัวทิ้งให้แบงค์กับส้มนั่งกันตามลำพังภายในห้องโถงถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบนานหลายนาที ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา "แบงค์รู้เร
วันต่อมา"สรุปเรื่องของลูกกับเจ้านายเป็นยังไงแล้วลูก" เสียงของคุณหญิงอัปสรดังขึ้นทำให้ส้มที่นั่งจมอยู่กับความคิดมากมายในหัวหลุดจากภวังค์ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบผู้เป็นแม่อย่างเนือย ๆ "มันจบแล้วค่ะแม่ หนูกับพี่นายคุยกันจนได้ข้อสรุปแล้วว่ากลับไปพี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่าเพราะขืนดันทุรังคบกันต่อไปหนูคิดว่าคงมีปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น หนูไม่อยากเสียใจและเหนื่อยกับเรื่องความรักแล้ว""แม่เข้าใจ ไม่เป็นไรนะยังไงลูกก็ยังมีพ่อกับแม่อยู่ข้าง ๆ" อัปสรนึกเห็นใจบุตรสาวไม่น้อยที่ต้องมาผิดหวังกับเรื่องความรักซ้ำ ๆ ถึงสองครั้งสองคราทำได้เพียงขยับตัวเข้าไปรั้งบุตรสาวมาสวมกอดไว้หลวม ๆ เชิงปลอบประโลมและให้กำลังใจในเวลาเดียว ซึ่งส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับเพียงฝืนระบายยิ้มให้ท่านบาง ๆ แม้ในใจจะรู้สึกชอกช้ำไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหลังจากเจ้านายมาหาที่บ้านเธอก็ตัดสินใจถามเขาไปตรง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ลียามาบอก คำตอบที่ได้รับจากปากเจ้านายคือมันเป็นเรื่องจริง เขาพลาดมีอะไรกับลียาจริง ๆ เพราะความเมาเขาเล่าให้เธอฟังทุกอย่างโดยไม่ปิดบังรวมทั้งเรื่องที่โดนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบังคับให้แต่ง
หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ เรื่องระหว่างส้มกับเจ้านายก็เหมือนจะไม่มีอะไรเพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาแม่ของเขาไม่ได้โทรมากวน หรือทำอะไรเลยซึ่งเจ้านายเองก็ไปมาหาสู่เธอเป็นปกติเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนพ่อของลูกก็หายเงียบไปเลยตั้งแต่วันนั้นเธอก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ชีวิตของเธอกับลูกจะราบรื่นสักที ทว่าเหมือนที่เธอหวังจะไม่เป็นจริงเมื่อแม่บ้านเดินมารายงานว่า "คุณส้มค่ะมีคนมาขอพบค่ะ เห็นว่าชื่อลียา"คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเพียงได้ยินชื่อคนที่มาหา แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่เพราะเธอกับลียาไม่ได้สนิท หรือรู้จักกันแต่อย่างใดที่เธอมาหาคงไม่พ้นเรื่องของเจ้านายแน่ ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะบอกกล่าวแม่บ้าน "เชิญเขาเข้ามาเถอะค่ะ"สิ้นเสียงเธอแม่บ้านก็เดินออกไปทันที และเพียงไม่นานก็เห็นแม่บ้านเดินนำหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวเข้ามา"สวัสดีค่ะคุณส้ม" ลียายกมือขึ้นไหว้ส้มซึ่งมีอายุมากกว่าเธออย่างนอบน้อมทันทีที่เดินมาถึงส้มเพียงพยักหน้ารับคำกล่าวทักทาย แล้วถามไถ่เข้าประเด็นทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลาแม้แแต่นาทีเดียว "คุณลียามีอะไรคะถึงได้มาหาส้มถึงที