“แต่ฉัน..ฉันทำไม่เป็น!”
“ผมสอนเอง เกร็งขาไว้แบบนี้ แล้วยกสะโพกขึ้นลงช้าๆ..อาา~..ซี้ดด~..แบบนั้นแหละเด็กดี..สอนง่ายจริง!”
ความเสียวซ่านพุ่งทะลุทะลวงทุกประสาทสัมผัส เสียงครางหวิวเล็ดลอดจากริมฝีปากอวบอิ่ม ร่างบางแอ่นหยัดโค้งเงยแหงนไปด้านหลังเหนือร่างของเขา ทรวงอกอวบชี้พุ่งท้าทายสายตา กระเพื่อมไปตามแรงเคลื่อนไหวอย่างน่าดู
เขาสูดปากครางเสียงต่ำพร่า มึนเมาเคลิบเคลิ้มไปกับปฏิกิริยาของหญิงสาวทำให้อดใจไว้ไม่ไหว หยัดร่างขึ้นจูบลำคอระหง ลิ้นร้อนระอุลดเลี้ยวไล้วนบริเวณลาดไหล่ แล้วค่อยๆ ตวัดเลียอย่างช้าๆ เมื่อร่างบางสั่นสะท้านก็ขบเม้มไปเบาๆ อย่างไม่ให้ตั้งตัว
“อาาาา~” เสียงครางสุดจะกลั้นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ผมหลายปอยชื้นเหงื่อจนแนบติดข้างแก้ม เผยความงามหยาดเยิ้มปรากฏออกมา
เนื่องจากขาดประสบการณ์ พอเกร็งไปนานๆ ก็เริ่มรู้สึกล้า จึงขยับควงสะโพกเป็นวงกลม หมุนเอวอ่อนปวกเปียกไปมาราวกับไร้กระดูก บิดส่ายเป็นจังหวะเพื่อพักการเกร็งขาเอาไว้ก่อน แต่กลับกลายเป็นเพิ่มความกระสันให้เขาไปโดยไม่รู้ตัว
“ซี้ดดดด!~..อาา~..สุดยอด!~ เรียนรู้เร็วแบบนี้ อีกหน่อยผมคงตายคาอกแน่ๆ”
“ชอบแบบนี้หรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างยั่วยวน แววตาซุกซนแอบแฝงความเจ้าเล่ห์นิดๆ
“อือ..ชอบมาก ฟินสุดๆ ผู้ชายส่วนใหญ่จะชอบท่านี้ ควบให้เต็มที่เลยที่รัก มันเป็นของคุณแล้ว!”
เขายื่นฝ่ามือสองข้างมาวางกระชับที่สะโพกของเธอ แล้วจับขยับให้มีจังหวะขึ้นลงแบบเนิบๆ ตอนยกตัวขึ้นเหมือนจะหลุดแต่ก็ไม่หลุด ตอนกดสะโพกลงก็ลงแบบไม่ให้สุดไปถึงโคน ทำซ้ำสี่ห้ารอบ แล้วก็เปลี่ยนเป็นหมุนสะโพกวนเป็นวงกลม เหมือนกำลังบดเอวเคล้าคลึงแท่งหิน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นขึ้นลงใหม่ ขึ้นไม่หลุดลงไม่สุดอยู่อย่างนี้ ทำซ้ำวนไปวนมา
ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่แก้มแดงระเรื่อ นัยน์ตาดำฉ่ำปรือใบหน้าเงยแหงน ริมฝีปากเผยอแย้มหอบหายใจออกมาน้อยๆ แขนนวลเนียนข้างหนึ่งโอบคอเขาไว้หลวมๆ พลางไล้นิ้วคลอเคลียเส้นผมบริเวณท้ายทอยเขาไปด้วย เป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่ดูยั่วยวนจนสุดจะพรรณนา ทำให้รู้สึกรัญจวนใจอย่างบอกไม่ถูก
"เซ็กซี่เหลือเกิน~..เย้ายวนหลือเกินที่รัก~" เสียงทุ้มต่ำกระซิบช้าๆ ริมใบหูเธอ ขบเม้ม เลาะเล็มใบหูบอบบางด้วยลิ้นและริมฝีปากร้อนชื้นอย่างเชื่องช้า
จู่ๆ หญิงสาวก็หยุดชะงัก ยกสะโพกค้างไว้ที่ปลายหัวหยัก ชายหนุ่มที่กำลังเพลิดเพลิน กับการบดเอวยั่วของเธออยู่ จึงเหลือบมองใบหน้าหวานอย่างสงสัย ชั่วขณะที่สายตามองสบกัน สะโพกกลมมนก็กดกลีบเนื้อนุ่ม ให้กลืนกินแก่นกายลงไปอย่างฉันพลันทันที แล้วหยุดชะงักก่อนจะถึงโคน แท่งเนื้อหินร้อนผ่าวถูกรูดเสียดสีไปกับช่องเนื้อคับแคบที่หุบชิด และกำลังบีบรัดแกนกายไว้อย่างแน่นหนึบ ซ้ำยังกระตุกตอดเป็นระยะๆ ทำให้เขาเกือบจะกลั้นอารมณ์จุดสุดยอดเอาไว้ไม่ได้
“อ้าาา!! ฮันนี่!~ ฆ่าผมเลยเถอะ! ผมยอมตาย!~” เสียงแหบพร่าอัดแน่นไปด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้าบิดเบี้ยวแดงก่ำ เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง จนแทบควบคุมสติไม่อยู่
ชายหนุ่มรู้สึกเสียดเสียวไปตลอดลำเอ็น ขนลุกชูชันไปจนถึงหนังศีรษะ เขารู้สึกว่าเป็นการสัมผัสประสบการณ์ที่สุดยอดมากถึงมากที่สุด ซึ่งเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เธอกำลังทำให้เขาบ้าคลั่งและลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว
“แบบนี้ล่ะ..ชอบไหม~” หญิงสาวก้มตัวลงกระซิบน้ำเสียงนุ่มนวล ที่ข้างหูของเขาด้วยความอ่อนโยน มือหนึ่งวางไว้บนบ่า อีกมือจับไปที่พนักพิงด้านหลัง ปลายลิ้นสีชมพูไล้เลียใบหู ล้วงลิ้นซอกซอนโลมไล้ไปทั่ว ทั้งขบทั้งเม้มเลียนแบบวิธีของเขา พร้อมกับได้ยินเสียงเขาครวญครางออกมาตามแรงโยกของตัวเอง
“อาาาา~…ซี้ดดด!~อย่าหยุดนะ!..ทำยังก็ได้แต่อย่าหยุด!” เขาสูดปาก พลางเอื้อมฝ่ามือหนาไปบีบคลึงเคล้นบั้นท้ายเนื้อแน่นไปด้วย ก่อนจะฟาดฝ่ามือไปสองสามครั้งอย่างเมามัน ขณะที่หญิงสาวกำลังแอ่นตัวควบขี่เรือนกายของเขาอย่างคึกคะนอง
ระหว่างที่พริมโรสเคลื่อนไหวช้าลง เพื่อไล้เลียไปทั่วใบหน้าและลำคอเขา ผมหอมกรุ่นก็ทิ้งตัวระลงมาสัมผัสใบหน้าคมสัน กลิ่นกายหอมอ่อนๆ กลิ่นเดียวกันก็ระเหยเข้าจมูก อารมณ์ราคะท่วมท้นรุนแรง จนเขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
“อ๊ะ?”
“มานี่!!”
ชายหนุ่มขยับลุกนั่งคุกเข่าบนเตียง ประคองตัวให้หญิงสาวเอนลงนอนกับพื้น สองมือจับต้นขาเรียวไว้ แล้วยกสะโพกกลมมนให้ลอยขึ้นมาวางไว้บนหน้าขาอยู่ในท่าสะพานโค้ง แอ่นร่างรับความแข็งขึงได้ล้ำลึกจนมิดถึงโคน
ท่านี้ทำให้เขามองเห็นสีหน้าเย้ายวนตัณหา ในขณะที่ท่อนเอ็นดุนดันเสียดเสียวไปกับกลีบเนื้อนุ่มได้อย่างชัดเจน เขาวางฝ่ามือกระชับไว้ที่โค้งสะโพกแล้วขยับซอยท่อนเอ็นโยกเข้าโยกออกรัวถี่ ความกำหนัดเพิ่มขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด กระแทกอัดตามอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายอย่างบ้าคลั่ง
“อ๊าา!~..อ๊ะๆๆ”
หญิงสาวควบคุมตัวเองไม่ได้ อ้าปากส่งเสียงหอบหายใจรัญจวนออกมาอย่างหมดความอาย ตัวกระตุกเกร็งและสั่นระริก ความรุนแรงจากการเสียดสีกระแทกกระทั้น ไม่ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวดเหมือนครั้งก่อนๆ อีกแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยความวาบหวามที่แล่นแปลบปลาบมาเป็นระลอก แล้วแผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่าง คล้ายเกลียวคลื่นที่กระแทกซัดเข้าหาฝั่ง แล้วแตกกระจายกลายเป็นฟองในอากาศราวกับโดนลมพายุ
ร่างบางสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสะท้อนอยู่ในห้อง เม็ดเหงื่อผุดพรายบนผิว จนทั้งเขาและเธอ ต่างก็เปียกชื้น หญิงสาวสวนสะโพกเด้งรับ ตอบสนองสัมผัสของเขาเต็มอารมณ์หวาม เขาแรงมาเท่าไหร่ เธอก็ส่งกลับไปให้เท่ากัน ทำให้เขาคำรามต่ำอย่างพึงพอใจ ส่งเสียงสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับจังหวะหยัดเอวที่เร่งร้อนขึ้นทุกทีของเขา
“โรส!!..โรสจ๋า~..เสียวไหมที่รัก~..เอาแรงอีกไหม?”
“อ๊า!..แรง~อีก!..อ๊า~..อ๊ะๆๆ”
เขากระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง สวนกายแกร่งเข้ามายังส่วนที่ลึกที่สุดในความอุ่นชื้นของเธอไม่ยั้ง อารมณ์พลุ่งพล่านสุดข่มกลั้น คำรามเสียงดังราวกับสัตว์ป่า
“อ้าาาาาาา!!!..ซี้ดดดด!!..ฮันนี่ๆๆ!!”
ภายในโพรงเนื้อนุ่มกระตุกตอดรัดเป็นระยะๆ หญิงสาวเองก็ถึงจุดสุดยอดแล้วเช่นกัน ความอิ่มเอมที่ถึงอกถึงใจในอารมณ์ ทำให้เธอกรีดเสียงร้องราวกับใจจะขาด ตัวเบาโหวงราวกับกำลังจะโบยบิน แขนเรียวเล็กกอดรัดลำตัวชายหนุ่มไว้แน่น กดปลายเล็บจิกแผ่นหลังเขาไว้โดยไม่รู้ตัว เปลวไฟรุมร้อนโลมไล้ไปตามผิว ขณะที่เรือนร่างสั่นสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เธอเข้าใจว่าตัวเองเป็นกุลสตรี ที่อยู่ในกรอบอันดีงามมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าพอถูกเขาเร้าอารมณ์ ก็ถึงกับกรีดเสียงร้องครางกระเส่าออกมาอย่างเร่าร้อน ถูกความสุขสมยากจะบรรยายเข้าครอบงำ จนปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างไร้ยางอาย ปราศจากสติที่รู้ผิดชอบชั่วดีไปโดยสิ้นเชิง
“อ๊าาา~..ราอิมขาาา~..อาา~..תודה לשמים על ברכות הנבחרים. ~שהאושר יהיה עם מי שטוב לנצח”
ขณะที่อารมณ์ของหญิงสาว ตกอยู่ในภวังค์ของความสุขสมเคลิบเคลิ้มถึงขีดสุด เธอได้ครวญครางออกมาเป็นประโยคยาวๆ ของภาษาหนึ่งราวกับคนไร้สติสัมปชัญญะ
ชายหนุ่มหายใจอย่างกระหืดกระหอบ ความเสียวซ่านพุ่งขึ้นรุนแรง ทำให้เขาลืมตัวขบฟันไปที่หัวไหล่บอบบาง พร้อมๆ กับฉีดพุ่งสายธารร้อนระอุเข้ามาในกายสาว กอดก่ายเรือนกายคนตัวเล็กแนบแน่น รู้สึกสุขสมในอารมณ์อย่างถึงพริกถึงขิงจนตัวสั่นเทิ้ม
“อ๊าาา!..อย่ากัด!..อึ๊!” พริมโรสกระหน่ำรัวกำปั้นไปที่หลังของเขาเพื่อให้เขาปล่อย ถึงจะไม่ได้กัดรุนแรงนัก แต่ก็คงทิ้งรอยฟันเอาไว้ให้เห็นแน่ๆ
…
หลังจากพายุพิศวาสเพิ่งจะผ่านพ้นไปครู่ใหญ่ ร่างแข็งแรงถึงค่อยผ่อนคลายลง หญิงสาวนอนคว่ำอยู่บนแผงอกกว้างของเขา กลิ่นบุรุษอบอวลไปทั้งห้อง ตามเนื้อตัวมีแต่รอยจ้ำคล้ายผลสตรอเบอร์รี่สีแดง กระจัดกระจายไปทั่ว
ชายหนุ่มซุกหน้าไซ้เส้นผม สูดกลิ่นหอมเย็นสดชื่นอ่อนๆ เข้าเต็มปอด พรมจูบพวงแก้มของร่างที่อ่อนระทวยอย่างรักใคร่ ทุกการกระทำแฝงไปด้วยความอ่อนโยนไม่มีที่สิ้นสุด เธอกอดตอบเขาเบาๆ แล้วซุกหน้ากับอกอุ่น ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เริ่มเต้นเป็นปกติ
เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย กุมข้อมือเล็กไว้ในมือ จ้องเธอนิ่ง ก่อนเลื่อนฝ่ามือลงช้าๆ แทรกนิ้วกระชับสอดประสานกับนิ้วเรียวบางของเธอ
“ฮาบิบที~ ดูสิว่าคุณทำอะไรกับผู้ชายของคุณ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย!”
“ดี หรือไม่ดีคะ?” น้ำเสียงอ่อนหวานถามด้วยความอยากรู้
“ทั้งสอง! ข้อดีคือ..คุณเป็นนักเรียนที่หัวไว แค่บทเรียนแรกก็ทำให้ผมเสียวสุดขีดจนลืมตัว! ที่ไม่ดีคือ..ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง คุณทำให้ผมลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว! เด็กดี!..มาให้ผมจูบทีก่อน!”
หญิงสาวรู้สึกอิ่มเอมกับคำชม พวงแก้มพลันร้อนผ่าว แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย เธอขยับตัวขึ้น มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ ริมฝีปากอวบอิ่มเปียกชื้นดูแวววาว ช้อนตาคู่สวยขึ้นมองอย่างหยาดเยิ้มแฝงความเขินอาย นัยน์ตายังทิ้งร่องรอยพิศวาสจางๆ ดูน่าหลงใหลเคลิบเคลิ้มอย่างบอกไม่ถูก เขาอดใจไม่ไหว เป็นฝ่ายยื่นหน้าไปประทับจูบเสียเอง
โครก..ครากกกกก!! จ๊อกๆๆๆ!!
ผู้พันอิฟราอิมชะงัก มองหน้าคมหวานที่กำลังแดงก่ำมากกว่าเดิม หลุบตาลงแล้วซุกหน้าลงกับอกเขาอย่างขวยเขิน เสียงที่ดังเมื่อครู่ มาจากแรงสั่นสะเทือนของคนที่นอนซบอยู่บนร่างเขานี่เอง อารมณ์ลึกซึ้งปลิวหายเพราะถูกความหิวโหยมาขัดจังหวะ
เธอพยายามขัดขืนต่อสู้กับพยาธิมาตั้งแต่ตอนตื่นนอน ต่อมาก็อยู่ในอารมณ์โกรธ และก็มาตื่นเต้นกับการเข้าด้ายเข้าเข็ม เลยทำให้ลืมเรื่องหิวไปเสียสนิท ตอนนี้อารมณ์เริ่มผ่อนคลายพยาธิในท้องคงไม่ผ่อนผันให้อีกแล้ว ความหิวโหยจึงชนะไปในที่สุด แล้วก็มาเรียกร้องให้เธอต้องอับอายขายหน้า
“จะกินข้าวที่บ้าน หรือจะออกไปข้างนอกดี ผมยังติดสัญญาเรื่องจะเลี้ยงมื้อใหญ่ให้คุณอยู่นะ” เขายิ้มอ่อนโยน เกลี่ยนิ้วลูบปอยผมให้พ้นใบหน้านวล แล้วไปเหน็บไว้หลังใบหู เป็นกิริยาที่นุ่มนวลอ่อนหวานเสียจนคนที่นอนอยู่บนตัวเขาหน้าแดง ใจสั่นหวิวๆ รู้สึกวูบวาบบริเวณที่เขาลูบไล้
“กินในบ้านดีกว่าค่ะ ฉันเพลียจนไม่อยากฝืนร่างออกไปไหนเลย”
“งั้นไปกินกันสองคนที่เรือนตะวันตกดีไหม?” ชายหนุ่มเสนอ
พริมโรสนิ่งคิดนิดหนึ่งก็ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ในเมื่อสิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด หรือรู้สึกอย่างไร เธอก็ไม่ควรจะหลบลี้หนีปัญหา สิ่งที่ต้องทำเมื่อเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือ กล้าเผชิญ พิจารณา และวิเคราะห์ปัญหา ก่อนที่จะลงมือทำเพื่อแก้ไข
“ที่นี่ดีกว่าค่ะ ฉันอยากจะเคลียร์ให้จบๆ” ผู้พันอิฟราอิมมองหญิงสาวนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร เพียงขยับตัวเอื้อมมือไปที่หัวเตียง หยิบโทรศัพท์มาสไลด์โทรออก
“ฮาน่า! ฉันกับคุณผู้หญิงจะออกไปกินข้าว เตรียมให้ด้วย.. หือ? อืม..เข้าใจแล้ว บอกเขาไปว่าฉันพาคุณผู้หญิงไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว เพิ่งจะกลับมา อืม..ตามนั้น”
เขาวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว หันมาเห็นเครื่องหมายคำถามลอยอยู่เต็มหน้าของคนที่อยากรู้อยากเห็น ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง
“ทางนั้นเขาถามหาคุณ รวมถึงพี่ชายผมด้วย แต่ฮาน่าบอกไปว่าผมออกไปข้างนอกกับคุณตั้งแต่เช้า ไม่ได้บอกว่าไปไหนและจะกลับเมื่อไหร่” พริมโรสแค่นเสียงฮึในลำคออย่างรำคาญใจ
“คงอยากจะตรวจสอบผลงานสินะ”
ชายหนุ่มขยับตัว ตบไปที่สะโพกกลมเนื้อแน่นทีหนึ่ง
“ลุก! ไปอาบน้ำ จะได้กินข้าว!”
หลังจากถูกเขาเคี่ยวกรำเรื่องบนเตียง มาอย่างหนักหน่วง ทำให้เธอมีความกล้าที่จะมองเรือนร่างของชายหนุ่มมากขึ้น เขาเดินนำเข้าห้องน้ำโดยที่เนื้อตัวเปล่าเปลือย เผยให้เห็นแผ่นอกหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ผิวละเอียดสีแทนอย่างคนที่ออกแดดเป็นประจำ เส้นผมสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าอย่างลงตัว เธอเคยเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนในอินเทอร์เน็ตมาบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหน มีกระดูกไหปลาร้าที่น่ามองแบบนี้มาก่อน และขณะที่เขาหันหน้ากลับมา สายตาของหญิงสาวก็เพิ่งจะเลื่อนมาจับจ้องอยู่ที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง เห็นซิกซ์แพ็กของเขาเหมือนมีเส้นเอ็นนูนออกมา ทั้งดูแข็งแรงทั้งดูเซ็กซี่เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง รู้ว่าหญิงสาวพอใจในรูปร่างของเขา แต่กลับไม่รู้ว่าเรือนร่างของตัวเองมีความน่าหลงไหลมากมายเพียงใด เขาอดใจไม่ไหวจึงดึงมือให้เข้ามาอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน แล้วกดจุมพิตหนักๆ บดเบียดริมฝีปากอวบอิ่มหลายครั้ง มือไม้เริ่มลูบไล้เปะปะ จับนั่นลูบนี่อย่างซุกซน“ไม่เอานะ! ฉันหิวแล้วจริงๆ!” หญิงสาวประท้วงเสียงแผ่ว ผลักอกเขาเบาๆ เมื่อรู้ว่าเลือดลมกำลังแล่นพล่านเพราะการปลุกเร้าของเขา “แทนตัวเองว่าโรส!” หัวใจของชายหนุ่มเ
“ความจริงผมก็ไม่ได้ลาพักผ่อนมานานแล้ว ปีนี้เลยคิดว่าจะพักยาวๆ สักหลายวัน รอให้คุณว่างก่อนก็ได้ค่อยไป ดีไหมย่าร่า?”“เพคะ ลูกรอได้ ขอแค่มีพี่สาวไปด้วย”“ตามหมายกำหนดการ วันมะรืนฝ่าบาทต้องไปร่วมประชุมอเมริโกย-อาเซียนสมัยพิเศษนะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ใช่ว่า..เปเรซยังมีผู้แทนพระองค์ อย่างมกุฏราชกุมารอยู่หรอกหรือ ก่อนหน้านี้เขาก็ทำหน้าที่แทนฉันบ่อยไป” “เย้! ท่านอาจะไม่อยู่หลายวัน!”ผู้พันอิฟราอิมหรี่ตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาดุดันเยียบเย็นสบประสานเข้ากับดวงตายั่วยุท้าทายของพี่ชาย เขากัดฟันกรอด ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมา เกิดอารมณ์พาลไปยังหลานสาวด้วยเย้กับผีสิ! ทำไมต้องดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วย!!ปิ๊ด!! ปิ๊ด!! ปี๊ดดดด!!ท่ามกลางบรรยากาศภายในห้องอาหารที่กำลังอึมครึม พลันมีเสียงปริศนาคล้ายเสียงนกหวีดดังขึ้นมาเบาๆ ยังมีสั่นที่ปลายเสียงเล็กน้อย เนื่องจากภายในห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบ เสียงประหลาดนั้น จึงได้ยินกันถนัดชัดเจนคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ คามิลล่าจะลุกพรวดขึ้น ทุกคนหันไปมองด้วยความตระหนกตกใจ ต่างก็จ้องมองความผิดปกติของใบหน้านวลหวานที่กำลังเขียวคล้ำ ตัวแข็งเกร็ง สองขาก็บีบกระชับเข้าหากันแน
เขาโอบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อปลอบประโลม ซึ่งหญิงสาวก็ยินยอมแต่โดยดี ไม่มีอาการขัดขืนแต่อย่างใด ทำให้เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เธอมีบุคลิกที่ขัดแย้งในตัวเองอยู่หลายอย่าง ทั้งอ่อนหวานทั้งขี้โมโห บอบบางแต่ก็กล้าหาญ ภายนอกดูเยือกเย็นแต่ทว่าภายในกลับเร่าร้อน“เด็กโง่! เขาชอบตัวอยากคบหาจริงจัง แล้วยังไม่รู้ตัวเองอีก เด็กไอทีเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า?”“ฝ่าบาทจะทำอย่างนี้กับหม่อมฉันไม่ได้นะ!” หญิงสาวสูดจมูกเข้าไปฟืดใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากประท้วงออกมา“ทำอะไรไม่ได้? กอดคุณแบบนี้น่ะ?”“ไม่ใช่!”“แล้วอะไร? หรือที่บอกว่าชอบคุณ?”“นั่นล่ะ! บอกชอบเขาแต่มาว่าเขาโง่ มีใครเขาทำกันแบบนี้บ้าง!!”“ก็แล้วไม่ใช่หรือไง? ถ้าฉลาดจริงป่านนี้คงรู้ใจกันไปตั้งนานแล้ว”“แล้วเด็กไอทีมาเกี่ยวอะไรด้วย?”“เด็กไอทีส่วนใหญ่ไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำ โดยเฉพาะคุณ! อาการออกชัดมาก!” พริมโรสตวัดสายตาค้อนเขาแวบหนึ่ง ส่งเสียงเฮอะเบาๆ อย่างไม่พอใจ“หม่อมฉันไม่ได้ราคะขึ้นตา ตัณหาแล่นไปตามเส้นเลือดอย่างฝ่าบาทนี่ ใครเขาอยากจะไปฉลาดในเรื่องแบบนั้นกัน!”“ตลกและ ราคะไม่ใช่โรคเบาหวาน ที่จะแทรกซ้อนเข้าไปในตาได้ง่ายๆ ผมไม่ได้หื่นกับทุกคนที่เจอหรอ
เขาทาบริมฝีปากร้อนผ่าว ลงมาบนริมฝีปากของเธอทันทีโดยไม่รอฟังเสียงประท้วง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย ปล่อยให้อีกฝ่ายดูดดื่มความหอมหวาน อย่างตะกรุมตะกรามตามอำเภอใจ ให้เรียวลิ้นที่อบอุ่นซอกซอนไปทั่วตามใจชอบเนิ่นนานกว่าเขาจะถอนริมฝีปากออกเพื่อให้พักหายใจ ชั่วขณะนั้นหญิงสาวกลับยื่นมือทั้งสองมาโอบรั้ง ราวกับไม่ยินยอมให้ความรู้สึกที่กำลังเคลิบเคลิ้มน่าหลงไหลนี้ต้องขาดช่วง เมื่อรู้สึกว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขา ทำให้เธอใจหายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังกังวลกับข่าวที่เพิ่งจะได้รับ ตอนนี้เลยต้องละวางความเขินอายเอาไว้ก่อน ปล่อยตัวปล่อยใจให้คล้อยไปตามอารมณ์ที่เรียกร้องตามสัญชาตญาณเท่านั้น ถึงแม้บางครั้งเขาจะทำตัวน่าโมโห แต่ก็แอบมีมุมน่ารักบ้างในบางที เธอมองเข้าไปในหัวใจตัวเองและยอมรับว่า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนตอนนั้นแล้วพริมโรสซุกตัวเข้าหาเขาอย่างออดอ้อน ไล้ปลายลิ้นนุ่มนิ่มเลียมุมปากเขา แล้วสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปให้เขาดูดดื่มอย่างหิวกระหาย กระทั่งเป็นฝ่ายรุกเร้าพัวพันดูดดึงลิ้นอบอุ่นของเขาเสียเอง ชายหนุ่มทำเสียงคำรามต่ำในลำคอ เมื่อถูกเร้าอารมณ์อย่างไม่คาดคิดมาก่อน จนถึงกับสั่นสะท้า
คามิลล่าเดินนวยนาดไปลงสระน้ำ แก้มก้นบดเบียดยามโยกย้ายอย่างน่าดู ขณะที่ลงมาในน้ำก็แอบคลายปมเชือกที่ผูกเอวไว้ออก แล้วว่ายกางแขนกางขาไปกลางสระ ชายหนุ่มสูงศักดิ์เดินมาหยุดยืนมอง เห็นขอบขากางเกงบิกินี่ของคนในน้ำแง้มออกตามแรงกระเพื่อมไหว เผยให้เห็นร่องเนื้อกลางเนินสวาทแย้มเข้าแย้มออก ยามที่กางขาว่ายชิดติดผิวน้ำสุลต่านโอมาร์เดินไปนั่งลงที่บันได แช่ส่วนล่างนั่งอยู่ในน้ำ พลันได้ยินเสียงเดินมาจากทางข้างหลังจึงหันไปดู"หมอมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ส่วนพระองค์วางแก้วไวน์และเครื่องดื่มของเจ้านายไว้ที่ขอบสระ "อืม บอกเขาให้รอสักครู่ ส่วนนายสองคนรออยู่แถวนี้""พ่ะย่ะค่ะ" เขารับคำแล้วหันหลังเดินออกไปยืนรอหลังแผงกั้นรั้วไม้ระแนง ที่ล้อมสระด้านหนึ่งไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวคามิลล่ารู้สึกขัดใจที่อีกฝ่ายไม่เล่นตามเกมของเธอ ยังคงนั่งเล่นตัวอยู่อย่างนั้นไม่ตามมาไล่จับกันในน้ำตามแผน เธอลอบถอนหายใจออกมา แล้วว่ายเข้ามาหาเขาที่ริมสระเสียเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้าข้อมือเธอไว้แล้วลากเข้าหา ทำให้สองขาเรียวกางอ้าออกคร่อมตัวบนหน้าตักของเขาพอดี ฝ่ามือใหญ่จับเอวไว้แน่นแล้วกดลง ในขณะที่เขาก็ยกตัวแอ่นสะโพกเข้
“ฝ่าบาท…” เสียงหวานเรียกเขาอย่างแผ่วระโหย เมื่อความหิวประท้วงขึ้นมาอีก “หืม?” ชายหนุ่มหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกแผ่วเบาจากคนข้างๆ “เป็นไงบ้าง หิวไหม?”“หิวเพคะ” เขาคลี่ยิ้มอบอุ่น วางเอกสารในมือ แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะหัวเตียง“เอาอาหารอ่อนๆ มาให้คุณผู้หญิง” เขาวางโทรศัพท์ ถอดแว่นวางไว้คู่กัน ขยับตัวลงนอนแล้วรวบร่างบอบบางเข้ามาชิด ประทับจุมพิตที่หน้าผาก เลื่อนลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ ทีหนึ่ง พริมโรสหลับตาซึมซับรับความอบอุ่นที่เขาถ่ายทอดมาให้“ยังเพลียอยู่ไหม?” ฝ่ามือใหญ่ไล้พวงแก้มนวลด้วยโคนนิ้วโป้งเบาๆ ในใจเต็มตื้นไปด้วยความลึกซึ้งที่กำลังปรี่ล้นขึ้นมาจนเต็มช่องอก ความรู้สึกทั้งรักทั้งเอ็นดูพร่างพรายอยู่ในแววตา“เพคะ ถ้าไม่ใช่เพราะหิวก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย เราอยู่ที่ไหนเพคะ?” หญิงสาวกวาดสายตามองอยากแปลกใจ “อยู่บนเครื่องบิน เรากำลังจะไปทีแลนด์” พิมพ์โรสเบิกตากว้างให้กับความหรูหราที่เห็นอย่างตื่นตะลึง ลักษณะการตกแต่งคล้ายห้องพักในโรงแรม มากกว่าที่จะเป็นห้องบนเครื่องบินเสียอีก หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาลุกขึ้นมาประคอง เธอเลยเห็นสภาพตัวเองบางแห่งที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล“หม่อ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนอน วางหญิงสาวลงอย่างทนุถนอม แล้วไปนั่งกึ่งเอนพิงพนักที่หัวเตียงเหมือนเดิม หยิบเอกสารที่โต๊ะหัวเตียงมาอ่าน โดยไม่สนใจจะไต่ถามอะไรอีกเธอลอบมองเขา เห็นสีหน้าด้านข้างเย็นชาเฉยเมย ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นตรง นัยน์ตาฉายชัดถึงความไม่พอใจชัดเจน แต่พยายามเก็บอารมณ์อยู่ พริมโรสใจหายวาบ พอเธอไม่เล่าให้ฟังเขาก็แสดงออกอย่างที่เห็นตอนนี้ แต่ถ้าเล่าออกไปแล้วเขาจะอยู่ในอารมณ์แบบไหนกันล่ะ จะรุนแรงมากกว่าเดิมหรือเปล่าหญิงสาวรู้สึกจิตใจไม่สงบ นิ่งคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาหายหงุดหงิดเสียก่อน แล้วค่อยจับเข่าคุยกันดีๆ เผื่อว่าเขาอาจจะมีคำแนะนำดีๆ ให้เธอก็ได้ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่า เวลาที่คนอื่นไม่เข้าใจกัน เขาง้องอนอีกฝ่ายยังไง คู่อื่นๆ ที่เขาคบหาดูใจกันแบบปกติ ก็คงจะมีวิธีเฉพาะตัวที่รู้ใจกัน และเข้าใจกันเองได้โดยง่าย แต่กรณีของเธอกับเขา คงยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น“ฝ่าบาท…” มือเรียวยื่นไปจับแขนเสื้อเชิ้ตเขาไว้ด้วยข้อนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง แล้วกระตุกเบาๆ น้ำเสียงออดอ่อยคล้ายเจ้าตัวจงใจทำให้ดูน่าสงสารไว้ก่อน ทั้งสีหน้าและแววตาเปล่งประกายใสซื่อบริสุทธิ์อย่างกับเด็กไร้เดียงสา ปากยู่แก้ม
เขาใช้นิ้วกรีดไปตามร่องแล้วแหวกออก เผยให้เห็นแคมกลีบเล็กสีชมพูอมแดงที่ถูกปกปิดไว้ภายใน ลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อบอบบางน่าทะนุถนอม เขาก้มลงแลบลิ้นเลียน้ำหวานที่ฉ่ำเยิ้มไปทีหนึ่ง พลางสูดกลิ่นหอมจางๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับผิวกายของเธอ“อ้าาาา~” ทันใดนั้นพริมโรสก็ผวาสะดุ้งเฮือก ใบหน้าแดงก่ำไปด้วยเลือดที่ฉีดซ่าน ขณะที่ลิ้นของเขาไล้เลียสัมผัสความเปียกชื้นในแนวร่องที่ถูกปกปิดอยู่ เขาจับเรียวขาให้พาดไปบนไหล่ ฝ่ามือล็อกต้นขาเอาไว้ แล้วจับอ้าออกให้กว้างขึ้น แคมกลีบบางที่เบียดชิดจนมองไม่เห็นทางเข้าจึงแยกออกมา น้ำใสเยิ้มเปียกชุ่มปกคลุมไปหมดทั้งสองกลีบ เขากลืนน้ำลายนิดหนึ่ง เมื่อเห็นเม็ดน้อยสีชมพูระเรื่อเคลือบไว้ด้วยน้ำรักสีใสฉ่ำจนแวววาว ดูสวยน่ากินจนน้ำลายสอเขาอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงลิ้นตวัดไปที่ปลายเม็ดเสียว วนไล้ปลายลิ้นเล้าโลมไปรอบๆ ปุ่มกระสัน ดูดเลียน้ำรักรสหวานอย่างนุ่มนวลดูดดื่ม แล้วห่อลิ้นเรียวยาวสอดล้วงเข้าไปด้านในอย่างเนิบช้าเป็นจังหวะ กระตุ้นความต้องการของหญิงสาวให้ลุกโชนขึ้นการกระทำของเขา เร้าอารมณ์ของหญิงสาวให้พลุ่งพล่าน มือเรียวข้างหนึ่งกำมือเขาที่วางไว้ที่ต้นขาไว้แน่น นิ้วเรียวอีกข้างสอด
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้