ชายหนุ่มยิ้มทั้งปากและตา มองใบหน้าคมหวานพวงแก้มนวลอย่างรู้ทัน ดวงตาพราวระยับของเขาบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน แต่กลับพยายามรักษาความสงบนิ่งที่ภายนอกอย่างสุดชีวิต
“ผมยังพูดไม่จบ ผมจะบอกว่า..ถึงผมจะรู้ว่ามันผิด แต่ก็ไม่ได้เสียใจเลย ถ้าให้กลับไปเลือกอีกครั้งผมก็จะทำมันอยู่ดี และไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร รู้ตัวอีกทีผมก็ตกเป็นของคุณไปแล้ว คุณจะรับผิดชอบการกระทำที่แสนเร่าร้อนของคุณยังไง!” หญิงสาวคิ้วกระตุก หันขวับมาถลึงตาใส่เขาตั้งแต่ยังพูดไม่จบ
ยัง..ยังจะกล้าพูด! เอาเปรียบผู้อื่นแล้วยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้วก็เอามาป่าวร้องขยี้ย้ำให้คนอื่นยิ่งรู้สึกแย่! ช่างน่าโมโห!!
พริมโรสใบหน้าแดงเข้มขึ้น นัยน์ตาลุกวาวราวกับไฟ มีความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งอับอายขายหน้า เมื่อได้ยินเขาพูดไหลลื่นได้อย่างไม่กระดากปาก ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของตัวเองเข้าไปใหญ่
คำพูดล้อเล่นของเขา ยั่วยุจนเพลิงโทสะพุ่งขึ้นสูง โมโหจนแทบจะเต้นเร่าๆ นึกอยากกระโดดเข้าไปบีบคอเขาให้สมกับความคั่งแค้น
“คนไร้ยางอาย!! ดูสิว่าวันนี้ฉันจะตีคุณให้ตายได้ไหม!!”
พอพูดจบ หญิงสาวก็ใช้แรงทั้งหมดพุ่งหมัดไปที่ใบหน้าหล่อเหลาไร้รอยตำหนิอย่างมุ่งร้าย แต่คล้ายเขาระวังตัวไว้อยู่แล้ว จึงเบี่ยงตัวนอนหงายให้เธอลอยผ่านไปด้านข้าง แล้วพลิกตัวตามมากดเธอลงไปกับเตียง รวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้ในกำมือ
ชายหนุ่มแอบนึกขำอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้ภายนอกดูเหมือนจะเยือกเย็น แต่แท้จริงแล้วอารมณ์ร้ายไม่น้อย ตอนนี้ก็มัวแต่โกรธจนหูตาพร่าเลือน คงลืมไปแล้วว่าเรือนร่างที่เย้ายวนของตัวเองนั้น ไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น
“โมโหทำไม? ไหนว่าจำอะไรไม่ได้!”
“ยังจะพูดอีก!! ฉันจะอัดปากเหม็นๆ ของคุณให้กินอะไรไม่ได้อีกเลย!!” พริมโรสถลึงตา ประกาศกร้าวออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะเกร็งมือแล้วดีดลำตัวยกขึ้น หมายจะโขกศีรษะไปที่ใบหน้าของเขา
ชายหนุ่มเบี่ยงหลบได้ทันเฉียดคางไปอย่างหวุดหวิด และผลของการเบี่ยงตัว ทำให้แขนข้างหนึ่งคลายแรงกดจนมือลอยขึ้นเหนือพื้น พริมโรสใช้จังหวะนี้พลิกตัวนอนคว่ำแล้วกลิ้งตัวออกให้มือพ้นไหล่ ชั่วพริบตาก็พลิกหงายกลับมา เหวี่ยงขาเรียวฟาดลงไปที่ข้างลำตัวอย่างเต็มแรงในทันที
“โอ๊ย! นี่เอาจริงเหรอ??”
“คิดว่าฉันจะตีด้วยหมอนเหมือนในละครหรือไง! ย๊าก!!”
ทันใดนั้นพริมโรสก็ฉวยจังหวะชิงลงมือก่อน สองมือยันไปที่พื้น แล้วตีลังกาเหวี่ยงสองขาไปที่กลางลำตัว พละกำลังเธอมีน้อยกว่า ถ้าเข้าประชิดอาจจะเสียเปรียบได้ง่าย
สตรีที่งดงามบอบบาง ไม่เหลือร่องรอยความนุ่มนวลอ่อนหวานให้เห็น ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังอันปราดเปรียวเข้มแข็ง ถึงแม้ทุกฝ่ามือทุกฝีเท้า อานุภาพไม่รุนแรงจนถึงขั้นสะท้านฟ้าดินสะเทือน แต่ก็อาจจะทำให้คนบาดเจ็บสาหัส และอาจถึงขั้นพิการได้ถ้าไม่ระวัง
ชายหนุ่มเองก็ไม่อยากปะทะกับบาทานารีพิฆาต จึงใช้ความฉับไวกลิ้งตัวหลบลงไปยืนที่ข้างเตียง หรือก็คือการหนีเอาตัวรอดไว้ก่อน วิธีนี้ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดกลยุทธ์ในตำรา ซึ่งวีรบุรุษทุกคนในตำนานล้วนเคยหนีมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น
เขากลิ้งตัวหลบเท้าแรกและเท้าสองไปได้อย่างว่องไว แต่ก็ต้องมาหลังแอ่นเกือบตายด้วยเท้าที่สาม ที่เปลี่ยนทิศดักทางได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วประเคนลงมากลางหลังของเขาเสียเต็มเหนี่ยว ทำเอาจุกไปจนถึงลิ้นปี่
“อุ๊บ!! ที่รัก คุณทำร้ายว่าที่สามีได้ลงคอเชียวหรือ?”
“เฮอะ! จะเป็นสามีฉัน ต้องดูว่าคุณสามารถเป็นได้หรือเปล่า!”
“สตรีหน้าไม่อาย! เบิกตาดูก่อนสิว่าคุณถนอมผู้ชายของคุณยังไง! พรากความบริสุทธ์ของผมไปแล้ว ไม่เพียงไม่สงสาร ยังทำร้ายร่างกายซ้ำเข้าไปอีก ใจร้ายเกินไปไหม!”
“ยังจะพูดอีก!! ฉันจะตีคุณให้ตายเลย! คอยดู!”
พริมโรสจู่โจมเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ง้างหมัดมาแต่ไกลหมายจะอัดไปที่หน้าของเขาโดยไม่คิดออมมือ แต่เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนตัวเธอเองยังนึกว่าตาฝาด ในพริบตาก็เบี่ยงหลบแล้วคว้าแขนเธอเอาไว้ จะเหวี่ยงไปที่เตียง
แต่ในชั่วเสี้ยววินาที เธอก็รู้ทันความคิดเขา จึงตวัดอีกมือคว้าแขนแข็งแรงยึดไว้เป็นหลัก แล้วเหวี่ยงตัวให้อ้อมไปเกาะเขาไว้ทางด้านหลัง ใช้วงแขนเล็กล็อกคอเอาไว้อย่างแน่นหนา
ชายหนุ่มเกร็งคอขืนไว้ สองมือดึงวงแขนนุ่มแต่แข็งแกร่งให้คลายออก แล้วหมุนตัวหงายหลัง ทิ้งร่างอันใหญ่โตให้กระแทกลงไปบนที่นอน คิดจะจู่โจมอีกฝ่ายด้วยแผนที่ชั่วร้ายอย่างไม่ลังเล
“อ๊ะ! อั่ก!” พื้นที่รองรับด้านหลังไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ แต่ร่างอันหนักอึ้งของคนที่กระแทกลงมาทับ มันทำให้เธอจุกจนแทบร้องไม่ออก
เมื่อวงแขนที่ล็อกไว้เลื่อนหลุด ชั่วพริบตาเขาก็สามารถพลิกตัวกลับมาถาโถมร่างสูงใหญ่คร่อมตัวเธอไว้ สยบการเคลื่อนไหวได้ทั้งแขนและขา แล้วปล้ำจูบอย่างดุเดือดไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว
“อื้อ!...”
หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนี แต่เขาก็ยังตามมาสกัดไว้ทุกทาง การเคลื่อนไหวของเขาทั้งอ่อนโยน ทั้งบ้าระห่ำ ซ้ำยังแฝงไปด้วยความดุดัน เธอดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดจากการกดทับ แต่การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก จับล็อกใต้เข่าแล้วกดจนเกือบชิดทรวงอก พริบตาเดียวก็สามารถสอดใส่เข้าไปได้แล้ว
“อ๊ากกก!!” พริมโรสทั้งจุกทั้งตกใจ ใบหน้าเงยแหงนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดจนถึงที่สุด เพราะเขายัดเยียดความเป็นชายเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความใหญ่โตที่แข็งขมึงถูกอัดเข้าไปในร่องเนื้อที่หุบแน่น ทั้งๆ ที่ไม่มีความชุ่มชื้นมาหล่อลื่นผิว ไม่ต่างอะไรกับการดุนดันแท่งหินที่ขรุขระให้ครูดบาดไปตามร่องเนื้อ
“คนบ้า! มันเจ็บนะ! เอาออกไป!” หญิงสาวตะโกนร้องลั่น เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทรมาน และพยายามจะดิ้นให้สิ่งแปลกปลอมภายในร่างกายนั้นหลุดออก
“เด็กดี! อย่าดิ้น! เดี๋ยวจะยิ่งเจ็บ!” เขาเอนตัวออก จับสองขาเรียวไว้ข้างตัวกระชับไม่ให้ขยับเคลื่อนไหว
“คุณกำลังทำบ้าอะไร ฉันเจ็บไปหมดแล้ว! ฮึกๆ” เธอยุติการดิ้นรนนอนนิ่งอย่างเจ็บปวด เสียงหวานตัดพ้อฟังคล้ายเสียงสะอื้น ราวกับส่วนหนึ่งส่วนใดในร่างกายกำลังจะปริแตกแยกออก
“ผมขอโทษ..โรสที่รัก~..อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว..นะ~” เขากระซิบเสียงแหบพร่าเพราะพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ในขณะที่กดสะโพกค้างแช่ลำเอ็นเอาไว้แต่ยังไม่กล้าขยับ เขากำลังรอให้ร่างกายของเธอได้ปรับตัว ทั้งๆ ที่กำลังใช้ความอดทนต่อการกระตุกตอดอย่างต่อเนื่อง
ที่เธอผ่านครั้งแรกมาอย่างไม่ค่อยเจ็บปวด เพราะฤทธิ์ของยาช่วยให้ร่างกายสนองตอบต่อสิ่งเร้าที่มากระตุ้น การสอดใส่จึงไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านรุนแรง ครั้งนี้จึงเกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไป มิหนำซ้ำยังถูกเขาเคี่ยวกรำมาอย่างหนัก คงทำให้เธอทรมานอยู่ไม่น้อย
แต่ความคับแน่นที่บีบรัดเขาไว้เป็นระยะๆ ทำให้แทบจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
เขาโน้มร่างลงมาทาบทับ มือข้างหนึ่งประคองข้างแก้มไว้อย่างอ่อนโยน ก้มหน้าลงจูบหน้าผาก แล้วจุมพิตซับน้ำตาอุ่นร้อนที่ไหลรินลงจากหางตาอย่างนุ่มนวล เลื่อนมางับเม้มที่ใบหูบอบบาง จูบไล้เรื่อยลงมาที่พวงแก้ม กัดเบาๆ ที่ปลายคาง แล้วซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น ขณะที่เริ่มขยับสะโพกบดเบียดเบาๆ อย่างนุ่มนวลและเชื่องช้า
“อืมมม~” เขาครางอยู่ในลำคออย่างเสียวซ่าน
“ฮึกๆ..ฉัน..เจ็บ!..ฮือๆ..อื้อ!..” เสียงหวานส่งเสียงอุทรณ์ในขณะที่เขาเริ่มขยับตัว
ริมฝีปากบางเย็นเวียนขึ้นมาจูบปากเล็กนุ่มชุ่มชื้น เสียงประท้วงถูกดูดกลืนหายไปในคราวเดียว แล้วใช้ปลายลิ้นเปิดริมฝีปากอุ่นออกอย่างช้าๆ สอดแทรกลิ้นร้อนระอุเข้าไปซอกซอนอยู่ภายใน
เรือนร่างบอบบางสั่นระริก ความรู้สึกร้อนวูบวาบค่อยๆ แทรกซึมขึ้นมาตลอดไขสันหลังแล้วแผ่ซ่านไปตามเซลล์ผิว ลมหายใจเริ่มหอบกระชั้นถี่
จูบของเขาเปลี่ยนจากอ่อนหวานเป็นหนักหน่วง เขารู้สึกว่าคนใต้ร่างเริ่มมีการตอบสนอง ลิ้นอ่อนนุ่มน่าเอ็นดูไล่ต้อนลิ้นของเขา พร้อมขยับบดเบียดทรวงอกอวบกับแผงอกเขาเบาๆ
เขาถอนริมฝีปากออก ก้มลงจูบไซ้ซอกคอ ไปจนถึงไหล่ลาดขาวนวลเนียนจนมาถึงเนินเนื้อทรวงอก ก่อนจะขบเม้มดูดดุน สร้างรอยจูบคล้ายผลสตรอเบอร์รี่สีแดงจางๆ กระจายไปทั่ว
“อื้อ!~” รอยจูบของเขาในแต่ละครั้ง บางทีก็ทำให้สยิว บางรอยก็ทำให้รู้สึกเจ็บ แต่เมื่อผสมกับความซ่านเสียวในขณะที่เขาขยับตัวเป็นจังหวะไปด้วยนั้น ทำให้กลายเป็นความรู้สึกเจ็บที่แสนอ่อนหวาน เข้ากันได้ดีอย่างลงตัว
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอารมณ์เขาเริ่มแรงขึ้น ความแรงที่รุกล้ำเข้ามาในเรือนกายค่อนข้างเร่าร้อนและหนักหน่วง แรงอัดที่กระแทกเข้ามาแต่ละครั้งทำให้ร่างทั้งร่างลื่นไถล ราวกับกำลังลอยคว้างอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร จนต้องรีบยกแขนเล็กทั้งสองข้างกอดรอบลำตัวเขาไว้เป็นหลัก ซุกหน้าแนบไปกับอกแข็งแรงอบอุ่น แล้วปล่อยให้เขาทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ
“ชอบไหม~..หืม?” เขากระซิบชิดใบหูเธอด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกที่ชวนให้คนลุ่มหลงมัวเมา จากนั้นก็เลียหลังใบหูเธอด้วยลิ้นและริมฝีปากร้อนชื้นอย่างเชื่องช้า
เขาชลอการเคลื่อนไหวให้ช้าลง มือใหญ่คร้ามแดดกอบกุมทรวงอกอวบหยุ่นเอาไว้เต็มฝ่ามือ แล้วเลื่อนริมฝีปากตามไปละเลียดสัมผัสยอดอกที่กำลังชูชันอย่างหมั่นเขี้ยว
“อ๊า~” สัมผัสที่บ้าระห่ำ เอาแต่ใจตามแบบฉบับของเขา ทำให้พริมโรสร้องออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาทำราวกับต้องการจะกระตุ้นเร้าสัญชาตญาณบางอย่างของเธอให้ตื่นตัวขึ้นมา
“อยากให้ผมหยุดไหม?” เขากระซิบถามเสียงแหบพร่า ขณะขยับเอวสอบไปด้วย เรือนกายที่แข็งแกร่งเสียดสีกับร่างเล็กบางเป็นจังหวะ
“มะ..ไม่ๆ!..อย่าหยุดนะคะ~..อย่าหยุดนะ~” เสียงหวานร้องขออย่างร้อนรน ปลายเสียงเบาหวิวออดอ้อน
เธอยังจำความรู้สึกสุดท้าย ที่เขาปรนเปรอให้ เมื่อก่อนหน้านี้ได้ แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนกัน ถึงแม้ความใหญ่โตของเขาจะทำให้เธออึดอัดทรมาน แต่มันเป็นความทรมานที่สุดแสนจะอ่อนหวานและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เธออยากให้เขาพาไปให้สุดทางแห่งความทรมาน ไม่อยากให้หยุดแม้สักวินาที
“ถ้าไม่อยากให้หยุด..ก็ต้องควบเอง ลองเป็นคาวเกิร์ลดูไหม?”
โดยไม่รอให้หญิงสาวตอบรับหรือปฏิเสธ เขาจับเอวบางไว้แน่นแล้วขยับตัวลงนอนหงาย ให้ร่างเปลือยเปล่าพลิกขึ้นนั่งกดทับอยู่บนตัว เรียวขาอ่อนนุ่มแนบสนิทอยู่กับขาที่แข็งแกร่งของเขา จากนั้นกระเถิบถอยไปพิงหัวเตียงนำหมอนมารองรับด้านหลังไว้ เพื่อที่จะได้มองเห็นทั้งสีหน้า แววตา และลีลาที่เย้ายวน ควบขี่เนินเนื้อเพื่อกลืนกิน ความแข็งขึงของเขาได้อย่างถนัด
หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำ นัยน์ตาหวานเยิ้มเต็มไปด้วยอารมณ์พิศวาส ปากอิ่มเม้มเป็นเส้นตรงอย่างขัดเขินและทำอะไรไม่ถูก
“แต่ฉัน..ฉันทำไม่เป็น!”“ผมสอนเอง เกร็งขาไว้แบบนี้ แล้วยกสะโพกขึ้นลงช้าๆ..อาา~..ซี้ดด~..แบบนั้นแหละเด็กดี..สอนง่ายจริง!” ความเสียวซ่านพุ่งทะลุทะลวงทุกประสาทสัมผัส เสียงครางหวิวเล็ดลอดจากริมฝีปากอวบอิ่ม ร่างบางแอ่นหยัดโค้งเงยแหงนไปด้านหลังเหนือร่างของเขา ทรวงอกอวบชี้พุ่งท้าทายสายตา กระเพื่อมไปตามแรงเคลื่อนไหวอย่างน่าดูเขาสูดปากครางเสียงต่ำพร่า มึนเมาเคลิบเคลิ้มไปกับปฏิกิริยาของหญิงสาวทำให้อดใจไว้ไม่ไหว หยัดร่างขึ้นจูบลำคอระหง ลิ้นร้อนระอุลดเลี้ยวไล้วนบริเวณลาดไหล่ แล้วค่อยๆ ตวัดเลียอย่างช้าๆ เมื่อร่างบางสั่นสะท้านก็ขบเม้มไปเบาๆ อย่างไม่ให้ตั้งตัว“อาาาา~” เสียงครางสุดจะกลั้นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ผมหลายปอยชื้นเหงื่อจนแนบติดข้างแก้ม เผยความงามหยาดเยิ้มปรากฏออกมาเนื่องจากขาดประสบการณ์ พอเกร็งไปนานๆ ก็เริ่มรู้สึกล้า จึงขยับควงสะโพกเป็นวงกลม หมุนเอวอ่อนปวกเปียกไปมาราวกับไร้กระดูก บิดส่ายเป็นจังหวะเพื่อพักการเกร็งขาเอาไว้ก่อน แต่กลับกลายเป็นเพิ่มความกระสันให้เขาไปโดยไม่รู้ตัว“ซี้ดดดด!~..อาา~..สุดยอด!~ เรียนรู้เร็วแบบนี้ อีกหน่อยผมคงตายคาอกแน่ๆ”“ชอบแบบนี้หรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามอย
หลังจากถูกเขาเคี่ยวกรำเรื่องบนเตียง มาอย่างหนักหน่วง ทำให้เธอมีความกล้าที่จะมองเรือนร่างของชายหนุ่มมากขึ้น เขาเดินนำเข้าห้องน้ำโดยที่เนื้อตัวเปล่าเปลือย เผยให้เห็นแผ่นอกหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ผิวละเอียดสีแทนอย่างคนที่ออกแดดเป็นประจำ เส้นผมสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าอย่างลงตัว เธอเคยเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนในอินเทอร์เน็ตมาบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหน มีกระดูกไหปลาร้าที่น่ามองแบบนี้มาก่อน และขณะที่เขาหันหน้ากลับมา สายตาของหญิงสาวก็เพิ่งจะเลื่อนมาจับจ้องอยู่ที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง เห็นซิกซ์แพ็กของเขาเหมือนมีเส้นเอ็นนูนออกมา ทั้งดูแข็งแรงทั้งดูเซ็กซี่เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง รู้ว่าหญิงสาวพอใจในรูปร่างของเขา แต่กลับไม่รู้ว่าเรือนร่างของตัวเองมีความน่าหลงไหลมากมายเพียงใด เขาอดใจไม่ไหวจึงดึงมือให้เข้ามาอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน แล้วกดจุมพิตหนักๆ บดเบียดริมฝีปากอวบอิ่มหลายครั้ง มือไม้เริ่มลูบไล้เปะปะ จับนั่นลูบนี่อย่างซุกซน“ไม่เอานะ! ฉันหิวแล้วจริงๆ!” หญิงสาวประท้วงเสียงแผ่ว ผลักอกเขาเบาๆ เมื่อรู้ว่าเลือดลมกำลังแล่นพล่านเพราะการปลุกเร้าของเขา “แทนตัวเองว่าโรส!” หัวใจของชายหนุ่มเ
“ความจริงผมก็ไม่ได้ลาพักผ่อนมานานแล้ว ปีนี้เลยคิดว่าจะพักยาวๆ สักหลายวัน รอให้คุณว่างก่อนก็ได้ค่อยไป ดีไหมย่าร่า?”“เพคะ ลูกรอได้ ขอแค่มีพี่สาวไปด้วย”“ตามหมายกำหนดการ วันมะรืนฝ่าบาทต้องไปร่วมประชุมอเมริโกย-อาเซียนสมัยพิเศษนะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ใช่ว่า..เปเรซยังมีผู้แทนพระองค์ อย่างมกุฏราชกุมารอยู่หรอกหรือ ก่อนหน้านี้เขาก็ทำหน้าที่แทนฉันบ่อยไป” “เย้! ท่านอาจะไม่อยู่หลายวัน!”ผู้พันอิฟราอิมหรี่ตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาดุดันเยียบเย็นสบประสานเข้ากับดวงตายั่วยุท้าทายของพี่ชาย เขากัดฟันกรอด ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมา เกิดอารมณ์พาลไปยังหลานสาวด้วยเย้กับผีสิ! ทำไมต้องดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วย!!ปิ๊ด!! ปิ๊ด!! ปี๊ดดดด!!ท่ามกลางบรรยากาศภายในห้องอาหารที่กำลังอึมครึม พลันมีเสียงปริศนาคล้ายเสียงนกหวีดดังขึ้นมาเบาๆ ยังมีสั่นที่ปลายเสียงเล็กน้อย เนื่องจากภายในห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบ เสียงประหลาดนั้น จึงได้ยินกันถนัดชัดเจนคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ คามิลล่าจะลุกพรวดขึ้น ทุกคนหันไปมองด้วยความตระหนกตกใจ ต่างก็จ้องมองความผิดปกติของใบหน้านวลหวานที่กำลังเขียวคล้ำ ตัวแข็งเกร็ง สองขาก็บีบกระชับเข้าหากันแน
เขาโอบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อปลอบประโลม ซึ่งหญิงสาวก็ยินยอมแต่โดยดี ไม่มีอาการขัดขืนแต่อย่างใด ทำให้เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เธอมีบุคลิกที่ขัดแย้งในตัวเองอยู่หลายอย่าง ทั้งอ่อนหวานทั้งขี้โมโห บอบบางแต่ก็กล้าหาญ ภายนอกดูเยือกเย็นแต่ทว่าภายในกลับเร่าร้อน“เด็กโง่! เขาชอบตัวอยากคบหาจริงจัง แล้วยังไม่รู้ตัวเองอีก เด็กไอทีเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า?”“ฝ่าบาทจะทำอย่างนี้กับหม่อมฉันไม่ได้นะ!” หญิงสาวสูดจมูกเข้าไปฟืดใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากประท้วงออกมา“ทำอะไรไม่ได้? กอดคุณแบบนี้น่ะ?”“ไม่ใช่!”“แล้วอะไร? หรือที่บอกว่าชอบคุณ?”“นั่นล่ะ! บอกชอบเขาแต่มาว่าเขาโง่ มีใครเขาทำกันแบบนี้บ้าง!!”“ก็แล้วไม่ใช่หรือไง? ถ้าฉลาดจริงป่านนี้คงรู้ใจกันไปตั้งนานแล้ว”“แล้วเด็กไอทีมาเกี่ยวอะไรด้วย?”“เด็กไอทีส่วนใหญ่ไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำ โดยเฉพาะคุณ! อาการออกชัดมาก!” พริมโรสตวัดสายตาค้อนเขาแวบหนึ่ง ส่งเสียงเฮอะเบาๆ อย่างไม่พอใจ“หม่อมฉันไม่ได้ราคะขึ้นตา ตัณหาแล่นไปตามเส้นเลือดอย่างฝ่าบาทนี่ ใครเขาอยากจะไปฉลาดในเรื่องแบบนั้นกัน!”“ตลกและ ราคะไม่ใช่โรคเบาหวาน ที่จะแทรกซ้อนเข้าไปในตาได้ง่ายๆ ผมไม่ได้หื่นกับทุกคนที่เจอหรอ
เขาทาบริมฝีปากร้อนผ่าว ลงมาบนริมฝีปากของเธอทันทีโดยไม่รอฟังเสียงประท้วง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย ปล่อยให้อีกฝ่ายดูดดื่มความหอมหวาน อย่างตะกรุมตะกรามตามอำเภอใจ ให้เรียวลิ้นที่อบอุ่นซอกซอนไปทั่วตามใจชอบเนิ่นนานกว่าเขาจะถอนริมฝีปากออกเพื่อให้พักหายใจ ชั่วขณะนั้นหญิงสาวกลับยื่นมือทั้งสองมาโอบรั้ง ราวกับไม่ยินยอมให้ความรู้สึกที่กำลังเคลิบเคลิ้มน่าหลงไหลนี้ต้องขาดช่วง เมื่อรู้สึกว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขา ทำให้เธอใจหายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังกังวลกับข่าวที่เพิ่งจะได้รับ ตอนนี้เลยต้องละวางความเขินอายเอาไว้ก่อน ปล่อยตัวปล่อยใจให้คล้อยไปตามอารมณ์ที่เรียกร้องตามสัญชาตญาณเท่านั้น ถึงแม้บางครั้งเขาจะทำตัวน่าโมโห แต่ก็แอบมีมุมน่ารักบ้างในบางที เธอมองเข้าไปในหัวใจตัวเองและยอมรับว่า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนตอนนั้นแล้วพริมโรสซุกตัวเข้าหาเขาอย่างออดอ้อน ไล้ปลายลิ้นนุ่มนิ่มเลียมุมปากเขา แล้วสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปให้เขาดูดดื่มอย่างหิวกระหาย กระทั่งเป็นฝ่ายรุกเร้าพัวพันดูดดึงลิ้นอบอุ่นของเขาเสียเอง ชายหนุ่มทำเสียงคำรามต่ำในลำคอ เมื่อถูกเร้าอารมณ์อย่างไม่คาดคิดมาก่อน จนถึงกับสั่นสะท้า
คามิลล่าเดินนวยนาดไปลงสระน้ำ แก้มก้นบดเบียดยามโยกย้ายอย่างน่าดู ขณะที่ลงมาในน้ำก็แอบคลายปมเชือกที่ผูกเอวไว้ออก แล้วว่ายกางแขนกางขาไปกลางสระ ชายหนุ่มสูงศักดิ์เดินมาหยุดยืนมอง เห็นขอบขากางเกงบิกินี่ของคนในน้ำแง้มออกตามแรงกระเพื่อมไหว เผยให้เห็นร่องเนื้อกลางเนินสวาทแย้มเข้าแย้มออก ยามที่กางขาว่ายชิดติดผิวน้ำสุลต่านโอมาร์เดินไปนั่งลงที่บันได แช่ส่วนล่างนั่งอยู่ในน้ำ พลันได้ยินเสียงเดินมาจากทางข้างหลังจึงหันไปดู"หมอมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ส่วนพระองค์วางแก้วไวน์และเครื่องดื่มของเจ้านายไว้ที่ขอบสระ "อืม บอกเขาให้รอสักครู่ ส่วนนายสองคนรออยู่แถวนี้""พ่ะย่ะค่ะ" เขารับคำแล้วหันหลังเดินออกไปยืนรอหลังแผงกั้นรั้วไม้ระแนง ที่ล้อมสระด้านหนึ่งไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวคามิลล่ารู้สึกขัดใจที่อีกฝ่ายไม่เล่นตามเกมของเธอ ยังคงนั่งเล่นตัวอยู่อย่างนั้นไม่ตามมาไล่จับกันในน้ำตามแผน เธอลอบถอนหายใจออกมา แล้วว่ายเข้ามาหาเขาที่ริมสระเสียเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้าข้อมือเธอไว้แล้วลากเข้าหา ทำให้สองขาเรียวกางอ้าออกคร่อมตัวบนหน้าตักของเขาพอดี ฝ่ามือใหญ่จับเอวไว้แน่นแล้วกดลง ในขณะที่เขาก็ยกตัวแอ่นสะโพกเข้
“ฝ่าบาท…” เสียงหวานเรียกเขาอย่างแผ่วระโหย เมื่อความหิวประท้วงขึ้นมาอีก “หืม?” ชายหนุ่มหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกแผ่วเบาจากคนข้างๆ “เป็นไงบ้าง หิวไหม?”“หิวเพคะ” เขาคลี่ยิ้มอบอุ่น วางเอกสารในมือ แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะหัวเตียง“เอาอาหารอ่อนๆ มาให้คุณผู้หญิง” เขาวางโทรศัพท์ ถอดแว่นวางไว้คู่กัน ขยับตัวลงนอนแล้วรวบร่างบอบบางเข้ามาชิด ประทับจุมพิตที่หน้าผาก เลื่อนลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ ทีหนึ่ง พริมโรสหลับตาซึมซับรับความอบอุ่นที่เขาถ่ายทอดมาให้“ยังเพลียอยู่ไหม?” ฝ่ามือใหญ่ไล้พวงแก้มนวลด้วยโคนนิ้วโป้งเบาๆ ในใจเต็มตื้นไปด้วยความลึกซึ้งที่กำลังปรี่ล้นขึ้นมาจนเต็มช่องอก ความรู้สึกทั้งรักทั้งเอ็นดูพร่างพรายอยู่ในแววตา“เพคะ ถ้าไม่ใช่เพราะหิวก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย เราอยู่ที่ไหนเพคะ?” หญิงสาวกวาดสายตามองอยากแปลกใจ “อยู่บนเครื่องบิน เรากำลังจะไปทีแลนด์” พิมพ์โรสเบิกตากว้างให้กับความหรูหราที่เห็นอย่างตื่นตะลึง ลักษณะการตกแต่งคล้ายห้องพักในโรงแรม มากกว่าที่จะเป็นห้องบนเครื่องบินเสียอีก หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาลุกขึ้นมาประคอง เธอเลยเห็นสภาพตัวเองบางแห่งที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล“หม่อ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนอน วางหญิงสาวลงอย่างทนุถนอม แล้วไปนั่งกึ่งเอนพิงพนักที่หัวเตียงเหมือนเดิม หยิบเอกสารที่โต๊ะหัวเตียงมาอ่าน โดยไม่สนใจจะไต่ถามอะไรอีกเธอลอบมองเขา เห็นสีหน้าด้านข้างเย็นชาเฉยเมย ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นตรง นัยน์ตาฉายชัดถึงความไม่พอใจชัดเจน แต่พยายามเก็บอารมณ์อยู่ พริมโรสใจหายวาบ พอเธอไม่เล่าให้ฟังเขาก็แสดงออกอย่างที่เห็นตอนนี้ แต่ถ้าเล่าออกไปแล้วเขาจะอยู่ในอารมณ์แบบไหนกันล่ะ จะรุนแรงมากกว่าเดิมหรือเปล่าหญิงสาวรู้สึกจิตใจไม่สงบ นิ่งคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาหายหงุดหงิดเสียก่อน แล้วค่อยจับเข่าคุยกันดีๆ เผื่อว่าเขาอาจจะมีคำแนะนำดีๆ ให้เธอก็ได้ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่า เวลาที่คนอื่นไม่เข้าใจกัน เขาง้องอนอีกฝ่ายยังไง คู่อื่นๆ ที่เขาคบหาดูใจกันแบบปกติ ก็คงจะมีวิธีเฉพาะตัวที่รู้ใจกัน และเข้าใจกันเองได้โดยง่าย แต่กรณีของเธอกับเขา คงยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น“ฝ่าบาท…” มือเรียวยื่นไปจับแขนเสื้อเชิ้ตเขาไว้ด้วยข้อนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง แล้วกระตุกเบาๆ น้ำเสียงออดอ่อยคล้ายเจ้าตัวจงใจทำให้ดูน่าสงสารไว้ก่อน ทั้งสีหน้าและแววตาเปล่งประกายใสซื่อบริสุทธิ์อย่างกับเด็กไร้เดียงสา ปากยู่แก้ม
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้