คามิลล่านั่งจิบไวน์อยู่ที่ระเบียงหน้าห้องพัก ด้วยสีหน้าและแววตาที่เรียบเฉย เบื้องหน้าคือสวนไม้ดอกร่มรื่น สายลมที่พัดเอื่อยเฉื่อย สามารถทำให้ผู้คนจิตใจปลอดโปร่งและคลายความตึงเครียดได้โดยไม่รู้ตัว
เธอดึงขาขาวนวลเนียน ขึ้นมาวางไว้บนเบาะที่เป็นโซฟาหวายเทียมทรงกลม สำหรับวางกลางแจ้ง ทอดแขนเรียวยาวไว้บนพนักด้านหลัง แล้ววางแก้มนุ่มไว้บนต้นแขนกลมกลึง ทอดถอนใจออกมาอย่างผ่อนคลายและมีความสุข หนทางข้างหน้าราบรื่นมากกว่าที่เธอคิด และคงจะดีไม่น้อยถ้าเธออยู่ในฐานะสตรีอันดับหนึ่งของประเทศนี้ เธอปราถนาที่จะได้รับความรักความสนใจจากชายที่สูงส่งและสง่างามผู้นั้น เพียงได้อยู่ร่วมกับเขาสักคืนหนึ่ง ชีวิตนี้ของเธอก็เปี่ยมสุขแล้ว
หญิงสาวหมุนแก้วไวน์ในมือ น้ำสีแดงไหลวนจนเกิดเป็นประกายสะท้อนรับกับแสงแดด พลันนึกสาสมใจในผลสำเร็จบางอย่าง ทำให้ทอดถอนใจออกมาอย่างมีจริตมารยา ตามความเคยชิน
แต่ในขณะที่มุมปากหยักโค้งขึ้น แววตาชิงชังก็ฉายชัดอยู่บนใบหน้า การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้ ทำให้ความงดงามที่ดูเย้ายวน เปลี่ยนเป็นชั่วร้ายไปได้ในพริบตา
อย่าโทษฉัน! ต้องโทษที่เธอมันขัดหูขัดตา ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเขาไป!!
“หึๆ เป็นใครที่ควรจะขอบคุณฉันกันนะ ผู้หญิง? หรือผู้ชาย?” หญิงสาวรำพึงออกมากับอากาศ เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและสุขสดชื่น ในกระแสเสียงยังแฝงไว้ด้วยความสมหวัง และความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสาแก่ใจ!
จากนี้ไปในสายตาของเขา จะมีแค่เพียงฉันเท่านั้นที่คู่ควร!!
………………………..
พริมโรสลืมตาตื่นอย่างสลึมสลือ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตื่นขึ้นมา ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกง่วงงุนอยู่ เธอรู้สึกเพลียจนแทบไม่อยากจะขยับเขยื้อน ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับหนังตา สักพักอาการแสบไส้แสบพุงก็แผ่ซ่านไปทั่วช่องท้อง
ที่แท้..พยาธิกำลังก่อม็อบประท้วง!!
ภายในห้องค่อนข้างมืด ดูไม่รู้เลยว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน เธอเอื้อมมือจะไปหยิบนาฬิกาที่หัวนอน พลันรู้สึกปวดร้าวไปตลอดทั้งร่าง เหมือนกับเพิ่งจะใช้กล้ามเนื้อเคี่ยวกรำทำศึกสงครามตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ผมเผ้าปัดป่ายไปมายุ่งเหยิง สภาพไร้ชีวิตชีวาราวกับวิญญาณเร่ร่อน
หญิงสาวหดมือกลับ จากนั้นค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นแต่กลับลุกไม่ได้ เธอเหลียวหาสาเหตุ จึงเห็นท่อนแขนของมนุษย์หนาหนักพาดขวางลำตัวอยู่
พริมโรสสะดุ้งสุดขีดด้วยความตกใจ รีบหันขวับไปมองด้านหลัง แล้วก็ต้องชาวาบตั้งแต่ปลายมือยันปลายเท้า ราวกับถูกฟ้าผ่าลงมาซ้ำๆ อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเห็นร่างอึมครึมของผู้ชายตัวใหญ่ นอนหงายหลับตาอยู่ข้างๆ
เธอพยายามโฟกัสผ่านแสงสลัวเพื่อดูว่าเป็นใคร แต่ก็ยังเห็นไม่ชัดนัก จึงค่อยๆ เอี้ยวตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง แม้แต่ลมหายใจก็ยังอั้นไว้
“เฮ้ย!!” พอสองตาเห็นภาพคมชัดก็ถึงกับผงะออก สมองมึนงงอย่างหนักราวกับมีก้อนหินขนาดยักษ์หล่นลงมาใส่หัว รีบยกมืออุดปากไว้ ทั้งๆ ที่ตะเบ็งเสียงอุทานออกไปแล้วลั่นห้อง
ทำไมเขาถึงมานอนเปลือยกายในห้องนี้เล่า?? หรือว่า!!
พอคิดได้ดังนั้น มือไม้ก็รีบรูปคลำร่างกายตัวเองไปทั่ว ปรากฏว่าสภาพก็ไม่แตกต่าง ปลายเล็บกลมมนจิกผ้าห่มไว้แน่น นัยน์ตาคู่สวยหันมองคนที่นอนอยู่ด้านข้างอย่างตื่นตระหนก
ผู้ชายสมควรตาย นอนสบายอย่างไม่รู้สึกรู้สม แขนข้างหนึ่งยังพาดอยู่ที่ตัวเธอ ผ้าห่มปิดไว้เพียงช่วงเอว เผยให้เห็นเส้นโค้งนูนลาดสูงต่ำของกล้ามเนื้อกำยำในแสงสลัว แม้แต่แขนก็ยังเห็นกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอนนิดๆ ดูๆ ไปแล้วก็น่ากัดอยู่ไม่น้อย พริมโรสหน้าร้อน กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อคิดได้ว่า ตัวเองเพิ่งจะทำเรื่องน่าอายกับผู้ชายเรือนร่างยั่วน้ำลายผู้นี้
เดี๋ยว!! ทำไมต้องเขิน!?! เพิ่งจะเสียพรมแดนไป ควรจะรังเกียจเขาไม่ใช่หรือไง!! โกรธสิ!! ต้องโกรธ!!
พริมโรสตั้งสติ ค่อยๆ ผ่อนตัวลงนอนหงาย พยายามนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ความรู้สึกที่จำได้ชัดเจนครั้งสุดท้าย คือเธอเห็นเขาเข้ามาในห้องน้ำ และเธอได้ร้องขอให้เขาพาไปโรงพยาบาล จากนั้นเขาก็เข้ามาแตะตัว แล้วก็?.. แล้วก็?..
หญิงสาวเบิกตาโตกว้าง รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า เนื้อตัวแดงก่ำในความมืด ยกมือเรียวสองข้างขึ้นปิดปากที่อ้าค้างอย่างตื่นตะลึง
สวรรค์!! เป็นฉันที่จูบเขาก่อน!!
ภาพจำในช่วงเวลานั้น ค่อยๆ ย้อนมาทีละช็อตอย่างต่อเนื่องราวกับวีดีโอ บางช่วงจำได้แม่น บางช่วงจำได้เพียงเลือนลาง แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือก่อนที่เธอจะเพลียจนหลับ เธอได้กอดเขาไว้แน่น ร้องขอให้เขาร่วมรักอย่างน่าอับอาย แล้วครวญครางด้วยความรู้สึกที่สุขสมอย่างถึงใจ!! ถึงอารมณ์!!
ต๊าย! ตายๆๆๆ!! สตรีอย่างเธอมันน่าอายเกินไปแล้ว!! ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเธอที่รุกเขาก่อน!!..จบกันๆ!!
พริมโรสหลับตาปี๋ พลิกตัวนอนคว่ำซุกหน้าลงกับหมอน กรีดร้องออกมาโดยไร้สุ้มเสียง แล้วส่ายศีรษะถูหน้าไปมาอย่างบ้าคลั่ง กำหมัดทุบอากาศ ด้วยความอัดอั้นตันใจ ไว้ทุกข์ให้กับการกระทำที่น่าอับอายที่สุดแห่งปีของตัวเอง
ถ้าหากเหตุการณ์นี้ เธอเป็นฝ่ายที่ถูกเขากระทำชำเรา ย่อมสามารถเผชิญหน้าได้อย่างเกรี้ยวกราด ระเบิดโทสะระบายอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ ก่นด่าได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร สุดท้ายแล้วก็จะยืนอยู่เหนือทุกปัญหา กลายเป็นผู้กุมดวงชะตา สามารถชี้เป็นชี้ตายคนผู้หนึ่งได้ แต่ทว่าตอนนี้ จะเอาอะไรไปต่อต้าน ล้วนเป็นเธอที่ไปร่วมมือกับเขาทำร้ายตัวเอง
หญิงสาวนิ่งอึ้งอยู่ชั่วครู่ ก็เบี่ยงตัวนอนตะแคง น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ รู้สึกคับแค้นอยู่ภายในใจ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้น ใครได้รับประโยชน์จากการกระทำแบบนี้บ้าง ถ้าไม่ใช่ผู้พันแล้วจะเป็นใคร?
อ๊ะ! ตื่นแล้ว??
พริมโรสชะงัก เมื่อจู่ๆ ก็มีวงแขนดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดอย่างแนบชิด แล้วจับตัวเธอให้หันหน้าเข้าหา หญิงสาวตกใจนัยน์ตาเบิกโพลง เพราะยังไม่ได้เตรียมใจที่จะเผชิญหน้ารับกับความจริง เธอขายขี้หน้าเกินกว่าที่จะให้เขามองหน้าในระยะประชิด
“อย่ามองนะ!..อย่ามอง!” หญิงสาวร้องเสียงหลง รีบซุกหน้าลงกับอกกว้างในทันที คิดเอาเองว่าการที่หดแข้งหดขาม้วนเป็นก้อนกลมๆ เหมือนตัวนุ่มนิ่มอย่างนั้นแล้ว จะสามารถพรางสายตาได้อย่างมิดชิดสมบูรณ์แบบ
ชายหนุ่มนึกขันในใจ เขารู้สึกตัวตื่นพร้อมๆ กับที่หญิงสาวขยับตัว แต่แอบลืมตามองเธอผ่านช่องเล็กๆ เพื่อสังเกตดูปฏิกิริยา จากนั้นก็เห็นเธอลุกขึ้นนั่ง แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ จนเขาสามารถสูดกลิ่นกายหอมๆ และรู้สึกถึงแรงกระทบของลมหายใจที่เป่ารดริมฝีปากเขาเบาๆ นาทีต่อมาเธอก็ทำท่าแปลกๆ เหมือนกำลังจะทะเลาะกับตัวเอง ดูน่ารักและน่าหัวเราะอยู่ไม่น้อย
เขายกยิ้มมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง จับจ้องหญิงสาวด้วยความรักที่อ่อนโยนลึกซึ้ง ความรู้สึกที่แสนพิเศษสายหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นในอก มันเป็นสิ่งที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ตั้งแต่วันที่เขาได้พบกับเธอ
ผู้หญิงคนนี้..ทำไมทำให้เขาอิ่มเอมใจได้ถึงเพียงนี้นะ!
เขาโอบเธอให้เข้ามาชิดอย่างหวงแหน กดจุมพิตหนักแน่นไปที่ผมสลวย ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ระเหยเข้าจมูก ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่ติดอยู่ที่ผิวกายของเธอ มือเรียวใหญ่ลูบไล้ผมยาวสลวยที่ปัดป่ายไปมาอย่างอ่อนโยน แล้วยกขึ้นประทับที่ริมฝีปาก แตะจุมพิตเบาๆ ด้วยความหลงใหล
หัวใจที่บีบแน่นมาตลอดของเขาคลายลงครึ่งหนึ่ง เกิดจากความกลัวที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ เขากลัวว่าเธอจะโกรธ กลัวว่าเธอจะเกลียดเขาที่เห็นแก่ตัว และกลัวว่าเธอจะไม่รับฟังคำอธิบายใดๆ แต่จนถึงตอนนี้ เธอกลับไม่ตำหนิเขาเลยสักคำ ราวกับจะอภัยโทษให้เสียอย่างนั้น เธอช่างเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีเสียเหลือเกิน
ความซึ้งใจให้ทำชายหนุ่มอดใจไม่ไหว เขาเกลี่ยเส้นผมที่ปิดบังใบหน้าออก แล้วก้มลงกดจุมพิตไรผมข้างขมับ จูบไล้บางเบาเลาะเล็มลงมาที่ซอกหู ไถลลงไปซุกไซ้และขบเม้มที่ซอกคอ ผิวที่เนียนนุ่มได้รับแรงสัมผัสของไรเคราที่เพิ่งจะงอกใหม่ ถูกกดย้ำซ้ำๆ จึงอ่อนไหว เกิดความรู้สึกคันยุบยิบไปทั่วจนแทบจะกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่
“อื้อ..อื๊อ!” ก้อนเนื้อนุ่มขยับตัวยุกยิก เพราะรู้สึกสยิวจนจั๊กจี้ จึงพยายามหดตัวให้ดูกลมยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อหลบหลีกการรุกรานของเขา
“หยุดๆ! มัน..มันจั๊กจี้! ฮ่ะๆๆ” แต่ยิ่งห้ามกลับยิ่งกลายเป็นการยั่วยุ มีหรือที่ชายหนุ่มจะละทิ้งโอกาสที่จะได้กลั่นแกล้งเธอไปได้โดยง่าย ซุกไซ้ไรเคราไปทั่วบริเวณลำคอทันทีที่มีช่องโหว่
เขาหัวเราะเสียงต่ำเบาๆ เมื่อใบหน้านวลขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้ จึงอ้าปากงับที่ปลายจมูก หญิงสาวทำคอย่นพยายามจะมุดตัวหนี แต่เขาก็ตามซุกไซ้จนไปงับริมฝีปากล่างของเธอไว้ได้ พอหลบไปซ้ายก็งับที่ติ่งหู หนีไปทางขวาก็งับแถวซอกคอ ตอนนี้จึงเป็นการเล่นเกมไล่ล่า ที่ตามไล่งับบริเวณใบหน้าไปทั่ว
“พอแล้วๆ!” หญิงสาวตวาดก้องและกำลังจะกลิ้งตัวลงจากเตียง แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อหนีไม่พ้นท่อนแขนแข็งแกร่งดุจปลอกเหล็ก ที่ยื่นมาโอบเอวรั้งเอาไว้เสียก่อน
“ม๊ายยย!! ปล่อย!!”
เขาดึงกลับมาแล้วจับกดลงบนที่นอนนุ่ม พันธนาการไว้ในอ้อมแขนเขาอย่างแน่นหนา จากนั้นเลื่อนขึ้นมาจับมือเล็กไว้แน่น ประสานสิบนิ้วกับมือเรียวแล้วกดไว้เหนือศีรษะ จนเรือนร่างเปลือยเปล่า ถูกกดทับไว้ด้วยกายกำยำที่แข็งแกร่ง และหนักอึ้งราวกับก้อนหิน
เขาจุมพิตอย่างหนักหน่วงดุดัน จูบจนริมฝีปากของหญิงสาวบวมแดงก่ำ ลมหายใจหอบกระชั้นอย่างหนักหน่วงไปด้วยกันทั้งคู่
เขาจุมพิตไปทั่วใบหน้าของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างลุ่มหลง ก่อนจะเวียนมาจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง ด้วยความเร่าร้อนดูดดื่ม รอจนกระทั่งจูบจนพอใจแล้ว ถึงยอมปล่อยริมฝีปากแดงก่ำเป็นอิสระ
“คิดว่าเป็นฝีมือผมหรือเปล่า?” ริมฝีปากอวบเม้มเข้าหากัน ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แล้วจะไม่ถามหรือว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวออกขยับตัวจะลุก เธอรู้สึกว่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น อาการปวดตามเนื้อตัวค่อยคลายลงบ้างแล้ว ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนตะแคง ดึงผ้าห่มมาพาดกลางลำตัวไว้อย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ยันศอกข้างหนึ่งรองรับศีรษะ มองดูร่างขาวนวลเนียนลุกนั่งคล้ายพับเพียบบนที่นอน ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวแล้วกอดไว้ด้วยสองแขนเรียวบาง ผมดำยาวสลวยปัดป่ายไปมายุ่งเหยิง ทิ้งตัวลงมาบังด้านข้างราวกับม่านไหม ดูน่ารักและเซ็กซี่
“ก็พอจะเดาได้ และรู้เหมือนกันว่ามันไม่ปกติ..” จู่ๆ เธอก็หน้าแดงขึ้นมา แล้วพูดด้วยเสียงที่เบาราวกับยุงบิน “จริงๆ แล้วฉันเป็นคนที่หวงเนื้อหวงตัวมากเลยนะ คงเป็นเพราะฤทธิ์ยานั่นทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง ต่อให้เมาก็ต้องไม่จู่โจมผู้ชายก่อนแน่ๆ!” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับคำพูดของตัวเอง “ใช่ๆ ฉันมั่นใจ!”
“บอกใคร?”
“คุณไง! ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด”
“อ้อ! นึกว่ากำลังย้ำเตือนตัวเอง แต่ผมไม่ได้เข้าใจผิดนะ ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
“หือ?” หญิงสาวอึ้งไปนิดหนึ่ง งงในงงไปอีก ไม่แน่ใจว่าเธอกับเขาเข้าใจตรงกันหรือเปล่า
ไม่ได้เข้าใจผิดเพราะรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างนั้น หรือไม่ได้เข้าใจผิดเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนแบบนี้??
นี่เขาเมาหรือเป็นเราที่กำลัง..งง?
“แล้วทำไมคุณถึงไม่โกรธผมล่ะ?”
“แค่กๆ คือฉันถูก..เอ่อ..เสียประโยชน์ไปแล้ว ถ้ายังโกรธอีกจะได้ประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้นมา” พริมโรสแสร้งทำเป็นไอกลบเกลื่อน พลางนึกไปว่าที่เขาถามแบบนี้ ต้องไม่รู้แน่ๆ ว่า ที่เธอร้องขอเขาอย่างเร่าร้อนในช่วงหลังๆ นั้น ไม่ได้เกิดจากฤทธิ์ยาร้อยเปอร์เซ็นต์
“แต่ผมก็ทำผิดจริงๆ ทำทั้งๆ ที่รู้…”
“แต่เรื่องนี้คุณไม่ได้เป็นคนก่อ แล้วฉันก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็..ก็ถือว่าทำผิดแค่ครึ่งเดียวแล้วกัน” หญิงสาวรีบพูดตัดบท ผลักภาระไปให้เขาอย่างหมดจด สกิลการแถของเธอได้พัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
ชายหนุ่มยิ้มทั้งปากและตา มองใบหน้าคมหวานพวงแก้มนวลอย่างรู้ทัน ดวงตาพราวระยับของเขาบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน แต่กลับพยายามรักษาความสงบนิ่งที่ภายนอกอย่างสุดชีวิต“ผมยังพูดไม่จบ ผมจะบอกว่า..ถึงผมจะรู้ว่ามันผิด แต่ก็ไม่ได้เสียใจเลย ถ้าให้กลับไปเลือกอีกครั้งผมก็จะทำมันอยู่ดี และไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร รู้ตัวอีกทีผมก็ตกเป็นของคุณไปแล้ว คุณจะรับผิดชอบการกระทำที่แสนเร่าร้อนของคุณยังไง!” หญิงสาวคิ้วกระตุก หันขวับมาถลึงตาใส่เขาตั้งแต่ยังพูดไม่จบยัง..ยังจะกล้าพูด! เอาเปรียบผู้อื่นแล้วยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้วก็เอามาป่าวร้องขยี้ย้ำให้คนอื่นยิ่งรู้สึกแย่! ช่างน่าโมโห!!พริมโรสใบหน้าแดงเข้มขึ้น นัยน์ตาลุกวาวราวกับไฟ มีความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งอับอายขายหน้า เมื่อได้ยินเขาพูดไหลลื่นได้อย่างไม่กระดากปาก ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของตัวเองเข้าไปใหญ่ คำพูดล้อเล่นของเขา ยั่วยุจนเพลิงโทสะพุ่งขึ้นสูง โมโหจนแทบจะเต้นเร่าๆ นึกอยากกระโดดเข้าไปบีบคอเขาให้สมกับความคั่งแค้น“คนไร้ยางอาย!! ดูสิว่าวันนี้ฉันจะตีคุณให้ตายได้ไหม!!”พอพูดจบ หญิงสาวก็ใช้แรงทั้งหมดพุ่งหมัดไปที่ใบหน้าหล่อเหลาไร้รอยตำหนิอย
“แต่ฉัน..ฉันทำไม่เป็น!”“ผมสอนเอง เกร็งขาไว้แบบนี้ แล้วยกสะโพกขึ้นลงช้าๆ..อาา~..ซี้ดด~..แบบนั้นแหละเด็กดี..สอนง่ายจริง!” ความเสียวซ่านพุ่งทะลุทะลวงทุกประสาทสัมผัส เสียงครางหวิวเล็ดลอดจากริมฝีปากอวบอิ่ม ร่างบางแอ่นหยัดโค้งเงยแหงนไปด้านหลังเหนือร่างของเขา ทรวงอกอวบชี้พุ่งท้าทายสายตา กระเพื่อมไปตามแรงเคลื่อนไหวอย่างน่าดูเขาสูดปากครางเสียงต่ำพร่า มึนเมาเคลิบเคลิ้มไปกับปฏิกิริยาของหญิงสาวทำให้อดใจไว้ไม่ไหว หยัดร่างขึ้นจูบลำคอระหง ลิ้นร้อนระอุลดเลี้ยวไล้วนบริเวณลาดไหล่ แล้วค่อยๆ ตวัดเลียอย่างช้าๆ เมื่อร่างบางสั่นสะท้านก็ขบเม้มไปเบาๆ อย่างไม่ให้ตั้งตัว“อาาาา~” เสียงครางสุดจะกลั้นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ผมหลายปอยชื้นเหงื่อจนแนบติดข้างแก้ม เผยความงามหยาดเยิ้มปรากฏออกมาเนื่องจากขาดประสบการณ์ พอเกร็งไปนานๆ ก็เริ่มรู้สึกล้า จึงขยับควงสะโพกเป็นวงกลม หมุนเอวอ่อนปวกเปียกไปมาราวกับไร้กระดูก บิดส่ายเป็นจังหวะเพื่อพักการเกร็งขาเอาไว้ก่อน แต่กลับกลายเป็นเพิ่มความกระสันให้เขาไปโดยไม่รู้ตัว“ซี้ดดดด!~..อาา~..สุดยอด!~ เรียนรู้เร็วแบบนี้ อีกหน่อยผมคงตายคาอกแน่ๆ”“ชอบแบบนี้หรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามอย
หลังจากถูกเขาเคี่ยวกรำเรื่องบนเตียง มาอย่างหนักหน่วง ทำให้เธอมีความกล้าที่จะมองเรือนร่างของชายหนุ่มมากขึ้น เขาเดินนำเข้าห้องน้ำโดยที่เนื้อตัวเปล่าเปลือย เผยให้เห็นแผ่นอกหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ผิวละเอียดสีแทนอย่างคนที่ออกแดดเป็นประจำ เส้นผมสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าอย่างลงตัว เธอเคยเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนในอินเทอร์เน็ตมาบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหน มีกระดูกไหปลาร้าที่น่ามองแบบนี้มาก่อน และขณะที่เขาหันหน้ากลับมา สายตาของหญิงสาวก็เพิ่งจะเลื่อนมาจับจ้องอยู่ที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง เห็นซิกซ์แพ็กของเขาเหมือนมีเส้นเอ็นนูนออกมา ทั้งดูแข็งแรงทั้งดูเซ็กซี่เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง รู้ว่าหญิงสาวพอใจในรูปร่างของเขา แต่กลับไม่รู้ว่าเรือนร่างของตัวเองมีความน่าหลงไหลมากมายเพียงใด เขาอดใจไม่ไหวจึงดึงมือให้เข้ามาอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน แล้วกดจุมพิตหนักๆ บดเบียดริมฝีปากอวบอิ่มหลายครั้ง มือไม้เริ่มลูบไล้เปะปะ จับนั่นลูบนี่อย่างซุกซน“ไม่เอานะ! ฉันหิวแล้วจริงๆ!” หญิงสาวประท้วงเสียงแผ่ว ผลักอกเขาเบาๆ เมื่อรู้ว่าเลือดลมกำลังแล่นพล่านเพราะการปลุกเร้าของเขา “แทนตัวเองว่าโรส!” หัวใจของชายหนุ่มเ
“ความจริงผมก็ไม่ได้ลาพักผ่อนมานานแล้ว ปีนี้เลยคิดว่าจะพักยาวๆ สักหลายวัน รอให้คุณว่างก่อนก็ได้ค่อยไป ดีไหมย่าร่า?”“เพคะ ลูกรอได้ ขอแค่มีพี่สาวไปด้วย”“ตามหมายกำหนดการ วันมะรืนฝ่าบาทต้องไปร่วมประชุมอเมริโกย-อาเซียนสมัยพิเศษนะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ใช่ว่า..เปเรซยังมีผู้แทนพระองค์ อย่างมกุฏราชกุมารอยู่หรอกหรือ ก่อนหน้านี้เขาก็ทำหน้าที่แทนฉันบ่อยไป” “เย้! ท่านอาจะไม่อยู่หลายวัน!”ผู้พันอิฟราอิมหรี่ตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาดุดันเยียบเย็นสบประสานเข้ากับดวงตายั่วยุท้าทายของพี่ชาย เขากัดฟันกรอด ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมา เกิดอารมณ์พาลไปยังหลานสาวด้วยเย้กับผีสิ! ทำไมต้องดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วย!!ปิ๊ด!! ปิ๊ด!! ปี๊ดดดด!!ท่ามกลางบรรยากาศภายในห้องอาหารที่กำลังอึมครึม พลันมีเสียงปริศนาคล้ายเสียงนกหวีดดังขึ้นมาเบาๆ ยังมีสั่นที่ปลายเสียงเล็กน้อย เนื่องจากภายในห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบ เสียงประหลาดนั้น จึงได้ยินกันถนัดชัดเจนคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ คามิลล่าจะลุกพรวดขึ้น ทุกคนหันไปมองด้วยความตระหนกตกใจ ต่างก็จ้องมองความผิดปกติของใบหน้านวลหวานที่กำลังเขียวคล้ำ ตัวแข็งเกร็ง สองขาก็บีบกระชับเข้าหากันแน
เขาโอบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อปลอบประโลม ซึ่งหญิงสาวก็ยินยอมแต่โดยดี ไม่มีอาการขัดขืนแต่อย่างใด ทำให้เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เธอมีบุคลิกที่ขัดแย้งในตัวเองอยู่หลายอย่าง ทั้งอ่อนหวานทั้งขี้โมโห บอบบางแต่ก็กล้าหาญ ภายนอกดูเยือกเย็นแต่ทว่าภายในกลับเร่าร้อน“เด็กโง่! เขาชอบตัวอยากคบหาจริงจัง แล้วยังไม่รู้ตัวเองอีก เด็กไอทีเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า?”“ฝ่าบาทจะทำอย่างนี้กับหม่อมฉันไม่ได้นะ!” หญิงสาวสูดจมูกเข้าไปฟืดใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากประท้วงออกมา“ทำอะไรไม่ได้? กอดคุณแบบนี้น่ะ?”“ไม่ใช่!”“แล้วอะไร? หรือที่บอกว่าชอบคุณ?”“นั่นล่ะ! บอกชอบเขาแต่มาว่าเขาโง่ มีใครเขาทำกันแบบนี้บ้าง!!”“ก็แล้วไม่ใช่หรือไง? ถ้าฉลาดจริงป่านนี้คงรู้ใจกันไปตั้งนานแล้ว”“แล้วเด็กไอทีมาเกี่ยวอะไรด้วย?”“เด็กไอทีส่วนใหญ่ไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำ โดยเฉพาะคุณ! อาการออกชัดมาก!” พริมโรสตวัดสายตาค้อนเขาแวบหนึ่ง ส่งเสียงเฮอะเบาๆ อย่างไม่พอใจ“หม่อมฉันไม่ได้ราคะขึ้นตา ตัณหาแล่นไปตามเส้นเลือดอย่างฝ่าบาทนี่ ใครเขาอยากจะไปฉลาดในเรื่องแบบนั้นกัน!”“ตลกและ ราคะไม่ใช่โรคเบาหวาน ที่จะแทรกซ้อนเข้าไปในตาได้ง่ายๆ ผมไม่ได้หื่นกับทุกคนที่เจอหรอ
เขาทาบริมฝีปากร้อนผ่าว ลงมาบนริมฝีปากของเธอทันทีโดยไม่รอฟังเสียงประท้วง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย ปล่อยให้อีกฝ่ายดูดดื่มความหอมหวาน อย่างตะกรุมตะกรามตามอำเภอใจ ให้เรียวลิ้นที่อบอุ่นซอกซอนไปทั่วตามใจชอบเนิ่นนานกว่าเขาจะถอนริมฝีปากออกเพื่อให้พักหายใจ ชั่วขณะนั้นหญิงสาวกลับยื่นมือทั้งสองมาโอบรั้ง ราวกับไม่ยินยอมให้ความรู้สึกที่กำลังเคลิบเคลิ้มน่าหลงไหลนี้ต้องขาดช่วง เมื่อรู้สึกว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขา ทำให้เธอใจหายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังกังวลกับข่าวที่เพิ่งจะได้รับ ตอนนี้เลยต้องละวางความเขินอายเอาไว้ก่อน ปล่อยตัวปล่อยใจให้คล้อยไปตามอารมณ์ที่เรียกร้องตามสัญชาตญาณเท่านั้น ถึงแม้บางครั้งเขาจะทำตัวน่าโมโห แต่ก็แอบมีมุมน่ารักบ้างในบางที เธอมองเข้าไปในหัวใจตัวเองและยอมรับว่า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนตอนนั้นแล้วพริมโรสซุกตัวเข้าหาเขาอย่างออดอ้อน ไล้ปลายลิ้นนุ่มนิ่มเลียมุมปากเขา แล้วสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปให้เขาดูดดื่มอย่างหิวกระหาย กระทั่งเป็นฝ่ายรุกเร้าพัวพันดูดดึงลิ้นอบอุ่นของเขาเสียเอง ชายหนุ่มทำเสียงคำรามต่ำในลำคอ เมื่อถูกเร้าอารมณ์อย่างไม่คาดคิดมาก่อน จนถึงกับสั่นสะท้า
คามิลล่าเดินนวยนาดไปลงสระน้ำ แก้มก้นบดเบียดยามโยกย้ายอย่างน่าดู ขณะที่ลงมาในน้ำก็แอบคลายปมเชือกที่ผูกเอวไว้ออก แล้วว่ายกางแขนกางขาไปกลางสระ ชายหนุ่มสูงศักดิ์เดินมาหยุดยืนมอง เห็นขอบขากางเกงบิกินี่ของคนในน้ำแง้มออกตามแรงกระเพื่อมไหว เผยให้เห็นร่องเนื้อกลางเนินสวาทแย้มเข้าแย้มออก ยามที่กางขาว่ายชิดติดผิวน้ำสุลต่านโอมาร์เดินไปนั่งลงที่บันได แช่ส่วนล่างนั่งอยู่ในน้ำ พลันได้ยินเสียงเดินมาจากทางข้างหลังจึงหันไปดู"หมอมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ส่วนพระองค์วางแก้วไวน์และเครื่องดื่มของเจ้านายไว้ที่ขอบสระ "อืม บอกเขาให้รอสักครู่ ส่วนนายสองคนรออยู่แถวนี้""พ่ะย่ะค่ะ" เขารับคำแล้วหันหลังเดินออกไปยืนรอหลังแผงกั้นรั้วไม้ระแนง ที่ล้อมสระด้านหนึ่งไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวคามิลล่ารู้สึกขัดใจที่อีกฝ่ายไม่เล่นตามเกมของเธอ ยังคงนั่งเล่นตัวอยู่อย่างนั้นไม่ตามมาไล่จับกันในน้ำตามแผน เธอลอบถอนหายใจออกมา แล้วว่ายเข้ามาหาเขาที่ริมสระเสียเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้าข้อมือเธอไว้แล้วลากเข้าหา ทำให้สองขาเรียวกางอ้าออกคร่อมตัวบนหน้าตักของเขาพอดี ฝ่ามือใหญ่จับเอวไว้แน่นแล้วกดลง ในขณะที่เขาก็ยกตัวแอ่นสะโพกเข้
“ฝ่าบาท…” เสียงหวานเรียกเขาอย่างแผ่วระโหย เมื่อความหิวประท้วงขึ้นมาอีก “หืม?” ชายหนุ่มหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกแผ่วเบาจากคนข้างๆ “เป็นไงบ้าง หิวไหม?”“หิวเพคะ” เขาคลี่ยิ้มอบอุ่น วางเอกสารในมือ แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะหัวเตียง“เอาอาหารอ่อนๆ มาให้คุณผู้หญิง” เขาวางโทรศัพท์ ถอดแว่นวางไว้คู่กัน ขยับตัวลงนอนแล้วรวบร่างบอบบางเข้ามาชิด ประทับจุมพิตที่หน้าผาก เลื่อนลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ ทีหนึ่ง พริมโรสหลับตาซึมซับรับความอบอุ่นที่เขาถ่ายทอดมาให้“ยังเพลียอยู่ไหม?” ฝ่ามือใหญ่ไล้พวงแก้มนวลด้วยโคนนิ้วโป้งเบาๆ ในใจเต็มตื้นไปด้วยความลึกซึ้งที่กำลังปรี่ล้นขึ้นมาจนเต็มช่องอก ความรู้สึกทั้งรักทั้งเอ็นดูพร่างพรายอยู่ในแววตา“เพคะ ถ้าไม่ใช่เพราะหิวก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย เราอยู่ที่ไหนเพคะ?” หญิงสาวกวาดสายตามองอยากแปลกใจ “อยู่บนเครื่องบิน เรากำลังจะไปทีแลนด์” พิมพ์โรสเบิกตากว้างให้กับความหรูหราที่เห็นอย่างตื่นตะลึง ลักษณะการตกแต่งคล้ายห้องพักในโรงแรม มากกว่าที่จะเป็นห้องบนเครื่องบินเสียอีก หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาลุกขึ้นมาประคอง เธอเลยเห็นสภาพตัวเองบางแห่งที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล“หม่อ
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้