หลังจากถูกเขาเคี่ยวกรำเรื่องบนเตียง มาอย่างหนักหน่วง ทำให้เธอมีความกล้าที่จะมองเรือนร่างของชายหนุ่มมากขึ้น เขาเดินนำเข้าห้องน้ำโดยที่เนื้อตัวเปล่าเปลือย เผยให้เห็นแผ่นอกหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ผิวละเอียดสีแทนอย่างคนที่ออกแดดเป็นประจำ เส้นผมสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าอย่างลงตัว
เธอเคยเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนในอินเทอร์เน็ตมาบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหน มีกระดูกไหปลาร้าที่น่ามองแบบนี้มาก่อน และขณะที่เขาหันหน้ากลับมา สายตาของหญิงสาวก็เพิ่งจะเลื่อนมาจับจ้องอยู่ที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง เห็นซิกซ์แพ็กของเขาเหมือนมีเส้นเอ็นนูนออกมา ทั้งดูแข็งแรงทั้งดูเซ็กซี่
เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง รู้ว่าหญิงสาวพอใจในรูปร่างของเขา แต่กลับไม่รู้ว่าเรือนร่างของตัวเองมีความน่าหลงไหลมากมายเพียงใด เขาอดใจไม่ไหวจึงดึงมือให้เข้ามาอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน แล้วกดจุมพิตหนักๆ บดเบียดริมฝีปากอวบอิ่มหลายครั้ง มือไม้เริ่มลูบไล้เปะปะ จับนั่นลูบนี่อย่างซุกซน
“ไม่เอานะ! ฉันหิวแล้วจริงๆ!” หญิงสาวประท้วงเสียงแผ่ว ผลักอกเขาเบาๆ เมื่อรู้ว่าเลือดลมกำลังแล่นพล่านเพราะการปลุกเร้าของเขา
“แทนตัวเองว่าโรส!” หัวใจของชายหนุ่มเริ่มเต้นระส่ำ กระซิบกับซอกคอหอมกรุ่นเสียงแหบพร่า ขณะลูบไปที่หน้าท้องเนียนลื่นมือ
“อื้อ! โรส! โรสหิวแล้ว! รีบอาบน้ำนะคะ” เธอถูกรุกรานจนร่างอ่อนยวบ ใบหน้าแดงก่ำ จนตอบตะกุกตะกัก
เขาฟาดมือลงบนบั้นท้ายกลมแน่นอย่างขัดใจ จับตัวเธอหันหน้าเข้าหาผนัง โน้มตัวไปงับเม้มใบหูของเธอไว้ จนได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ระเหยเข้าจมูก กระตุ้นต่อมกระสันให้ตื่นตัวขึ้นมาทันที
“เซ็กซี่เหลือเกิน!..ตามใจผมนะ~..ผมต้องการเดี๋ยวนี้~” คำพูดฟังดูเผด็จการ แต่น้ำเสียงกลับแหบพร่าอ่อนโยน แฝงไปด้วยความต้องการอันเอ่อล้น เขาดันร่างแข็งแรงเข้าชิด จับแก่นกายถูไถเนินเนื้อจากทางด้านหลัง แล้วออกแรงดุนดันจนผลุบหายเข้าไปด้านใน
“อาาา~..” เขาครางออกมาอย่างพึงพอใจ เมื่อพบความชุ่มชื้นที่ทำให้สอดใส่เข้าไปได้ง่ายขึ้น แสดงว่าเธอก็มีอารมณ์ร่วมไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ทำให้เห็นว่าเธอไม่ได้ใจแข็งอย่างที่เขาคิด
เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้เป็นผู้พิชิต เมื่อสามารถทำให้หญิงสาวผู้มีท่าทางเย็นชาและชอบต่อต้าน ยินยอมให้เขาย่ำยีได้ตามอำเภอใจ และทำให้เธอร้องครวญครางอย่างสุขสมใจได้ในทุกครั้ง
“อื้อ!”
พริมโรสร้องออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อฝ่ามือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนลงไปด้านล่าง กอบกุมเนินเนื้ออย่างแผ่วเบา ใช้นิ้วร้อนนวดคลึงกลางกลีบให้ผลิออก ยั่วเย้าเล้าโลมกับเม็ดน้อยที่อ่อนไหว แล้วขยับวนไล้เคล้นคลึงเป็นวงกลม ขณะที่มืออีกข้างจับศีรษะให้หันข้างมาทางเขา แล้วประกบริมฝีปากจุมพิตอย่างดุเดือด พร้อมๆ กับขยับโยกลำเอ็นไปด้วยอย่างหนักหน่วง
เธอคิดอยากจะต่อต้านความเอาแต่ใจของเขา จะได้รู้จักควบคุมตัวเองเสียบ้าง แต่จากความใกล้ชิดก็ได้เรียนรู้ว่า ฝืนไปก็ไร้ประโยชน์ อารมณ์ราคะความต้องการของเขาแล่นไหลไปตามเส้นเลือดอยู่ตลอดเวลา ทั้งดิบเถื่อนทั้งเร่าร้อน เป็นนักรักที่เป็นจอมเผด็จการและชอบฝืนใจผู้อื่นอย่างร้ายกาจ
ทำไมความดื้อดึงเอาแต่ใจของคนผู้นี้ ถึงทำให้โกรธไม่ลงนะ? แต่กลับ…
ชายหนุ่มมีความรู้สึกว่า หญิงสาวยอมสยบให้เขาแล้วทั้งกายและใจ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดถึงความรู้สึกที่มีต่อเขา หรือแสดงความชัดเจนออกมาตรงๆ แต่ท่าทีที่อ่อนลงและเชื่อฟัง โดยไม่มีกิริยาอาการต่อต้านใดๆ ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าเธอยอมรับในตัวตนของเขาอย่างยินยอมพร้อมใจแล้วจริงๆ
…………………….
“ที่รัก ผมถามไรหน่อยสิ” เขาถามขณะที่ฮาน่านำอาหารมาวางเรียบร้อยแล้วออกไป
“คะ?” เธอเพิ่งจะยื่นมือไปตักอาหาร เลยชะงักค้างอยู่
“ตอนที่คุณใกล้จะเสร็จน่ะ คุณพูดอะไรเหรอ? ผมรู้แต่ว่าเป็นภาษาฮิบรู ฟังออกแค่คำว่าขอบคุณสวรรค์ และความสุขอะไรสักอย่าง นอกนั้นฟังไม่เข้าใจ”
“ฉันพูดหรือคะ? ไม่เห็นจำได้ คุณหูฝาดไปหรือเปล่า?”
“คุณพูดนะ! และไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย ตอนนั้นผมฟังไม่เข้าใจ คิดว่าเป็นเพราะคุณถึงที่สุดของอารมณ์ เลยพูดไม่เป็นภาษาคล้ายกับคนละเมอ แต่พอครั้งล่าสุดมาเจอคำที่สะดุดหูพอดี”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้พูดอะไรออกไป เป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือเปล่าคะ ฉันจะได้คอยระวังตัวเองไม่ให้ทำอีก!”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ผมกลับภูมิใจเสียอีก ที่สามารถทำให้อารมณ์คุณพลุ่งพล่านจนลืมตัวได้ขนาดนั้น!” หญิงสาวหน้าแดงก่ำ คำพูดของเขาทำให้เธอรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ลืมตัวขึ้นมาทันที
“แต่สำหรับฉันอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าวันหนึ่งคุณลืมตัวขึ้นมาแล้วกัดฉันไม่เลือกพื้นที่แบบนี้ มีหวังฉันคงลายไปทั้งตัว ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ปกปิดไว้ไม่ได้”
“ที่รัก! คุณพูดเหมือนไม่รู้ว่า ตามเนื้อตัวผู้ชายของคุณไปโดนอะไรมา!” พริมโรสสะอึก
“นั่น!..ฝีมือฉันหรือคะ?” หญิงสาวเบิกตาโตกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อคิดถึงตอนที่เห็นรอยจ้ำรอยขีดข่วนบนตัวเขาอย่างชัดเจนในห้องน้ำ เธอเคยเร่าร้อนขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ร่างกายผมเรียบเนียนไร้ริ้วรอย มาก่อนที่จะตกอยู่ในเงื้อมมือของคุณนะ” เขาเอื้อมมือโอบมารอบเอวเล็กบาง แล้วตวัดดึงให้ขึ้นมานั่งบนตักเขา ง่ายดายราวกับเป็นสิ่งของที่ไร้น้ำหนัก
“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานเมื่อตัวลอยขึ้น มือข้างหนึ่งค้ำยันไว้ที่อกแข็งแรง อีกข้างเกาะไหล่เขาไว้เป็นหลัก
“แต่สัญญาว่าต่อไปผมจะระวัง ผมไม่อยากทำให้คุณต้องเจ็บตัวอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน ฝ่ามือสอดเข้าไปใต้เสื้อที่สวมอยู่ ไล้ที่เอวด้านหลังเรียบลื่นอย่างนุ่มนวล
“จริงๆ ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ เพียงแต่ฉันกังวลว่าคุณจะลืมตัวกัดบริเวณที่เสื้อผ้าปกปิดไม่ได้ อันนั้นจากความสุขจะกลายเป็นความทุกข์ขึ้นมาทันที” หญิงสาวพูดไปด้วย หัวแม่มือก็ไล้เคราปลอมที่รกรุงรังของเขาไปด้วย
“จริงของคุณ ผมว่า…”
“โอ๊ะ! ฉันเข้ามาขัดคอหรือเปล่าคะ? แหม! เป็นมื้อเย็นที่เร่าร้อนมากเลยทีเดียว” นิ้วชี้ขาวเนียนแตะมุมปากที่ยิ้มนิดๆ ราวกับประหลาดใจ ดูดัดจริตสุดๆ
ทั้งพริมโรสและผู้พันอิฟราอิม ไม่ได้ตระหนกตกใจกับการมีบุคคลที่สามเข้ามาขัดจังหวะ จนถึงกับทำให้ต้องผละออกจากกันเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ทั้งคู่กลับใช้สายตาที่ใช้มองดูคนโง่จ้องเขม็ง ทำให้อีกฝ่ายขัดเขินจนวางตัวไม่ถูกไปเองเสียอย่างนั้น
“สวัสดีตอนเย็นค่ะคุณคามิลล่า ได้ยินจากฮาน่าว่าคุณถามหาฉัน มีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่าคะ?” ขณะที่ทักทาย เธอก็ลุกขึ้นจากตักชายของหนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ริมฝีปากเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ความเย็นชาผุดขึ้นมาในใจ
เธอรู้สึกว่าคนที่เลวถึงขั้นไม่มีใครอยากจะตอแยด้วย มีตัวตนอยู่จริงในโลกใบนี้ ไม่ได้เป็นแค่ตัวละครในนิยายที่เคยอ่าน ผู้หญิงคนนี้อยากมีอยากได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์และวิธี ไม่รู้ว่าหนังหน้าต้องหนาขนาดไหน ถึงได้ทำเรื่องอย่างนี้ออกมาได้
แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว คงต้องโทษที่ตัวเราเองด้วย จะทำตัวไร้เดียงสาอยู่ในวงการนี้ได้อย่างไร!
ในเมื่อคิดว่าตัวเองฉลาด แล้วคิดจะบีบผู้อื่นไว้ในกำมืออย่างไรก็ได้ เธอก็ไม่ขัดศรัทธาถ้าจะดึงให้มาร่วมเล่นอะไรที่สนุกๆ
คามิลล่าอดหัวเราะในใจไม่ได้ เธอคิดมาโดยตลอดว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดมาก แต่คิดไม่ถึงว่าที่แท้ก็ไม่ได้ฉลาดอะไรขนาดนั้น จนถึงตอนนี้แล้วตัวเองตายยังไงก็คงยังไม่รู้กระมัง!
รูปร่างหน้าตาสวยแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็เป็นได้แค่คนโง่เขลา และก็ทำให้คนอื่นชอบไม่ลงเอาเสียเลย!!
“เอ่อ..ฉันเป็นห่วงคุณน่ะค่ะ เมื่อคืนก็แยกตัวไปนอนเสียเร็ว มื้อเช้ามื้อกลางวันก็งดทานข้าวอีก รู้สึกเป็นห่วงว่าคุณอาจจะไม่สบาย อุ๊ย! ฝ่าบาทมาแล้ว!”
ฮาน่าเดินตามหลังเข้ามาดูความเรียบร้อย เพราะได้เวลาอาหารเย็นพอดี ถ้าสมาชิกมาครบก็จะได้เสริฟอาหารเพิ่มได้เลย พริมโรสหันไปเห็นฮาน่าเข้ามาก็มองเขม็ง ฮาน่าสบตานายหญิงแล้วเดินออกไป
สุลต่านโอมาร์เดินควงแขนเข้ามาพร้อมลูกสาว ซึ่งพอเห็นพริมโรสก็โดดเข้ามาหาทันที
“พี่สาว! หายไปไหนมาทั้งวัน หนูถามฮาน่าบอกว่าออกไปข้างนอก แล้วก็ไม่ชวนหนูไปด้วย ไม่กลัวหนูจะงอนเลยหรือไง?” พริมโรสได้ยินคำตัดพ้อ ก็หัวเราะ
“ต้องโทษคุณอา พี่สาวก็ถูกบังคับโดยไม่ตั้งตัวเหมือนกันเพคะ”
“หรือคะ?” สาวน้อยหันไปมองผู้เป็นอา โดยมีเครื่องหมายคำถามแปะไว้ที่หน้าผาก สีหน้าบ่งบอกถึงความสงสัยใคร่รู้อย่างปิดไม่มิด
“ไม่ต้องมาอยากรู้อยากเห็น ความลับ!” พริมโรสลอบยิ้มในใจ เขาตอบได้อย่างเฉียบขาดรวบรัด ห้ามมิให้ผู้ใดกล้าซักถามได้อีก
ฮาน่าเดินนำเด็กๆ ลำเลียงอาหารเสริฟบนโต๊ะ ซึ่งพอรับประทานไปได้สักพัก ผู้สูงศักดิ์ที่สุดในห้องก็หันมาคุยกับพริมโรส
“พรุ่งนี้ผมจะพายาร่าไปขี่ม้า ไปด้วยกันไหมครับ?”
“น่าสนใจเพคะ แต่เกรงว่าจะไม่สะดวกเสียแล้ว หม่อมฉันติดงานสำคัญ คงต้องขอตัว”
“หนูอยากให้พี่สาวไปด้วยจังเลย! เสด็จพ่อมีเวลาให้อีกวันเดียวก่อนจะไปสะสางภารกิจต่อ”
“ถ้าอย่างนั้น พี่สาวยิ่งไม่สมควรไปด้วยเลยเพคะ ฝ่าบาทควรใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า โดยไม่มีผู้ใดรบกวน”
ประโยคสุดท้าย พริมโรสได้ปรายตาไปมองหญิงสาว คนที่นัยน์ตาพราวระยับไปด้วยความตื่นเต้น กำลังมองบุรุษผู้งามสง่าเหนือธรรมดาด้วยแววตาเคลิบเคลิ้มหลงใหล คาดหวังว่าจะได้รับคำเชิญให้ติดสอยห้อยตามไปด้วย ซึ่งพอรู้ว่ามีคนมองอยู่ก็หันมาสบตาแล้วหน้าแดง มองตอบกลับมาอย่างท้าทาย
“ความจริงผมก็ไม่ได้ลาพักผ่อนมานานแล้ว ปีนี้เลยคิดว่าจะพักยาวๆ สักหลายวัน รอให้คุณว่างก่อนก็ได้ค่อยไป ดีไหมย่าร่า?”“เพคะ ลูกรอได้ ขอแค่มีพี่สาวไปด้วย”“ตามหมายกำหนดการ วันมะรืนฝ่าบาทต้องไปร่วมประชุมอเมริโกย-อาเซียนสมัยพิเศษนะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ใช่ว่า..เปเรซยังมีผู้แทนพระองค์ อย่างมกุฏราชกุมารอยู่หรอกหรือ ก่อนหน้านี้เขาก็ทำหน้าที่แทนฉันบ่อยไป” “เย้! ท่านอาจะไม่อยู่หลายวัน!”ผู้พันอิฟราอิมหรี่ตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาดุดันเยียบเย็นสบประสานเข้ากับดวงตายั่วยุท้าทายของพี่ชาย เขากัดฟันกรอด ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมา เกิดอารมณ์พาลไปยังหลานสาวด้วยเย้กับผีสิ! ทำไมต้องดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วย!!ปิ๊ด!! ปิ๊ด!! ปี๊ดดดด!!ท่ามกลางบรรยากาศภายในห้องอาหารที่กำลังอึมครึม พลันมีเสียงปริศนาคล้ายเสียงนกหวีดดังขึ้นมาเบาๆ ยังมีสั่นที่ปลายเสียงเล็กน้อย เนื่องจากภายในห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบ เสียงประหลาดนั้น จึงได้ยินกันถนัดชัดเจนคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ คามิลล่าจะลุกพรวดขึ้น ทุกคนหันไปมองด้วยความตระหนกตกใจ ต่างก็จ้องมองความผิดปกติของใบหน้านวลหวานที่กำลังเขียวคล้ำ ตัวแข็งเกร็ง สองขาก็บีบกระชับเข้าหากันแน
เขาโอบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อปลอบประโลม ซึ่งหญิงสาวก็ยินยอมแต่โดยดี ไม่มีอาการขัดขืนแต่อย่างใด ทำให้เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เธอมีบุคลิกที่ขัดแย้งในตัวเองอยู่หลายอย่าง ทั้งอ่อนหวานทั้งขี้โมโห บอบบางแต่ก็กล้าหาญ ภายนอกดูเยือกเย็นแต่ทว่าภายในกลับเร่าร้อน“เด็กโง่! เขาชอบตัวอยากคบหาจริงจัง แล้วยังไม่รู้ตัวเองอีก เด็กไอทีเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า?”“ฝ่าบาทจะทำอย่างนี้กับหม่อมฉันไม่ได้นะ!” หญิงสาวสูดจมูกเข้าไปฟืดใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากประท้วงออกมา“ทำอะไรไม่ได้? กอดคุณแบบนี้น่ะ?”“ไม่ใช่!”“แล้วอะไร? หรือที่บอกว่าชอบคุณ?”“นั่นล่ะ! บอกชอบเขาแต่มาว่าเขาโง่ มีใครเขาทำกันแบบนี้บ้าง!!”“ก็แล้วไม่ใช่หรือไง? ถ้าฉลาดจริงป่านนี้คงรู้ใจกันไปตั้งนานแล้ว”“แล้วเด็กไอทีมาเกี่ยวอะไรด้วย?”“เด็กไอทีส่วนใหญ่ไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำ โดยเฉพาะคุณ! อาการออกชัดมาก!” พริมโรสตวัดสายตาค้อนเขาแวบหนึ่ง ส่งเสียงเฮอะเบาๆ อย่างไม่พอใจ“หม่อมฉันไม่ได้ราคะขึ้นตา ตัณหาแล่นไปตามเส้นเลือดอย่างฝ่าบาทนี่ ใครเขาอยากจะไปฉลาดในเรื่องแบบนั้นกัน!”“ตลกและ ราคะไม่ใช่โรคเบาหวาน ที่จะแทรกซ้อนเข้าไปในตาได้ง่ายๆ ผมไม่ได้หื่นกับทุกคนที่เจอหรอ
เขาทาบริมฝีปากร้อนผ่าว ลงมาบนริมฝีปากของเธอทันทีโดยไม่รอฟังเสียงประท้วง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย ปล่อยให้อีกฝ่ายดูดดื่มความหอมหวาน อย่างตะกรุมตะกรามตามอำเภอใจ ให้เรียวลิ้นที่อบอุ่นซอกซอนไปทั่วตามใจชอบเนิ่นนานกว่าเขาจะถอนริมฝีปากออกเพื่อให้พักหายใจ ชั่วขณะนั้นหญิงสาวกลับยื่นมือทั้งสองมาโอบรั้ง ราวกับไม่ยินยอมให้ความรู้สึกที่กำลังเคลิบเคลิ้มน่าหลงไหลนี้ต้องขาดช่วง เมื่อรู้สึกว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขา ทำให้เธอใจหายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังกังวลกับข่าวที่เพิ่งจะได้รับ ตอนนี้เลยต้องละวางความเขินอายเอาไว้ก่อน ปล่อยตัวปล่อยใจให้คล้อยไปตามอารมณ์ที่เรียกร้องตามสัญชาตญาณเท่านั้น ถึงแม้บางครั้งเขาจะทำตัวน่าโมโห แต่ก็แอบมีมุมน่ารักบ้างในบางที เธอมองเข้าไปในหัวใจตัวเองและยอมรับว่า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนตอนนั้นแล้วพริมโรสซุกตัวเข้าหาเขาอย่างออดอ้อน ไล้ปลายลิ้นนุ่มนิ่มเลียมุมปากเขา แล้วสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปให้เขาดูดดื่มอย่างหิวกระหาย กระทั่งเป็นฝ่ายรุกเร้าพัวพันดูดดึงลิ้นอบอุ่นของเขาเสียเอง ชายหนุ่มทำเสียงคำรามต่ำในลำคอ เมื่อถูกเร้าอารมณ์อย่างไม่คาดคิดมาก่อน จนถึงกับสั่นสะท้า
คามิลล่าเดินนวยนาดไปลงสระน้ำ แก้มก้นบดเบียดยามโยกย้ายอย่างน่าดู ขณะที่ลงมาในน้ำก็แอบคลายปมเชือกที่ผูกเอวไว้ออก แล้วว่ายกางแขนกางขาไปกลางสระ ชายหนุ่มสูงศักดิ์เดินมาหยุดยืนมอง เห็นขอบขากางเกงบิกินี่ของคนในน้ำแง้มออกตามแรงกระเพื่อมไหว เผยให้เห็นร่องเนื้อกลางเนินสวาทแย้มเข้าแย้มออก ยามที่กางขาว่ายชิดติดผิวน้ำสุลต่านโอมาร์เดินไปนั่งลงที่บันได แช่ส่วนล่างนั่งอยู่ในน้ำ พลันได้ยินเสียงเดินมาจากทางข้างหลังจึงหันไปดู"หมอมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ส่วนพระองค์วางแก้วไวน์และเครื่องดื่มของเจ้านายไว้ที่ขอบสระ "อืม บอกเขาให้รอสักครู่ ส่วนนายสองคนรออยู่แถวนี้""พ่ะย่ะค่ะ" เขารับคำแล้วหันหลังเดินออกไปยืนรอหลังแผงกั้นรั้วไม้ระแนง ที่ล้อมสระด้านหนึ่งไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวคามิลล่ารู้สึกขัดใจที่อีกฝ่ายไม่เล่นตามเกมของเธอ ยังคงนั่งเล่นตัวอยู่อย่างนั้นไม่ตามมาไล่จับกันในน้ำตามแผน เธอลอบถอนหายใจออกมา แล้วว่ายเข้ามาหาเขาที่ริมสระเสียเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้าข้อมือเธอไว้แล้วลากเข้าหา ทำให้สองขาเรียวกางอ้าออกคร่อมตัวบนหน้าตักของเขาพอดี ฝ่ามือใหญ่จับเอวไว้แน่นแล้วกดลง ในขณะที่เขาก็ยกตัวแอ่นสะโพกเข้
“ฝ่าบาท…” เสียงหวานเรียกเขาอย่างแผ่วระโหย เมื่อความหิวประท้วงขึ้นมาอีก “หืม?” ชายหนุ่มหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกแผ่วเบาจากคนข้างๆ “เป็นไงบ้าง หิวไหม?”“หิวเพคะ” เขาคลี่ยิ้มอบอุ่น วางเอกสารในมือ แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะหัวเตียง“เอาอาหารอ่อนๆ มาให้คุณผู้หญิง” เขาวางโทรศัพท์ ถอดแว่นวางไว้คู่กัน ขยับตัวลงนอนแล้วรวบร่างบอบบางเข้ามาชิด ประทับจุมพิตที่หน้าผาก เลื่อนลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ ทีหนึ่ง พริมโรสหลับตาซึมซับรับความอบอุ่นที่เขาถ่ายทอดมาให้“ยังเพลียอยู่ไหม?” ฝ่ามือใหญ่ไล้พวงแก้มนวลด้วยโคนนิ้วโป้งเบาๆ ในใจเต็มตื้นไปด้วยความลึกซึ้งที่กำลังปรี่ล้นขึ้นมาจนเต็มช่องอก ความรู้สึกทั้งรักทั้งเอ็นดูพร่างพรายอยู่ในแววตา“เพคะ ถ้าไม่ใช่เพราะหิวก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย เราอยู่ที่ไหนเพคะ?” หญิงสาวกวาดสายตามองอยากแปลกใจ “อยู่บนเครื่องบิน เรากำลังจะไปทีแลนด์” พิมพ์โรสเบิกตากว้างให้กับความหรูหราที่เห็นอย่างตื่นตะลึง ลักษณะการตกแต่งคล้ายห้องพักในโรงแรม มากกว่าที่จะเป็นห้องบนเครื่องบินเสียอีก หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาลุกขึ้นมาประคอง เธอเลยเห็นสภาพตัวเองบางแห่งที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล“หม่อ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนอน วางหญิงสาวลงอย่างทนุถนอม แล้วไปนั่งกึ่งเอนพิงพนักที่หัวเตียงเหมือนเดิม หยิบเอกสารที่โต๊ะหัวเตียงมาอ่าน โดยไม่สนใจจะไต่ถามอะไรอีกเธอลอบมองเขา เห็นสีหน้าด้านข้างเย็นชาเฉยเมย ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นตรง นัยน์ตาฉายชัดถึงความไม่พอใจชัดเจน แต่พยายามเก็บอารมณ์อยู่ พริมโรสใจหายวาบ พอเธอไม่เล่าให้ฟังเขาก็แสดงออกอย่างที่เห็นตอนนี้ แต่ถ้าเล่าออกไปแล้วเขาจะอยู่ในอารมณ์แบบไหนกันล่ะ จะรุนแรงมากกว่าเดิมหรือเปล่าหญิงสาวรู้สึกจิตใจไม่สงบ นิ่งคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาหายหงุดหงิดเสียก่อน แล้วค่อยจับเข่าคุยกันดีๆ เผื่อว่าเขาอาจจะมีคำแนะนำดีๆ ให้เธอก็ได้ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่า เวลาที่คนอื่นไม่เข้าใจกัน เขาง้องอนอีกฝ่ายยังไง คู่อื่นๆ ที่เขาคบหาดูใจกันแบบปกติ ก็คงจะมีวิธีเฉพาะตัวที่รู้ใจกัน และเข้าใจกันเองได้โดยง่าย แต่กรณีของเธอกับเขา คงยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น“ฝ่าบาท…” มือเรียวยื่นไปจับแขนเสื้อเชิ้ตเขาไว้ด้วยข้อนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง แล้วกระตุกเบาๆ น้ำเสียงออดอ่อยคล้ายเจ้าตัวจงใจทำให้ดูน่าสงสารไว้ก่อน ทั้งสีหน้าและแววตาเปล่งประกายใสซื่อบริสุทธิ์อย่างกับเด็กไร้เดียงสา ปากยู่แก้ม
เขาใช้นิ้วกรีดไปตามร่องแล้วแหวกออก เผยให้เห็นแคมกลีบเล็กสีชมพูอมแดงที่ถูกปกปิดไว้ภายใน ลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อบอบบางน่าทะนุถนอม เขาก้มลงแลบลิ้นเลียน้ำหวานที่ฉ่ำเยิ้มไปทีหนึ่ง พลางสูดกลิ่นหอมจางๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับผิวกายของเธอ“อ้าาาา~” ทันใดนั้นพริมโรสก็ผวาสะดุ้งเฮือก ใบหน้าแดงก่ำไปด้วยเลือดที่ฉีดซ่าน ขณะที่ลิ้นของเขาไล้เลียสัมผัสความเปียกชื้นในแนวร่องที่ถูกปกปิดอยู่ เขาจับเรียวขาให้พาดไปบนไหล่ ฝ่ามือล็อกต้นขาเอาไว้ แล้วจับอ้าออกให้กว้างขึ้น แคมกลีบบางที่เบียดชิดจนมองไม่เห็นทางเข้าจึงแยกออกมา น้ำใสเยิ้มเปียกชุ่มปกคลุมไปหมดทั้งสองกลีบ เขากลืนน้ำลายนิดหนึ่ง เมื่อเห็นเม็ดน้อยสีชมพูระเรื่อเคลือบไว้ด้วยน้ำรักสีใสฉ่ำจนแวววาว ดูสวยน่ากินจนน้ำลายสอเขาอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงลิ้นตวัดไปที่ปลายเม็ดเสียว วนไล้ปลายลิ้นเล้าโลมไปรอบๆ ปุ่มกระสัน ดูดเลียน้ำรักรสหวานอย่างนุ่มนวลดูดดื่ม แล้วห่อลิ้นเรียวยาวสอดล้วงเข้าไปด้านในอย่างเนิบช้าเป็นจังหวะ กระตุ้นความต้องการของหญิงสาวให้ลุกโชนขึ้นการกระทำของเขา เร้าอารมณ์ของหญิงสาวให้พลุ่งพล่าน มือเรียวข้างหนึ่งกำมือเขาที่วางไว้ที่ต้นขาไว้แน่น นิ้วเรียวอีกข้างสอด
ติ๊ดๆๆๆ!! ตี้ดดด!! ติ๊ดๆๆๆ!! ตี้ดดด !!เสียงโทรศัพท์มือถือของพริมโรสดังขึ้น เจ้าชายอิสราร์ เอื้อมมือไปหยิบมาสไลค์รับสาย แล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนยื่นมาใกล้ๆ ใบหน้าของเธอ“เฮลโล?” หญิงสาวตอบรับด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย“หัวหน้า! พวกเรามากันพร้อมแล้วครับ กำลังรอให้หัวหน้ามาเปิดประชุม!” หญิงสาวเลิกคิ้ว เหลือบตามองไปทางคนที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่อย่างสงสัย“รอสักครู่ กำลังจะออกไป!” ชายหนุ่มกลับตอบรับเสียเอง “ผมลืมไปเลย เรียกประชุมองครักษ์สำหรับวางแผนงานของวันพรุ่งนี้เอาไว้ คุณคงต้องรีบหน่อย ถ้าไม่อยากให้ลูกน้องรู้ว่าหัวหน้าเข้าประชุมช้าเพราะอะไร!” พริมโรสตวัดสายตาค้อนใส่เขาไปทีหนึ่ง ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นไปแต่งตัว…ภาพที่เจ้านายผู้สูงศักดิ์ เดินกุมมือหัวหน้าหน่วยพิเศษราชองครักษ์เข้ามาในห้องประชุมนั้น ทำให้บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งกันหน้าสลอนราวห้าสิบกว่าคน ต่างก็หน้าแดงและกลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ด้วยความอิจฉาตาร้อน ผสมผสานไปด้วยความรู้สึกเสียดายและความหวาดหวั่นกลัวเกรง ซึ่งบางคนก็ยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหนมากกว่ากันสายตาทุกคู่เอาแต่จ้องมองหญิงสาวใบหน้าสวยหวาน ที่มีผมดำยาวสยา
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้