“ผู้แพ้อย่างเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงมาข่มขู่ข้า?”ใบหน้าอันงดงามของฉงชูโม่เปลี่ยนเป็นเย็นชา นางยกเท้าและเหยียบลงที่ขาของชายชุดดำอย่างแรง“กร๊อบ!”ขาของชายชุดดำถูกเหยียบจนเนื้อหนังเละกระจาย กระดูกแตกกระจายออกมา ดูน่าหวาดกลัวอย่างยิ่งเส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน เขากรีดร้องอย่างเจ็บปวดมิหยุดหลังจากที่เขาสงบลงแล้ว เขาก็หายใจหอบก่อนพูดว่า “ข้าเป็นคนของสำนักอาทิตย์อัสดง เจ้าสำนักของพวกข้ากำลังมาแล้ว เมื่อพวกเขามาถึง พวกเจ้าตายแน่!”“สำนักอาทิตย์อัสดง?”ใบหน้าของฉงชูโม่เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่อเห็นสิ่งนี้ฉินซูจึงถามอย่างสงสัย "สำนักอาทิตย์อัสดงที่ว่านี้ ทรงพลังมากหรือ?"ฉงชูโม่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเริ่มอธิบายปรากฏว่า สำนักอาทิตย์อัสดงเป็นสำนักบู๊ลิ้มที่ใหญ่ที่สุดในอวี้โจวเจ้าสำนักโอวหยางขุยมีพลังมาก เมื่อสิบปีก่อนก็เป็นนักรบระดับปฐพีเข้าไปแล้วเวลาผ่านไปสิบปีแล้ว และแม้ว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้จะมิได้อยู่ที่ขั้นปลายระดับปฐพี แต่ก็คงทะลวงไปสู่ขั้นกลางระดับปฐพีแล้วอย่างแน่นอนหรืออาจเป็นไปได้ว่า เขาได้เข้าสู่ระดับสวรรค์แล้วมิเพียงเท่านั้น ในสำนักอาทิตย์อัสดงยังมีผู้อาวุโสอีกห
โอวหยางขุยยืนนิ่งมิขยับ ขณะที่ชายชราผู้สวมชุดเทาด้านข้างยกหอกขึ้น กระแทกเข้าที่ดาบใหญ่อย่างแม่นยำ"แกร๊ง!"มีเสียงดังคมชัด ประกายไฟพุ่งออกมา!ชายชราในชุดสีเทาตกใจมาก แขนชา ปลายหอกแตกออก!เขาดูหวาดกลัว พูดด้วยน้ำเสียงเครือต่ำ “ท่านเจ้าสำนัก ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง ฉงชูโม่ผู้นี้เป็นยอดฝีมือในระดับปฐพีจริง ๆ!”“พวกเจ้าตรวจค้นรอบ ๆ ส่วนนาง ปล่อยให้นางเป็นหน้าที่ข้า!”หลังจากที่โอวหยางขุยพูดเสียงเย็น เขาก็ใช้เท้าเคาะท้องม้า และควบตรงไปทางฉงชูโม่ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉงชูโม่ตามแผนเดิมของนาง นางจะต้องล่อโอวหยางขุยและคนอื่น ๆ ไปทางอื่น เพื่อให้ฉินซูหนีเอาชีวิตรอดทว่ายามนี้ โอวหยางขุยกลับมาฆ่านางเพียงลำพัง นั่นพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นปลายของระดับปฐพีและที่สำคัญที่สุด แผนการของนางถูกทำลายลงจนสิ้นต้องรีบจบศึกนี้!ฉงชูโม่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เหยียบอานม้า พุ่งตัวออกไปหาโอวหยางขุยราวกับศรที่พุ่งออกจากคันธนู“มาเลย!”ดวงตาของโอวหยางขุยเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นนานแล้วที่เขามิได้พบกับคู่ต่อสู้ในระดับเดียว
“ตายซะ!”ผู้อาวุโสของสำนักอาทิตย์อัสดงตะโกนอย่างต่ำต้อย และกรงเล็บไปที่คอของฉินซูราวกับกรงเล็บของนกอินทรี!“เจ้าก่อน!”ฉินซูเย้ยหยัน และปล่อยกระแสพลังฝ่ามือเมื่อสัมผัสได้ถึงความกดดันอันน่าสะพรึงของกระแสพลังฝ่ามือ ชายชรารู้สึกท่ามิดี และคิดจะหลบเลี่ยงแต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาตอบสนอง ร่างของเขาก็ “ฟุ่บ” กลายเป็นละอองเลือด!เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองนี้ ชายชราอีกคนก็ตกใจมากจนตาแทบถลนออกมา!ด้วยฝ่ามือข้างเดียว ขั้นต้นระดับปฐพีก็ถูกฟาดจนกลายเป็นละอองเลือด นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?เขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอย พลันหันหลังวิ่งหนีทันที!ฉินซูฮึดฮัดเบา ๆ แล้วฟาดฝ่ามือไปอีกครั้ง“ฟุ่บ!”ชายชราผู้นี้มิสามารถหลบหนีจุดจบการกลายเป็นละอองเลือดได้เช่นกันหลังจากที่ฉินซูจัดการสองคนนี้ ร่างของเขาก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้อย่างเงียบเชียบในพริบตาจากนั้นเขาก็พุ่งผ่านต้นไม้ไปคล่องแคล่วอย่างกับลิงในเวลามินาน เขาก็มาถึงต้นไม้ใหญ่ข้างทางเมื่อมองลงมาจากที่สูง ฉงชูโม่ยังคงต่อสู้กับโอวหยางขุยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดโอวหยางขุยผู้นี้คู่ควรกับการเป็นคนที่ก้าวเข้าสู่ระดับปฐพีเมื่อสิบปีที่แล้วจริง ๆ แม้ว่า
หลังจากกลับมาตั้งสติได้ เขาก็รู้สึกถึงคลื่นลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำอยู่ในใจ!เพราะเห็นได้ชัดว่า ฉินซูอยู่ห่างจากเขาเพียงสองสามจั้ง แต่พริบตาเขากลับมาปรากฏตรงหน้าเขาอย่างแปลกประหลาดสิ่งที่ทำให้โอวหยางขุยตกใจยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากที่ถูกฉินซูบีบคอ เขาก็มิสามารถรวบรวมปราณบริสุทธิ์ได้เลย!กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในมือของฉินซูยามนี้ เขามิต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ ไม่มีพลังที่จะต้านทานได้แม้แต่น้อย!เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ สีหน้าของโอวหยางขุยเริ่มเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากฉินซูเอ่ยอย่างใจเย็น “เจ้าอยากตาย หรืออยากอยู่?”โอวหยางขุยต้องการตอบ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานจากชายชราดังขึ้น!“ท่านเจ้าสำนัก นี่ท่านเป็น...”ผู้อาวุโสชุดเทาคนนี้มิใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสฉี ซึ่งในตอนแรกใช้หอกสกัดกั้นดาบบินของฉงชูโม่ได้!เขานำคนของเขาไปค้นหาในเมือง เมื่อเขาพบว่ามิพบฉินซู จึงให้คนของเขาค้นหาต่อไปตามถนนหลวง ในขณะที่ตัวเขาเองกลับมารายงานต่อโอวหยางขุยเมื่อเขาเห็นโอวหยางขุยถูกคว้าคอ ยกขึ้น เขาก็ตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาเห็นชัดเจนว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาคือฉินซู เขาก็ยิ่งตกตะลึงม
ฉินซูยิ้มอย่างสงบ แล้วพูดว่า “คนฉลาดย่อมเข้าใจสถานการณ์ เจ้าช่างเป็นคนฉลาดจริง ๆ อีกอย่างหากกล้าเปิดเผยพลังของข้า เจ้าคงจะรู้ถึงผลที่จะตามมา”หัวใจของโอวหยางขุยเต้นรัว รีบบอกว่ามิกล้าทันทีฉินซูหันหลังกลับอย่างสงบและเข้าไปในป่าจากอีกด้านหนึ่งมินานหลังจากที่เขาจากไป ทุกคนจากสำนักอาทิตย์อัสดงก็กลับมา“ท่านเจ้าสำนัก เหตุใดท่านจึงได้รับบาดเจ็บ? อาการบาดเจ็บของท่านร้ายแรงหรือไม่?”“ท่านเจ้าสำนัก เจ้าฉงชูโม่อยู่ที่ใด?”ผู้อาวุโสทั้งสองถามอย่างกังวลโอวหยางขุยโบกมือแล้วพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “ยกเลิกภารกิจ กลับกันเถอะ”“หือ? กลับ... กลับหรือ?”“ท่านเจ้าสำนัก จวนอ๋องจิ้น…”ก่อนที่เขาจะพูดจบ โอวหยางขุยก็เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าบอกให้กลับ เจ้ามิเข้าใจรึ?”หัวใจของผู้อาวุโสทั้งสองสั่นไหว มิกล้าแย้งอีกต่อไป“ท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสเฟิงอยู่ที่ใดเล่า?”“เขาตายแล้ว องค์รัชทายาท มียอดฝีมือมาช่วยเขาไว้!”โอวหยางขุยพูดอย่างกระชับและตรงประเด็น จากนั้นก็ก้าวขึ้นม้าไปก่อนใครเขาเห็นกับตาตนเองว่าผู้อาวุโสฉีกลายเป็นละอองเลือดด้วยฝีมือฉินซู ส่วนผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสอีกคน ทั้งสองเข้
“ความหมายโดยนัยของคำพูดของผู้อาวุโสคือ ข้ามิสามารถทะลวงไปสู่ระดับสวรรค์ได้หรือ?” ฉงชูโม่รู้สึกสงสัยเล็กน้อยชายในชุดคลุมสีดำพูดอย่างใจเย็น “การบ่มเพากำลังภายในของเจ้ามีปัญหาใหญ่ จุดลมปราณและเส้นลมปราณขัดหลายแห่งแย้งกัน เจ้ามิรู้สึกหรือว่า เวลาเจ้าต่อสู้กับผู้อื่น เป็นการยากนักที่จะไหลเวียนปราณบริสุทธิ์ของเจ้าให้ราบรื่น?”“ท่านผู้อาวุโสมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของข้าก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการบ่มเพากำลังภายในของข้านั้นบกพร่อง”“การที่เจ้าได้พบข้าก็ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว หากเจ้าเดินปราณบริสุทธิ์ตามแผนภาพนี้ ข้อบกพร่องในวรยุทธของเจ้าย่อมสามารถแก้ไขได้”หลังจากที่ชายในชุดคลุมสีดำพูดจบ เขาก็โยนบางอย่างให้ฉงชูโม่ฉงชูโม่มิได้หยิบมันขึ้นมาอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ถอยกลับไปสองก้าววัตถุนั้นตกลงไปตรงหน้านางด้วยเสียง “ตุ้บ” และเมื่อนางก้มหน้าลงมอง ก็เห็นว่ามันเป็นเศษเปลือกไม้!เปลือกไม้มีการวาดเส้นทางลมปราณของร่างกายด้วยถ่าน และมีการใช้ลูกศรทำเครื่องหมายไว้ด้วยฉงชูโม่มองแวบเดียวก็เห็นความซับซ้อนของเส้นทางการเดินลมปราณนี้นางระดมปร
ฉินซูส่ายหน้า “ข้ามองเห็นได้มิชัดเจน ชายคนนั้นเร็วเกินไป หลังจากที่เขาฟาดจนอีกฝ่ายกลายเป็นละอองเลือดแล้ว เขาก็บินหวือเข้าไปในป่า ข้าอยากจะวิ่ง แต่ขาของข้ามิเชื่อฟังข้าเลย”เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของฉินซู คิ้วของฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดเล็กน้อยแล้วจึงถามว่า “องค์รัชทายาท ในเมื่อท่านทรงทราบว่าอีกฝ่ายมุ่งหมายต่อสำนักอาทิตย์อัสดง เหตุใดท่านจึงตื่นตระหนกเล่า?"“เหลวไหล บุรุษผู้นั้นตบผู้อาวุโสทั้งสองคนของสำนักอาทิตย์อัสดงจนกลายเป็นละอองเลือด ข้าจะมิกลัวได้หรือ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉินซูแสร้งทำเป็นแปลกใจและถามว่า “นี่ เจ้าคิดว่าข้าเห็นผีหรือไม่? จะมีใครเก่งขนาดนั้นได้ แม้แต่เจ้าก็ยังทำมิได้ใช่หรือไม่เล่า?”ฉงชูโม่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็คงยากที่จะทำได้สำเร็จ ดูท่าทางผู้อาวุโสท่านนั้นจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดจริง ๆ มิแปลกใจเลยที่เขามองออกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการบ่มเพาะกำลังภายในของหม่อมฉัน และเขาก็แก้ไขปัญหาให้หม่อมฉันได้อย่างง่ายดาย”เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเคารพและความหลงใหล“อ๋อ? เจ้าหมายความว่า ย
“เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? ว่ากันตามหลักแล้วตอนนี้เป็นเวลามื้อเย็น แต่เมืองนี้กลับเงียบสงัด ข้าเกรงว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉงชูโม่ก็จริงจังขึ้นทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ควรรีบเข้าเมืองไปดูว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย ฟาดแส้ ควบม้าลงเขาไปทันทีเมื่อเข้าไปในเมือง สภาพแวดล้อมยังคงเงียบสงบ ราวกับสุสานยามเที่ยงคืน เงียบงันไปทั่ว บรรยากาศแฝงด้วยความลึกลับแม้แต่บ้านเรือนโดยรอบก็ยังมืดมิดฉงชูโม่กลั้นหายใจมองไปรอบ ๆ บ้านเรือน แล้วกระซิบว่า “องค์รัชทายาท บ้านเรือนเหล่านี้จริง ๆ แล้วมีคนอยู่ แต่พวกเขากำลังหลบอะไรบางอย่าง หรือว่า...ที่นี่มีผีจริง ๆ?”“เจ้าบอกว่ามิเชื่อเรื่องผีสางมิใช่รึ?”“แต่... นี่มันแปลกเกินไป เมืองใหญ่เพียงนี้ มีบ้านเรือนมากมาย ทว่าประตูทุกบานปิดหมด แม้แต่ไฟสักดวงก็มิจุด...”“ตรงนั้นมีโรงเตี๊ยมอยู่ ลองไปถามดูสิ”ฉินซูดึงสายบังเหียน และม้าก็เดินไปที่โรงเตี๊ยมอย่างเร่งรีบ“กุบกับ กุบกับ...”เสียงกีบม้าที่คมชัดดังก้องในความมืดเมื่อมาถึงประตูโรงเตี๊ยม ฉินซูก็เคาะประตูอย่างแรงแล้วตะโกนเรียก “เถ้าแก่ เปิดปร