ฉินซูยิ้มอย่างสงบ แล้วพูดว่า “คนฉลาดย่อมเข้าใจสถานการณ์ เจ้าช่างเป็นคนฉลาดจริง ๆ อีกอย่างหากกล้าเปิดเผยพลังของข้า เจ้าคงจะรู้ถึงผลที่จะตามมา”หัวใจของโอวหยางขุยเต้นรัว รีบบอกว่ามิกล้าทันทีฉินซูหันหลังกลับอย่างสงบและเข้าไปในป่าจากอีกด้านหนึ่งมินานหลังจากที่เขาจากไป ทุกคนจากสำนักอาทิตย์อัสดงก็กลับมา“ท่านเจ้าสำนัก เหตุใดท่านจึงได้รับบาดเจ็บ? อาการบาดเจ็บของท่านร้ายแรงหรือไม่?”“ท่านเจ้าสำนัก เจ้าฉงชูโม่อยู่ที่ใด?”ผู้อาวุโสทั้งสองถามอย่างกังวลโอวหยางขุยโบกมือแล้วพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “ยกเลิกภารกิจ กลับกันเถอะ”“หือ? กลับ... กลับหรือ?”“ท่านเจ้าสำนัก จวนอ๋องจิ้น…”ก่อนที่เขาจะพูดจบ โอวหยางขุยก็เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าบอกให้กลับ เจ้ามิเข้าใจรึ?”หัวใจของผู้อาวุโสทั้งสองสั่นไหว มิกล้าแย้งอีกต่อไป“ท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสเฟิงอยู่ที่ใดเล่า?”“เขาตายแล้ว องค์รัชทายาท มียอดฝีมือมาช่วยเขาไว้!”โอวหยางขุยพูดอย่างกระชับและตรงประเด็น จากนั้นก็ก้าวขึ้นม้าไปก่อนใครเขาเห็นกับตาตนเองว่าผู้อาวุโสฉีกลายเป็นละอองเลือดด้วยฝีมือฉินซู ส่วนผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสอีกคน ทั้งสองเข้
“ความหมายโดยนัยของคำพูดของผู้อาวุโสคือ ข้ามิสามารถทะลวงไปสู่ระดับสวรรค์ได้หรือ?” ฉงชูโม่รู้สึกสงสัยเล็กน้อยชายในชุดคลุมสีดำพูดอย่างใจเย็น “การบ่มเพากำลังภายในของเจ้ามีปัญหาใหญ่ จุดลมปราณและเส้นลมปราณขัดหลายแห่งแย้งกัน เจ้ามิรู้สึกหรือว่า เวลาเจ้าต่อสู้กับผู้อื่น เป็นการยากนักที่จะไหลเวียนปราณบริสุทธิ์ของเจ้าให้ราบรื่น?”“ท่านผู้อาวุโสมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของข้าก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการบ่มเพากำลังภายในของข้านั้นบกพร่อง”“การที่เจ้าได้พบข้าก็ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว หากเจ้าเดินปราณบริสุทธิ์ตามแผนภาพนี้ ข้อบกพร่องในวรยุทธของเจ้าย่อมสามารถแก้ไขได้”หลังจากที่ชายในชุดคลุมสีดำพูดจบ เขาก็โยนบางอย่างให้ฉงชูโม่ฉงชูโม่มิได้หยิบมันขึ้นมาอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ถอยกลับไปสองก้าววัตถุนั้นตกลงไปตรงหน้านางด้วยเสียง “ตุ้บ” และเมื่อนางก้มหน้าลงมอง ก็เห็นว่ามันเป็นเศษเปลือกไม้!เปลือกไม้มีการวาดเส้นทางลมปราณของร่างกายด้วยถ่าน และมีการใช้ลูกศรทำเครื่องหมายไว้ด้วยฉงชูโม่มองแวบเดียวก็เห็นความซับซ้อนของเส้นทางการเดินลมปราณนี้นางระดมปร
ฉินซูส่ายหน้า “ข้ามองเห็นได้มิชัดเจน ชายคนนั้นเร็วเกินไป หลังจากที่เขาฟาดจนอีกฝ่ายกลายเป็นละอองเลือดแล้ว เขาก็บินหวือเข้าไปในป่า ข้าอยากจะวิ่ง แต่ขาของข้ามิเชื่อฟังข้าเลย”เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของฉินซู คิ้วของฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดเล็กน้อยแล้วจึงถามว่า “องค์รัชทายาท ในเมื่อท่านทรงทราบว่าอีกฝ่ายมุ่งหมายต่อสำนักอาทิตย์อัสดง เหตุใดท่านจึงตื่นตระหนกเล่า?"“เหลวไหล บุรุษผู้นั้นตบผู้อาวุโสทั้งสองคนของสำนักอาทิตย์อัสดงจนกลายเป็นละอองเลือด ข้าจะมิกลัวได้หรือ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉินซูแสร้งทำเป็นแปลกใจและถามว่า “นี่ เจ้าคิดว่าข้าเห็นผีหรือไม่? จะมีใครเก่งขนาดนั้นได้ แม้แต่เจ้าก็ยังทำมิได้ใช่หรือไม่เล่า?”ฉงชูโม่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็คงยากที่จะทำได้สำเร็จ ดูท่าทางผู้อาวุโสท่านนั้นจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดจริง ๆ มิแปลกใจเลยที่เขามองออกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการบ่มเพาะกำลังภายในของหม่อมฉัน และเขาก็แก้ไขปัญหาให้หม่อมฉันได้อย่างง่ายดาย”เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเคารพและความหลงใหล“อ๋อ? เจ้าหมายความว่า ย
“เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? ว่ากันตามหลักแล้วตอนนี้เป็นเวลามื้อเย็น แต่เมืองนี้กลับเงียบสงัด ข้าเกรงว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉงชูโม่ก็จริงจังขึ้นทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ควรรีบเข้าเมืองไปดูว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย ฟาดแส้ ควบม้าลงเขาไปทันทีเมื่อเข้าไปในเมือง สภาพแวดล้อมยังคงเงียบสงบ ราวกับสุสานยามเที่ยงคืน เงียบงันไปทั่ว บรรยากาศแฝงด้วยความลึกลับแม้แต่บ้านเรือนโดยรอบก็ยังมืดมิดฉงชูโม่กลั้นหายใจมองไปรอบ ๆ บ้านเรือน แล้วกระซิบว่า “องค์รัชทายาท บ้านเรือนเหล่านี้จริง ๆ แล้วมีคนอยู่ แต่พวกเขากำลังหลบอะไรบางอย่าง หรือว่า...ที่นี่มีผีจริง ๆ?”“เจ้าบอกว่ามิเชื่อเรื่องผีสางมิใช่รึ?”“แต่... นี่มันแปลกเกินไป เมืองใหญ่เพียงนี้ มีบ้านเรือนมากมาย ทว่าประตูทุกบานปิดหมด แม้แต่ไฟสักดวงก็มิจุด...”“ตรงนั้นมีโรงเตี๊ยมอยู่ ลองไปถามดูสิ”ฉินซูดึงสายบังเหียน และม้าก็เดินไปที่โรงเตี๊ยมอย่างเร่งรีบ“กุบกับ กุบกับ...”เสียงกีบม้าที่คมชัดดังก้องในความมืดเมื่อมาถึงประตูโรงเตี๊ยม ฉินซูก็เคาะประตูอย่างแรงแล้วตะโกนเรียก “เถ้าแก่ เปิดปร
“กรรรจ์!!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ทุกคนในโรงเตี๊ยมก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว รีบเอามือกุมหัววิ่งหนีกันอุตลุดฉงชูโม่ขมวดคิ้ว กำกริชเขี้ยวมังกรโดยมิรู้ตัว และจ้องมองที่ประตูโรงเตี๊ยมอย่างหวาดระแวงฉินซูมีสีหน้าประหลาด หันไปมองรอบ ๆ จากนั้นก็แสยะยิ้มเจ้าของโรงเตี๊ยมเร่งเร้าด้วยเสียงทุ้มต่ำสั่นเครือ “แม่นาง เป่าตะเกียงน้ำมันเร็ว มิเช่นนั้นเราทุกคนแย่แน่”ฉงชูโม่เพิกเฉยต่อเจ้าของโรงเตี๊ยมและมองออกไปนอกประตู ลังเลว่าจะออกไปดูดีหรือไม่ในขณะที่นางกำลังลังเล เสียงฝีเท้าด้านนอกก็ค่อย ๆ จางหายไปเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนี้ ทุกคนในโรงเตี๊ยมก็ถอนหายใจพรืดยาวด้วยความโล่งอกเส้นประสาทที่ตึงเครียดของฉงชูโม่ก็ผ่อนคลายลง นางแอบถอนหายใจยาวฉินซูเปิดประตูโรงเตี๊ยม และเตรียมจะออกไปเมื่อเห็นเช่นนี้ ฉงชูโม่ก็คว้าตัวเขาแล้วพูดว่า “องค์... อะแฮ่ม คุณชาย ท่านจะทำอะไร?”ฉินซูตอบคำถาม “เจ้าคิดว่าคนที่อยู่นอกประตูเมื่อครู่เป็นสัตว์ประหลาดจริงหรือ?”“เอ๋? มิใช่หรือ?”ฉงชูโม่สับสนเล็กน้อยเจ้าของโรงเตี๊ยมกล่าวอย่างเคร่งขรึม “คุณชาย นั่นเป็นเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดจริง ๆ ช่วงเวลานี้ของทุก
ราชวงศ์ต้าเหยียน ชานเมืองหลงเฉิง เขาต้าอวี่“ตายซะ!”เสียงคำรามดังกึกก้อง ดาบคมกริบที่มีแสงเย็นเฉียบแทงเข้าหาหัวใจของฉินซูเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า“คุ้มกันองค์รัชทายาท!”ราชองครักษ์หลายนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซูตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พลางชักดาบขึ้นสู้ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ฉินซูมีแววตาเลื่อนลอย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?‘‘เมื่อกี้ข้ายังอยู่กับเทพีสงครามผู้งดงามในห้องอยู่เลยมิใช่หรือ?’‘ไฉนจู่ ๆ ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?‘ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะแปลบ ความทรงจำที่มิใช่ของตัวเองไหลเข้ามาในสมองราวกับน้ำป่าไหลหลาก!ราชวงศ์ต้าเหยียน... รัชทายาท…‘(สะอึก!) นี่ข้าข้ามมิติมาแถมยังกลายเป็นองค์รัชทายาทของราชวงศ์ต้าเหยียนไปแล้วจริง ๆ หรือนี่!‘ฉินซูตื่นตัวอย่างรวดเร็ว มิคิดมิฝันว่าการข้ามมิติที่เคยอ่านในนิยายจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเองในขณะที่เขากำลังประหลาดใจ เหล่าราชองครักษ์ก็ถูกมือสังหารฟันลงไปกองกับพื้น(เสียงชักดาบออกมาพร้อมกัน)มือสังหารสวมหน้ากากเจ็ดหรือแปดคนถือดาบล้อมรอบเขาไว้หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างเย็นชา “ฉินซู ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมิยอมฆ่าตัวตายอีก รอหาอะไ
เห็นสระเลือดอยู่มิไกลเบื้องหน้า!ฉินเหยี่ยนพูดด้วยความมิเชื่อ “เลือดพวกนี้ หรือว่าเป็นของคนพี่สี่?”คนสนิทคนหนึ่งโบกมือแล้วสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”เหล่าบรรดาองครักษ์แยกย้าย!หลังจากนั้นมินานพวกเขาก็รีบวิ่งกลับ แต่ละคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชาย นอกจากที่นี่แล้วไม่มีร่องรอยเลือดที่อื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไอ้สารเลวฉินซูนั่นฆ่าตายหมดแล้ว?”“องค์ชาย พวกที่ท่านอ๋องซิ่นส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น องค์รัชทายาทมัวเมาในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกำลังพอที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้ กระหม่อมจึงมั่นใจว่า ต้องมียอดฝีมือคอยแอบช่วยเหลืออยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทย่อมมิอาจอยู่รอดปล่อยภัยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉินเหยี่ยนก็พยักหน้าช้า ๆ “ตัวข้าก็สงสัยอยู่ว่า เหตุใดฉินซูถึงกล้าฆ่าเฉินฉวิน ที่แท้เขาอาศัยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือในเงามืด เดิมทีข้าวางแผนที่จะรอให้คนของอ๋องซิ่นฆ่าฉินซูแล้วคอยจับมือสังหารเหล่านั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีหรือพ่ะย่ะค่ะ
ในพระตำหนักจินหลวนอันอันสง่างามและโอ่อ่าฉินอู๋ต้าว จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน สวมฉลองพระองค์ลายมังกร นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพระพักตร์ดูสง่างาม มิมีแววโกรธแต่ยังดูทรงอำนาจมิว่าจะเป็นขมับที่ขาวโพลน หรือรอยย่นสามเส้นบนหน้าผาก ล้วนแต่บอกเล่าถึงความเหนื่อยล้าจากการทรงงานราชการตลอดทั้งวันใต้บันไดหยก มีเก้าอี้ไม้หนานมู่เนื้อทองสองตัวอยู่ทางซ้ายและขวา มีชายชราสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล่านั้นคนทางซ้ายสวมชุดขุนนางสีม่วง และเข็มขัดสีทองลายดอกไม้เลื้อยรอบเอวแม้ว่าเขาจะอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้วแต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังและกระปรี้กระเปร่า!มิใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสแห่งสำนักขุนนางใหญ่!คนทางขวามีอายุเท่าเว่ยเจิงสวมชุดนักปราชญ์ บนคางมีหนวดเคราสีเทายาวประมาณสามนิ้ว ในมือถือเข็มทิศหยกขาวไว้เสื้อคลุมสีเทาของเขาปักลวดลายของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งเจ็ดดวง!แววตาของเขาดูลึกซึ้งและสงบ แต่การเคลื่อนไหวเฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งในใต้หล้าได้ในพริบตามิใช่ใครอื่นนอกจากเหลยเจิ้น หัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง!ชายสองคนนี้เป็นทั้งขุนนางที่มีอิทธิพลอย่างมากในราชวงศ์ต้าเหยียน และได้รับความไว้วา