Share

บทที่ 96

Aвтор: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินซูยิ้มอย่างสงบ แล้วพูดว่า “คนฉลาดย่อมเข้าใจสถานการณ์ เจ้าช่างเป็นคนฉลาดจริง ๆ อีกอย่างหากกล้าเปิดเผยพลังของข้า เจ้าคงจะรู้ถึงผลที่จะตามมา”

หัวใจของโอวหยางขุยเต้นรัว รีบบอกว่ามิกล้าทันที

ฉินซูหันหลังกลับอย่างสงบและเข้าไปในป่าจากอีกด้านหนึ่ง

มินานหลังจากที่เขาจากไป ทุกคนจากสำนักอาทิตย์อัสดงก็กลับมา

“ท่านเจ้าสำนัก เหตุใดท่านจึงได้รับบาดเจ็บ? อาการบาดเจ็บของท่านร้ายแรงหรือไม่?”

“ท่านเจ้าสำนัก เจ้าฉงชูโม่อยู่ที่ใด?”

ผู้อาวุโสทั้งสองถามอย่างกังวล

โอวหยางขุยโบกมือแล้วพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “ยกเลิกภารกิจ กลับกันเถอะ”

“หือ? กลับ... กลับหรือ?”

“ท่านเจ้าสำนัก จวนอ๋องจิ้น…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ โอวหยางขุยก็เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าบอกให้กลับ เจ้ามิเข้าใจรึ?”

หัวใจของผู้อาวุโสทั้งสองสั่นไหว มิกล้าแย้งอีกต่อไป

“ท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสเฟิงอยู่ที่ใดเล่า?”

“เขาตายแล้ว องค์รัชทายาท มียอดฝีมือมาช่วยเขาไว้!”

โอวหยางขุยพูดอย่างกระชับและตรงประเด็น จากนั้นก็ก้าวขึ้นม้าไปก่อนใคร

เขาเห็นกับตาตนเองว่าผู้อาวุโสฉีกลายเป็นละอองเลือดด้วยฝีมือฉินซู ส่วนผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสอีกคน ทั้งสองเข้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Заблокированная глава

Related chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 97

    “ความหมายโดยนัยของคำพูดของผู้อาวุโสคือ ข้ามิสามารถทะลวงไปสู่ระดับสวรรค์ได้หรือ?” ฉงชูโม่รู้สึกสงสัยเล็กน้อยชายในชุดคลุมสีดำพูดอย่างใจเย็น “การบ่มเพากำลังภายในของเจ้ามีปัญหาใหญ่ จุดลมปราณและเส้นลมปราณขัดหลายแห่งแย้งกัน เจ้ามิรู้สึกหรือว่า เวลาเจ้าต่อสู้กับผู้อื่น เป็นการยากนักที่จะไหลเวียนปราณบริสุทธิ์ของเจ้าให้ราบรื่น?”“ท่านผู้อาวุโสมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของข้าก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการบ่มเพากำลังภายในของข้านั้นบกพร่อง”“การที่เจ้าได้พบข้าก็ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว หากเจ้าเดินปราณบริสุทธิ์ตามแผนภาพนี้ ข้อบกพร่องในวรยุทธของเจ้าย่อมสามารถแก้ไขได้”หลังจากที่ชายในชุดคลุมสีดำพูดจบ เขาก็โยนบางอย่างให้ฉงชูโม่ฉงชูโม่มิได้หยิบมันขึ้นมาอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ถอยกลับไปสองก้าววัตถุนั้นตกลงไปตรงหน้านางด้วยเสียง “ตุ้บ” และเมื่อนางก้มหน้าลงมอง ก็เห็นว่ามันเป็นเศษเปลือกไม้!เปลือกไม้มีการวาดเส้นทางลมปราณของร่างกายด้วยถ่าน และมีการใช้ลูกศรทำเครื่องหมายไว้ด้วยฉงชูโม่มองแวบเดียวก็เห็นความซับซ้อนของเส้นทางการเดินลมปราณนี้นางระดมปร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 98

    ฉินซูส่ายหน้า “ข้ามองเห็นได้มิชัดเจน ชายคนนั้นเร็วเกินไป หลังจากที่เขาฟาดจนอีกฝ่ายกลายเป็นละอองเลือดแล้ว เขาก็บินหวือเข้าไปในป่า ข้าอยากจะวิ่ง แต่ขาของข้ามิเชื่อฟังข้าเลย”เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของฉินซู คิ้วของฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดเล็กน้อยแล้วจึงถามว่า “องค์รัชทายาท ในเมื่อท่านทรงทราบว่าอีกฝ่ายมุ่งหมายต่อสำนักอาทิตย์อัสดง เหตุใดท่านจึงตื่นตระหนกเล่า?"“เหลวไหล บุรุษผู้นั้นตบผู้อาวุโสทั้งสองคนของสำนักอาทิตย์อัสดงจนกลายเป็นละอองเลือด ข้าจะมิกลัวได้หรือ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉินซูแสร้งทำเป็นแปลกใจและถามว่า “นี่ เจ้าคิดว่าข้าเห็นผีหรือไม่? จะมีใครเก่งขนาดนั้นได้ แม้แต่เจ้าก็ยังทำมิได้ใช่หรือไม่เล่า?”ฉงชูโม่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็คงยากที่จะทำได้สำเร็จ ดูท่าทางผู้อาวุโสท่านนั้นจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดจริง ๆ มิแปลกใจเลยที่เขามองออกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการบ่มเพาะกำลังภายในของหม่อมฉัน และเขาก็แก้ไขปัญหาให้หม่อมฉันได้อย่างง่ายดาย”เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเคารพและความหลงใหล“อ๋อ? เจ้าหมายความว่า ย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 99

    “เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? ว่ากันตามหลักแล้วตอนนี้เป็นเวลามื้อเย็น แต่เมืองนี้กลับเงียบสงัด ข้าเกรงว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉงชูโม่ก็จริงจังขึ้นทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ควรรีบเข้าเมืองไปดูว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย ฟาดแส้ ควบม้าลงเขาไปทันทีเมื่อเข้าไปในเมือง สภาพแวดล้อมยังคงเงียบสงบ ราวกับสุสานยามเที่ยงคืน เงียบงันไปทั่ว บรรยากาศแฝงด้วยความลึกลับแม้แต่บ้านเรือนโดยรอบก็ยังมืดมิดฉงชูโม่กลั้นหายใจมองไปรอบ ๆ บ้านเรือน แล้วกระซิบว่า “องค์รัชทายาท บ้านเรือนเหล่านี้จริง ๆ แล้วมีคนอยู่ แต่พวกเขากำลังหลบอะไรบางอย่าง หรือว่า...ที่นี่มีผีจริง ๆ?”“เจ้าบอกว่ามิเชื่อเรื่องผีสางมิใช่รึ?”“แต่... นี่มันแปลกเกินไป เมืองใหญ่เพียงนี้ มีบ้านเรือนมากมาย ทว่าประตูทุกบานปิดหมด แม้แต่ไฟสักดวงก็มิจุด...”“ตรงนั้นมีโรงเตี๊ยมอยู่ ลองไปถามดูสิ”ฉินซูดึงสายบังเหียน และม้าก็เดินไปที่โรงเตี๊ยมอย่างเร่งรีบ“กุบกับ กุบกับ...”เสียงกีบม้าที่คมชัดดังก้องในความมืดเมื่อมาถึงประตูโรงเตี๊ยม ฉินซูก็เคาะประตูอย่างแรงแล้วตะโกนเรียก “เถ้าแก่ เปิดปร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 100

    “กรรรจ์!!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ทุกคนในโรงเตี๊ยมก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว รีบเอามือกุมหัววิ่งหนีกันอุตลุดฉงชูโม่ขมวดคิ้ว กำกริชเขี้ยวมังกรโดยมิรู้ตัว และจ้องมองที่ประตูโรงเตี๊ยมอย่างหวาดระแวงฉินซูมีสีหน้าประหลาด หันไปมองรอบ ๆ จากนั้นก็แสยะยิ้มเจ้าของโรงเตี๊ยมเร่งเร้าด้วยเสียงทุ้มต่ำสั่นเครือ “แม่นาง เป่าตะเกียงน้ำมันเร็ว มิเช่นนั้นเราทุกคนแย่แน่”ฉงชูโม่เพิกเฉยต่อเจ้าของโรงเตี๊ยมและมองออกไปนอกประตู ลังเลว่าจะออกไปดูดีหรือไม่ในขณะที่นางกำลังลังเล เสียงฝีเท้าด้านนอกก็ค่อย ๆ จางหายไปเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนี้ ทุกคนในโรงเตี๊ยมก็ถอนหายใจพรืดยาวด้วยความโล่งอกเส้นประสาทที่ตึงเครียดของฉงชูโม่ก็ผ่อนคลายลง นางแอบถอนหายใจยาวฉินซูเปิดประตูโรงเตี๊ยม และเตรียมจะออกไปเมื่อเห็นเช่นนี้ ฉงชูโม่ก็คว้าตัวเขาแล้วพูดว่า “องค์... อะแฮ่ม คุณชาย ท่านจะทำอะไร?”ฉินซูตอบคำถาม “เจ้าคิดว่าคนที่อยู่นอกประตูเมื่อครู่เป็นสัตว์ประหลาดจริงหรือ?”“เอ๋? มิใช่หรือ?”ฉงชูโม่สับสนเล็กน้อยเจ้าของโรงเตี๊ยมกล่าวอย่างเคร่งขรึม “คุณชาย นั่นเป็นเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดจริง ๆ ช่วงเวลานี้ของทุก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 101

    ในเวลานั้นเอง สัตว์ประหลาดขนแดงได้งัดกุญแจร้านค้าออก และเดินเข้าไปอย่างอุกอาจ มินานนัก สัตว์ประหลาดขนแดงนั้นก็ออกมาพร้อมกับกระสอบผ้าสีดำ เมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูก็หัวเราะเยาะ “เห็นหรือไม่ นี่มันตั้งใจมาปล้นชัด ๆ หากเป็นสัตว์ประหลาดกินเนื้อคนจริง ๆ ตอนนี้คงกินคนไปแล้ว” ฉงชูโม่พยักหน้าช้า ๆ แววตาของนางเปลี่ยนเป็นคมกริบ! นางจับกริชไว้แน่น แล้วพุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาดขนแดงอย่างรวดเร็ว สัตว์ประหลาดขนแดงได้ยินเสียงแหวกอากาศ มันจึงหันกลับไปมองโดยมิรู้ตัว เมื่อเห็นฉงชูโม่พุ่งเข้ามา เขาก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว!ฉงชูโม่สังเกตเห็นสายตาตื่นตระหนกของอีกฝ่าย ทำให้นางเชื่อมั่นในคำพูดของฉินซูมากขึ้นนางแค่นเสียงเย็นชา “หึ แสร้งทำเป็นผี นอนลงซะ!”เมื่อสิ้นเสียง กริชเขี้ยวมังกรในมือของนางฟาดฟันอย่างรุนแรง!ปราณแห่งกระบี่ที่รวดเร็วพุ่งออกมา!“ฟึบ!”ลูกธนูเลือดพุ่งออกมาจากน่องของสัตว์ประหลาดขนแดง และร่างของมันก็เตี้ยลงโดยมิรู้ตัวในเวลานี้ฉงชูโม่ได้เข้ามาใกล้แล้ว และเตะไปที่หน้าอกของมัน!สัตว์ประหลาดขนแดงถูกเตะกระเด็นไปหลายจั้งในทันที และสุดท้ายก็ล้มลงกับพื้นหินสีเขี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 102

    ฉินซูมือไขว้หลังเดินมาช้า ๆ เขาเหลือบมองชายวัยกลางคนและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถ้าข้าเดามิผิด เจ้าน่าจะเป็นคนจากที่ว่าการอำเภอ ใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉงชูโม่ก็มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าตกใจชายวัยกลางคนก็ตกใจมิแพ้กัน ความตื่นตระหนกวาบผ่านแววตาของเขา!เมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูก็ยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูก!”“เจ้าเป็นคนจากที่ว่าการอำเภอจริงหรือ?!”ฉงชูโม่ใช้กริชในมือจ่อที่คอของอีกฝ่ายอีกครั้งชายวัยกลางคนตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบพยักหน้าและพูดว่า “ใช่… ใช่แล้ว”“หากเป็นเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการอำเภอ ไฉนต้องปลอมตัวเป็นสัตว์ประหลาดเพื่อทำชั่วด้วย?” เสียงของฉงชูโม่เย็นชาขึ้นอีกเล็กน้อยชายวัยกลางคนมีสีหน้าขมขื่นและพูดว่า “นี่เป็นคำสั่งของท่านผู้ว่าการอำเภอ ข้ามิกล้าขัดขืน”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างนางหันหลังกลับและเปิดกระเป๋าผ้าสีดำที่ชายวัยกลางคนนำออกมาจากร้านค้าเมื่อเห็นว่าข้างในบรรจุผ้าไหมชั้นดี นางก็พูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าหน้าที่ชั่วคนนี้ กล้าละเมิดกฎหมาย ลุกขึ้น นำทางไป!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายวัยกลางคนถามด้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 103

    ในห้องโถงใหญ่ชายวัยกลางคนชื่อเหล่าไฉเห็นจูเจิ้งเสียนก็ร้องขอความช่วยเหลือทันที“ท่านผู้ว่าการอำเภอ ช่วยด้วย ช่วยข้าน้อยด้วย...”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉงชูโม่ก็เตะเข้าที่เข่าของเขา พร้อมกับสั่งอย่างเฉียบขาดว่า “คุกเข่าลง!”ร่างของเหล่าไฉทรุดลงและคุกเข่าลงกับพื้นจูเจิ้งเสียนมองไปที่ฉงชูโม่และฉินซู แล้วดุว่า “พวกเจ้าช่างกล้าจริง ๆ กล้าที่จะแตะต้องคนของที่ว่าการอำเภอของเรา นี่มันมิเคารพกฎหมายเลย จับพวกเขาทั้งสองคนเข้าคุกแล้วรอการพิจารณาคดีเสีย!”“ขอรับ!”พวกเจ้าหน้าที่ตอบรับ และกำลังจะลงมือใบหน้าสวยของฉงชูโม่พลันเย็นชา และตะโกนอย่างดุเดือดว่า “องค์รัชทายาทอยู่ที่นี่ ดูสิว่าใครกล้าบังอาจ!”เมื่อคำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงและแข็งค้างอยู่กับที่!มุมปากของฉินซูก็กระตุกสองสามครั้ง รู้สึกพูดมิออกจากนั้นเขาก็เริ่มบ่นในใจ‘เจ้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ แค่เปิดเผยตัวตนของเจ้า ผู้ว่าการอำเภอตัวเล็ก ๆ ผู้นี้ก็มิกล้าสร้างปัญหาให้เจ้าแล้ว ไยต้องเอาชื่อข้ามาอ้างด้วยเล่า?’จูเจิ้งเสียนมองฉินซูด้วยความประหลาดใจสองสามครั้ง รู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายมิได้ จากนั้นเขาก็ถามฉงชูโม่ว่า “เจ้า… เจ้าพู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 104

    จูเจิ้งเสียนอธิบายว่า “ที่สำนักขุนนางใหญ่รวบรวมเงินจำนวนมากจากทั่วทุกแห่ง ก็เพื่อเติมเต็มคลังหลวง และก็มิใช่ว่าทุกเมืองจะต้องส่งเงินมา ในปีนี้ดินแดนทางใต้ของเราประสบภัยน้ำท่วม ทางเหนือประสบภัยแล้ง มีเพียงเมืองสุยโจว เฉินหลิว และอีกมิกี่เมืองที่รอดพ้น ดังนั้น เงินที่จำเป็นสำหรับการบรรเทาทุกข์ส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับพวกเรา”“หากพูดเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าสำนักขุนนางใหญ่ปล้นคนรวยช่วยคนจนงั้นรึ?”“องค์รัชทายาทตรัสเช่นนี้ก็มิผิดพ่ะย่ะค่ะ หากมิได้รับพระบัญชาจากองค์จักรพรรดิ สำนักขุนนางใหญ่ก็คงมิกล้าเดินหมากเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูขมวดคิ้วมิพูดอะไรเขามิคิดเลยว่า การบรรเทาทุกข์จะทำให้เมืองหล่งเซียงนี้หวาดกลัวกันขนาดนี้ฉงชูโม่ถามขึ้นทันทีว่า “สำนักขุนนางใหญ่และทางจังหวัดอนุญาตให้พวกเจ้าปล้นสะดม แต่มิได้อนุญาตให้ฆ่าคนใช่หรือไม่?”“นี่… นี่…”จูเจิ้งเสียนพูดตะกุกตะกัก มิรู้จะตอบว่าอย่างไรฉินซูแค่นเสียงเย็นชา แล้วตวาดว่า “พวกเจ้าฆ่าคนไปเท่าไรแล้ว รีบสารภาพมาตามความจริงเสีย!”จูเจิ้งเสียนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “องค์รัชทายาท เรื่องนี้กระหม่อมมิทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ บางครั้งลูกน้องลงมืออาจจะมิรู้จักป

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status