Share

บทที่ 627

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เหล่าทหารม้าบนหลังม้ายังมิทันได้ตอบสนอง ก็ถูกธนูพิฆาตยิงตกจากหลังม้า มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดี

เมื่อไร้ซึ่งการสกัดกั้นจากอีกฝ่าย ฉงชูโม่และพวกก็บุกตะลุยราวกับเข้าสู่ดินแดนไร้ผู้คน ดุจพยัคฆ์ติดปีกโถมเข้าใส่ฝูงหมาป่า เพียงชั่วพริบตาเดียวก็บดขยี้กองทัพใหญ่หนานเยวี่ยจนแตกพ่ายยับเยิน ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

เหล่าแม่ทัพน้อยของเติ้งหม่างพยายามรวบรวมกำลังตั้งแนวสกัดกั้นหลายต่อหลายครั้ง

แต่ภายใต้การบดขยี้ของธนูทดกำลังระเบิดสายฟ้า การต่อต้านของพวกเขากลับดูอ่อนแรงและไร้พลังเสียเหลือเกิน

เมื่อได้ยินเสียงระเบิดและเสียงร้องโหยหวนที่ดังมาจากด้านหลัง เติ้งหม่างก็อดมิได้ที่จะหันหลังกลับไปมอง

เพียงเหลือบมองผาดเดียวสีหน้าของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ดวงตาฉายแววสับสนและสิ้นหวัง

“ท่านแม่ทัพใหญ่ กองทัพต้าเหยียนฮึกเหิมเกินต้านทาน พวกเรารีบฉวยโอกาสล่าถอยเถิดขอรับ มิเช่นนั้นจะสายเกินการ!”

เมื่อเห็นเติ้งหม่างยืนตะลึงงันอยู่ เหล่าคนสนิทข้างกายก็รีบรุดเข้ามาเตือนสติ

เมื่อได้ยินคำกล่าวเตือน เติ้งหม่างก็พลันได้สติคืนกลับมา

เขาสั่งการเสียงดังลั่น “จงกระจายคำสั่งไปยังทุกกองให้ทิ้งสัมภาระ แล้วแ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 628

    ฉินซูหรี่ดวงตาเล็กน้อย กล่าวว่า “การสังหารเติ้งหม่างในยามนี้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ แต่สิ่งที่ข้าต้องการมิใช่เพียงศีรษะของเขา มิใช่เพียงชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้”ฉงชูโม่สีหน้างุนงง ถามด้วยความสงสัย “แล้วพระองค์ยังต้องการสิ่งใดอีกเพคะ?”ฉินซูทอดสายตาอันสงบนิ่งไปยังทิศใต้ กล่าวถ้อยคำที่ทำให้คนต้องตะลึงงัน “สิ่งที่ข้าต้องการ คือแคว้นหนานเยวี่ยทั้งแคว้น!”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉงชูโม่ก็เต็มไปด้วยตะลึงงัน!นางถึงกับคิดว่าตนหูฝาดไป “องค์รัชทายาท พระองค์ตรัสว่ากระไรนะเพคะ? พระองค์ทรงหมายจะยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยหรือ?”“ไยเล่า เจ้าเห็นว่าเป็นไปมิได้รึ?”ฉงชูโม่กำลังจะเอ่ยปากยอมรับ แต่เมื่อนึกถึงอานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า นางก็รู้สึกว่านี่มิใช่เรื่องเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไปหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงกล่าวอย่างสุขุมว่า “ภูมิแคว้นหนานเยวี่ยเป็นภูเขาสูงป่าทึบ อีกทั้งด่านป้องกันสำคัญส่วนใหญ่ยังตั้งอยู่ในที่ที่มีปราการธรรมชาติ ซึ่งป้องกันง่ายแต่โจมตียาก แม้จะมีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า เกรงว่าก็คงจะตีฝ่าเข้าไปได้ยากอยู่ดี”“ความสำเร็จย่อมเกิดจากความมุ่งมั่น วันน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 629

    เมื่อสิ้นเสียงสั่งการ เสียงสายธนูดีดผึงก็ดังมาจากเนินเขาจากนั้น ลูกธนูที่ส่องสะท้อนแสงเย็นยะเยือกก็โปรยปรายลงมาราวกับห่าฝน“แย่แล้ว รีบกระจายกำลัง!”เติ้งหม่างตวาดเสียงลั่น รีบควบม้านำทัพล่าถอยไปด้านหนึ่งพร้อมกันนั้นก็มิลืมที่จะนำตัวหูก่วงเซิงไปด้วย เกรงว่าเขาจะถูกลูกหลงตายเสียก่อนเหล่าทหารหนานเยวี่ยที่เหลือรอดต่างตกใจขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อเติ้งหม่างออกคำสั่งพวกเขาก็แตกฮือราวกับมดแตกรัง กระจัดกระจายหลบหนีไปคนละทิศละทางเติ้งหม่างเองก็ถูกลูกธนูเหล่านั้นต้อนใจนมุมอยู่แถบเชิงผาในยามจนตรอกไร้ทางหนี เงาร่างหนึ่งก็พลันกระโจนลงมาจากฟากฟ้า!อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนของเขาไว้ ภายใต้สายตาตกตะลึงของเติ้งหม่าง ดีดตัวทะยานขึ้น อาศัยแรงส่งหลายครั้ง กระโดดขึ้นไปยังยอดผาสูงสิบจั้งได้สำเร็จเติ้งหม่างรวบรวมสติ ก่อนจะมองสำรวจรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายให้ชัดเจนเห็นเพียงบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยไฝฝ้า ใต้คางยังมีเคราแพะรุงรังคนผู้นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฉินซูที่แปลงโฉมมานั่นเอง!เติ้งหม่างรีบเอ่ยถาม “ท่านเป็นใคร ไยจึงช่วยข้าไว้?”“ข้ามีความแค้นฝึงลึกกับต้าเหยียน บังเอิญผ่านมาประ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 630

    หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดจากไปได้มินาน ทหารต้าเหยียนที่นอนกองอยู่บนพื้นด้านนอกป่าก็พากันลุกขึ้นยืนหนึ่งในนั้นพึมพำ “ใต้เท้าตงฟางให้พวกเราแสดงละครฉากนี้ด้วยกัน เพื่อการใดกันแน่?”“ถามมากไปไย ใต้เท้าตงฟางสั่งแล้วว่า นี่เป็นพระบัญชาขององค์รัชทายาท พวกเรามีหน้าที่เพียงแค่ทำตามก็พอ!”“นั่นสินะ ไปกันเถิดพวกเรา รีบไปรวมพลกับท่านแม่ทัพใหญ่ดีกว่า”จากนั้น พวกเขาทั้งหมดก็พากันไปจากที่แห่งนั้นผ่านไปเกือบชั่วยามฉินซูนำเติ้งหม่างและพวกทิ้งห่างกองทัพต้าเหยียนไปไกลลิบเมื่อเห็นว่าพ้นจากอันตรายแล้ว หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเติ้งหม่างก็พลันสงบลงในที่สุดเพียงแต่หลังจากเผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ สภาพของเขาก็ดูซึมเซาอิดโรย สีหน้าไร้ซึ่งแววโอ่อ่าผึ่งผายดังเดิมอีกต่อไปเมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ ฉินซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติในสงคราม ตราบใดที่ขุนเขายังเขียวขจี มิต้องกลัวว่าฟืนจะหมด”เมื่อได้ยินดังนั้น ประกายแสงเจิดจ้าก็พลันวาบผ่านดวงตาของเติ้งหม่าง ความขุ่นมัวในใจพลันมลายหายสิ้นในทันทีเขาก้มศีรษะคำนับฉินซูด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ “ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ชี้แนะ ม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 631

    “โอ้? ผู้ใดกันที่มีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้ ถึงกับทำร้ายท่านได้?”เติ้งหม่างสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “คู่ต่อสู้ของข้ามิใช่มนุษย์ หากแต่เป็นสัตว์ร้ายมหึมาแสนดุร้าย!”ฉินซูสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยถามต่อ “แถบนี้มีสัตว์ร้ายออกอาละวาดด้วยหรือ?”“มีสิ ทั้งยังมีอยู่มิใช่น้อยเลย สัตว์ร้ายเหล่านั้นแต่ละตัวล้วนมีรูปร่างใหญ่โต พละกำลังมหาศาล”เติ้งหม่างหัวเราะขมขื่น กล่าวต่อไปว่า “โดยปกติพวกเรามิก่อกวนพวกมันหรอก ก่อนหน้านี้สองสามวันมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งบุกรุกเข้ามาในค่ายกองทัพหนานเยวี่ย ทำร้ายทหารไปมิใช่น้อย ข้าจึงนำคนไปล้อมปราบ แต่คาดมิถึงว่านอกจากจะสังหารมันมิได้ ยังถูกมันทำร้ายเสียเอง”กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความขมขื่นฉินซูหรี่ดวงตาลง ครุ่นคิดในใจสัตว์ร้ายเหล่านั้น เกรงว่าจะเป็นทายาทของสัตว์วิญญาณในยุคบำเพ็ญเพียรในอดีต มิฉะนั้นรูปร่างของพวกมันจะใหญ่โตถึงเพียงนี้ได้อย่างไรในเวลานี้เอง ตงฟางไป๋ก็กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “หัวหน้าใหญ่ มีคนกำลังมาจากทางนั้นขอรับ!”ฉินซูมองตามทิศทางที่เขาชี้ไป เห็นเพียงกลุ่มคนจำนวนมากเดินออกมาจากซอกเขาเบื้องหน้าในหมู่พวกเขา มีคนจำนวนมิใช่น้อย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 632

    หูก่วงเซิงยังมิทันกล่าวจบประโยค ก็สังเกตเห็นสองพี่น้องตงฟางไป๋ จึงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงสองพี่น้องตงฟางไป๋ฝืนทำใจให้สงบ มิตอบโต้หูก่วงเซิงแต่อย่างใดเติ้งหม่างเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “หูก่วงเซิง เจ้ารู้จักผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้มีพระคุณของข้าด้วยรึ?”“ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้มีพระคุณของท่าน?”หูก่วงเซิงสีหน้างุนงง กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเติ้ง สองคนนั้นคือคนสนิทขององค์รัชทายาทที่รอวันปลดฉินซู ไฉนยามนี้กลับกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้มีพระคุณของท่านไปได้ ท่านแม่ทัพเติ้ง ท่านมิได้ถูกพวกมันหลอกลวงแล้วหรือขอรับ?”เติ้งหม่างสีหน้าตึงเครียด ตวาดเสียงดัง “บังอาจ หูก่วงเซิง เจ้ามันมีดีแต่ปาก ถึงคราวตายอยู่รอมร่อ ยังกล้ายุแหย่ให้พวกเราแตกคอกันอีก!”“ท่านแม่ทัพเติ้ง สิ่งที่ข้ากล่าวล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น อีกทั้งในตอนกลางวันก็เป็นพวกมันที่นำพลธนูมาคุ้มกันข้า ข้าถึงกล้านำทหารม้าบุกทะลวงทัพหลังของพวกท่าน หากท่านมิเชื่อ ก็ลองสอบถามจากผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านดูก็ได้”เมื่อเห็นท่าทางหนักแน่นของหูก่วงเซิง เติ้งหม่างก็อดมิได้ที่จะคลางแคลงใจเขามองไปยังฉินซู กำลังจะเอ่ยถามฉินซูกลับกล่าวแทรก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 633

    เติ้งหม่างชักดาบออกมา เตรียมเงื้อฟัน!หูก่วงเซิงตกใจจนแทบสิ้นสติ รีบกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเติ้ง ข้ากล่าวแต่ความจริงทั้งสิ้น จริงสิ สองคนนั้นน่าจะรู้เรื่องราวมากกว่าข้า เพราะธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าล้วนเป็นฝีมือการคิดค้นขององค์รัชทายาทที่รอวันปลดฉินซู!”เติ้งหม่างหันไปมองตงฟางไป๋ เอ่ยถามอย่างเกรงอกเกรงใจ “ท่านทั้งสอง สิ่งที่หูก่วงเซิงกล่าว เป็นความจริงหรือไม่?”ตงฟางไป๋พยักหน้า “เป็นความจริง!”“ข้ามิคาดคิดมาก่อนว่า องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดที่ร่ำลือกันว่าไร้ความสามารถจะสามารถคิดค้นอาวุธยุทโธปกรณ์ร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้!” เติ้งหม่างรำพึงรำพันแล้วถามต่อ “พวกท่านสองพี่น้อง ทราบถึงโครงสร้างของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าหรือไม่?”ตงฟางไป๋ยักไหล่ “เรื่องลับสุดยอดเช่นนั้น พวกเราจะล่วงรู้ได้อย่างไร”เติ้งหม่างถอนหายใจด้วยความผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องมองหูก่วงเซิงด้วยสายตาเย็นเยียบหูก่วงเซิงในใจพลันรู้สึกหนาวเยือก ความรู้สึกถึงลางร้ายพลันบังเกิด เขาเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “ท่าน… ท่านแม่ทัพเติ้ง ไยท่านจ้องมองข้าเช่นนี้เล่าขอรับ?”“หึ แม้ระเบิดสายฟ้าและธนูทดกำลังจะเป็นผลงานการคิดค้นของฉินซู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 634

    “หากเป็นจริงดังว่า เรื่องที่เจ้ากล่าวมาก็ย่อมมีหนทางเป็นไปได้ ทว่า… ข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร?”คำพูดของเติ้งหม่างบ่งบอกว่าใจของเขาเริ่มโอนเอียงไปแล้วท้ายที่สุดหากเป็นดังที่หูก่วงเซิงกล่าว มิเพียงแต่จะสามารถยึดครองเมืองเจียวโจวได้ หากแต่ถึงเวลานั้นยังอาจฉวยโอกาสที่ต้าเหยียนระส่ำระสาย บุกยึดครองเมืองต่าง ๆ ได้อีกหลายเมืองในคราวเดียวหากเป็นเช่นนั้น เติ้งหม่างผู้นี้ก็จะได้รับการจารึกชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ และจะได้รับการสรรเสริญจากอนุชนหนานเยวี่ยไปชั่วกาลนานหูก่วงเซิงกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าน้อยสามารถเขียนสาส์นฉบับหนึ่งให้คนนำไปส่งมอบแก่ท่านอ๋องฉู่ได้ จากนั้นค่อยเชิญพระองค์มาพบท่านแม่ทัพเพื่อหารือเป็นการส่วนตัว เช่นนี้แล้ว ท่านคงเชื่อใจข้าได้แล้วกระมัง?”“ดี ตกลงตามนั้น หากสำเร็จลุล่วง ข้ามิเพียงแต่จะปล่อยเจ้าไป หากแต่จะปูนบำเหน็จทองคำหมื่นตำลึงแก่เจ้า รับรองว่าชีวิตบั้นปลายของเจ้าจะสุขสบายไร้กังวล!” เติ้งหม่างโบกมืออย่างองอาจพร้อมด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขหูก่วงเซิงพยักหน้ารัว ๆ เขาหาได้ใส่ใจทองคำหมื่นตำลึงเหล่านั้นไม่ เพียงแต่หวังเพียงว่าจะช่วยเหลืออ๋องฉู่ในการช่วงชิงบัลลังก์ให้สำเร็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 635

    ชิวก่วนประสานมือรับคำ ก่อนจะเตรียมเดินออกไปสั่งการในเวลานี้เอง ทหารนายหนึ่งก็เดินเข้ามา ประสานมือกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านแม่ทัพใหญ่ ด้านนอกมีสตรีผู้หนึ่งมาขอพบ บอกว่ามีธุระสำคัญจะหารือกับท่านขอรับ”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วมุ่น แต่คล้ายกับนึกกระไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า “เชิญนางเข้ามาเถิด”ครู่หนึ่งต่อมา สตรีผู้หนึ่งรูปโฉมงดงามก็ถูกนำตัวเข้ามานางคือมู่หรงจื่อเยียน!ฉงชูโม่เหลือบมองนางผาดหนึ่ง ก่อนจะเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “ว่ามา มีธุระอันใดกับข้า?”“ก่อนที่องค์รัชทายาทจะออกจากเมือง พระองค์ฝากฝังให้ข้านำสาส์นฉบับนี้มามอบให้แก่ท่าน”มู่หรงจื่อเยียนกล่าวพลางหยิบสาส์นฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อและยื่นให้อีกฝ่ายฉงชูโม่คลี่สาส์นออกอ่าน เพียงชั่วครู่ นางก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง!เมื่ออ่านสาส์นจบ นางก็ร้อนรนใจราวกับมดในกระทะร้อน เมื่อเห็นดังนั้น ชิวก่วนก็รีบเอ่ยถาม “ท่านแม่ทัพใหญ่ องค์รัชทายาททรงมีพระราชสาส์นมาว่ากระไรหรือขอรับ?”“พระองค์...”ฉงชูโม่กำลังจะเอ่ยปาก ทว่าเมื่อนึกถึงความสำคัญของเรื่องนี้ นางจึงกล้ำกลืนคำกล่าวที่ริมฝีปากกลับลงไปนางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กล่าวว่า “องค์รัชทายา

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 701

    ในเวลานี้ แสงสีเลือดใต้รอยแตกของผนึกได้หายไปหมดจนแล้ว เหลือเพียงความมืดมิดจีอันลูบก้นพลางเดินเข้ามาเขาหยิบกระดาษยันต์สีเหลืองสองแผ่นออกมาจากอกเสื้อแล้วแปะลงบนรอยแตกของผนึกนั้นลงไปจากนั้นก็เดินไปข้าง ๆ ยกก้อนหินขนาดใหญ่กว่าวัวทั้งตัวขึ้นมาวางทับกระดาษยันต์ทั้งสองแผ่นนั้นไว้ฉินซูได้แต่มองตาค้าง ก้อนหินนั้นอย่างน้อยก็หนักสักตันสองตันกระมัง แต่จีอันกลับยกมันขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่าเขามองด้วยความสงสัยเต็มใบหน้าแล้วถามว่า “จีอัน ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับใด?”“ข้าน้อยมิรู้ อาจารย์มิได้บอกข้าน้อย”“มิจริงน่า? ระดับของตัวเจ้าเอง เจ้าจะมิรู้ได้อย่างไร?”จีอันพยักหน้าอย่างซื่อ ๆ แล้วถามกลับว่า “ปราณบริสุทธิ์ภายในของท่านเข้มข้นและประหลาดถึงเพียงนี้ พระองค์เล่าอยู่ระดับใด?”ฉินซูยักไหล่ “ข้าก็มิแน่ใจ”“หึ มิพูดก็ช่าง ท่านแข็งแกร่งเพียงนี้ อาจารย์คงแก่จนเลอะเลือนแล้ว ถึงให้ข้าน้อยลงใต้มาคุ้มครองท่าน”จีอันบ่นพึมพำแล้วย่อเข่าลง จากนั้นร่างก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดุจกระสุนปืนใหญ่ ชั่วพริบตาก็กระโจนขึ้นไปข้างบนฉินซูอดสงสัยมิได้ว่า เจ้านี่น่าจะเลือกเส้นทางสายฝึกกาย มิฉะนั้นจะหนังหนาถึงเพียงนี้ได้อย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 700

    ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของฉินซู ร่างของจีอันก็พุ่งลงไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเข้ากับพื้นหุบเหวลึกเบื้องล่าง'ปัง' เสียงดังสนั่น พื้นดินถูกกระแทกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่แต่จีอันกลับมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!พลันเห็นเขาปีนขึ้นมาจากหลุมแล้วตบ ๆ ปัดฝุ่นออกจากตัวอย่างมิยี่หระราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเห็นภาพนั้น ฉินซูยกย่องเขาอย่างสุดซึ้ง ถามด้วยความสงสัยว่า “ชูโม่ จีอันผู้นี้หนังหนาไปหน่อยกระมัง? เขาอยู่ระดับใดหรือ?”“หม่อมฉันก็มิแน่ใจ แต่ในบรรดาศิษย์ทั้งเจ็ดคนของหัวหน้าโหรหลวงเขาแข็งแกร่งที่สุดแล้วเพคะ”“เช่นนี้นี่เอง เจ้าอยู่ดูแลตู๋กูโฉ่วเยวี่ยที่นี่ไปนะ ข้าจะลงไปช่วยเขา”ฉินซูพูดจบก็กระโดดลงไปเช่นกันต่างจากจีอัน ฉินซูในยามนี้ราวกับขนนกเบาหวิวที่ลอยลงไปอย่างแผ่วเบาเมื่อมาถึงก้นหุบเหว เขาก็ตกใจเมื่อพบว่าพื้นของแท่นบูชานี้เต็มไปด้วยอักขระเวทสีแดงในยามนี้อักขระเวทเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีแดงเลือด ทั้งมีเสน่ห์แบบลึกลับและทั้งแปลกประหลาดจีอันมองฉินซูผาดหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านคอยอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา”พูดจบเขาก็สาวเท้าเข้าไปหาแสงโลหิตนั้นอย่างรวดเร็ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 699

    แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวที่แฝงอยู่ในนั้น แม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจนฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์ประหลาด เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มิควรอยู่ที่นี่แล้ว รีบไปกันก่อนเถิด”“มิได้ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยังอยู่ที่เขาหัวสิงห์ ที่นั่นต้องเกิดเรื่องกระไรขึ้นแน่ รีบไปดูกันเถิดเพคะ”ฉงชูโม่ยังมิทันจะพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปยังทิศทางของเขาหัวสิงห์แล้วเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็จำต้องตามไปด้วยเมื่อสังเกตว่าความเร็วของฉงชูโม่เร็วกว่าเดิมมาก ฉินซูก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “ชูโม่ มิได้เจอกันนาน พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”“หม่อมฉันกินโอสถลับของสำนักหอดูดาวหลวง โอสถลูกกลอนนั้นสามารถเพิ่มความคล่องแคล่วของกระบวนท่าได้เพคะ”“เช่นนี้นี่เอง!”ฉินซูจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจเงียบ ๆทั้งสองใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับภูตผี เพียงแค่ชั่วครู่ก็มาถึงตีนเขาหัวสิงห์เมื่อเงยหน้ามอง แสงสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายังคงแรงกล้ามิได้เจือจางลงแม้แต่น้อย ในความว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยเมฆดำและเสียงฟ้าร้องดังสนั่นเมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าพิศวงนี้ ฉินซูก็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 698

    ฉินซูกล่าวด้วยท่าทางจริงจังว่า “เฮ้อ เจ้าอย่าได้หึงหวงนักเลย เจ้าเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาทของข้านะ”“ถุย ใครเขาตอบตกลงเป็นพระชายาองค์รัชทายาทของท่านกัน อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”“ชูโม่อย่าล้อเล่นสิ ข้าพูดจริงนะ เจ้ายังมิเข้าใจความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอีกหรือ?”ฉงชูโม่หยุดเดิน พลันหันขวับกลับไปกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉินซู หากท่านมิอยากให้ฝ่าบาททรงระแวง ท่านก็ควรกลืนคำพูดเมื่อครู่นี้กลับลงท้องไปเสีย”ฉินซูขมวดคิ้ว “ข้าชอบเจ้า แล้วมันผิดด้วยหรือ?”เมื่อเห็นฉินซูแสดงความในใจ ฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกยินดีเล็กน้อย แต่ก็ยังคงส่ายหน้าพลางอธิบายอย่างอดทน“ผิดสิเพคะ ท่านลองไตร่ตรองดู ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท กลับคิดจะรับแม่ทัพขั้นหนึ่งมาเป็นพระชายาองค์รัชทายาท หากองค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์จะทรงรู้สึกอย่างไร? อย่าลืมว่าเรื่องวันชุนเฟินปีหน้ายังมิจบสิ้น ดังนั้นมิว่าจะมองอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพคะ”“แต่… แต่ข้าได้ยึดครองหนานเยวี่ยทั้งหมดมาเป็นของต้าเหยียน ด้วยความดีความชอบเช่นนี้ การรับเจ้ามาเป็นพระชายาองค์รัชทายาทก็มิ...”ยังมิทันที่ฉินซูจะพูดจบ เขาก็เข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 697

    เมื่อเห็นว่าศพแห้งทำกระไรฉินซูมิได้ เสียงขลุ่ยของเฉินซีก็เปลี่ยนทำนองกะทันหัน ศพแห้งเหล่านั้นหันหลังวิ่งหนีป่าราบทันที“ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้ากับศพแห้งเหล่านี้ ข้าจะเอาไปทั้งหมด!”เมื่อฉินซูพูดจบ ก็ตบฝ่ามือใส่เฉินซีรูม่านตาของเฉินซีหดเล็กลง ยังมิทันได้ลงมือก็ 'ฟู่' ถูกตบจนกลายเป็นหมอกเลือดในทันใดเมื่อเห็นเช่นนั้น ชายชุดดำก็ใจหายวาบ รีบวิ่งหนีสุดชีวิตโดยมิลังเลฉินซูหัวเราะเย็นชา จากนั้นก็โบกมือชายชุดดำวิ่งออกไปได้มิไกลนัก ร่างก็ชะงักกึก จากนั้นก็ถูกแรงดึงดูดลากให้ลอยกลับไปยังมิทันเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น คอของเขาก็ถูกฉินซูบีบเอาไว้เสียแล้ว“บัดนี้เพิ่งคิดจะหนี มิคิดว่าสายเกินไปหน่อยรึ?” ฉินซูมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยชายชุดดำตกใจจนหน้าซีดเผือด กล่าวด้วยความยากลำบากว่า “อย่า อย่าฆ่าข้าเลย....”“ใครส่งเจ้ามา?”“ประ… ประมุขแห่งยุทธภพหนานเยวี่ย”ฉินซูหัวเราะเย็นชา “สำเนียงหลงเฉิงของเจ้าชัดถ้อยชัดคำเช่นนี้ ใกล้ตายแล้วยังคิดจะหลอกข้าอีกรึ? ในเมื่อเจ้ามิรู้สำนึก ข้าก็จะให้เจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่าตายทั้งเป็น”เมื่อเขาพูดจบ ก็จิ้มไปที่จุดตันจงบนหน้าอกของชายชุดดำอย่างแรงเสี้ยวขณะต่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 696

    ชายชุดดำพยักหน้าขึงขัง “ข้าเห็นกับตาตัวเอง จะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร”เฉินซีกลับหัวเราะแล้วส่ายหน้า กล่าวอย่างมิเห็นด้วยว่า “ตบยอดฝีมือระดับสวรรค์ให้กลายเป็นหมอกเลือดด้วยฝ่ามือเดียว เป็นไปได้อย่างไร ข้าว่านี่เป็นเพียงกลอุบายพวกภาพมายาเท่านั้น”ชายชุดดำคิดดูแล้วก็เห็นด้วยเฉินซีมองฉินซูอย่างดูถูก “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด ยามนี้ข้างกายข้ามียอดฝีมือระดับสวรรค์เพิ่มมาอีกคน เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมิรีบยอมจำนนแต่โดยดีอีก รอกระไรอยู่เล่า?”“ใช่แล้ว ฉินซู เจ้าฆ่าตัวตายไปเสียยังดีเสียกว่า เช่นนั้นจะได้มิต้องทนทุกข์ทรมานมากนัก”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “พวกเจ้าสองคนพูดมากเกินไปแล้ว!”พูดจบ เขาก็หันกลับไปถามฉงชูโม่ว่า “จะเก็บไว้สอบปากคำหรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็ชะงักไปแต่แล้วก็ส่ายหน้าส่วนเฉินซีโกรธขึ้งจนแค่นหัวเราะออกมาแทน “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด เจ้านี่ช่างปากกล้าเหลือเกิน สงสัยจะอวดอ้างเกินจริงเสียแล้วกระมัง ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะให้เจ้าได้เห็นวิธีการอันน่าสะพรึงกลัวของสำนักจันทราโรหิตของข้า!”จากนั้นเขาก็หยิบขลุ่ยกระดูกออกมาจากอกเสื้อก่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 695

    เจ้าห้าเป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์อย่างแท้จริง แต่กลับถูกฉินซูตบจนมิเหลือซาก แสดงให้เห็นชัดเจนว่าวรยุทธ์ของฉินซูน่าสะพรึงกลัวเพียงใดในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์เช่นกัน เขาใช้วิชาตัวเบาหลบหนีอย่างสุดกำลัง ความเร็วยิ่งยวดจนน่าตกใจเช่นกันชั่วขณะหนึ่ง ฉินซูถึงกับตามมิทันได้ในทันทีแต่ยามนี้ฉินซูตั้งเป้าอีกฝ่ายไว้อย่างแน่วแน่ และไล่หลังตามติดไปอย่างมิยอมปล่อยหลังจากไล่ล่ากันไปได้ครึ่งชั่วยาม อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงบันดาลดังขึ้นว่า “สารเลว หากมีฝีมือก็อย่าหนี ข้าจะให้เจ้าได้เห็นฤทธิ์เดชของสำนักจันทราโรหิตของข้าเสียบ้าง!”“หากเจ้ามีฝีมือก็อย่าตามมาสิ!”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ฉินซูก็มิได้ไล่ตามชายชุดดำคนนั้นต่อไป แต่กลับพุ่งไปยังต้นทางของเสียงนั้นมินานนัก ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏแก่สายตาฉินซูกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ชูโม่ เกิดอันใดขึ้น?”“องค์รัชทายาท ไฉนท่านจึงมาอยู่ที่นี่?” ฉงชูโม่หยุดชะงักอย่างอดมิได้นางล่อเฉินซีลงมาจากเขาหัวสิงห์ได้สำเร็จ แต่กลับสลัดอีกฝ่ายมิหลุดมินึกเลยว่าเมื่อวิ่งมาถึงที่นี่ กลับมาเจอเข้ากับฉินซูเมื่อเห็นนางหยุด เฉินซีก็หัวเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 694

    ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็วยิ่งยวด ชายชุดดำคว้าลูกธนูที่ชิวก่วนยิงออกมาไว้ในมือได้แต่เขามองข้ามปัญหาที่ร้ายแรงไปอย่างหนึ่ง นั่นคือลูกธนูนั้นผูกติดอยู่กับระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่ยังมิทันสิ้นถ้อยคำดูแคลนของเขา ระเบิดสายฟ้าก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงร่างของเขากระเด็นออกไปทันทีพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น กระแทกลงพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปอย่างแรงแขนขวาและแก้มครึ่งซีกของเขาถูกระเบิดจนเนื้อตัวเหวอะหวะ อาภรณ์ขาดวิ่นทั้งตัว ดูน่าสังเวชอย่างยิ่งเมื่อเห็นภาพนั้น สหายของเขามีสีหน้าตกตะลึง รีบถามว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นกระไรหรือไม่?”“แค่ก ๆ ...ยังมิตาย บัดซบ ข้าประมาทไปหน่อย”ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าเจ้าห้าสบถแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น“เจ้าถ่วงเวลาเจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลดนั่นไว้ ข้าจะจัดการเจ้าสารเลวนั่นแล้วไปช่วยเจ้า!”เมื่อเจ้าห้าพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าใส่ชิวก่วนเมื่อเห็นเช่นนั้น ชิวก่วนก็หนังตากระตุกอย่างอดมิได้ รีบง้างธนูใส่ศรเตรียมยิงแต่ฉินซูกลับกล่าวว่า “อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือ หากมันตั้งรับ ลูกธนูของเจ้าก็ทำกระไรมันมิได้ จงหลบไปอยู่ห่าง ๆ”ขณะพูด ฉินซูก็กระโดดตัวลอยพุ่งเข้าหาเจ้าห้าทันทีเมื่อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status