แชร์

บทที่ 319

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในโถงใหญ่ด้วยสีหน้าหม่นหมอง

เช้าวันนี้ เขาเพิ่งได้ยินข่าวว่าฉินเซียวถูกถอดกวานอ๋องออกจากหัว

เมื่อทราบข่าวนี้ ใจของเขารู้สึกโล่งใจอย่างมาก

แต่จนอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้าแล้ว กลับยังไม่มีข่าวว่าฉินเซียวจะลูกลงโทษแต่อย่างใด

ทำให้ใจเขาเริ่มกระวนกระวายขึ้นมา

ในตอนนั้น ซุนฉีเข้ามาพอดี

ฉินเหยี่ยนถามทันทีโดยมิรอให้ซุนฉีทำความเคารพ “เป็นอย่างไรบ้าง มีข่าวจากในวังหรือไม่?”

ซุนฉีส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่มีข่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ ดูท่าวันนี้ฝ่าบาทคงมิทรงคิดจะลงโทษอ๋องหนิงแล้ว”

ได้ยินดังนั้น ฉินเหยี่ยนจึงทุบมือลงบนโต๊ะน้ำชา สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ

“ฉินเซียวเจ้าคนชั่วนั่นคบคิดกับเหล่าโจรชั่วชื่อกระฉ่อนยุทธภพ ถึงขนาดให้มาอาศัยในจวนของอ๋องหนิง ถูกจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ แต่เสด็จพ่อกลับยังเข้าข้างฉินเซียวอีก นี่ทำให้ข้าโกรธนัก!”

พูดจบ เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะแล้วปาทิ้งลงพื้นอย่างแรง

เสียง "เพล้ง" ดังขึ้น ถ้วยชาถูกทุบจนแตกละเอียด

ซุนฉีรีบปลอบใจว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ ฝ่าบาทอาจจะยุ่งมากจนไม่มีเวลาจัดการอ๋องหนิงก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”

“หึ วันนี้มิได้มีราชกิจ เสด็จพ่อจะยุ่งเรื่องอันใดกัน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 320

    เซียวเหอตอบว่า "กราบทูลฝ่าบาท ขณะนี้พวกเขายังคงรออยู่หน้ากรมสอบสวน สถานการณ์ของราษฎรอยู่ในสภาวะวิกฤตแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หวังฉือจึงกราบทูลว่า "ฝ่าบาท กรณีของอ๋องหนิง หลักฐานแน่นหนา หากพระองค์มิทรงจัดการอย่างยุติธรรม เกรงว่ากฎหมายของบ้านเมืองก็จะกลายเป็นที่ขบขำของใต้หล้า ขอฝ่าบาทโปรดทรงนึกถึงภาพรวมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"เนี่ยหงก็กล่าวเสริมว่า "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ขณะนี้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต หากปล่อยให้เงียบหาย กฎหมายบ้านเมืองจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของราษฎร ขอฝ่าบาทโปรดทรงนึกถึงภาพรวมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเห็นว่าทั้งหัวหน้าศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายได้ออกปากแล้ว ฉินหยางก็เหลือบมองหยางลี่อย่างเงียบ ๆหยางลี่เข้าใจในทันที ก้าวขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาท คำพูดของใต้เท้าหวังและใต้เท้าเนี่ยมิใช่เรื่องเกินจริง อ๋องหนิงสมคบคิดกับโจรชั่วจากยุทธภพลักพาตัวเหล่าสตรี หากมิลงโทษอย่างเหมาะสม เกียรติยศของราชสำนักย่อมเสื่อมเสีย และหากมีผู้มิหวังดีนำไปใช้เป็นประโยชน์ อาจเกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรง ข้าน้อยขอร้องฝ่าบาททรงพิจารณาดำเนินการอย่างเหมาะสม"เหล่าขุนนางที่เหลือต่างก็ร่วมสนับสนุนด้วยเช่นกันฉินอู๋ต้าวท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 321

    ฉงชูโม่ส่ายหน้าพลางกล่าว “เป็นไปมิได้ พระองค์ตรัสประกาศพระราชโองการต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนัก หากภายหลังคืนตำแหน่งให้แก่อ๋องหนิงจริง ๆ นั่นก็มิต่างจากการตบหน้าตัวเองแล้ว”“เช่นนั้นก็คอยดูไปเถิด หวังว่าจะเป็นเพียงความวิตกไปเองของข้าเท่านั้น”ฉินซูมิโต้เถียงกับฉงชูโม่อีก เขาหันหลังแล้วเดินออกไปทันทีในขณะเดียวกัน ภายในวังหลังฉินอู๋ต้าวเพิ่งกลับถึงพระที่นั่งหย่างซิน เฉาฉุนได้เข้ามากราบทูลด้วยน้ำเสียงเคารพว่า “ฝ่าบาท เสียนเฟย[footnoteRef:0]มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” [0: เสียนเฟย หนึ่งในสี่ตำแหน่งพระชายา เรียงลำดับตามความสูงต่ำดังนี้ กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟยและเสียนเฟย] ฉินอู๋ต้าวตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “นางมาคราวนี้ คงมิพ้นจะขอความเมตตาให้แก่กั๋วกง ไล่นางกลับไปเสีย วันนี้ข้ามิอยากพบใครทั้งนั้น”เฉาฉุนกระซิบบอกเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท ที่จริงวันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของเสียนเฟยพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียเลย วันคล้ายวันประสูติของเสียนเฟยเป็นวันก่อนหน้าวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮาหนึ่งวัน ของกำนัลส่งไปถึงแล้วหรือไม่?”“ส่งไปเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช้านี้บ่าวให้ราชสำนักฝ่ายใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 322

    สีหน้าของฉินอู๋ต้าวเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันใด เขาจับมือทั้งสองข้างของเสียนเฟยไว้อย่างกะทันหันเสียนเฟยสะดุ้งเล็กน้อย พลันเงยหน้าขึ้นมองฉินอู๋ต้าวโดยมิรู้ตัวเมื่อเห็นแววตาอำมหิตบนใบหน้าของฉินอู๋ต้าว เสียนเฟยถึงกับหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว และคุกเข่าลงกับพื้นอย่างตื่นตระหนกในทันใด“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย หม่อมฉัน… หม่อมฉัน...”นางหวาดกลัวมากจนพูดติด ๆ ขัด ๆฉินอู๋ต้าวมองนางแวบหนึ่ง แววอำมหิตบนใบหน้าก็จางหายไป จากนั้นก็เผยยิ้มอย่างอ่อนโยน และพูดปลอบโยนว่า “ชายาที่รัก อย่าตื่นตกใจไปเลย ข้าเพียงแค่คิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาเท่านั้น ลุกขึ้นเถิด”เสียนเฟยแอบมองฉินอู๋ต้าวอย่างขลาดกลัว นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างตัวสั่นเทานางยืนปล่อยแขนแนบลำตัว ท่าทางเหมือนอยากพูดแต่มิกล้าฉินอู๋ต้าวโบกมือ “เจ้ากลับไปที่ตำหนักอวี้จ้าวก่อนเถิด ข้ายังมีราชกิจที่ต้องจัดการ”“เพคะ หม่อมฉันขอทูลลา”เสียนเฟยโค้งคำนับแล้วหันหลังเดินออกไปฉินอู๋ต้าวหยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาซับมือ เผยสีหน้าทั้งชังทั้งรังเกียจ……ภายในจวนฟู่กั๋วกงฉินเซียวกำลังนั่งอยู่ในศาลาในสวนหลังบ้าน จ้องมองดวงอาทิตย์ใกล้ลับข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 323

    เสียนเฟยขมวดคิ้วแน่นขึ้น พึมพำอย่างสงสัยว่า “แปลกนัก หากไม่มียอดฝีมือคอยชี้แนะ ฉินซูจะมีความสามารถอะไร จะทำให้เจ้ากับฉินเหยี่ยนต้องลำบากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร หรือว่าจู่ ๆ เขา ก็เกิดฉลาดขึ้นมา?”“หมู่เฟยให้ค่าเขามากเกินไปแล้ว เขาก็แค่คนไร้ค่าที่เอาแต่มัวเมาในสุรานารี หากจะฉลาดก็น่าจะฉลาดนานแล้ว จะมารอถึงตอนนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง ถึงเขาฉลาดจริงเขาก็มิน่ามีความกล้าพอที่จะท้าทายเสด็จพ่อเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ก็จริง หากเป็นดังที่เจ้าว่า รัชทายาทไร้ค่าอาจมีความลับอะไรซ่อนไว้! หากพวกเราสามารถขุดคุ้ยความลับนั้นออกมาได้ บางทีอาจจะทำให้เขาถูกปลดก่อนเวลาก็ได้”ฉินเซียวถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง “น่าเสียดายที่ตอนนี้ลูกถูกลดขั้นเป็นฝู่กั๋วกง จนแม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้าวังไปถวายบังคมเสด็จพ่อก็ไม่มีแล้ว”เสียนเฟยเห็นฉินเซียวสีหน้าหม่นหมองจึงปลอบว่า “เซียวเอ๋อร์ อย่าท้อใจไป ข้าคิดหาวิธีไว้แล้ว ขอแค่สำเร็จ สถานะอ๋องของเจ้าจะฟื้นคืนได้ในเร็ว ๆ นี้”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเซียวก็มีสีหน้ามีชีวิตชีวาขึ้น และรีบถามว่า “หมู่เฟย ท่านพูดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“จริงแท้แน่นอน ก่อนจะมาที่นี่ข้าได้ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทมาแล้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 324

    ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้น และโค้งกายคำนับเล็กน้อย “หลานขอคารวะเสด็จย่า”เหล่าองค์ชายรวมทั้งฉินซูคุกเข่าพร้อมกัน เอ่ยเป็นเสียงเดียวว่า “พวกเราขอคารวะเสด็จทวด!”“เหล่าข้าน้อยขอถวายพระพร ขอให้ไทฮองไทเฮาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้น!”ขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋นเบื้องล่างแท่นสูงต่างก้มคำนับถวายบังคมไทฮองไทเฮาหัวเราะอย่างร่าเริงพลางโบกมือ “ลุกขึ้นกันเถิด ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว”“ขอบพระทัยไทฮองไทเฮา”หลังจากทุกคนลุกขึ้นแล้ว ไทฮองไทเฮาก็มองไปที่องค์ชายทั้งหลายด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปถามฉินอู๋ต้าวว่า “อู๋ต้าว ไฉนมิเห็นเซียวเอ๋อร์? เหลนผู้แสนดีของข้าหายไปไหน เหตุใดวันนี้ถึงมิมาอวยพรย่าทวดเล่า?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนใจ โดยมิตอบคำถามเหล่าขุนนางก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป“เฮ้อ ไฉนเจ้าต้องถอนหายใจ ข้าถามเจ้าอยู่ เหลนรักของข้าไปไหนแล้ว?”เสียนเฟยเดินเข้ามา พลางกล่าวอย่างน่าสงสาร “เสด็จย่าเพคะ เซียวเอ๋อร์กระทำความผิดจึงถูกลดขั้นเป็นฝู่กั๋วกง ตามระเบียบแล้วฝู่กั๋วกงไม่มีสิทธิ์เข้าวังมาอวยพรเสด็จย่าได้เพคะ”ไทฮองไทเฮาตกใจ “เซียวเอ๋อร์กระทำความผ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 325

    “เหลวไหล การอภัยโทษทั้งแผ่นดินสอดคล้องกับพระประสงค์ของสวรรค์ เป็นการปลอบขวัญราษฎรเป็นทางธรรมอันถูกอันควร จะปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาขวางได้อย่างไร หากเจ้าโวยวายอีก ข้าจะไล่เจ้าออกไปเสีย” เมื่อถูกฉินอู๋ต้าวตำหนิเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นและถอยกลับไปอย่างขุ่นเคืองภายใต้การส่งสัญญาณของฉินอู๋ต้าว เฉาฉุนจึงประกาศเสียงดัง “ประกาศให้อ๋องหนิง ฉินเซียว เข้าวังเพื่อถวายพระพรไทฮองไทเฮา!”มินานนัก ฉินเซียวที่รออยู่หน้าประตูวังก็เดินเข้ามาอย่างสูงส่งสง่าภาคภูมิเขาสวมเสื้อคลุมลายงู สวมกวานประดับทองและหยก พูดได้ว่าทั้งหล่อเหลาสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งเมื่อมาถึงเบื้องล่างแท่นสูง เขาก็คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม เอ่ยเสียงดัง “ลูกขอถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นเขาหันไปทางไทฮองไทเฮา “เซียวเอ๋อร์ขอคารวะเสด็จทวด ขอเสด็จทวดทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพ่ะย่ะค่ะ”ไทฮองไทเฮาเผยสีหน้าชื่นบาน โบกมือเรียกฉินเซียว “มาเถิด เซียวเอ๋อร์ มาหาย่าทวดสิ”ฉินเซียวโค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปบนแท่นสูงท่ามกลางสายตาของทุกคนระหว่างทางเขายังจงใจหันหลังกลับไปมองให้ฉินซูมองตนอีกต่างหากมิว่าจะเป็นรอยยิ้มท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 326

    ทันทีที่ฉินอู๋ต้าวพูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากฝูงชน“เสด็จพ่อ ลูกขอทำการประลองรอบแรกนี้เองพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากสิ้นคำพูด ฉินหยางก็เดินออกมาฉินอู๋ต้าวพยักหน้าช้า ๆ เป็นการอนุญาตขณะนั้น ขุนนางต้าเหยียนเริ่มกระซิบกระซาบกัน“อ๋องซิ่นทรงออกโรงเองเช่นนี้ ไว้ใจได้แน่นอน”“ใช่แล้ว ท่านอ๋องซิ่นทรงเคยเล่าเรียนกับท่านผู้อาวุโสจางจาว ในบรรดาองค์ชาย ความสามารถด้านวรรณกรรมของท่านอ๋องซิ่นโดดเด่นเป็นอย่างมาก”“ถูกต้อง น่าขันที่มู่หรงฟู่กล้าท้าทายวงการวรรณกรรมแห่งต้าเหยียนของพวกเรา ครานี้ท่านอ๋องซิ่นจะต้องทำให้วงการวรรณกรรมต้าเหยียนของเรารุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอย่างแน่นอน”“ท่านอ๋องซิ่นผู้เกรียงไกร!”“...”เมื่อได้ยินคำสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น ฉินหยางก็ไพล่มือไว้ข้างหลังพลางมองมู่หรงฟู่ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง“องค์ชายมู่หรง ท่านอยากแข่งโต้กวีหรือต่อโคลงคู่เล่า?”มู่หรงฟู่ยิ้มหยันและพูดว่า “อะไรก็ได้ มิว่าจะเป็นอะไร ข้าก็รับมือได้ทั้งนั้น”“ได้ เช่นนั้น ท่านก็ฟังให้ดี”ฉินหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “แด่วันผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึง เช่นนั้นก็แต่งกวีหนึ่งบทโดยใช้หัวข้อวันผู้สูงอายุ!”เขาห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 327

    ทว่าอีกฝ่ายกลับมีท่าทีนิ่งเฉยและพูดเสียงเรียบ!“หยาดน้ำฟ้ายามสารทล่วงสู่พงพนา ผืนธาราประกายแสงแวววับ เบญจมาศลาลับกลับใจสลาย ครั้นชีวายังมิวายจงสุขสำราญ ฉลองเทศกาลหวนถึงครั้งเยาว์วัย”หลังจากที่มู่หรงฟู่พูดจบ สถานที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงัดฉินซูขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาจำได้แม่นว่ากวีบทนี้ถูกประพันธ์โดยลู่โหยวแห่งราชวงศ์ซ่ง แต่มันออกมาจากปากของมู่หรงฟู่ในอีกโลกหนึ่งได้อย่างไร?ตอนนี้เขานึกสงสัยแม้กระทั่งว่า หากตนคัดลอกบทกวีของราชวงศ์ถังและซ่ง มันคงจะกลายเป็นผลงานของยอดนักกวีผู้มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้หากเป็นเช่นนั้น ความได้เปรียบด้านบทกวีในฐานะนักเดินทางทะลุมิติก็จะหมดไปน่ะสิเมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินซูก็ลูบคางพลางคิดแผนรับมืออยู่ในใจขณะนั้น ฉินอู๋ต้าวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรก็มีท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคาดคิดว่ามู่หรงฟู่จะแต่งบทกวีได้เร็วถึงเพียงนี้ รวมถึงตัวเขาด้วยยิ่งไปกว่านั้น บทกวีนี้เป็นการใช้โคลงเจ็ดคำ ซึ่งมีความยากกว่าบทกวีของฉินหยางอย่างมาก เมื่อเห็นว่าบรรดาขุนนางเอาแต่เงียบเป็นเป่าสาก มู่หรงฟู่ก็ประสานหมัดคารวะให้ฉินหยางอย่างภาคภูมิใจ“อ๋องซ

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status