แชร์

บทที่ 318

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ในตอนนี้ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ฟื้นตัวกลับมาแล้ว แรงกำลังของนางก็กลับมาได้มาก

นางเดินมายังข้างกายฉินซู ยื่นมือออกมาแล้วกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เดรัจฉานวิชาเช่นนี้ มอบให้อาจารย์ของหม่อมฉันจัดการเถิด”

“ในเมื่อมันเป็นเดรัจฉานวิชา ก็ทำลายไปเสียเถอะ จะเก็บไว้หาปะไร”

ฉินซูกล่าวจบก็ฉีกตำราลับเล่มนั้นทิ้งทันที

เมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้กล่าวอะไร

ฉงชูโม่จึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อกู้ตงเฟิงมิอยู่ที่นี่ พวกเราก็ลงไปจากภูเขากันเถิด”

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย หันไปถามกู้เสวี่ยเจี้ยนว่า “เจ้าเดินเองได้หรือไม่?”

“หม่อมฉันก็แค่บาดเจ็บที่หัวไหล่เท่านั้น มิใช่เจ็บที่ขาหรือเท้า แน่นอนว่าย่อมเดินเองได้”

“เช่นนั้นก็ไปกันได้แล้ว ชูโม่ เจ้าช่วยดูแลนางด้วย”

ฉินซูกล่าวจบก็เดินไปที่ปากถ้ำ

เมื่อใกล้ถึงปากถ้ำ ฉินซูสังเกตเห็นว่าที่มุมหนึ่งมีปากถ้ำเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่ง

เขาเดินเข้าไปดูให้เต็มสองตา พบว่าภายในถ้ำนั้นมืดมิดมาก

ฉงชูโม่เดินตามมา แล้วนำพับไฟออกมา

พวกเขาจึงเห็นว่าในถ้ำนี้มีหลุมขนาดกลางอยู่หลุมหนึ่ง

ในหลุมนั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูก

ฉินซูนับคร่าว ๆ พบว่ามีโครงกระดูกอยู่มิต่ำกว่า
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 319

    ฉินเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในโถงใหญ่ด้วยสีหน้าหม่นหมองเช้าวันนี้ เขาเพิ่งได้ยินข่าวว่าฉินเซียวถูกถอดกวานอ๋องออกจากหัวเมื่อทราบข่าวนี้ ใจของเขารู้สึกโล่งใจอย่างมากแต่จนอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้าแล้ว กลับยังไม่มีข่าวว่าฉินเซียวจะลูกลงโทษแต่อย่างใดทำให้ใจเขาเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาในตอนนั้น ซุนฉีเข้ามาพอดีฉินเหยี่ยนถามทันทีโดยมิรอให้ซุนฉีทำความเคารพ “เป็นอย่างไรบ้าง มีข่าวจากในวังหรือไม่?”ซุนฉีส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่มีข่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ ดูท่าวันนี้ฝ่าบาทคงมิทรงคิดจะลงโทษอ๋องหนิงแล้ว”ได้ยินดังนั้น ฉินเหยี่ยนจึงทุบมือลงบนโต๊ะน้ำชา สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ“ฉินเซียวเจ้าคนชั่วนั่นคบคิดกับเหล่าโจรชั่วชื่อกระฉ่อนยุทธภพ ถึงขนาดให้มาอาศัยในจวนของอ๋องหนิง ถูกจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ แต่เสด็จพ่อกลับยังเข้าข้างฉินเซียวอีก นี่ทำให้ข้าโกรธนัก!”พูดจบ เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะแล้วปาทิ้งลงพื้นอย่างแรงเสียง "เพล้ง" ดังขึ้น ถ้วยชาถูกทุบจนแตกละเอียดซุนฉีรีบปลอบใจว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ ฝ่าบาทอาจจะยุ่งมากจนไม่มีเวลาจัดการอ๋องหนิงก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”“หึ วันนี้มิได้มีราชกิจ เสด็จพ่อจะยุ่งเรื่องอันใดกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 320

    เซียวเหอตอบว่า "กราบทูลฝ่าบาท ขณะนี้พวกเขายังคงรออยู่หน้ากรมสอบสวน สถานการณ์ของราษฎรอยู่ในสภาวะวิกฤตแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หวังฉือจึงกราบทูลว่า "ฝ่าบาท กรณีของอ๋องหนิง หลักฐานแน่นหนา หากพระองค์มิทรงจัดการอย่างยุติธรรม เกรงว่ากฎหมายของบ้านเมืองก็จะกลายเป็นที่ขบขำของใต้หล้า ขอฝ่าบาทโปรดทรงนึกถึงภาพรวมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"เนี่ยหงก็กล่าวเสริมว่า "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ขณะนี้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต หากปล่อยให้เงียบหาย กฎหมายบ้านเมืองจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของราษฎร ขอฝ่าบาทโปรดทรงนึกถึงภาพรวมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเห็นว่าทั้งหัวหน้าศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายได้ออกปากแล้ว ฉินหยางก็เหลือบมองหยางลี่อย่างเงียบ ๆหยางลี่เข้าใจในทันที ก้าวขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาท คำพูดของใต้เท้าหวังและใต้เท้าเนี่ยมิใช่เรื่องเกินจริง อ๋องหนิงสมคบคิดกับโจรชั่วจากยุทธภพลักพาตัวเหล่าสตรี หากมิลงโทษอย่างเหมาะสม เกียรติยศของราชสำนักย่อมเสื่อมเสีย และหากมีผู้มิหวังดีนำไปใช้เป็นประโยชน์ อาจเกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรง ข้าน้อยขอร้องฝ่าบาททรงพิจารณาดำเนินการอย่างเหมาะสม"เหล่าขุนนางที่เหลือต่างก็ร่วมสนับสนุนด้วยเช่นกันฉินอู๋ต้าวท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 321

    ฉงชูโม่ส่ายหน้าพลางกล่าว “เป็นไปมิได้ พระองค์ตรัสประกาศพระราชโองการต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนัก หากภายหลังคืนตำแหน่งให้แก่อ๋องหนิงจริง ๆ นั่นก็มิต่างจากการตบหน้าตัวเองแล้ว”“เช่นนั้นก็คอยดูไปเถิด หวังว่าจะเป็นเพียงความวิตกไปเองของข้าเท่านั้น”ฉินซูมิโต้เถียงกับฉงชูโม่อีก เขาหันหลังแล้วเดินออกไปทันทีในขณะเดียวกัน ภายในวังหลังฉินอู๋ต้าวเพิ่งกลับถึงพระที่นั่งหย่างซิน เฉาฉุนได้เข้ามากราบทูลด้วยน้ำเสียงเคารพว่า “ฝ่าบาท เสียนเฟย[footnoteRef:0]มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” [0: เสียนเฟย หนึ่งในสี่ตำแหน่งพระชายา เรียงลำดับตามความสูงต่ำดังนี้ กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟยและเสียนเฟย] ฉินอู๋ต้าวตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “นางมาคราวนี้ คงมิพ้นจะขอความเมตตาให้แก่กั๋วกง ไล่นางกลับไปเสีย วันนี้ข้ามิอยากพบใครทั้งนั้น”เฉาฉุนกระซิบบอกเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท ที่จริงวันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของเสียนเฟยพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียเลย วันคล้ายวันประสูติของเสียนเฟยเป็นวันก่อนหน้าวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮาหนึ่งวัน ของกำนัลส่งไปถึงแล้วหรือไม่?”“ส่งไปเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช้านี้บ่าวให้ราชสำนักฝ่ายใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 322

    สีหน้าของฉินอู๋ต้าวเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันใด เขาจับมือทั้งสองข้างของเสียนเฟยไว้อย่างกะทันหันเสียนเฟยสะดุ้งเล็กน้อย พลันเงยหน้าขึ้นมองฉินอู๋ต้าวโดยมิรู้ตัวเมื่อเห็นแววตาอำมหิตบนใบหน้าของฉินอู๋ต้าว เสียนเฟยถึงกับหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว และคุกเข่าลงกับพื้นอย่างตื่นตระหนกในทันใด“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย หม่อมฉัน… หม่อมฉัน...”นางหวาดกลัวมากจนพูดติด ๆ ขัด ๆฉินอู๋ต้าวมองนางแวบหนึ่ง แววอำมหิตบนใบหน้าก็จางหายไป จากนั้นก็เผยยิ้มอย่างอ่อนโยน และพูดปลอบโยนว่า “ชายาที่รัก อย่าตื่นตกใจไปเลย ข้าเพียงแค่คิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาเท่านั้น ลุกขึ้นเถิด”เสียนเฟยแอบมองฉินอู๋ต้าวอย่างขลาดกลัว นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างตัวสั่นเทานางยืนปล่อยแขนแนบลำตัว ท่าทางเหมือนอยากพูดแต่มิกล้าฉินอู๋ต้าวโบกมือ “เจ้ากลับไปที่ตำหนักอวี้จ้าวก่อนเถิด ข้ายังมีราชกิจที่ต้องจัดการ”“เพคะ หม่อมฉันขอทูลลา”เสียนเฟยโค้งคำนับแล้วหันหลังเดินออกไปฉินอู๋ต้าวหยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาซับมือ เผยสีหน้าทั้งชังทั้งรังเกียจ……ภายในจวนฟู่กั๋วกงฉินเซียวกำลังนั่งอยู่ในศาลาในสวนหลังบ้าน จ้องมองดวงอาทิตย์ใกล้ลับข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 323

    เสียนเฟยขมวดคิ้วแน่นขึ้น พึมพำอย่างสงสัยว่า “แปลกนัก หากไม่มียอดฝีมือคอยชี้แนะ ฉินซูจะมีความสามารถอะไร จะทำให้เจ้ากับฉินเหยี่ยนต้องลำบากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร หรือว่าจู่ ๆ เขา ก็เกิดฉลาดขึ้นมา?”“หมู่เฟยให้ค่าเขามากเกินไปแล้ว เขาก็แค่คนไร้ค่าที่เอาแต่มัวเมาในสุรานารี หากจะฉลาดก็น่าจะฉลาดนานแล้ว จะมารอถึงตอนนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง ถึงเขาฉลาดจริงเขาก็มิน่ามีความกล้าพอที่จะท้าทายเสด็จพ่อเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ก็จริง หากเป็นดังที่เจ้าว่า รัชทายาทไร้ค่าอาจมีความลับอะไรซ่อนไว้! หากพวกเราสามารถขุดคุ้ยความลับนั้นออกมาได้ บางทีอาจจะทำให้เขาถูกปลดก่อนเวลาก็ได้”ฉินเซียวถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง “น่าเสียดายที่ตอนนี้ลูกถูกลดขั้นเป็นฝู่กั๋วกง จนแม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้าวังไปถวายบังคมเสด็จพ่อก็ไม่มีแล้ว”เสียนเฟยเห็นฉินเซียวสีหน้าหม่นหมองจึงปลอบว่า “เซียวเอ๋อร์ อย่าท้อใจไป ข้าคิดหาวิธีไว้แล้ว ขอแค่สำเร็จ สถานะอ๋องของเจ้าจะฟื้นคืนได้ในเร็ว ๆ นี้”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเซียวก็มีสีหน้ามีชีวิตชีวาขึ้น และรีบถามว่า “หมู่เฟย ท่านพูดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“จริงแท้แน่นอน ก่อนจะมาที่นี่ข้าได้ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทมาแล้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 324

    ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้น และโค้งกายคำนับเล็กน้อย “หลานขอคารวะเสด็จย่า”เหล่าองค์ชายรวมทั้งฉินซูคุกเข่าพร้อมกัน เอ่ยเป็นเสียงเดียวว่า “พวกเราขอคารวะเสด็จทวด!”“เหล่าข้าน้อยขอถวายพระพร ขอให้ไทฮองไทเฮาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้น!”ขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋นเบื้องล่างแท่นสูงต่างก้มคำนับถวายบังคมไทฮองไทเฮาหัวเราะอย่างร่าเริงพลางโบกมือ “ลุกขึ้นกันเถิด ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว”“ขอบพระทัยไทฮองไทเฮา”หลังจากทุกคนลุกขึ้นแล้ว ไทฮองไทเฮาก็มองไปที่องค์ชายทั้งหลายด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปถามฉินอู๋ต้าวว่า “อู๋ต้าว ไฉนมิเห็นเซียวเอ๋อร์? เหลนผู้แสนดีของข้าหายไปไหน เหตุใดวันนี้ถึงมิมาอวยพรย่าทวดเล่า?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนใจ โดยมิตอบคำถามเหล่าขุนนางก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป“เฮ้อ ไฉนเจ้าต้องถอนหายใจ ข้าถามเจ้าอยู่ เหลนรักของข้าไปไหนแล้ว?”เสียนเฟยเดินเข้ามา พลางกล่าวอย่างน่าสงสาร “เสด็จย่าเพคะ เซียวเอ๋อร์กระทำความผิดจึงถูกลดขั้นเป็นฝู่กั๋วกง ตามระเบียบแล้วฝู่กั๋วกงไม่มีสิทธิ์เข้าวังมาอวยพรเสด็จย่าได้เพคะ”ไทฮองไทเฮาตกใจ “เซียวเอ๋อร์กระทำความผ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 325

    “เหลวไหล การอภัยโทษทั้งแผ่นดินสอดคล้องกับพระประสงค์ของสวรรค์ เป็นการปลอบขวัญราษฎรเป็นทางธรรมอันถูกอันควร จะปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาขวางได้อย่างไร หากเจ้าโวยวายอีก ข้าจะไล่เจ้าออกไปเสีย” เมื่อถูกฉินอู๋ต้าวตำหนิเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นและถอยกลับไปอย่างขุ่นเคืองภายใต้การส่งสัญญาณของฉินอู๋ต้าว เฉาฉุนจึงประกาศเสียงดัง “ประกาศให้อ๋องหนิง ฉินเซียว เข้าวังเพื่อถวายพระพรไทฮองไทเฮา!”มินานนัก ฉินเซียวที่รออยู่หน้าประตูวังก็เดินเข้ามาอย่างสูงส่งสง่าภาคภูมิเขาสวมเสื้อคลุมลายงู สวมกวานประดับทองและหยก พูดได้ว่าทั้งหล่อเหลาสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งเมื่อมาถึงเบื้องล่างแท่นสูง เขาก็คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม เอ่ยเสียงดัง “ลูกขอถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นเขาหันไปทางไทฮองไทเฮา “เซียวเอ๋อร์ขอคารวะเสด็จทวด ขอเสด็จทวดทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพ่ะย่ะค่ะ”ไทฮองไทเฮาเผยสีหน้าชื่นบาน โบกมือเรียกฉินเซียว “มาเถิด เซียวเอ๋อร์ มาหาย่าทวดสิ”ฉินเซียวโค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปบนแท่นสูงท่ามกลางสายตาของทุกคนระหว่างทางเขายังจงใจหันหลังกลับไปมองให้ฉินซูมองตนอีกต่างหากมิว่าจะเป็นรอยยิ้มท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 326

    ทันทีที่ฉินอู๋ต้าวพูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากฝูงชน“เสด็จพ่อ ลูกขอทำการประลองรอบแรกนี้เองพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากสิ้นคำพูด ฉินหยางก็เดินออกมาฉินอู๋ต้าวพยักหน้าช้า ๆ เป็นการอนุญาตขณะนั้น ขุนนางต้าเหยียนเริ่มกระซิบกระซาบกัน“อ๋องซิ่นทรงออกโรงเองเช่นนี้ ไว้ใจได้แน่นอน”“ใช่แล้ว ท่านอ๋องซิ่นทรงเคยเล่าเรียนกับท่านผู้อาวุโสจางจาว ในบรรดาองค์ชาย ความสามารถด้านวรรณกรรมของท่านอ๋องซิ่นโดดเด่นเป็นอย่างมาก”“ถูกต้อง น่าขันที่มู่หรงฟู่กล้าท้าทายวงการวรรณกรรมแห่งต้าเหยียนของพวกเรา ครานี้ท่านอ๋องซิ่นจะต้องทำให้วงการวรรณกรรมต้าเหยียนของเรารุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอย่างแน่นอน”“ท่านอ๋องซิ่นผู้เกรียงไกร!”“...”เมื่อได้ยินคำสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น ฉินหยางก็ไพล่มือไว้ข้างหลังพลางมองมู่หรงฟู่ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง“องค์ชายมู่หรง ท่านอยากแข่งโต้กวีหรือต่อโคลงคู่เล่า?”มู่หรงฟู่ยิ้มหยันและพูดว่า “อะไรก็ได้ มิว่าจะเป็นอะไร ข้าก็รับมือได้ทั้งนั้น”“ได้ เช่นนั้น ท่านก็ฟังให้ดี”ฉินหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “แด่วันผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึง เช่นนั้นก็แต่งกวีหนึ่งบทโดยใช้หัวข้อวันผู้สูงอายุ!”เขาห

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status