แชร์

บทที่ 318

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ในตอนนี้ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ฟื้นตัวกลับมาแล้ว แรงกำลังของนางก็กลับมาได้มาก

นางเดินมายังข้างกายฉินซู ยื่นมือออกมาแล้วกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เดรัจฉานวิชาเช่นนี้ มอบให้อาจารย์ของหม่อมฉันจัดการเถิด”

“ในเมื่อมันเป็นเดรัจฉานวิชา ก็ทำลายไปเสียเถอะ จะเก็บไว้หาปะไร”

ฉินซูกล่าวจบก็ฉีกตำราลับเล่มนั้นทิ้งทันที

เมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้กล่าวอะไร

ฉงชูโม่จึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อกู้ตงเฟิงมิอยู่ที่นี่ พวกเราก็ลงไปจากภูเขากันเถิด”

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย หันไปถามกู้เสวี่ยเจี้ยนว่า “เจ้าเดินเองได้หรือไม่?”

“หม่อมฉันก็แค่บาดเจ็บที่หัวไหล่เท่านั้น มิใช่เจ็บที่ขาหรือเท้า แน่นอนว่าย่อมเดินเองได้”

“เช่นนั้นก็ไปกันได้แล้ว ชูโม่ เจ้าช่วยดูแลนางด้วย”

ฉินซูกล่าวจบก็เดินไปที่ปากถ้ำ

เมื่อใกล้ถึงปากถ้ำ ฉินซูสังเกตเห็นว่าที่มุมหนึ่งมีปากถ้ำเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่ง

เขาเดินเข้าไปดูให้เต็มสองตา พบว่าภายในถ้ำนั้นมืดมิดมาก

ฉงชูโม่เดินตามมา แล้วนำพับไฟออกมา

พวกเขาจึงเห็นว่าในถ้ำนี้มีหลุมขนาดกลางอยู่หลุมหนึ่ง

ในหลุมนั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูก

ฉินซูนับคร่าว ๆ พบว่ามีโครงกระดูกอยู่มิต่ำกว่า
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 319

    ฉินเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในโถงใหญ่ด้วยสีหน้าหม่นหมองเช้าวันนี้ เขาเพิ่งได้ยินข่าวว่าฉินเซียวถูกถอดกวานอ๋องออกจากหัวเมื่อทราบข่าวนี้ ใจของเขารู้สึกโล่งใจอย่างมากแต่จนอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้าแล้ว กลับยังไม่มีข่าวว่าฉินเซียวจะลูกลงโทษแต่อย่างใดทำให้ใจเขาเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาในตอนนั้น ซุนฉีเข้ามาพอดีฉินเหยี่ยนถามทันทีโดยมิรอให้ซุนฉีทำความเคารพ “เป็นอย่างไรบ้าง มีข่าวจากในวังหรือไม่?”ซุนฉีส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่มีข่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ ดูท่าวันนี้ฝ่าบาทคงมิทรงคิดจะลงโทษอ๋องหนิงแล้ว”ได้ยินดังนั้น ฉินเหยี่ยนจึงทุบมือลงบนโต๊ะน้ำชา สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ“ฉินเซียวเจ้าคนชั่วนั่นคบคิดกับเหล่าโจรชั่วชื่อกระฉ่อนยุทธภพ ถึงขนาดให้มาอาศัยในจวนของอ๋องหนิง ถูกจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ แต่เสด็จพ่อกลับยังเข้าข้างฉินเซียวอีก นี่ทำให้ข้าโกรธนัก!”พูดจบ เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะแล้วปาทิ้งลงพื้นอย่างแรงเสียง "เพล้ง" ดังขึ้น ถ้วยชาถูกทุบจนแตกละเอียดซุนฉีรีบปลอบใจว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ ฝ่าบาทอาจจะยุ่งมากจนไม่มีเวลาจัดการอ๋องหนิงก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”“หึ วันนี้มิได้มีราชกิจ เสด็จพ่อจะยุ่งเรื่องอันใดกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 320

    เซียวเหอตอบว่า "กราบทูลฝ่าบาท ขณะนี้พวกเขายังคงรออยู่หน้ากรมสอบสวน สถานการณ์ของราษฎรอยู่ในสภาวะวิกฤตแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หวังฉือจึงกราบทูลว่า "ฝ่าบาท กรณีของอ๋องหนิง หลักฐานแน่นหนา หากพระองค์มิทรงจัดการอย่างยุติธรรม เกรงว่ากฎหมายของบ้านเมืองก็จะกลายเป็นที่ขบขำของใต้หล้า ขอฝ่าบาทโปรดทรงนึกถึงภาพรวมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"เนี่ยหงก็กล่าวเสริมว่า "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ขณะนี้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต หากปล่อยให้เงียบหาย กฎหมายบ้านเมืองจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของราษฎร ขอฝ่าบาทโปรดทรงนึกถึงภาพรวมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเห็นว่าทั้งหัวหน้าศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายได้ออกปากแล้ว ฉินหยางก็เหลือบมองหยางลี่อย่างเงียบ ๆหยางลี่เข้าใจในทันที ก้าวขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาท คำพูดของใต้เท้าหวังและใต้เท้าเนี่ยมิใช่เรื่องเกินจริง อ๋องหนิงสมคบคิดกับโจรชั่วจากยุทธภพลักพาตัวเหล่าสตรี หากมิลงโทษอย่างเหมาะสม เกียรติยศของราชสำนักย่อมเสื่อมเสีย และหากมีผู้มิหวังดีนำไปใช้เป็นประโยชน์ อาจเกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรง ข้าน้อยขอร้องฝ่าบาททรงพิจารณาดำเนินการอย่างเหมาะสม"เหล่าขุนนางที่เหลือต่างก็ร่วมสนับสนุนด้วยเช่นกันฉินอู๋ต้าวท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 321

    ฉงชูโม่ส่ายหน้าพลางกล่าว “เป็นไปมิได้ พระองค์ตรัสประกาศพระราชโองการต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนัก หากภายหลังคืนตำแหน่งให้แก่อ๋องหนิงจริง ๆ นั่นก็มิต่างจากการตบหน้าตัวเองแล้ว”“เช่นนั้นก็คอยดูไปเถิด หวังว่าจะเป็นเพียงความวิตกไปเองของข้าเท่านั้น”ฉินซูมิโต้เถียงกับฉงชูโม่อีก เขาหันหลังแล้วเดินออกไปทันทีในขณะเดียวกัน ภายในวังหลังฉินอู๋ต้าวเพิ่งกลับถึงพระที่นั่งหย่างซิน เฉาฉุนได้เข้ามากราบทูลด้วยน้ำเสียงเคารพว่า “ฝ่าบาท เสียนเฟย[footnoteRef:0]มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” [0: เสียนเฟย หนึ่งในสี่ตำแหน่งพระชายา เรียงลำดับตามความสูงต่ำดังนี้ กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟยและเสียนเฟย] ฉินอู๋ต้าวตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “นางมาคราวนี้ คงมิพ้นจะขอความเมตตาให้แก่กั๋วกง ไล่นางกลับไปเสีย วันนี้ข้ามิอยากพบใครทั้งนั้น”เฉาฉุนกระซิบบอกเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท ที่จริงวันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของเสียนเฟยพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียเลย วันคล้ายวันประสูติของเสียนเฟยเป็นวันก่อนหน้าวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮาหนึ่งวัน ของกำนัลส่งไปถึงแล้วหรือไม่?”“ส่งไปเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช้านี้บ่าวให้ราชสำนักฝ่ายใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 322

    สีหน้าของฉินอู๋ต้าวเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันใด เขาจับมือทั้งสองข้างของเสียนเฟยไว้อย่างกะทันหันเสียนเฟยสะดุ้งเล็กน้อย พลันเงยหน้าขึ้นมองฉินอู๋ต้าวโดยมิรู้ตัวเมื่อเห็นแววตาอำมหิตบนใบหน้าของฉินอู๋ต้าว เสียนเฟยถึงกับหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว และคุกเข่าลงกับพื้นอย่างตื่นตระหนกในทันใด“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย หม่อมฉัน… หม่อมฉัน...”นางหวาดกลัวมากจนพูดติด ๆ ขัด ๆฉินอู๋ต้าวมองนางแวบหนึ่ง แววอำมหิตบนใบหน้าก็จางหายไป จากนั้นก็เผยยิ้มอย่างอ่อนโยน และพูดปลอบโยนว่า “ชายาที่รัก อย่าตื่นตกใจไปเลย ข้าเพียงแค่คิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาเท่านั้น ลุกขึ้นเถิด”เสียนเฟยแอบมองฉินอู๋ต้าวอย่างขลาดกลัว นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างตัวสั่นเทานางยืนปล่อยแขนแนบลำตัว ท่าทางเหมือนอยากพูดแต่มิกล้าฉินอู๋ต้าวโบกมือ “เจ้ากลับไปที่ตำหนักอวี้จ้าวก่อนเถิด ข้ายังมีราชกิจที่ต้องจัดการ”“เพคะ หม่อมฉันขอทูลลา”เสียนเฟยโค้งคำนับแล้วหันหลังเดินออกไปฉินอู๋ต้าวหยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาซับมือ เผยสีหน้าทั้งชังทั้งรังเกียจ……ภายในจวนฟู่กั๋วกงฉินเซียวกำลังนั่งอยู่ในศาลาในสวนหลังบ้าน จ้องมองดวงอาทิตย์ใกล้ลับข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 323

    เสียนเฟยขมวดคิ้วแน่นขึ้น พึมพำอย่างสงสัยว่า “แปลกนัก หากไม่มียอดฝีมือคอยชี้แนะ ฉินซูจะมีความสามารถอะไร จะทำให้เจ้ากับฉินเหยี่ยนต้องลำบากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร หรือว่าจู่ ๆ เขา ก็เกิดฉลาดขึ้นมา?”“หมู่เฟยให้ค่าเขามากเกินไปแล้ว เขาก็แค่คนไร้ค่าที่เอาแต่มัวเมาในสุรานารี หากจะฉลาดก็น่าจะฉลาดนานแล้ว จะมารอถึงตอนนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง ถึงเขาฉลาดจริงเขาก็มิน่ามีความกล้าพอที่จะท้าทายเสด็จพ่อเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ก็จริง หากเป็นดังที่เจ้าว่า รัชทายาทไร้ค่าอาจมีความลับอะไรซ่อนไว้! หากพวกเราสามารถขุดคุ้ยความลับนั้นออกมาได้ บางทีอาจจะทำให้เขาถูกปลดก่อนเวลาก็ได้”ฉินเซียวถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง “น่าเสียดายที่ตอนนี้ลูกถูกลดขั้นเป็นฝู่กั๋วกง จนแม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้าวังไปถวายบังคมเสด็จพ่อก็ไม่มีแล้ว”เสียนเฟยเห็นฉินเซียวสีหน้าหม่นหมองจึงปลอบว่า “เซียวเอ๋อร์ อย่าท้อใจไป ข้าคิดหาวิธีไว้แล้ว ขอแค่สำเร็จ สถานะอ๋องของเจ้าจะฟื้นคืนได้ในเร็ว ๆ นี้”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเซียวก็มีสีหน้ามีชีวิตชีวาขึ้น และรีบถามว่า “หมู่เฟย ท่านพูดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“จริงแท้แน่นอน ก่อนจะมาที่นี่ข้าได้ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทมาแล้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 324

    ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้น และโค้งกายคำนับเล็กน้อย “หลานขอคารวะเสด็จย่า”เหล่าองค์ชายรวมทั้งฉินซูคุกเข่าพร้อมกัน เอ่ยเป็นเสียงเดียวว่า “พวกเราขอคารวะเสด็จทวด!”“เหล่าข้าน้อยขอถวายพระพร ขอให้ไทฮองไทเฮาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้น!”ขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋นเบื้องล่างแท่นสูงต่างก้มคำนับถวายบังคมไทฮองไทเฮาหัวเราะอย่างร่าเริงพลางโบกมือ “ลุกขึ้นกันเถิด ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว”“ขอบพระทัยไทฮองไทเฮา”หลังจากทุกคนลุกขึ้นแล้ว ไทฮองไทเฮาก็มองไปที่องค์ชายทั้งหลายด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปถามฉินอู๋ต้าวว่า “อู๋ต้าว ไฉนมิเห็นเซียวเอ๋อร์? เหลนผู้แสนดีของข้าหายไปไหน เหตุใดวันนี้ถึงมิมาอวยพรย่าทวดเล่า?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนใจ โดยมิตอบคำถามเหล่าขุนนางก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป“เฮ้อ ไฉนเจ้าต้องถอนหายใจ ข้าถามเจ้าอยู่ เหลนรักของข้าไปไหนแล้ว?”เสียนเฟยเดินเข้ามา พลางกล่าวอย่างน่าสงสาร “เสด็จย่าเพคะ เซียวเอ๋อร์กระทำความผิดจึงถูกลดขั้นเป็นฝู่กั๋วกง ตามระเบียบแล้วฝู่กั๋วกงไม่มีสิทธิ์เข้าวังมาอวยพรเสด็จย่าได้เพคะ”ไทฮองไทเฮาตกใจ “เซียวเอ๋อร์กระทำความผ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 325

    “เหลวไหล การอภัยโทษทั้งแผ่นดินสอดคล้องกับพระประสงค์ของสวรรค์ เป็นการปลอบขวัญราษฎรเป็นทางธรรมอันถูกอันควร จะปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาขวางได้อย่างไร หากเจ้าโวยวายอีก ข้าจะไล่เจ้าออกไปเสีย” เมื่อถูกฉินอู๋ต้าวตำหนิเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นและถอยกลับไปอย่างขุ่นเคืองภายใต้การส่งสัญญาณของฉินอู๋ต้าว เฉาฉุนจึงประกาศเสียงดัง “ประกาศให้อ๋องหนิง ฉินเซียว เข้าวังเพื่อถวายพระพรไทฮองไทเฮา!”มินานนัก ฉินเซียวที่รออยู่หน้าประตูวังก็เดินเข้ามาอย่างสูงส่งสง่าภาคภูมิเขาสวมเสื้อคลุมลายงู สวมกวานประดับทองและหยก พูดได้ว่าทั้งหล่อเหลาสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งเมื่อมาถึงเบื้องล่างแท่นสูง เขาก็คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม เอ่ยเสียงดัง “ลูกขอถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นเขาหันไปทางไทฮองไทเฮา “เซียวเอ๋อร์ขอคารวะเสด็จทวด ขอเสด็จทวดทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพ่ะย่ะค่ะ”ไทฮองไทเฮาเผยสีหน้าชื่นบาน โบกมือเรียกฉินเซียว “มาเถิด เซียวเอ๋อร์ มาหาย่าทวดสิ”ฉินเซียวโค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปบนแท่นสูงท่ามกลางสายตาของทุกคนระหว่างทางเขายังจงใจหันหลังกลับไปมองให้ฉินซูมองตนอีกต่างหากมิว่าจะเป็นรอยยิ้มท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 326

    ทันทีที่ฉินอู๋ต้าวพูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากฝูงชน“เสด็จพ่อ ลูกขอทำการประลองรอบแรกนี้เองพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากสิ้นคำพูด ฉินหยางก็เดินออกมาฉินอู๋ต้าวพยักหน้าช้า ๆ เป็นการอนุญาตขณะนั้น ขุนนางต้าเหยียนเริ่มกระซิบกระซาบกัน“อ๋องซิ่นทรงออกโรงเองเช่นนี้ ไว้ใจได้แน่นอน”“ใช่แล้ว ท่านอ๋องซิ่นทรงเคยเล่าเรียนกับท่านผู้อาวุโสจางจาว ในบรรดาองค์ชาย ความสามารถด้านวรรณกรรมของท่านอ๋องซิ่นโดดเด่นเป็นอย่างมาก”“ถูกต้อง น่าขันที่มู่หรงฟู่กล้าท้าทายวงการวรรณกรรมแห่งต้าเหยียนของพวกเรา ครานี้ท่านอ๋องซิ่นจะต้องทำให้วงการวรรณกรรมต้าเหยียนของเรารุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอย่างแน่นอน”“ท่านอ๋องซิ่นผู้เกรียงไกร!”“...”เมื่อได้ยินคำสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น ฉินหยางก็ไพล่มือไว้ข้างหลังพลางมองมู่หรงฟู่ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง“องค์ชายมู่หรง ท่านอยากแข่งโต้กวีหรือต่อโคลงคู่เล่า?”มู่หรงฟู่ยิ้มหยันและพูดว่า “อะไรก็ได้ มิว่าจะเป็นอะไร ข้าก็รับมือได้ทั้งนั้น”“ได้ เช่นนั้น ท่านก็ฟังให้ดี”ฉินหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “แด่วันผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึง เช่นนั้นก็แต่งกวีหนึ่งบทโดยใช้หัวข้อวันผู้สูงอายุ!”เขาห

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status