สถาบันวิจัยภูเขาประจิม?ตนเองไม่จำเป็นต้องประจบเอาใจ ไม่ต้องพึ่งพาผู้มีอำนาจ ราชสำนักยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด?กงซูหว่านตกตะลึง คล้ายกำลังอยู่ในห้วงฝัน!อยู่ที่ภูเขาทิศประจิมแยกออกจากโลกภายนอก อยู่ร่วมกับสหายรู้ใจ ร่วมกันประดิษฐ์สิ่งของ ค้นคว้าวิชากลไกไม่ต้องตีฝีปาก ไม่ต้องไปจัดการความสัมพันธ์อันวุ่นวายของคน อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าสำคัญที่สุดคือสิ่งที่พวกเขาวิจัยออกมา ราชสำนักนำไปใช้สร้างคุณประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง มิได้กลายเป็นขยะไร้ประโยชน์!นี่มิใช่ชีวิตในฝันของนางหรอกหรือ?“องค์ชายเก้า นี่คือเรื่องจริงหรือ?”เสียงกงซูหว่านสั่นๆ คล้ายรอยแตกบนธารน้ำแข็งอายุนับหมื่นปีหลี่หลงหลินพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม “ไม่กล้าปิดบังพี่สะใภ้!”ธารน้ำแข็งภายในหัวใจของกงซูหว่านพังทลายลงในทันใด ไม่อาจข่มอารมณ์ของตนได้อีก น้ำตาเอ่อล้น คุกเข่ากับพื้นพร้อมทั้งคำนับ “ขอบคุณมาก องค์ชายเก้า!”หลี่หลงหลินประคองกงซูหว่านขึ้น “พี่สะใภ้รอง ทำเช่นนี้ไม่ได้! เฟิ่งหลิง เจ้ารีบประคองพี่สะใภ้รองเข้าห้อง ให้นางสงบอารมณ์! ช่วงบ่ายพวกเราจะไปภูเขาทิศประจิมเพื่อเลือกสถานที่สถาบันวิจัย
หลี่หลงหลินพูดต่อ “ที่พักเล่า?”หนิงชิงโหวส่ายหน้าดังเดิม “ก็ไม่ใช่”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เช่นนั้นข้าก็ไม่เข้าใจแล้ว! กินดีอยู่ดี ให้พวกเขาร่ำเรียนโดยไม่เสียเงิน ทุกเดือนยังส่งเงินกลับบ้านของพวกเขาได้! ยังมีอันใดให้กังวล?”หนิงชิงโหวกระซิบ “พวกเขากังวลคนในครอบครัว สถานการณ์ของผู้ลี้ภัยนอกเมืองไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว...”หลี่หลงหลินตกตะลึงคนเป็นทหาร ที่กังวลกลับมิใช่ตนเอง เพราะพวกเขาตัดสินใจเข้าสนามรบอยู่ทุกเมื่อ เตรียมเสียสละเพื่อบ้านเมืองพวกเขากังวลก็คือคนในครอบครัว!ตนเองกินดีอยู่ดีที่ภูเขาทิศประจิม มีเนื้อกินทุกมื้อคนในครอบครัวกลับอยู่อย่างอดอยากที่ค่ายผู้ลี้ภัยบัดนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยยังมีเบี้ยเลี้ยงทหาร สถานการณ์ของคนในครอบครัวของพวกเขาล้วนลำบากเพียงนี้ หากเกิดสงคราม พวกเขาเข้าร่วมออกศึกในสนามรบ สู้จนตายเล่า?ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่ต้องเป็นผู้ลี้ภัยไร้บ้าน กลายเป็นขอทานหรอกหรือ?หนิงชิงโหวหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย ข้าเองก็ใคร่ครวญมานานมากแล้ว! ต้องการคลายความกังวลของพวกศิษย์ มีเพียงทางเดียวก็คือมอบเงินให้ครอบครัวของพวกเขา...”หลี่หลงหลินปฏิ
ที่ดินได้มาโดยไม่เสียอะไร อันที่จริงก็คือการปรับที่ดินในสังคมศักดินา นี่ก็คือการเขย่ารากฐาน และเป็นการกระทำของกบฏต่อให้เป็นฮ่องเต้หวู่ก็ไม่สามารถทำได้นับประสาอะไรกับหลี่หลงหลินองค์ชายคนหนึ่งแต่หากพูดว่าเช่าก็ไม่เหมือนกันแล้ว สามารถอ้อมเกล็ดใต้คอของขุนนางชนชั้นสูงได้สำหรับเรื่องละเว้นค่าเช่า กลับพบได้บ่อยครั้งแม้แต่ผู้มีคุณธรรมในท้องถิ่นก็มักละเว้นค่าเช่าที่อยู่บ่อยๆสรุปว่าการกระทำของหลี่หลงหลินนี้ ต่อให้ตู้เหวินยวนจงใจหาเรื่องก็ไม่สามารถก่อเรื่องอันใดได้ คิดเพียงว่าเขาเป็นตัวโง่งม ที่ดินหนึ่งหมื่นหมู่กลับปล่อยเช่าโดยไม่เก็บเงินหนิงชิงโหวตื่นเต้นมาก ค้อมคำนับ “องค์ชายเก้า ข้าขอขอบคุณท่านแทนเหล่าทหารแล้ว!”เขาวาสนาดียิ่งนัก สามารถติดตามหลี่หลงหลินได้บนตัวของหลี่หลงหลินมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากผู้อื่นหรืออาจพูดว่าความคิดอ่านของหลี่หลงหลินอยู่เหนือคนในยุคนี้ไกลนักต่อให้เป็นนักปราชญ์ในอดีตก็ไม่สามารถเทียบเขาได้หลี่หลงหลินโบกมือ สีหน้าเรียบเฉย “ก็แค่เรื่องเล็กเท่านั้น! แต่...”ที่นาในภูเขาทิศประจิมต้องถูกจัดสรรปันส่วนทว่าใครเป็นคนไปประกาศเรื่องนี้ ก็ย
“แค่กๆ...”หลี่หลงหลินไอแห้งๆ อยู่สองครั้ง แล้วผลักซูเฟิ่งหลิงออกไป แล้วบ่นว่า “ทั้งตัวมีแต่เหงื่อ...”ซูเฟิ่งหลิงยกข้อศอกขึ้นดม แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าหอมกว่าข้าตายล่ะ”หลี่หลงหลินมุ่ยปาก “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เจ้าบอกมาว่ายอมหรือไม่ยอม?”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแบ่งทุ่งนาให้พวกทหาร นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ข้ามีสิ่งใดจะไม่ยอม? ข้าเต็มใจยอมอย่างแน่นอน”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเรื่องนี้ก็เป็นอันตกลง...”กงซูหว่านกลับโพล่งขึ้นมาว่า “องค์ชายเก้า ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม”หลี่หลงหลินมีสีหน้าประหลาดใจ มองไปที่กงซูหว่าน แล้วเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้รอง เจ้าคิดว่าการแบ่งที่นาเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ? ทำไมล่ะ?”หาซูเฟิ่งหลิงพูดเช่นนี้ หลี่หลงหลินก็คงคิดว่านางพูดจาเหลวไหลแต่คนที่ไม่เห็นด้วยคือกงซูหว่านนางคือสตรีที่ฉลาดมากที่สุดบางที นางอาจจะแตกต่างจนมีบางอย่างผิดปกติจริงๆกงซูหว่านขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่หลี่หลงหลิน “เจ้าคิดจะสร้างสถาบันวิจัยอยู่ในเขาทิศประจิมจริงๆ หรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่ เขาทิศประจิมมีฐานที่มั่นของกอง
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่หลงหลินตั้งใจเข้าวังไปทักทายหลินกุ้ยเฟยที่ตำหนักฉางเล่อหลักๆ เพราะเขากังวลว่า ฉินกุ้ยเฟยจะมาหาเรื่องและก่อความวุ่นวายกับเสด็จแม่ของตนหลังจากออกมาจากตำหนักเย็น หลินกุ้ยเฟยสวมชุดพระราชวังที่สวยงาม ประดับศีรษะราคาแพงไว้บนหัว และยิ้มอย่างอ่อนโยน ดูท่าแล้วอารมณ์ดีไม่น้อย“เสด็จแม่”หลี่หลงหลินทักทาย แล้วถามเรื่องจริงจังขึ้นมา “ฉินกุ้ยเฟย ได้มาหาเรื่องอะไรท่านหรือไม่?”หลินกุ้ยเฟยยกมือขึ้น ชี้ไปที่ขันทีด้านนอกประตูสองสามคน “หัวหน้าเว่ยใส่ใจมาก ส่งทหารมาเฝ้าดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ ฉินกุ้ยเฟยไม่กล้าสร้างเรื่องอีกรอบหรอก ยิ่งไปกว่านั้น....เจ้าหกก็มาตายจาก ฉินกุ้ยเฟยเลยเศร้าโศกเสียใจจนล้มป่วย”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “ป่วย?”หลินกุ้ยเฟยพยักหน้า “องค์ชายสี่ไปขอยารักษาทั่วทุกแห่ง ตามหาหมอเพื่อมารักษาอาการป่วยให้แม่ของเขา จริงสิ สะใภ้สามของเจ้าชื่อซุนชิงไต้มิใช่หรือ?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ใช่แล้ว ทำไมหรือ?”หลินกุ้ยเฟยพูดอย่างเกรงใจ “ว่ากันว่านางเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ต่างก็ถูกชาวบ้านเรียกว่าพระโพธิสัตว์ องค์ชายสี่กำลังตามหาตัวนางไปทุกที่อยู
“เด็กโง่คนนี้ หลุดปากง่าย”หลี่หลงหลินนั่งรถม้ากลับไปที่เขาทิศประจิมลั่วอวี้จู๋กำลังพาคนไปวัดที่ดินเพื่อแบ่งให้กับพวกผู้ลี้ภัยส่วนกงซูหว่านก็กำลังพาคนไปทำรากฐานให้กับสำนักวิจัย กำลังยุ่งกันมากหลิ่วหรูเยียนไม่ได้อยู่ในเขาทิศประจิม แต่กำลังพาเหล่าหญิงหม้ายไปตัดชุดมัจฉาบินส่วนซูเฟิ่งหลิงก็ยิ่งมาก นำทหารฝึกซ้อม สั่งให้วิ่งอ้อมเขาทิศประจิมหนึ่งรอบ จนพระอาทิตย์ตกถึงได้กลับมาแม้แต่หนิงชิงโหว ก็กำลังสอนหนังสือให้กับพวกคุณชายเสเพลด้วยทั้งเขาทิศประจิม ทุกคนก็ยุ่งมาก เดินกันอย่างเร่งรีบหลี่หลงหลินเป็นคนเกียจคร้านเพียงคนเดียวที่เดินไปมา“ไม่ต้องทำอะไรเลย ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ!”“บางครั้งมันก็ค่อนข้างน่าเบื่อ...”“อย่างไรก็ไปพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าบ่อยๆ ไม่ได้?”หลี่หลงหลินรู้สึกเบื่อหน่าย นั่งอาบแดดอยู่บนโขดหิน“หัวหน้าสำนักศึกษา หัวหน้าสำนักศึกษา...”“เกิดเรื่องแล้ว”นักเรียนหน้าละอ่อนหลายคนวิ่งมาอย่างล้มลุกคุกคาม สีหน้าดูตื่นตระหนกหลี่หลงหลินลืมตาขึ้นแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “เกิดอะไรขึ้น?”นักเรียนคนนั้นหายใจหอบแล้วพูดว่า “มีแม่นางน้อยคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ามาจากไหน นางล้มอยู่หน้า
“ฮี่ๆๆ!”“คิดไม่ถึงล่ะสิ!”แม่นางน้อยตบท้องกลมๆ ของนางแล้ววางมาดเป็นผู้อาวุโส “ข้าเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้า ซุนชิงไต้!"เสียงของนางชัดเจนและไพเราะ การเคลื่อนไหวของนางน่ารักและไร้เดียงสา ให้คนรู้สึกตลกเหมือนเด็กกำลังแกล้งเป็นผู้ใหญ่หลี่หลงหลินมองไปที่ซูเฟิ่งหลิงด้วยความสงสัย “นางเป็นพี่สะใภ้สามจริงๆ หรือ?”“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ?” ซูเฟิงหลิงกลอกตามองไปที่หลี่หลงหลินแล้วรีบไปหาซุนชิงไต้ พูดด้วยความกังวลว่า “พี่สะใภ้สาม เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”ซุนชิงไต้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าแค่แกล้งหมดสติ!”ซูเฟิ่งหลิงกัดริมฝีปาก “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้! เจ้าสุนัขหลี่หลงหลินเจ้า ไม่ได้แตะต้องอะไรเจ้าใช่หรือไม่! เขาชั่วร้ายมาก...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกต่อให้ลามกขนาดไหน ก็ไม่แตะต้องสาวน้อยนางหนึ่งหรอกกระมังหลี่หลงหลินคิดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเขายุคนี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีข้าวกิน โดยเฉพาะสตรี ส่วนมากจะผอมและตัวเล็กจนยากที่จะบอกอายุที่แท้จริงของนางได้ในบรรดาญาติสตรีของตระกูลซู ลั่วอวี้จู๋ กงซูหว่าน หลิ่วหรูเหยียน และซูเฟิ่งหลิง ต่างเป็นหญิงสาวงดงามขาเรียวยาว เอวบาง และห
ราวกับผีที่หิวโหยกลับชาติมาเกิด ไม่ได้กินอาหารมาแปดชาติซูเฟิ่งหลิงกระตือรือร้นมาก นางตักผักใส่ชามของซุนชิงไต้พร้อมทั้งเกลี้ยกล่อมนาง “พี่สะใภ้สาม เจ้าต้องกินเยอะๆ นะ! ยังไงซะ องค์ชายเก้าก็เป็นคนเลี้ยง ดังนั้นกินให้เต็มที่!”ไม่เพียงแต่หลี่หลงหลินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหนิงชิงโหวและบัณฑิตหยิ่งยโสที่ตามมาทั้งหมดก็ตกตะลึงเช่นกัน“สาวน้อยคนนี้คือหมอเทวดาซุนชิงไต้จริงๆ หรือ?”“เรื่องทักษะทางการแพทย์ของนางยังไม่แน่ชัด แต่นางดูกินได้เยอะ!”“ตัวเล็กๆ แบบนี้กินได้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง มันแปลกมาก!”หลี่หลงหลินมองดูซุนชิงไต้กินอาหารราวอย่างตะกละตะกลาม เหมือนกับคลื่นลมคลื่นฝน ทำลายจานแล้วจานเล่า และคร่ำครวญว่านางเกิดมาเสียเปล่า!ไม่ต้องพูดถึงทักษะการรักษาของนางเป็นอย่างไร พูดถึงเรื่องที่นางกินได้มากขนาดนี้ แต่ทำไมยังผอมในยุคปัจจุบัน จะต้องเป็นราชากินจุระดับโลกแน่!“เอ่อ...”“อิ่มแล้ว! สบายจริงๆ!”ซุนชิงไต้กินปลาและเนื้อจนหมดโต๊ะ จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้พร้อมกับเรอออกมาอย่างสบายใจ “ไม่ได้กินอะไรสบายๆ แบบนี้มานานแล้ว! องค์ชายเก้า เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ”หงายบัตรคนดีติดต่อกันถึงสองครั้ง ท