“แค่กๆ...”หลี่หลงหลินไอแห้งๆ อยู่สองครั้ง แล้วผลักซูเฟิ่งหลิงออกไป แล้วบ่นว่า “ทั้งตัวมีแต่เหงื่อ...”ซูเฟิ่งหลิงยกข้อศอกขึ้นดม แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าหอมกว่าข้าตายล่ะ”หลี่หลงหลินมุ่ยปาก “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เจ้าบอกมาว่ายอมหรือไม่ยอม?”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแบ่งทุ่งนาให้พวกทหาร นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ข้ามีสิ่งใดจะไม่ยอม? ข้าเต็มใจยอมอย่างแน่นอน”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเรื่องนี้ก็เป็นอันตกลง...”กงซูหว่านกลับโพล่งขึ้นมาว่า “องค์ชายเก้า ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม”หลี่หลงหลินมีสีหน้าประหลาดใจ มองไปที่กงซูหว่าน แล้วเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้รอง เจ้าคิดว่าการแบ่งที่นาเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ? ทำไมล่ะ?”หาซูเฟิ่งหลิงพูดเช่นนี้ หลี่หลงหลินก็คงคิดว่านางพูดจาเหลวไหลแต่คนที่ไม่เห็นด้วยคือกงซูหว่านนางคือสตรีที่ฉลาดมากที่สุดบางที นางอาจจะแตกต่างจนมีบางอย่างผิดปกติจริงๆกงซูหว่านขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่หลี่หลงหลิน “เจ้าคิดจะสร้างสถาบันวิจัยอยู่ในเขาทิศประจิมจริงๆ หรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่ เขาทิศประจิมมีฐานที่มั่นของกอง
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่หลงหลินตั้งใจเข้าวังไปทักทายหลินกุ้ยเฟยที่ตำหนักฉางเล่อหลักๆ เพราะเขากังวลว่า ฉินกุ้ยเฟยจะมาหาเรื่องและก่อความวุ่นวายกับเสด็จแม่ของตนหลังจากออกมาจากตำหนักเย็น หลินกุ้ยเฟยสวมชุดพระราชวังที่สวยงาม ประดับศีรษะราคาแพงไว้บนหัว และยิ้มอย่างอ่อนโยน ดูท่าแล้วอารมณ์ดีไม่น้อย“เสด็จแม่”หลี่หลงหลินทักทาย แล้วถามเรื่องจริงจังขึ้นมา “ฉินกุ้ยเฟย ได้มาหาเรื่องอะไรท่านหรือไม่?”หลินกุ้ยเฟยยกมือขึ้น ชี้ไปที่ขันทีด้านนอกประตูสองสามคน “หัวหน้าเว่ยใส่ใจมาก ส่งทหารมาเฝ้าดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ ฉินกุ้ยเฟยไม่กล้าสร้างเรื่องอีกรอบหรอก ยิ่งไปกว่านั้น....เจ้าหกก็มาตายจาก ฉินกุ้ยเฟยเลยเศร้าโศกเสียใจจนล้มป่วย”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “ป่วย?”หลินกุ้ยเฟยพยักหน้า “องค์ชายสี่ไปขอยารักษาทั่วทุกแห่ง ตามหาหมอเพื่อมารักษาอาการป่วยให้แม่ของเขา จริงสิ สะใภ้สามของเจ้าชื่อซุนชิงไต้มิใช่หรือ?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ใช่แล้ว ทำไมหรือ?”หลินกุ้ยเฟยพูดอย่างเกรงใจ “ว่ากันว่านางเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ต่างก็ถูกชาวบ้านเรียกว่าพระโพธิสัตว์ องค์ชายสี่กำลังตามหาตัวนางไปทุกที่อยู
“เด็กโง่คนนี้ หลุดปากง่าย”หลี่หลงหลินนั่งรถม้ากลับไปที่เขาทิศประจิมลั่วอวี้จู๋กำลังพาคนไปวัดที่ดินเพื่อแบ่งให้กับพวกผู้ลี้ภัยส่วนกงซูหว่านก็กำลังพาคนไปทำรากฐานให้กับสำนักวิจัย กำลังยุ่งกันมากหลิ่วหรูเยียนไม่ได้อยู่ในเขาทิศประจิม แต่กำลังพาเหล่าหญิงหม้ายไปตัดชุดมัจฉาบินส่วนซูเฟิ่งหลิงก็ยิ่งมาก นำทหารฝึกซ้อม สั่งให้วิ่งอ้อมเขาทิศประจิมหนึ่งรอบ จนพระอาทิตย์ตกถึงได้กลับมาแม้แต่หนิงชิงโหว ก็กำลังสอนหนังสือให้กับพวกคุณชายเสเพลด้วยทั้งเขาทิศประจิม ทุกคนก็ยุ่งมาก เดินกันอย่างเร่งรีบหลี่หลงหลินเป็นคนเกียจคร้านเพียงคนเดียวที่เดินไปมา“ไม่ต้องทำอะไรเลย ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ!”“บางครั้งมันก็ค่อนข้างน่าเบื่อ...”“อย่างไรก็ไปพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าบ่อยๆ ไม่ได้?”หลี่หลงหลินรู้สึกเบื่อหน่าย นั่งอาบแดดอยู่บนโขดหิน“หัวหน้าสำนักศึกษา หัวหน้าสำนักศึกษา...”“เกิดเรื่องแล้ว”นักเรียนหน้าละอ่อนหลายคนวิ่งมาอย่างล้มลุกคุกคาม สีหน้าดูตื่นตระหนกหลี่หลงหลินลืมตาขึ้นแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “เกิดอะไรขึ้น?”นักเรียนคนนั้นหายใจหอบแล้วพูดว่า “มีแม่นางน้อยคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ามาจากไหน นางล้มอยู่หน้า
“ฮี่ๆๆ!”“คิดไม่ถึงล่ะสิ!”แม่นางน้อยตบท้องกลมๆ ของนางแล้ววางมาดเป็นผู้อาวุโส “ข้าเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้า ซุนชิงไต้!"เสียงของนางชัดเจนและไพเราะ การเคลื่อนไหวของนางน่ารักและไร้เดียงสา ให้คนรู้สึกตลกเหมือนเด็กกำลังแกล้งเป็นผู้ใหญ่หลี่หลงหลินมองไปที่ซูเฟิ่งหลิงด้วยความสงสัย “นางเป็นพี่สะใภ้สามจริงๆ หรือ?”“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ?” ซูเฟิงหลิงกลอกตามองไปที่หลี่หลงหลินแล้วรีบไปหาซุนชิงไต้ พูดด้วยความกังวลว่า “พี่สะใภ้สาม เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”ซุนชิงไต้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าแค่แกล้งหมดสติ!”ซูเฟิ่งหลิงกัดริมฝีปาก “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้! เจ้าสุนัขหลี่หลงหลินเจ้า ไม่ได้แตะต้องอะไรเจ้าใช่หรือไม่! เขาชั่วร้ายมาก...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกต่อให้ลามกขนาดไหน ก็ไม่แตะต้องสาวน้อยนางหนึ่งหรอกกระมังหลี่หลงหลินคิดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเขายุคนี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีข้าวกิน โดยเฉพาะสตรี ส่วนมากจะผอมและตัวเล็กจนยากที่จะบอกอายุที่แท้จริงของนางได้ในบรรดาญาติสตรีของตระกูลซู ลั่วอวี้จู๋ กงซูหว่าน หลิ่วหรูเหยียน และซูเฟิ่งหลิง ต่างเป็นหญิงสาวงดงามขาเรียวยาว เอวบาง และห
ราวกับผีที่หิวโหยกลับชาติมาเกิด ไม่ได้กินอาหารมาแปดชาติซูเฟิ่งหลิงกระตือรือร้นมาก นางตักผักใส่ชามของซุนชิงไต้พร้อมทั้งเกลี้ยกล่อมนาง “พี่สะใภ้สาม เจ้าต้องกินเยอะๆ นะ! ยังไงซะ องค์ชายเก้าก็เป็นคนเลี้ยง ดังนั้นกินให้เต็มที่!”ไม่เพียงแต่หลี่หลงหลินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหนิงชิงโหวและบัณฑิตหยิ่งยโสที่ตามมาทั้งหมดก็ตกตะลึงเช่นกัน“สาวน้อยคนนี้คือหมอเทวดาซุนชิงไต้จริงๆ หรือ?”“เรื่องทักษะทางการแพทย์ของนางยังไม่แน่ชัด แต่นางดูกินได้เยอะ!”“ตัวเล็กๆ แบบนี้กินได้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง มันแปลกมาก!”หลี่หลงหลินมองดูซุนชิงไต้กินอาหารราวอย่างตะกละตะกลาม เหมือนกับคลื่นลมคลื่นฝน ทำลายจานแล้วจานเล่า และคร่ำครวญว่านางเกิดมาเสียเปล่า!ไม่ต้องพูดถึงทักษะการรักษาของนางเป็นอย่างไร พูดถึงเรื่องที่นางกินได้มากขนาดนี้ แต่ทำไมยังผอมในยุคปัจจุบัน จะต้องเป็นราชากินจุระดับโลกแน่!“เอ่อ...”“อิ่มแล้ว! สบายจริงๆ!”ซุนชิงไต้กินปลาและเนื้อจนหมดโต๊ะ จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้พร้อมกับเรอออกมาอย่างสบายใจ “ไม่ได้กินอะไรสบายๆ แบบนี้มานานแล้ว! องค์ชายเก้า เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ”หงายบัตรคนดีติดต่อกันถึงสองครั้ง ท
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ซุนชิงไต้ก็ตรวจผู้ป่วยตนครบทุกคนแล้วดวงตาโตของนางจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “น่องไก่ที่พวกเราตกลงกันไว้ล่ะ?”หลี่หลงหลินตกใจ แล้วมองไปที่ความยุ่งเหยิงบนโต๊ะ “นี่เจ้ายังกินได้อีกหรือ?”ซุนชิงไต้เม้มปาก แล้วทำแก้มป่อง “ข้าเอกลับไปกินตอนดึกไม่ได้หรือ?”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกความจุอาหารของสตรีผู้นี้ดีกว่าทักษะทางการแพทย์เสียอีก!หลี่หลงหลินได้แต่สั่งให้คนไปเอาน่องไก่สองชิ้นมาให้ชุนชิงไต้ซุนชิงไต้ใส่น่องไก่เข้าไปในอกเสื้อของนางแล้วจากไปอย่างมีความสุข คิดจะซ่อนตัวแทะมันใต้ผ้าห่มซูเฟิ่งหลิงเหนื่อยมาทั้งวัน จึงไม่คิดจะกลับไปที่จวนตระกูลซู แต่อยู่ที่เขาทิศประจิมถึงยังไงที่เขาทิศประจิมก็มีห้องว่างมากมาย หากไม่เข้าไปอยู่เลย ก็อาจจะเสียเปล่านางหาว “ข้าจะไปนอนแล้ว”“ช้าก่อน”หลี่หลงหลินหยุดซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ “สะใภ้สามอายุเท่าไหร่กันแน่?”ซูเฟิ่งหลิงกลอกตามอง “เจ้าคิดอะไร? ไม่รู้หรือว่าอายุของเด็กสาวเป็นความลับ ห้ามถามสุ่มสี่สุ่มห้า ยังไงก็เถอะ อายุของพี่สะใภ้สามก็พอๆ กับข้านั่นแหละ...”หลี่หลงหลินถามแปลกๆ “แล้วนางกับพี่สามตระกูลซูรู้จักกันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงก็
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปมคิดไม่ถึงว่า ตนเกิดเป็นมนุษย์มาถึงสองชาติภพ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้!ความคิดความอ่านของฮ่องเต้หวู่ยากจะหยั่งถึง จิตใจลึกลับซับซ้อนดั่งเหวเสมือนทะเลราชวงศ์ต้าเซี่ย เต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องดูไม่ออกหรือว่า ตนถูกปรักปรำ?พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ!ถึงขึ้นที่ว่า แม้แต่แม่ทัพผู้เฒ่าซูก็ตระหนักรู้ว่า เป็นฝีมือของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักที่ปล่อยข่าวรั่วไหล ทำให้ทหารตระกูลซูตกอยู่ในวงล้อม นำมาซึ่งความพ่ายแพ้!ดังนั้น แม่ทัพผู้เฒ่าซูจึงสู้สุดชีวิต ปกป้องและพาตนเองตีฝ่าวงล้อมออกมา!เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ทัพผู้เฒ่าซูสู้รบเพียงลำพัง จนหมดแรงแล้วสิ้นใจในที่สุดก่อนตาย เขาทิ้งจดหมายเขียนด้วยเลือดไว้หนึ่งฉบับ ให้ตนนำไปให้ฮ่องเต้หวู่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!หลี่หลงหลินรีบกุมแผ่นอก พบว่าจดหมายเขียนด้วยเลือดยังอยู่ เขาจึงค่อยโล่งอก!จดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ เป็นความหวังเดียวในการพลิกชะตาชีวิตของตน!ทว่าหลี่หลงหลินคิดทบทวนหลายครั้ง เขาไม่คิดจะเอาจดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ออกมา แล้วให้ฮ่องเต้หวู่โดยตรงเหตุผลนั