“วิธีการเล่นนี้ค่อนข้างใหม่ เริ่มได้ ” ได้ยินดังนั้นแล้ว บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เจ้าของโรงพนันก็เดินออกไป เมื่อเดินกลับเข้ามาอีกครั้งก็มาพร้อมกลุ่มนักดนตรีและนักเต้นรำผู้ที่ถือลูกเต๋านั่งอยู่ตรงกลาง มีโต๊ะอยู่ด้านหน้า นักดนตรีสามสี่คนนั่งล้อมอยู่รอบ ๆ ทันใดนั้นมือของผู้ที่ถือลูกเต๋าก็ขยับเล็กน้อยและเสียงดนตรีก็ดังขึ้น เสียงของผีผา กู่ฉิน ขลุ่ยเซียวและคงโหว…ดังประสานกัน ไพเราะเพราะพริ้งทั้งยังกลบเสียงลูกเต๋าอีกด้วย ฉู่เนี่ยนซีถูกทำให้เสียสมาธิเป็นอย่างมาก ในตอนที่นางต้องการมองดูการเคลื่อนไหวของคนผู้นี้อย่างระมัดระวัง นักเต้นรำกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาร่ายรำบดบังสายตาของนาง สิ่งนี้ทำให้นางอดอารมณ์เสียเล็กน้อยไม่ได้ แต่นางก็สงบนิ่งลงได้อย่างรวดเร็ว นางมิเคยพบเจอกับสถานการณ์อะไรที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนในชาติที่แล้ว นางจะต้องพิชิตปัญหานี้ไปให้ได้ คิดเช่นนี้แล้ว นางค่อย ๆ หลับตาลงแล้วใช้นิ้วเคาะลงบนหน้าโต๊ะเป็นจังหวะ สิ่งกีดขวางที่ถูกสร้างขึ้นแทบจะจางหายไป กลายเป็นเกราะป้องกันเสียงเครื่องดนตรีพื้นบ้านเหล่านั้น ยังป้องกันเสียงฝีเท้าและเสียงกระดิ่งที่มาจากนักเต้นรำสาวไว้ด้านนอก จกา
ลมหายใจของฉู่เนี่ยนซีหยุดนิ่ง และปฏิกิริยาแรกของนางคือเหตุใดขณะที่อวี๋ตงเป็นคนเฝ้าเรือน เหตุใดเย่เฟยหลีถึงมาอยู่ที่นี่ได้?สิ่งที่นางไม่รู้ก็คืออวี๋ตงดูแลเรือนเป็นอย่างดี แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่เฟยหลีที่ปกติหลังจัดการงานราชการเสร็จแล้ว มักจะออกจากห้องอักษรกลับไปยังเรือนนอนของเขาทันที คืนนี้จะมาที่เรือนของฉู่เนี่ยนซีโดยไม่คาดคิดจากนั้น ด้วยยึดมั่นในภารกิจตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่ยิ่งใหญ่กว่าบัญชาสวรรค์ อวี๋ตงยืนอยู่ที่ประตูเรือนและเกือบจะชักดาบสู้กับเย่เฟยหลีแน่นอนว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่เย่เฟยหลีจะต่อสู้กับองครักษ์ได้จริง ๆบังเอิญว่าในตอนนั้นเอง เย่ฉงเฉิงส่งคนไปรายงานว่าเขาเห็นชายาหลีในอาภรณ์บุรุษที่สถานเริงรมย์ เย่เฟยหลีรู้สึกว่าเลือดในกายของตนกำลังเดือดพล่าน หันกลับอีกทีก็พาคนขับรถม้าคนสนิทมาถึงที่นี่เสียแล้วเขาลงจากรถม้าและกำลังจะก้าวเข้าไปข้างในสถานเริงรมย์ ทันใดนั้นกลิ่นยาที่คุ้นเคยก็ลอยมาแตะปลายจมูกของเขายังไม่ทันที่ฉู่เนี่ยนซีจะได้หาข้ออ้าง เย่เฟยหลีก็คว้าข้อมือของเธอแล้วลากไปที่รถม้าไปโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ“ปล่อย! นี่ท่านกำลังทำอะไร!”เพรามีความผิดติดตัว ฉู่เนี่ยนซีจึ
ฉู่เนี่ยนซีไม่สนใจประโยคหลังของเขา ที่เอาแต่คิดว่านางไม่ควรมาที่สถานเริงรมย์เพื่อความสนุกสนานส่วนเย่ฉงเฉิงตัวปัญหา เมื่อเขารู้เรื่องนั้น ก็รีบแจ้งข่าวเพื่อรอดูท่าทางของเย่เฟยหลีแต่โชคดีที่องค์ชายเจ็ดผู้นี้และเย่เฟยหลีสนิทกัน การหยอกล้อเขาเช่นนี้คงจะไม่ทำให้เรื่องแย่ลงเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉู่เนี่ยนซีก็ปาดเหงื่อ ครั้งต่อไปนางจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ถึงอย่างไร คงไม่ใช่ทุกครั้งที่นางจะโชคดีเหมือนเช่นครั้งนี้แม้ว่ารถม้าจะเอาสัญลักษณ์ของจวนองค์ชายหลีออกแล้ว แต่แค่มองดูผ่าน ๆ ก็รู้ได้ว่าเป็นรถม้าที่เชื้อพระวงศ์ใช้คนขับรถม้าคนนี้เป็นคนสนิทของเย่เฟยหลีมาหลายปี รู้ว่าคำซุบซิบนินทาของผู้คนเป็นเรื่องน่ากลัวขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงจงใจไม่วิ่งบนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน และบังคับรถม้ากลับไปที่จวนผ่านตรอกซอกซอยด้วยความคุ้นเคยขณะที่รถเลี้ยวเข้าไปในซอยอื่น จู่ ๆ ก็มีบางอย่างหล่นลงมาบนหลังคารถม้า เย่เฟยหลีหรี่ตาลงอย่างระมัดระวัง เคาะที่ประตูแล้วพูดว่า "เร่งความเร็วหน่อย อย่าอยู่ที่นี่นานเกินไป" "พ่ะย่ะค่ะ"คนขับรถม้าที่ได้รับคำสั่ง เร่งเฆี่ยนแส้เพื่อเร่งความเร็วในทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้วล
เห็นได้ชัดว่านักฆ่าเหล่านี้ซุ่มโจมตีเย่เฟยหลีหลังจากที่เขาออกจากจวนเพื่อมาตามหานาง เป้าหมายของพวกเขาจึงเป็นเย่เฟยหลีไม่ใช่นาง การเดินทางของนางเป็นความลับ ทำไมเย่ฉงเฉิงถึงเห็นนางได้?กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีบางคนใครเห็นนาง แล้วแอบบอกเย่ฉงเฉิง จากนั้นจึงกระจายข่าวไปถึงหูของเย่เฟยหลีด้วยนิสัยชอบสร้างปัญหาของเขา?ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วแน่น เย่เฟยหลีรู้เพียงว่านางไปที่สถานเริงรมย์ แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วนางไปโรงพนันพนัน หรือก็คือ คนที่เห็นนางนั้นอยู่ที่สถานเริงรมย์ ไม่ใช่ที่โรงพนันจุดประสงค์ของผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังคือการลอบสังหารเย่เฟยหลี และนางก็เป็นเพียงเหยื่อล่อเพื่อล่อให้เย่เฟยหลีออกจากจวน“เจ้ารู้วิธีใช้มีดตั้งแต่เมื่อไหร่?”เย่เฟยหลีไม่กล้าวางใจ ก่อนที่เหลียงหยวนจะเรียกหน่วยองครักษ์ทมิฬเข้ามา เขาก็วางมือไว้บนดาบไว้ที่เอวของตัวเองเช่นกันฉู่เนี่ยนซีมีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ จึงตอบแบบปัด ๆ "ข้าใช้เป็นตั้งนานแล้ว ท่านไม่รู้เอง"เย่เฟยหลีเลิกคิ้ว "ดูเหมือนว่าข้าจะไม่รู้อะไรเยอะทีเดียว"ฉู่เนี่ยนซีไม่ได้พูดอะไรและจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เย่เฟยหลีก็ไม่ได้พูดต่อ แต่ดวงตาของเขายังคงจ้องมอ
ฉู่เนี่ยนซีตกอยู่ในภวังค์องค์ชายแห่งวังหลวง องค์ชายผู้สูงศักดิ์ที่ยามปกติมักจะดูถูกสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ในตอนนี้กลับทำให้รู้สึกหวั่นไหวได้... ฉู่เนี่ยนซีส่ายหน้าอย่างรุนแรง และปฏิเสธด้วยรอยยิ้มสุภาพ "ถ้าข้าไปนอนบนเตียง ไม่ใช่ว่าท่านต้องนอนบนพื้นหรือ?”ขณะที่พูดนางก็หลับตาอย่างเหนื่อยล้าอีกครั้ง แต่ในใจก็ยังคิดนั่นคิดนี่ไม่หยุดตั้งแต่เหตุการณ์ที่เย่เฟยหลีถูกวางยา การจัดงานเลี้ยงในวัง ไปจนถึงบ่อนพนัน และจากนั้นก็การลอบสังหารเมื่อครู่นี้…ก่อนที่นางจะได้คิดอะไรต่อ ก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเบาขึ้น เมื่อลืมตา พบว่านางอยู่ในอ้อมแขนของเขา นางสะดุ้ง และขัดขืนอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าเย่เฟยหลีจะเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ แต่แขนที่อุ้มนางไว้ก็ไม่ปล่อยง่าย ๆเมื่อดิ้นมาก ๆ เข้า ก็เริ่มทรงตัวไม่อยู่ ทำให้เขาต้องรีบวางนางลงจนนางกลิ้นหลุน ๆ อยู่บนเตียงจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูแปลก ๆ เมื่อนึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่นางทำในชีวิตก่อนอย่างกล้าหาญและไม่ได้คำนึงถึงผลที่ตามมา ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกอึดอัดอย่างห้ามไม่ได้แต่เย่เฟยหลีแค่ดึงผ้าห่มขึ้นแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม "นอนเสีย!"เพียงสองคำระงับ
“เดี๋ยว!”ฉู่เนี่ยนซีตะโกนอย่างรีบร้อน ห้ามอวี๋เป่ย แล้วหันไปมองเย่เฟยหลี “ใจเย็น ๆ นี่ข้าเอง”เหงื่อเย็นของเย่เฟยหลีไหลลงมาที่หน้าผาก เสื้อสีขาวด้านในของเขาก็เปียกโชกไปหมด ดวงตาของเขาค้างอยู่เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะกลับมีสติ และค่อย ๆ เอามีดออกจากลำคอของฉู่เนี่ยนซีฉู่เนี่ยนซีมองไปที่อวี๋เป่ย อวี๋เป่ยจึงออกไปอย่างเงียบ ๆ และปิดประตู“หากท่านฝันร้ายก็พักผ่อนก่อนเถอะ ยังไม่ต้องรีบกลับหรอก”ฉู่เนี่ยนซีพูดอย่างใจเย็นในขณะที่ขยับตัวผ่านเขาไปและลงจากเตียง นางมองในกระจกคิดว่าต้องขอบคุณที่ตัวเองนอนไปทั้งที่ ๆ ใส่ชุดเดียวกันกับเมื่อคืนนี้ จึงช่วยให้นางรอดพ้นจากความลำบากใจต่อการเปลี่ยนเสื้อผ้าในเช้านี้เย่เฟยหลี่หลับตาและไม่พูดอะไร เพียงหอบเล็กน้อย ฉู่เนี่ยนซีสามารถมองเห็นการขยับขึ้นลงของแผ่นหลังที่ไม่มั่นคงของเขาผ่านกระจกได้อย่างชัดเจนผ่านไปไม่นาน ทั้งสองคนสวมผ้าคลุมอีกครั้งและเข้าไปในรถม้าที่เหลียงหยวนนำมาให้ใหม่เย่เฟยหลีกลับมาเป็นองค์ชายหลีผู้เย็นชาคนเดิมแล้วฉู่เนี่ยนซีรู้ว่านางเพิ่งได้เห็นด้านที่ค่อนข้างเปราะบางของเขาเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ นางเข้าใจเป็นอย่างดีและไม่ได้พูดถึงเ
ซ่างกวานเยียนมองเขา และคิดว่ารู้สึกคุ้มค่าที่ตนยอมยุ่งหัวหมุนตลอดช่วงเช้าเพื่อเตรียมอาหาร“สุขภาพเจ้าไม่ดีนัก จากนี้ก็สั่งให้คนรับใช้ทำแทนเสีย”เย่เฟยหลีคีบอาหารด้วยตะเกียบ แม้น้ำเสียงที่เขาพูดจะเย็นชาแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ซ่างกวานเยียนที่ได้ยินดังนั้นก็ปลาบปลื้มใจ“พระองค์เองก็เพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วย หากงานราชการยังไม่เสร็จก็ทรงพักผ่อนก่อนเถิดเพคะ”ซ่างกวานเยียนช่วยรินสุราให้เขาอย่างเบามือ ขณะนั้นก็เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายจึงได้ถามออกไป “เห็นพระองค์รีบออกไปจากจวนตั้งแต่คืนวาน กว่าจะกลับมาก็เช้าแล้ว มีเรื่องอะไรหรือเพคะ?”คิ้วของเย่เฟยหลีกระตุกอย่างไม่ตั้งใจเมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่ฉู่เนี่ยนซีพาผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปดื่มเหล้าสังสรรค์อย่างไม่เกรงใจใคร“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องกังวล ข้าแก้ไขเรียบร้อยแล้ว”ซ่างกวานเยียนรู้สึกเสียใจที่ได้ยินดังนั้น “เมื่อก่อนท่านอ๋องหลีมีเรื่องอะไรก็ทรงบอกหม่อมฉันตลอด ไม่รู้เหตุใดเดี๋ยวนี้ถึงรู้สึก...รู้สึกว่าหม่อมฉันช่วยอะไรพระองค์ไม่ได้เลย”ขณะที่พูด ขอบตาของนางค่อย ๆ แดงขึ้น และหันหน้าหนีด้วยความเศร้าใจเย่เฟยหลีละสายตามามองหน้าของซ
ซ่างกวานเยียนที่กำลังหลับตารอการประทับจูบจากชายตรงหน้าอย่างว่าง่าย…แต่กระนั้น ริมฝีปากของคนทั้งคู่ที่อยู่ห่างกันไม่กี่นิ้วกลับหยุดชะงักลงเย่เฟยหลีเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อได้มองใบหน้างดงามไร้ที่ติของซ่างกวานเยียน พลันบังเอิญนึกถึงเหตุการณ์ในคืนหนึ่งไม่นานมานี้ที่เขาถูกวางยาคืนนั้น ฉากหลังที่มีแสงเทียนและตั่งลักษณะนี้ หญิงสาวผู้นั้นบีบคางเขาอย่างรุนแรง รอยแดงเป็นปื้น ๆ ที่ผุดขึ้นตามผิวหนังเริ่มลุกลามและกระจายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วคืนนี้ก็เช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักได้ว่า ตลอดสามเดือนที่แต่งงานกันมา นั่นคือครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสมองตานางใกล้ ๆ เช่นนี้แม้จะมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้า แต่ดวงตาของนางช่างงดงามเหลือเกินเวลาผ่านไป ไม่มีแม้แต่ความเคลื่อนไหวใดใด ซ่างกวานเยียนจึงลืมตาขึ้นมอง พบว่าแม้นางกับเย่เฟยหลีจะชิดใกล้จนลมหายใจรดกันเช่นนี้ แต่ดวงตาของอีกฝ่ายกลับเหม่อเสมือนว่าใจได้ล่องลอยไปที่อื่นเสียแล้ว“ท่านพี่ลี่...?”เย่เฟยหลีที่ได้สติจึงหันกลับมาสนใจซ่างกวานเยียนที่อยู่ตรงหน้า สักพักก็ทรุดลงข้างตั่งอย่างอ่อนแรง พลางขมวดคิ้วขึ้นและกุมบาดแผลที่หัวไหล่ของตนไ