“อวดดีนัก! ฉู่เนี่ยนซี ชายาเหลียนเพียงแค่ตั้งคำถาม แต่เจ้ากลับกล้าลงมือ เจ้าอยากทำตัวเหนือกว่าจักรพรรดิอย่างนั้นรึ?”ฮองเฮาตวาดนางด้วยความโกรธทันที หากนางกล้ำกลืนต่อไป ดูท่าว่าเย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีคงจะจัดการนางเป็นรายต่อไปแน่“เสด็จพ่อยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย พระองค์ก็เปิดปากสั่งสอนหม่อมฉันแทนเสด็จพ่อเสียแล้ว ทำไมหรือเพคะ? ท่านอยากทำตัวเหนือกว่าเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีโยนคำพูดกลับไปที่นางอีกครั้ง ด้วยรังสีที่คล้ายจะเหนือกว่าฮองเฮานางคุกเข่าลงและจ้องมองเจี่ยงจาวอวิ๋นอย่างดุร้าย และทันใดนั้นดอกไม้ที่ชั่วร้ายก็เบ่งบานที่มุมปากของนาง “ท่านบอกเองว่าให้ข้าจำเอาไว้ นี่เพียงแค่ครั้งแรกเท่านั้น ท่านตีข้าสิบห้าครั้ง ข้าจะค่อย ๆ เอาคืนอย่างช้า ๆ”นางตบหน้าเจี่ยงจาวอวิ๋นเบา ๆ ความชั่วร้ายในดวงตาของนางรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และพูดเสียงต่ำที่ได้ยินกันแค่สองคน“เจี่ยงจาวอวิ๋น ท่านกลัวอะไรงั้นรึ? วันนั้นที่ท่านรีบไปที่ห้องขังท่านมีความสามารถมากไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นข้าบอกท่านแล้วว่าข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า นี่พึ่งจะเริ่มต้นเอง ท่านต้องดูแลตัวเองด้วยนะเพคะ ไม่อย่างนั้นหากท่านตายไปแล้วข้าจะคิด
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอจับตัวเจี๋ยงเกอเหล่าและเจี่ยงจาวอวิ๋นเข้าคุกและสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนชั่วรอดไปได้พ่ะย่ะค่ะ!”คำพูดที่หนักแน่นของเย่เฟยหลี ทำให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เคยลงโทษฉู่เนี่ยนซีหน้าถอดสี ‘เหตุใดสถานการณ์ถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ล่ะ?’เดิมทีพวกเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นฝ่ายเหนือกว่า แต่ในพริบตาเดียวก็เสียเปรียบเสียได้เจี๋ยงเกอเหล่ามองเย่เฟยหลีด้วยความไม่เชื่อ จากนั้นจึงหันไปมองเย่เหลียนลูกเขยของเขา และรู้สึกเวียนหัวราวกับท้องพระโรงกำลังสั่นไหว“เย่เฟยหลี อย่าให้มันมากเกินไปนัก!”เย่เหลียนยังคงช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง เขาไม่ต้องการให้อำนาจทางทหารที่ได้รับมาอย่างยากลำบากคืนกลับไปให้กับเย่เฟยหลี“เสด็จพ่อได้โปรดออกคำสั่งจำคุกเจี๋ยงเกอเหล่ากับเจี่ยงจาวอวิ๋น และสอบปากคำพวกเขาอย่างละเอียดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”คำให้การทั้งสามถูกบดขยี้ในมือของจักรพรรดิ เขามองดูสีหน้าตื่นตระหนกของเจี๋ยงเกอเหล่าและเจี่ยงจาวอวิ๋น ก่อนจะเกิดความสงสัยขึ้นในใจจักรพรรดิโบกมือและสั่งให้ทหารองครักษ์นำตัวทั้งสองคนลงไป และพาพวกเขาไปที่เรือนจำในที่สุดพายุก็สงบลง และท้องฟ้าด้านนอกที่มืดมนก็กลับมาแจ่มใส
ซ่างกวานเยียนหน้าเปลี่ยนสี นางกระตุกมุมปาก ก่อนที่จะฝืนยิ้มแข็งไว้ นางมองเสี่ยวเถาด้วยสายตาดุดันก่อนจะเรือนตัวเองไปพร้อมกับฝูหรงอย่างโกรธเคือง“ฝูหรง เจ้าไปทำธุระให้ข้าที”ซ่างกวานเยียนนั่งลงบนโต๊ะและกระซิบกับฝูหรง หลังจากที่ฝูหรงจากไปแล้ว ซ่างกวานเยียนก็มองไปที่ลวดลายอันงดงามผ้าปูโต๊ะ และไฟในดวงตาของนางก็ลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆยังคงอยู่ในห้องของวัดเป่าฮวา ซ่างกวานเยียนไล่ฝูหรงออกไปและเข้าไปในเรือนเพียงลำพัง เมื่อเห็นชายชุดดำ นางก็ทำความเคารพอย่างง่าย ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนสีหน้าร้องเรียนของนางได้ “นายท่าน เหตุใดเรื่องนี้ถึงล้มเหลวเล่าเจ้าคะ?”“คงต้องถามตัวเจ้าว่าหาคนโง่เขลาเช่นนั้นมาจากที่ใด?”หมวกคลุมเลื่อนลงมาตามการเคลื่อนไหวของชายคนนั้น เผยให้เห็นดวงตาที่ดุร้ายของเขาดวงตาของเป่ยถูดูน่ากลัวยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ใจของซ่างกวานเยียนสั่นไหว“เป็นเพราะข้าทำงานไม่ได้เรื่องเองเจ้าค่ะ”“เอาล่ะ เราเกือบจะถูกเปิดเผยเพระาเรื่องนี้แล้ว เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน เจ้าต้องรีบเก็บข้าวของและตามข้ากลับมณฑลตะวันตกโดยเร็วที่สุด ผ่านช่วงนี้ไปแล้วค่อยมาหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป”“เจ้าค่ะ”หลังจากที่
“เกิดอะไรขึ้น?!” แม้ว่าซ่างกวานชางจะโกรธเล็กน้อย แต่เขาก็ยังมีเหตุผล “นางทำอะไรเจ้า?”“เมื่อฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าข้ากำลังตั้งครรภ์ นางก็รู้สึกไม่พอใจและอิจฉา จึงใช้มีดแทงข้าเจ้าค่ะ! ท่านพี่ ข้ากลัวเหลือเกิน หลังจากทหารรอบ ๆ จวนของท่านอ๋องหลีจากไป ข้าจึงรีบส่งคนไปตามท่านมาทันที”ซ่างกวานเยียนอยู่ในอ้อมแขนของซ่างกวานชางเหมือนลูกแมวที่หวาดกลัว นางร้องไห้หนักมากจนแก้มแดงไปหมด“นางกล้าทำเช่นนั้นกับเจ้าได้อย่างไร !”ซ่างกวานชางโกรธมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นซ่างกวานเยียนปลดกระดุมชุดของนางออกเพื่อเผยให้บาดแผลตรงเอวที่ยังไม่หายดีให้เขาดู ซ่างกวนชางก็รู้สึกถึงไฟที่ลุกไหม้อยู่ในอกของเขาทันที“นางเป็นชายาเอก ส่วนข้าเป็นเพียงสนม ผู้หญิงอ่อนแออย่างข้าจะทำอย่างไรได้ล่ะเจ้าค่ะ ชีวิตข้าอยู่ในกำมือนางแล้ว”ขณะที่พูดซ่างกวานเยียนก็คว้าข้อมือของซ่างกวานชาง และร้องไห้อย่างขมขื่นซ่างกวานชางมีสีหน้าดุร้าย เมื่อเห็นซ่างกวานเยียนร้องไห้อย่างเศร้า ๆ ในอ้อมแขนของตน เขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะแตกสลาย“เยียนเอ๋อร์ เจ้าหยุดร้องเถิด หากร่างกายของเจ้าได้รับบาดเจ็บ มันจะยิ่งยากต่อการรักษาบาดแผล ฉู่เนี
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส และในตอนเช้าจักรพรรดิได้มอบอำนาจทางทหารทั้งหมดของกองทัพตระกูลเย่แห่งอาณาจักรแห่งรัตติกาลกลับคืนให้เย่เฟยหลีเย่เหลียนและไป๋ชิงต่างก็โต้แย้ง แต่พวกเขาต่างก็ถูกจักรพรรดิตำหนิ จึงทำได้เพียงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธอย่างทำอะไรไม่ได้หลังจากศาลช่วงเช้า เย่เฟยหลีก็ถูกขันทีเฉินเชิญให้ไปที่ห้องอักษรของจักรพรรดิ คนรับใช้โดยรอบต่างก็ถูกขับไล่ออกไป “หลีเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงมอบอำนาจทางทหารทั้งหมดกลับคืนให้เจ้าโดยเร็วเช่นนี้?”ดวงตาเคร่งขรึมของจักรพรรดิเต็มไปด้วยความพึงพอใจ“เสด็จพ่อมีแผนการ ลูกเพียงแค่ฟังคำสั่งของท่านพ่ะย่ะค่ะ”เย่เฟยหลีตอบโดยไม่พลาดจังหวะเดียว การแสดงออกด้วยความเคารพและสงบของเขาปกปิดความคิดที่พลุ่งพล่านในส่วนลึกดูเหมือนว่าเขาจะเดาได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด? แต่คำพูดดังกล่าวไม่สามารถออกมาจากปากของเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกกล่าวหาว่าโลภราชบัลลังก์จักรพรรดิพยักหน้า และเตือนเขาว่าอย่าเป็นเหมือนคนในราชวงศ์ก่อนที่มีอำนาจและกระทำโดยพลการ แต่ให้รักษาความตั้งใจที่แท้จริงและปฏิบัติต่อประชาชนอย่างจริงใจ ก่อนที่จะให้เขากลับไปได้จักรพรรดิยืนอยู่ริ
เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ลงโทษเขา ผู้คุมจึงล้มลุกคลุกคลานรีบมุ่งไปยังห้องขังของเจี่ยงจาวอวิ๋นเสี่ยวเถาประคองฉู่เนี่ยนซีเข้าไปในคุก ยิ่งเข้าไปข้างในรอบข้างก็ยิ่งมืดลง มีเลือดของใครบางคนกระเซ็นอยู่ตามมุมต่าง ๆ ซึ่งยังเป็นสีแดงสดอยู่ คงจะเป็นเลือดใหม่ ทันใดนั้นเสี่ยวเถาก็รู้สึกหวาดกลัวในใจ พลางกระชับของฉู่เนี่ยนซีไว้แน่นไม่คิดจะปล่อยไปง่าย ๆ“ไม่เป็นไร ข้าอยู่นี่”ฉู่เนี่ยนซีปลอบนางเบา ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาขณะที่หวังลี่กำลังเข้ากะปฏิบัติงานและถือกุญแจมาเพื่อจะเข้าไปตรวจสอบนักโทษ เขาเลี้ยวตรงหัวมุมและได้เผชิญหน้ากับฉู่เนี่ยนซีและเสี่ยวเถาแบบจัง ๆ เขาตกใจอ้าปากกว้าง แทบจะทรุดตัวลงกับพื้นฉู่เนี่ยนซีถอดหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ไม่มีใครเทียบได้ นางเงยหน้ามองหวังลี่พลางพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าเอง”หลังจากที่เห็นบุคคลนั้นอย่างชัดเจนแล้ว หวังลี่ก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่ ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีซีดเป็นสีผิวเดิม จากนั้นก็ทำความเคารพฉู่เนี่ยนซีอย่างเหมาะสม“พระชายาหลีเพิ่งจะจากที่นี่ไปได้ไม่กี่วัน เหตุใดถึงกลับมาอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉู่เนี่ยนซีขยิบตาให้เสี่ยวเถา และเสี่ยวเถาก็เข้าใจทั
“ชีวิตข้าดีขึ้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ภัยพิบัติจากสวรรค์ยังพอหลีกหนีได้ แต่มนุษย์เราไม่อาจหลีกเลี่ยงบาปที่ตัวเองก่อไว้ได้ เจี่ยงจาวอวิ๋น เจ้าทำตัวเจ้าเองทั้งนั้น”ฉู่เนี่ยนซีมองนางอย่างเย็นชาราวกับมองตัวหนอนในคูน้ำเน่าเหม็น ในใจรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมากหวังลี่ยกเก้าอี้สะอาดมาให้ฉู่เนี่ยนซีนั่ง “กระหม่อมจะไปรออยู่นอกประตู หากพระชายาหลีต้องการอะไรก็รับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่เนี่ยนซีมองเสี่ยวเถาอย่างอ่อนโยน “เจ้าเองก็ออกไปรอข้างนอกเถอะ เดี๋ยวจะกลัวเอาเปล่า ๆ “เสี่ยวเถาย่อรับคำและออกไปพร้อมกับหวังลี่“ฉู่เนี่ยนซี เจ้าจะขู่ใครกัน? อย่าคิดว่าตอนนี้เจ้าจะมาก่อความวุ่นวายอะไรได้ ตระกูลของท่านแม่ข้าเป็นผู้อาวุโสในราชสำนัก และสวามีข้าก็เป็นองค์ชายที่ใกล้ชิดกับฮองเฮามากที่สุด เจ้ากล้าดีอย่างไรคิดจะมาปลิดชีวิตข้า?!”เจี่ยงจาวอวิ๋นอยากจะพุ่งเข้าใส่ฉู่เนี่ยนซีด้วยความดุดัน ดวงตาของนางราวกับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง และยิ่งโกรธมากขึ้นเพราะตนเองไม่สามารถขยับได้“ข้าจะฆ่าเจ้าไปทำไม? มือสกปรกเปล่า ๆ ”ฉู่เนี่ยนซีเดินช้า ๆ ไปหาเจี่ยงจาวอวิ๋น บีบปากของนางบังคับให้นางมองมาที่ตนเจี่ยงจาวอวิ๋นถ
แต่นางไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ซึ่งทำให้เย่เฟยหลีพอใจมาก“ข้ามีเรื่องต้องไปถามท่านพ่อให้ชัดเจน หากท่านมีธุระก็ไปจัดการก่อนเถอะ”“ข้าไม่มีธุระอะไร เช่นนั้นเราไปกันเถอะ”ภายใต้แสงจันทร์สว่างสดใสที่ส่องแสงอันหนาวเย็นทอดลงบนถนน ในรถม้าเงียบไปตลอดทางจนมาถึงประตูจวนมหาเสนาบดีฉู่สาวใช้ในจวนเห็นฉู่เนี่ยนซีและเย่เฟยหลีก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ เมื่อฉู่เนี่ยนซี ถามว่าพ่อของนางอยู่ที่ไหน นางก็ตอบด้วยความนอบน้อม “นายท่านอยู่ในห้องหนังสือเพคะ”เย่เฟยหลีหันไปหาฉู่เนี่ยนซี “ต้องให้ข้าไปกับเจ้าหรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านไปรอข้าที่ห้องโถงใหญ่สักครู่เถิด”“ได้”ประตูห้องหนังสือถูกฉู่เนี่ยนซีผลักเปิดออกเสียงดังเอี๊ยด มหาเสนาบดีฉู่ที่ยังคงง่วนอยู่กับหนังสือราชการบนโต๊ะ เขาคิดว่าเป็นฮูหยินฉู่ จึงทำท่าเหมือนจะบ่น แต่จริง ๆ แล้วเขากลับพูดอย่างเป็นสุข “ฮูหยิน ข้าขอจัดการงานตรงนี้อีกสักหน่อยแล้วจะไปพักผ่อน เจ้ารอ…”เมื่อเห็นชัดว่าเป็นฉู่เนี่ยนซี มหาเสนาบดีฉู่ก็หยุดพูด ความสุขที่ได้เห็นลูกสาวทำให้เขาลุกจากโต๊ะทันทีและมาหาฉู่เนี่ยนซี“ซีเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ตอนน