“เกิดอะไรขึ้น?!” แม้ว่าซ่างกวานชางจะโกรธเล็กน้อย แต่เขาก็ยังมีเหตุผล “นางทำอะไรเจ้า?”“เมื่อฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าข้ากำลังตั้งครรภ์ นางก็รู้สึกไม่พอใจและอิจฉา จึงใช้มีดแทงข้าเจ้าค่ะ! ท่านพี่ ข้ากลัวเหลือเกิน หลังจากทหารรอบ ๆ จวนของท่านอ๋องหลีจากไป ข้าจึงรีบส่งคนไปตามท่านมาทันที”ซ่างกวานเยียนอยู่ในอ้อมแขนของซ่างกวานชางเหมือนลูกแมวที่หวาดกลัว นางร้องไห้หนักมากจนแก้มแดงไปหมด“นางกล้าทำเช่นนั้นกับเจ้าได้อย่างไร !”ซ่างกวานชางโกรธมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นซ่างกวานเยียนปลดกระดุมชุดของนางออกเพื่อเผยให้บาดแผลตรงเอวที่ยังไม่หายดีให้เขาดู ซ่างกวนชางก็รู้สึกถึงไฟที่ลุกไหม้อยู่ในอกของเขาทันที“นางเป็นชายาเอก ส่วนข้าเป็นเพียงสนม ผู้หญิงอ่อนแออย่างข้าจะทำอย่างไรได้ล่ะเจ้าค่ะ ชีวิตข้าอยู่ในกำมือนางแล้ว”ขณะที่พูดซ่างกวานเยียนก็คว้าข้อมือของซ่างกวานชาง และร้องไห้อย่างขมขื่นซ่างกวานชางมีสีหน้าดุร้าย เมื่อเห็นซ่างกวานเยียนร้องไห้อย่างเศร้า ๆ ในอ้อมแขนของตน เขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะแตกสลาย“เยียนเอ๋อร์ เจ้าหยุดร้องเถิด หากร่างกายของเจ้าได้รับบาดเจ็บ มันจะยิ่งยากต่อการรักษาบาดแผล ฉู่เนี
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส และในตอนเช้าจักรพรรดิได้มอบอำนาจทางทหารทั้งหมดของกองทัพตระกูลเย่แห่งอาณาจักรแห่งรัตติกาลกลับคืนให้เย่เฟยหลีเย่เหลียนและไป๋ชิงต่างก็โต้แย้ง แต่พวกเขาต่างก็ถูกจักรพรรดิตำหนิ จึงทำได้เพียงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธอย่างทำอะไรไม่ได้หลังจากศาลช่วงเช้า เย่เฟยหลีก็ถูกขันทีเฉินเชิญให้ไปที่ห้องอักษรของจักรพรรดิ คนรับใช้โดยรอบต่างก็ถูกขับไล่ออกไป “หลีเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงมอบอำนาจทางทหารทั้งหมดกลับคืนให้เจ้าโดยเร็วเช่นนี้?”ดวงตาเคร่งขรึมของจักรพรรดิเต็มไปด้วยความพึงพอใจ“เสด็จพ่อมีแผนการ ลูกเพียงแค่ฟังคำสั่งของท่านพ่ะย่ะค่ะ”เย่เฟยหลีตอบโดยไม่พลาดจังหวะเดียว การแสดงออกด้วยความเคารพและสงบของเขาปกปิดความคิดที่พลุ่งพล่านในส่วนลึกดูเหมือนว่าเขาจะเดาได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด? แต่คำพูดดังกล่าวไม่สามารถออกมาจากปากของเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกกล่าวหาว่าโลภราชบัลลังก์จักรพรรดิพยักหน้า และเตือนเขาว่าอย่าเป็นเหมือนคนในราชวงศ์ก่อนที่มีอำนาจและกระทำโดยพลการ แต่ให้รักษาความตั้งใจที่แท้จริงและปฏิบัติต่อประชาชนอย่างจริงใจ ก่อนที่จะให้เขากลับไปได้จักรพรรดิยืนอยู่ริ
เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ลงโทษเขา ผู้คุมจึงล้มลุกคลุกคลานรีบมุ่งไปยังห้องขังของเจี่ยงจาวอวิ๋นเสี่ยวเถาประคองฉู่เนี่ยนซีเข้าไปในคุก ยิ่งเข้าไปข้างในรอบข้างก็ยิ่งมืดลง มีเลือดของใครบางคนกระเซ็นอยู่ตามมุมต่าง ๆ ซึ่งยังเป็นสีแดงสดอยู่ คงจะเป็นเลือดใหม่ ทันใดนั้นเสี่ยวเถาก็รู้สึกหวาดกลัวในใจ พลางกระชับของฉู่เนี่ยนซีไว้แน่นไม่คิดจะปล่อยไปง่าย ๆ“ไม่เป็นไร ข้าอยู่นี่”ฉู่เนี่ยนซีปลอบนางเบา ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาขณะที่หวังลี่กำลังเข้ากะปฏิบัติงานและถือกุญแจมาเพื่อจะเข้าไปตรวจสอบนักโทษ เขาเลี้ยวตรงหัวมุมและได้เผชิญหน้ากับฉู่เนี่ยนซีและเสี่ยวเถาแบบจัง ๆ เขาตกใจอ้าปากกว้าง แทบจะทรุดตัวลงกับพื้นฉู่เนี่ยนซีถอดหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ไม่มีใครเทียบได้ นางเงยหน้ามองหวังลี่พลางพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าเอง”หลังจากที่เห็นบุคคลนั้นอย่างชัดเจนแล้ว หวังลี่ก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่ ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีซีดเป็นสีผิวเดิม จากนั้นก็ทำความเคารพฉู่เนี่ยนซีอย่างเหมาะสม“พระชายาหลีเพิ่งจะจากที่นี่ไปได้ไม่กี่วัน เหตุใดถึงกลับมาอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉู่เนี่ยนซีขยิบตาให้เสี่ยวเถา และเสี่ยวเถาก็เข้าใจทั
“ชีวิตข้าดีขึ้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ภัยพิบัติจากสวรรค์ยังพอหลีกหนีได้ แต่มนุษย์เราไม่อาจหลีกเลี่ยงบาปที่ตัวเองก่อไว้ได้ เจี่ยงจาวอวิ๋น เจ้าทำตัวเจ้าเองทั้งนั้น”ฉู่เนี่ยนซีมองนางอย่างเย็นชาราวกับมองตัวหนอนในคูน้ำเน่าเหม็น ในใจรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมากหวังลี่ยกเก้าอี้สะอาดมาให้ฉู่เนี่ยนซีนั่ง “กระหม่อมจะไปรออยู่นอกประตู หากพระชายาหลีต้องการอะไรก็รับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่เนี่ยนซีมองเสี่ยวเถาอย่างอ่อนโยน “เจ้าเองก็ออกไปรอข้างนอกเถอะ เดี๋ยวจะกลัวเอาเปล่า ๆ “เสี่ยวเถาย่อรับคำและออกไปพร้อมกับหวังลี่“ฉู่เนี่ยนซี เจ้าจะขู่ใครกัน? อย่าคิดว่าตอนนี้เจ้าจะมาก่อความวุ่นวายอะไรได้ ตระกูลของท่านแม่ข้าเป็นผู้อาวุโสในราชสำนัก และสวามีข้าก็เป็นองค์ชายที่ใกล้ชิดกับฮองเฮามากที่สุด เจ้ากล้าดีอย่างไรคิดจะมาปลิดชีวิตข้า?!”เจี่ยงจาวอวิ๋นอยากจะพุ่งเข้าใส่ฉู่เนี่ยนซีด้วยความดุดัน ดวงตาของนางราวกับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง และยิ่งโกรธมากขึ้นเพราะตนเองไม่สามารถขยับได้“ข้าจะฆ่าเจ้าไปทำไม? มือสกปรกเปล่า ๆ ”ฉู่เนี่ยนซีเดินช้า ๆ ไปหาเจี่ยงจาวอวิ๋น บีบปากของนางบังคับให้นางมองมาที่ตนเจี่ยงจาวอวิ๋นถ
แต่นางไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ซึ่งทำให้เย่เฟยหลีพอใจมาก“ข้ามีเรื่องต้องไปถามท่านพ่อให้ชัดเจน หากท่านมีธุระก็ไปจัดการก่อนเถอะ”“ข้าไม่มีธุระอะไร เช่นนั้นเราไปกันเถอะ”ภายใต้แสงจันทร์สว่างสดใสที่ส่องแสงอันหนาวเย็นทอดลงบนถนน ในรถม้าเงียบไปตลอดทางจนมาถึงประตูจวนมหาเสนาบดีฉู่สาวใช้ในจวนเห็นฉู่เนี่ยนซีและเย่เฟยหลีก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ เมื่อฉู่เนี่ยนซี ถามว่าพ่อของนางอยู่ที่ไหน นางก็ตอบด้วยความนอบน้อม “นายท่านอยู่ในห้องหนังสือเพคะ”เย่เฟยหลีหันไปหาฉู่เนี่ยนซี “ต้องให้ข้าไปกับเจ้าหรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านไปรอข้าที่ห้องโถงใหญ่สักครู่เถิด”“ได้”ประตูห้องหนังสือถูกฉู่เนี่ยนซีผลักเปิดออกเสียงดังเอี๊ยด มหาเสนาบดีฉู่ที่ยังคงง่วนอยู่กับหนังสือราชการบนโต๊ะ เขาคิดว่าเป็นฮูหยินฉู่ จึงทำท่าเหมือนจะบ่น แต่จริง ๆ แล้วเขากลับพูดอย่างเป็นสุข “ฮูหยิน ข้าขอจัดการงานตรงนี้อีกสักหน่อยแล้วจะไปพักผ่อน เจ้ารอ…”เมื่อเห็นชัดว่าเป็นฉู่เนี่ยนซี มหาเสนาบดีฉู่ก็หยุดพูด ความสุขที่ได้เห็นลูกสาวทำให้เขาลุกจากโต๊ะทันทีและมาหาฉู่เนี่ยนซี“ซีเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ตอนน
ขณะที่แสงเทียนในห้องอ่านหนังสือเต้นโรมเลียอากาศด้านบน เรื่องในอดีตก็แพร่กระจายออกไปในห้วงเวลาแห่งปัจจุบันอีกครั้ง ทุกคำพูดที่มหาเสนาบดีฉู่พูดเป็นราวกับคลื่นอันแสนปั่นป่วนในอดีต ฉู่เนี่ยนซีที่กำลังฟังอยู่ตกใจจนพูดไม่ออกเมื่อฉู่เนี่ยนซีได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง นางก็เข้าใจว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงมีสีหน้าซับซ้อนเช่นนั้นเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นจี้หยกนางไม่รู้ว่าตอนนั้นเป็นจี้หยกหรือใบหน้าของนางที่ช่วยชีวิตนางไว้ แม่ของนางเพียงต้องการจะปิดบังเรื่องนี้ไว้จนถึงที่สุดเพื่ออยากให้นางมีชีวิตที่ไร้กังวลเท่านั้นกว่าจะได้ออกมาจากห้องหนังสือก็เกือบจะถึงยามไฮ่ ในตอนนี้ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะยอมรับประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยปั่นป่วนดั่งคลื่นโหมกระหน่ำรวมไปถึงตัวตนที่แท้จริงของนางแต่ประวัติศาสตร์ก็ยังคงเป็นประวัติศาสตร์และอดีตก็เป็นได้เพียงอดีตเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร ความรักที่มหาเสนาบดีฉู่และฮูหยินฉู่มีต่อนางนั้นล้วนเป็นของจริงและในใจของนางก็รู้สึกไม่ต่างจากได้ความรักจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเมื่อฉู่เนี่ยนซีมาถึงห้องโถงใหญ่ก็เห็นเย่เฟยหลีกำลังดื่มชา เขาเห็นว่าใบหน้าของนางดูแย่ลงเล็กน้อย
“นายหญิงมีอะไรจะสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ข้าสงสัยว่าคราวก่อนที่ข้าถูกเปิดเผยว่าเป็นเจ้าของโรงพนันหุยหุน อาจเป็นเพราะคนในแอบเอาข้อมูลไปเผยแพร่ แต่หากจะตรวจสอบทีละคนคงเป็นการยาก อีกทั้งจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ข้าเลยอยากเปลี่ยนคนใหม่ทั้งหมด เรื่องนี้ข้าให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”ถ้วยชาในมือของฉู่เนี่ยนซีมีลวดลายที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้มือเปล่าของนางดูขาวและเรียวเหมือนต้นหอมสีเขียวเมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่และมั่นคงของฉู่เนี่ยนซี อวี๋เป่ยก็ตอบรับพลางเดินไปเปิดประตูและออกไปเตรียมตัวฉู่เนี่ยนซีเดินออกไปพร้อมกับถ้วยชา มองลงไปที่การเคลื่อนไหวของทุกคนที่ชั้นล่าง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยอันตรายและความสงสัยทันใดนั้น ไอสังหารระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจากด้านข้างของฉู่เนี่ยนซี นางเงยหน้าขึ้นและรีบโยนถ้วยชาในมือออกไปสกัดไอสังหารนั้นไว้ เมื่อปรากฏเสียงดังคมชัดขึ้นในหู ถ้วยชาก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ฉู่เนี่ยนซีถอยหลังไปสองก้าวแล้วเงยหน้าขึ้นมองบุคคลผู้นั้น ก่อนเห็นเพียงชายสวมหน้ากากชุดดำยืนอยู่ตรงนั้นฉู่เนี่ยนซีหรี่ตาเล็กน้อยพลางส่งสายตาอาฆาตที่เห็นได้ชัดในดวงตาของนาง แต่เนื่องจากนางไม่มีอาวุธอยู่ในมืออีกทั้งยังอย
แผ่นหลังของฉู่เนี่ยนซีได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงได้แต่นอนราบเท่านั้น เสี่ยวเถาให้ยาฉู่เนี่ยนซีอย่างระมัดระวัง ในขณะที่น้ำตาไหลไปด้วยแต่ฉู่เนี่ยนซีอาการหนักจนไม่สามารถดื่มยาเข้าไปได้เลยเย่เฟยหลีให้นางพิงแขนของเขาอย่างแผ่วเบาเพื่อหลีกเลี่ยงบาดแผลอย่างระมัดระวัง มือขวาของเขาหยิบช้อนมาป้อนยาให้กับฉู่เนี่ยนซีทีละน้อยคืนฤดูหนาวมาถึงอย่างรวดเร็ว ลมหนาวส่งเสียงอันน่าสะพรึงกลัวผ่านกิ่งไม้แห้ง ราวกับเสียงสัตว์ร้ายที่เข้าโจมตีเมืองอย่างบ้าคลั่งเหลียงหยวนและอวี๋เป่ยที่ไปยังที่ต่าง ๆ มาตลอดทั้งคืนก็กลับมาเห็นเย่เฟยหลีรอพวกเขาอยู่ในห้องโถงใหญ่ เหลียงหยวนยกมือขึ้นคำนับทันทีพลางพูดว่า “ท่านอ๋อง กระหม่อมและอวี๋เป่ยสืบพบว่านักฆ่าเหล่านั้นล้วนเป็นคนของกองกำลังชังสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเย่เฟยหลีได้ยินคำว่า “กองกำลังชังสวรรค์” ในดวงตาของเขาก็เหมือนมีพายุและฝนตกที่โหมกระหน่ำจนทำให้ทั้งทะเลกลายเป็นคลื่นรุนแรง ข้อต่อของหมัดที่กำแน่นของเขาเปลี่ยนเป็นสีซีดกองกำลังชังสวรรค์ นั่นคือกองกำลังของเย่เหลียนเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็ลืมตาขึ้น ก่อนที่นางจะรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนนางก็รู้สึกถึงความเจ็บ