แต่นางไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ซึ่งทำให้เย่เฟยหลีพอใจมาก“ข้ามีเรื่องต้องไปถามท่านพ่อให้ชัดเจน หากท่านมีธุระก็ไปจัดการก่อนเถอะ”“ข้าไม่มีธุระอะไร เช่นนั้นเราไปกันเถอะ”ภายใต้แสงจันทร์สว่างสดใสที่ส่องแสงอันหนาวเย็นทอดลงบนถนน ในรถม้าเงียบไปตลอดทางจนมาถึงประตูจวนมหาเสนาบดีฉู่สาวใช้ในจวนเห็นฉู่เนี่ยนซีและเย่เฟยหลีก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ เมื่อฉู่เนี่ยนซี ถามว่าพ่อของนางอยู่ที่ไหน นางก็ตอบด้วยความนอบน้อม “นายท่านอยู่ในห้องหนังสือเพคะ”เย่เฟยหลีหันไปหาฉู่เนี่ยนซี “ต้องให้ข้าไปกับเจ้าหรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านไปรอข้าที่ห้องโถงใหญ่สักครู่เถิด”“ได้”ประตูห้องหนังสือถูกฉู่เนี่ยนซีผลักเปิดออกเสียงดังเอี๊ยด มหาเสนาบดีฉู่ที่ยังคงง่วนอยู่กับหนังสือราชการบนโต๊ะ เขาคิดว่าเป็นฮูหยินฉู่ จึงทำท่าเหมือนจะบ่น แต่จริง ๆ แล้วเขากลับพูดอย่างเป็นสุข “ฮูหยิน ข้าขอจัดการงานตรงนี้อีกสักหน่อยแล้วจะไปพักผ่อน เจ้ารอ…”เมื่อเห็นชัดว่าเป็นฉู่เนี่ยนซี มหาเสนาบดีฉู่ก็หยุดพูด ความสุขที่ได้เห็นลูกสาวทำให้เขาลุกจากโต๊ะทันทีและมาหาฉู่เนี่ยนซี“ซีเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ตอนน
ขณะที่แสงเทียนในห้องอ่านหนังสือเต้นโรมเลียอากาศด้านบน เรื่องในอดีตก็แพร่กระจายออกไปในห้วงเวลาแห่งปัจจุบันอีกครั้ง ทุกคำพูดที่มหาเสนาบดีฉู่พูดเป็นราวกับคลื่นอันแสนปั่นป่วนในอดีต ฉู่เนี่ยนซีที่กำลังฟังอยู่ตกใจจนพูดไม่ออกเมื่อฉู่เนี่ยนซีได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง นางก็เข้าใจว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงมีสีหน้าซับซ้อนเช่นนั้นเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นจี้หยกนางไม่รู้ว่าตอนนั้นเป็นจี้หยกหรือใบหน้าของนางที่ช่วยชีวิตนางไว้ แม่ของนางเพียงต้องการจะปิดบังเรื่องนี้ไว้จนถึงที่สุดเพื่ออยากให้นางมีชีวิตที่ไร้กังวลเท่านั้นกว่าจะได้ออกมาจากห้องหนังสือก็เกือบจะถึงยามไฮ่ ในตอนนี้ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะยอมรับประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยปั่นป่วนดั่งคลื่นโหมกระหน่ำรวมไปถึงตัวตนที่แท้จริงของนางแต่ประวัติศาสตร์ก็ยังคงเป็นประวัติศาสตร์และอดีตก็เป็นได้เพียงอดีตเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร ความรักที่มหาเสนาบดีฉู่และฮูหยินฉู่มีต่อนางนั้นล้วนเป็นของจริงและในใจของนางก็รู้สึกไม่ต่างจากได้ความรักจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเมื่อฉู่เนี่ยนซีมาถึงห้องโถงใหญ่ก็เห็นเย่เฟยหลีกำลังดื่มชา เขาเห็นว่าใบหน้าของนางดูแย่ลงเล็กน้อย
“นายหญิงมีอะไรจะสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ข้าสงสัยว่าคราวก่อนที่ข้าถูกเปิดเผยว่าเป็นเจ้าของโรงพนันหุยหุน อาจเป็นเพราะคนในแอบเอาข้อมูลไปเผยแพร่ แต่หากจะตรวจสอบทีละคนคงเป็นการยาก อีกทั้งจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ข้าเลยอยากเปลี่ยนคนใหม่ทั้งหมด เรื่องนี้ข้าให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”ถ้วยชาในมือของฉู่เนี่ยนซีมีลวดลายที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้มือเปล่าของนางดูขาวและเรียวเหมือนต้นหอมสีเขียวเมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่และมั่นคงของฉู่เนี่ยนซี อวี๋เป่ยก็ตอบรับพลางเดินไปเปิดประตูและออกไปเตรียมตัวฉู่เนี่ยนซีเดินออกไปพร้อมกับถ้วยชา มองลงไปที่การเคลื่อนไหวของทุกคนที่ชั้นล่าง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยอันตรายและความสงสัยทันใดนั้น ไอสังหารระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจากด้านข้างของฉู่เนี่ยนซี นางเงยหน้าขึ้นและรีบโยนถ้วยชาในมือออกไปสกัดไอสังหารนั้นไว้ เมื่อปรากฏเสียงดังคมชัดขึ้นในหู ถ้วยชาก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ฉู่เนี่ยนซีถอยหลังไปสองก้าวแล้วเงยหน้าขึ้นมองบุคคลผู้นั้น ก่อนเห็นเพียงชายสวมหน้ากากชุดดำยืนอยู่ตรงนั้นฉู่เนี่ยนซีหรี่ตาเล็กน้อยพลางส่งสายตาอาฆาตที่เห็นได้ชัดในดวงตาของนาง แต่เนื่องจากนางไม่มีอาวุธอยู่ในมืออีกทั้งยังอย
แผ่นหลังของฉู่เนี่ยนซีได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงได้แต่นอนราบเท่านั้น เสี่ยวเถาให้ยาฉู่เนี่ยนซีอย่างระมัดระวัง ในขณะที่น้ำตาไหลไปด้วยแต่ฉู่เนี่ยนซีอาการหนักจนไม่สามารถดื่มยาเข้าไปได้เลยเย่เฟยหลีให้นางพิงแขนของเขาอย่างแผ่วเบาเพื่อหลีกเลี่ยงบาดแผลอย่างระมัดระวัง มือขวาของเขาหยิบช้อนมาป้อนยาให้กับฉู่เนี่ยนซีทีละน้อยคืนฤดูหนาวมาถึงอย่างรวดเร็ว ลมหนาวส่งเสียงอันน่าสะพรึงกลัวผ่านกิ่งไม้แห้ง ราวกับเสียงสัตว์ร้ายที่เข้าโจมตีเมืองอย่างบ้าคลั่งเหลียงหยวนและอวี๋เป่ยที่ไปยังที่ต่าง ๆ มาตลอดทั้งคืนก็กลับมาเห็นเย่เฟยหลีรอพวกเขาอยู่ในห้องโถงใหญ่ เหลียงหยวนยกมือขึ้นคำนับทันทีพลางพูดว่า “ท่านอ๋อง กระหม่อมและอวี๋เป่ยสืบพบว่านักฆ่าเหล่านั้นล้วนเป็นคนของกองกำลังชังสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเย่เฟยหลีได้ยินคำว่า “กองกำลังชังสวรรค์” ในดวงตาของเขาก็เหมือนมีพายุและฝนตกที่โหมกระหน่ำจนทำให้ทั้งทะเลกลายเป็นคลื่นรุนแรง ข้อต่อของหมัดที่กำแน่นของเขาเปลี่ยนเป็นสีซีดกองกำลังชังสวรรค์ นั่นคือกองกำลังของเย่เหลียนเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็ลืมตาขึ้น ก่อนที่นางจะรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนนางก็รู้สึกถึงความเจ็บ
เย่เฟยหลีรีบโน้มตัวไปข้างหน้าพลางถามอย่างกังวลใจฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าเขาขมวดคิ้วเคร่งเครียดมากกว่าเดิม ทันใดนั้นนางก็นึกถึงท่าทางเช่นนี้ในตอนที่เขาเห็นนางบาดเจ็บอย่างหนักที่โรงพนันหุยหุน ทำให้หัวใจของนางเต้นเร็วมากขึ้น“ข้าไม่เป็นไร ข้าเพียงจะ… จะเรียกเสี่ยวเถาเข้ามา”ดวงตาที่กะพริบของฉู่เนี่ยนซีเหมือนดูราวกับผีเสื้อที่บินในฤดูร้อน นางแอบหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ที่สั่นไหวในหัวใจเสี่ยวเถาได้ยินเสียงเรียกจึงเข้ามาหาฉู่เนี่ยนซี พลางถามอย่างเป็นทุกข์ “พระชายาต้องการอะไรหรือเพคะ?”ฉู่เนี่ยนซียันตัวขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวและยกมืออีกข้างชี้ไปที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างยากลำบาก“หยิบหยกห้อยเอวที่อยู่ในลิ้นชักเครื่องประดับเล็ก ๆ ชั้นสามออกมาคืนให้ท่านอ๋อง ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ภายหลังจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเทียวไปเทียวมา”“ไม่ต้องหรอก”ขาของเสี่ยวเถาที่กำลังจะขยับถูกหยุดยั้งด้วยเสียงเย็นชาของเย่เฟยหลี นางมองฉู่เนี่ยนซีอย่างลำบากใจด้วยไม่รู้ว่านางตัวเองควรจะไปหยิบมันมาดีหรือไม่“ท่านอ๋องควรเก็บสิ่งมีค่าเช่นนี้ไว้กับตัวท่านเองจะดีกว่า หากฝากไว้ที่นี่กับข้าแล้วมันหายไป ก็คงจะ
ดวงตาของนางมีอารมณ์มากเกินไปในขณะที่นางเงยหน้ามองเขา อีกทั้งริมฝีปากซีดจากการบาดเจ็บของนางก็ขยับขึ้นลงแตะกัน“ท่านอ๋อง แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าขอเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว คือการมีเพียงเราสองคนไปจนกว่าจะหาไม่ ท่านทำได้หรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซีจ้องไปที่ดวงตาของเย่เฟยหลีอย่างแน่วแน่เจือด้วยความผิดหวัง พายุในดวงตาคู่นั้นทำให้นางไม่เข้าใจอะไรเลย “เป็นเรื่องง่ายที่จะสนใจใครสักคน แต่หากจะให้มั่นคงกับแค่คนคนเดียวคงทำได้ยาก ท่านอ๋องควรไปดูแลซ่างกวานเยียนให้ดีจะดีกว่า”‘ใช่แล้ว มีอุปสรรคมากมายระหว่างพวกเขา ชื่อเสียง ความมั่งคั่ง อำนาจ กลอุบาย และซ่างกวานเยียนที่ตั้งครรภ์ลูกให้เขา’“จริง ๆ แล้วข้าไม่เคย...”คำพูดของเย่เฟยหลีถูกหยุดไว้กลางคันด้วยเสียงผู้หญิงที่ไพเราะและสดใสในลานบ้าน“เยียนเอ๋อร์ได้ยินว่าพระชายาได้รับบาดเจ็บ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้างเพคะ? ได้โปรดให้เยียนเอ๋อร์เข้าเยี่ยมจะได้หรือไม่ หากเห็นว่าพระชายาสบายดี เยียนเอ๋อร์ก็จะได้กลับไปอย่างสบายใจ”ฉู่เนี่ยนซีล้มหัวลงบนหมอนพลางยิ้มเยาะ พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา“ท่านอ๋อง คนที่ท่านแต่งงานด้วยอย่างมีความสุขกำลังรออยู่ที่หน้าประตู ข้าไม่สบาย คง
เย่เฟยหลีสวมชุดคลุมสีดำลวดลายสีเข้ม ดูตัดกับหิมะและน้ำค้างแข็ง เขาก้าวเข้าไปในธรณีประตูจวนอ๋องเหลียนโดยไม่ลังเล เหลียงหยวนจ้องยามเฝ้าประตูแล้วเดินตามรอยเท้าของเย่เฟยหลีเข้าไปเด็กรับใช้กุลีกุจอมาแจ้งกับเย่เหลียนโดยตรง ทันทีที่เขาทราบเรื่อง ในอกของเขาก็ปะทุด้วยความโกรธจัด จึงเปิดประตูแล้วรีบออกไป เมื่อเขาเห็นร่างสีดำ เขาก็ตะโกน “เย่เฟยหลี เจ้าบังอาจเสียจริง ถึงได้ประมาทบุกเข้ามาในจวนของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องมองคนตรงหน้าที่เป็นอ๋องด้วยมุมปากที่ยกขึ้นอย่างเหยียดหยามและไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขาขยับเบา ๆ อย่างรวดเร็วไปหาเย่เหลียน รวบรวมพลังในฝ่ามือ เข้ากระแทกหน้าอกของเย่เหลียนเย่เหลียนไม่คาดคิดว่าเย่เฟยหลีจะพุ่งเข้ามาหาตรง ๆแม้ว่าเขาจะต้านไว้ได้ทันเวลา แต่เขาก็ยังช้ากว่าเล็กน้อย ทำให้เขาเสียเปรียบทันที อีกทั้งความเร็วในการโจมตีของเขาก็ช้ากว่าของเย่เฟยหลี เขาจึงทำได้เพียงต้านไว้ได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น เขากึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น กระอักเลือดสีแดงสดออกจากมุมปากไปจนถึงชายเสื้อ เลือดทุกหยดที่ไหลลงมาถือเป็นการดูถูกเหยียดหยามเย่เหลียน“เย่เหลียน สิ่งที่แย่ที่
เย่เฟยหลีมองมาอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็ง และความหนาวเย็นที่ปล่อยออกมาก็ไม่สามารถถูกละลายได้ด้วยแม้แต่ช่องมังกรดินในห้องทรงงาน“เหลียนเอ๋อร์ ที่เจ้ารีบร้อนมาที่นี่เป็นเพราะเรื่องที่หลีเอ๋อร์ทำร้ายเจ้ารึ?”องค์จักรพรรดิทรงใช้ข้อศอกพิงพนักแขนของเก้าอี้บัลลังก์ตรัสกับเย่เหลียนเย่เหลียนจ้องเย่เฟยหลีด้วยความโกรธที่ซ่อนเร้นไว้ ที่แท้เขาออกจากจวนอ๋องเหลียนแล้วตรงไปที่พระราชวังเพื่อรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ “หลีเอ๋อร์ยอมรับว่าได้ทำร้ายเจ้า แต่เขาบอกว่าเป็นเจ้าที่เริ่มก่อน เพราะชายาหลีกล่าวหาชายาเหลียน ทำให้เจ้ามีความแค้นในใจ คิดแก้แค้นอย่างลับ ๆ เขาถึงได้ทำร้ายเจ้าด้วยความโกรธ เหลียนเอ๋อร์ นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”น้ำเสียงอ่อนโยนขององค์จักรพรรดิมีความสง่างามอย่างไม่อาจต้านทานได้ อีกทั้งดวงตาของเขาที่กวาดมองมาก็ส่องประกายอันเย็นชาออกมาเย่เหลียนคุกเข่าลงบนพื้นทันทีด้วยสีหน้าของคนที่ถูกใส่ร้าย น้ำเสียงของเขาจริงใจและร้อนรน“เสด็จพ่อทรงทราบดีว่าลูกจะไม่ทำสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนี้ แม้จาวอวิ๋นจะถูกกล่าวหา แต่ลูกรู้ว่าเสด็จพ่อจะต้องทรงสืบทราบอย่างแน่นอนว่าเป