เย่เฟยหลีสวมชุดคลุมสีดำลวดลายสีเข้ม ดูตัดกับหิมะและน้ำค้างแข็ง เขาก้าวเข้าไปในธรณีประตูจวนอ๋องเหลียนโดยไม่ลังเล เหลียงหยวนจ้องยามเฝ้าประตูแล้วเดินตามรอยเท้าของเย่เฟยหลีเข้าไปเด็กรับใช้กุลีกุจอมาแจ้งกับเย่เหลียนโดยตรง ทันทีที่เขาทราบเรื่อง ในอกของเขาก็ปะทุด้วยความโกรธจัด จึงเปิดประตูแล้วรีบออกไป เมื่อเขาเห็นร่างสีดำ เขาก็ตะโกน “เย่เฟยหลี เจ้าบังอาจเสียจริง ถึงได้ประมาทบุกเข้ามาในจวนของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องมองคนตรงหน้าที่เป็นอ๋องด้วยมุมปากที่ยกขึ้นอย่างเหยียดหยามและไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขาขยับเบา ๆ อย่างรวดเร็วไปหาเย่เหลียน รวบรวมพลังในฝ่ามือ เข้ากระแทกหน้าอกของเย่เหลียนเย่เหลียนไม่คาดคิดว่าเย่เฟยหลีจะพุ่งเข้ามาหาตรง ๆแม้ว่าเขาจะต้านไว้ได้ทันเวลา แต่เขาก็ยังช้ากว่าเล็กน้อย ทำให้เขาเสียเปรียบทันที อีกทั้งความเร็วในการโจมตีของเขาก็ช้ากว่าของเย่เฟยหลี เขาจึงทำได้เพียงต้านไว้ได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น เขากึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น กระอักเลือดสีแดงสดออกจากมุมปากไปจนถึงชายเสื้อ เลือดทุกหยดที่ไหลลงมาถือเป็นการดูถูกเหยียดหยามเย่เหลียน“เย่เหลียน สิ่งที่แย่ที่
เย่เฟยหลีมองมาอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็ง และความหนาวเย็นที่ปล่อยออกมาก็ไม่สามารถถูกละลายได้ด้วยแม้แต่ช่องมังกรดินในห้องทรงงาน“เหลียนเอ๋อร์ ที่เจ้ารีบร้อนมาที่นี่เป็นเพราะเรื่องที่หลีเอ๋อร์ทำร้ายเจ้ารึ?”องค์จักรพรรดิทรงใช้ข้อศอกพิงพนักแขนของเก้าอี้บัลลังก์ตรัสกับเย่เหลียนเย่เหลียนจ้องเย่เฟยหลีด้วยความโกรธที่ซ่อนเร้นไว้ ที่แท้เขาออกจากจวนอ๋องเหลียนแล้วตรงไปที่พระราชวังเพื่อรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ “หลีเอ๋อร์ยอมรับว่าได้ทำร้ายเจ้า แต่เขาบอกว่าเป็นเจ้าที่เริ่มก่อน เพราะชายาหลีกล่าวหาชายาเหลียน ทำให้เจ้ามีความแค้นในใจ คิดแก้แค้นอย่างลับ ๆ เขาถึงได้ทำร้ายเจ้าด้วยความโกรธ เหลียนเอ๋อร์ นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”น้ำเสียงอ่อนโยนขององค์จักรพรรดิมีความสง่างามอย่างไม่อาจต้านทานได้ อีกทั้งดวงตาของเขาที่กวาดมองมาก็ส่องประกายอันเย็นชาออกมาเย่เหลียนคุกเข่าลงบนพื้นทันทีด้วยสีหน้าของคนที่ถูกใส่ร้าย น้ำเสียงของเขาจริงใจและร้อนรน“เสด็จพ่อทรงทราบดีว่าลูกจะไม่ทำสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนี้ แม้จาวอวิ๋นจะถูกกล่าวหา แต่ลูกรู้ว่าเสด็จพ่อจะต้องทรงสืบทราบอย่างแน่นอนว่าเป
“ส่วนเจี่ยงเกอเหล่า ข้าคิดว่าเขาน่าจะได้รับการปล่อยตัวเร็ว ๆ นี้ ท่านควรคิดคำพูดไปตอบคำถามของเขาว่าเหตุใดท่านถึงสนใจแต่เรื่องทางการทหารและไม่พยายามปกป้องลูกสาวของเขา”หลังจากพูดจบ เย่เฟยหลีก็ก้าวไปทางขวาแล้วเดินออกไป เย่เหลียนหันกลับมามองตามหลังเขา พลางกำหมัดแน่น แต่ก็ทำอะไรไม่ถูกที่แท้เขาก็จงใจทำให้ตัวเองถูกกักบริเวณในจวนโดยมีจุดประสงค์เพียงเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดฉู่เนี่ยนซี!เหลียงหยวนกลับจวนมาพร้อมกับเย่เฟยหลี เขาไปส่งเย่เฟยหลีที่ห้องหนังสือก่อนแล้วจึงมาที่เรือนของฉู่เนี่ยนซี เสี่ยวเถาที่กำลังพัดหม้อต้มยาเห็นร่างของเหลียงหยวนก็โบกมือให้เขา“ท่านเป็นขโมยรึ ถึงได้มาทำลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้?”เหลียงหยวนแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเดินมาหาเสี่ยวเถาพลางถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว “นี่ยาสำหรับพระชายาหรือ?”“อือ”“ครั้งหน้าเจ้าช่วยต้มยาบำรุงให้ท่านอ๋องด้วยสิ วันนี้พระองค์บุกไปทำร้ายอ๋องเหลียนถึงจวนเจ้าตัวอย่างไม่ไว้หน้า จนเผลอทำให้ตัวเองบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะ”เหลียงหยวนมองเท้าตัวเองแล้วพูดคำที่เขาซ้อมในใจอย่างรวดเร็วก่อนจะหันหลังเดินจากไปเสี่ยวเถาส่งเสียงสับสนในตอนแรก จา
“เยียนเอ๋อร์ เจ้าไม่สบายตัวถึงได้รีบร้อนเรียกข้ามาหรือ?”ซ่างกวานชางเดินไม่กี่ก้าวไปนั่งลงข้าง ๆ ซ่างกวานเยียนและสูดกลิ่นหอมของนางเข้าไปจนเต็มปอด“ท่านพี่ ท่านคิดอย่างไรเรื่องที่เราส่งคนไป? จะถูกเปิดเผยรึเปล่า? ข้าว่าดูเหมือนอ๋องหลีจะพบอะไรบางอย่างแล้ว”นิ้วที่อ่อนแอราวกับไม่มีกระดูกของซ่างกวานเยียนเกาะติดกับหลังมือของซ่างกวานชาง พลางลูบเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมา“เยียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล ข้าปิดบังตัวตนตอนที่ไปจ้างนักฆ่า พวกเขาจะไม่มีทางหาพวกเราเจอ” ซ่างกวานชางกล่าวด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม“แต่ท่านพี่ พวกเราใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ก็ยังฆ่าฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ หากในอนาคตนางพบเบาะแสอะไรขึ้นมา ความมั่งคั่งของตระกูลเราที่สะสมไว้ในที่สุดก็จะถูกทำลายลงด้วยมือของนาง”ซ่างกวานเยียนล่อลวงซ่างกวานชาง“คาดไม่ถึงว่านางจะโชคดีขนาดนี้ คราวนี้นางหนีรอดไปได้ ข้าว่าคราวหน้านางคงจะยิ่งระวังตัวแจ”“พวกเราควรทำอย่างไรกันดีท่านพี่?”“ข้าได้ยินมาว่ามีกลุ่มนักฆ่าหน้าใหม่ในโลกวรยุทธ์ แถมชื่อเสียงของพวกเขาเกือบจะดีพอ ๆ กับกลุ่มชื่อดัง เดี๋ยวข้าจะลองไปติดต่อพวกเขา”“ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านพี่ต้องมีวิธี”ซ่าวกวาน
ฉู่เนี่ยนซีคนช้อน ความคิดมากมายติดอยู่ในใจ นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดถึงเรื่องที่เย่เฟยหลีบุกไปยังจวนอ๋องเหลียน นางแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจและถามว่า “ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่? ให้ข้าตรวจชีพจรดูไหม เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะได้รักษาทันท่วงที”เย่เฟยหลีหยุดชะงักพลางหันไปเหลือบมองเหลียงหยวน เหลียงหยวนก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดในทันทีโดยไม่เห็นแววตาชื่นชมที่เย่เฟยหลีส่งมาให้“เช่นนั้นรบกวนซีเอ๋อร์ด้วย”เย่เฟยหลียื่นข้อมือให้แล้วมองฉู่เนี่ยนซีอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ หลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีจับชีพจรของเขา นางก็มองเย่เฟยหลีด้วยความสับสน “นี่ท่านสุขภาพแข็งแรงมากไม่ใช่หรือ?”“ข้าอาจจะกินยาจนหายดีแล้ว อีกทั้งข้าคงไม่ได้เจ็บหนักอะไร” เย่เฟยหลีพูดอย่างใจเย็น“จริงสิ แล้วเหตุใดวันนี้ท่านจึงไม่ไปทำงานล่ะเจ้าคะ?”ฉู่เนี่ยนซีที่กำลังกินโจ๊กก็นึกขึ้นได้ว่าเหตุใดในเวลานี้เย่เฟยหลีถึงยังอยู่ที่จวน“เป็นเพราะท่านอ๋องไปทำร้ายท่านอ๋องเหลียนเข้า องค์จักรพรรดิจึงมีรับสั่งให้กักบริเวณท่านอ๋องสิบห้าวัน ดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่ต้องไปทำงานพ่ะย่ะค่ะ” เหลียงหยวนอธิบายอยู่ข้าง ๆเย่เฟยหลีพยักหน้าเล็กน้อย คิ
ในตอนแรก ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่เย่เฟยหลีมานอนในหอนอนของนาง พร้อมทั้งขู่ว่าหากเหลียงหยวนย้ายเตียงเข้าไป นางจะสับเตียงเป็นฟืนแล้วโยนเข้าไปในครัวเป็นเชื้อไฟทำอาหารเย่เฟยหลีปล่อยให้นางพูดคำจาด่าทอสารพัด แต่ยืนกรานที่จะนอนข้าง ๆ นาง เพราะอย่างไรนางก็ได้รับบาดเจ็บและขยับตัวไม่ได้ ดังนั้นนางจึงทำได้แค่ห้ามด้วยปากในคืนแรก ฉู่เนี่ยนซีปฏิเสธอย่างหนักที่จะให้เย่เฟยหลีนอนที่นี่ร่วมห้อง เมื่อเห็นเขานอนลง นางจึงอยากจะลุกขึ้นและไปนอนที่ห้องข้าง ๆ แต่เย่เฟยหลีแสร้งทำเป็นพูดว่านางได้รับบาดเจ็บและยังไม่หายดี นางจึงถอนหายใจบนเตียงโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉู่เนี่ยนซีส่งเสียง “เฮ้อ” ก่อนจะนอนลงอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด“นอนได้แล้ว ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกขังข้าก็นอนไม่ค่อยหลับเลย ตอนนี้ได้เห็นเจ้าอยู่ข้าง ๆ เช่นนี้ข้าก็สบายใจขึ้นมาก”หลังจากที่เย่เฟยหลีพูดจบ เขาก็หลับตานิ่งราวกับว่าเขาเหนื่อยมากจนหลับไปทันทีฉู่เนี่ยนซีมองแสงจันทร์ที่เด่นชัดด้านนอกหน้าต่างซึ่งตกลงมากระทบใบหน้าของเขา ทำให้เกิดความแวววาวราวหยก ราวกับคล้ายเป็นก้อนหินที่ทะลุเข้าไปในหัวใจของนาง ทำให้ทะเลสาบในใจผืนนั้นเกิดแรงกระเพื่อมอีกค
เย่เฟยหลียืนกรานที่จะดูฉู่เนี่ยนซีกินอาหารเย็นจนเสร็จ หลังจากเก็บโต๊ะแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ข้าจะไปค่ายทหารในอีกสองวัน อีกทั้งช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย หากตอนกลางคืนเจ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลย ต้องรอข้า”สาวใช้ตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขายิ้มอย่างเขินอายเมื่อได้ยินดังนั้น ต่างพากันมองหน้ากันเพื่อแสดงความชื่นชมในความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างท่านอ๋องและพระชายาฉู่เนี่ยนซีเพียงแค่ยิ้มแหย ๆ ให้เย่เฟยหลี หลังจากฟังเสียงรองเท้าของเขาหายไปจากเรือน นางก็จ้องมองสาวใช้ด้วยสายตาที่เย็นชาและเห็นว่าพวกนางกลับมามีท่าทางจริงจังและนอบน้อมอีกครั้ง นั่นจึงทำให้ทุกคนต้องออกไป“พระชายา นี่คือตำราแพทย์บางส่วนที่ท่านอ๋องนำมาให้ท่านโดยเฉพาะเพื่อคลายความเบื่อเพคะ”เสี่ยวเถามอบหนังสือให้ฉู่เนี่ยนซีด้วยความดีใจ เมื่อมองดูใบหน้าที่สดใสของฉู่เนี่ยนซี นางก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อยฉู่เนี่ยนซีหยิบหนังสือขึ้นมาอย่างไม่พอใจพลางสุ่มพลิกดูสองสามหน้า “แต่ข้าอยากออกไปข้างนอก”“ท่านอ๋องบอกว่าท่านต้องพักฟื้นอีกสองสามวันเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้ามองเสี่ยวเถาด้วยความไม่พอใจมากยิ่งขึ้น “นี่เจ้าเชื่อฟังข้าหรือเย่เฟยหล
“นายหญิง กระหม่อมกลับมาคราวนี้ มีเรื่องสำคัญจะรายงานให้ท่านทราบ” อวี๋ซียกมือคำนับอย่างเคร่งขรึม “มีคนติดต่อมาที่กองกำลังและเสนอรางวัลก้อนโตมาให้ พวกเขาบอกว่าหลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น จะมีค่าตอบแทนเพิ่มเป็นทองคำอีกจำนวนหนึ่ง แต่ศีรษะของคนที่เขาต้องการคือศีรษะของท่าน”ลมที่พัดเข้ามาผ่านทางช่องว่างของหน้าต่างแกะสลักทำให้เปลวเทียนแกว่งไปมาจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง จนภาพสะท้อนบนใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีสั่นไหวนางหลุบตาลง ในหัวคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ทั้งหมดก็ถูกตัดทิ้งไปทีละอย่างนางมองอวี๋ซีด้วยสายตาที่เย็นชาและสงสัย ต่างหูของนางยังคงสั่นไหวขณะที่นางหันกลับมา “มันผู้นั้นเป็นใคร?”“มีกฎของกองกำลังที่ว่าเมื่อรับคำสั่งว่าจ้างห้ามถามชื่อนายจ้างเหมือนฝ่ายนั้นจะได้ยินเรื่องนี้มาจึงไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย กระหม่อมเพียงแต่บอกว่างานนี้ค่อนข้างยากจึงขอพิจารณาดูก่อน และได้ลองขอให้คนผู้นั้นกลับมาอีกในสามวัน และนี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่เนี่ยนซีเดินขึ้นไปที่โต๊ะกลม วางนิ้วเรียวเล็ก ๆ ของนางบนผ้าปูโต๊ะและสัมผัสลวดลายการปักที่ประณีต นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ