องค์จักรพรรดิยิ้มกว้าง จนรอยย่นที่มุมดวงตาชัดเจน เขายกย่องบุตรชายทั้งสองของตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า สำหรับความฉลาดและความสามารถของพวกเขา และมอบทองคำหนึ่งร้อยตำลึงและเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเป็นรางวัล“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” ทั้งสี่คนขอบคุณจักรพรรดิพร้อมกันฉู่เนี่ยนซีสวมผ้าคลุมหน้า เป็นที่จับตามองมากในหมู่คนเหล่านี้ หลังจากที่เย่เฟยหลีอธิบายเรื่องนี้ จักรพรรดิก็ชื่นชมฉู่เนี่ยนซีและยกย่องนางสำหรับการจัดการที่ยอดเยี่ยมของนาง ครั้งนี้นายังมีส่วนร่วมอย่างมาก จึงตบรางวัลนางด้วยเงินหนึ่งพันตำลึงและผ้าทอหลายร้อยผืน“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีกล่าวอย่างสง่างามอีกครั้ง และจักรพรรดิก็ดูพอใจมากเจี่ยงจาวอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง ครั้งที่แล้วนางยืมมือใช้องค์หญิงห้าลงโทษฉู่เนี่ยนซีไม่สำเร็จ ฉู่เนี่ยนซีกลับเปล่งประกายในวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้อีก ได้ยินมาว่ามีบุคคลสำคัญระดับสูงหลายคนในเมืองหลวงที่เคยไม่ชื่นชอบฉู่เนี่ยนซี ต่างก็ชื่นชมนางไม่หยุด แถมยังเปลี่ยนทัศนคติต่อนางด้วย เจี่ยงจาวอวิ๋นกระแอมในลำคอ เหลือบมองฉู่เนี่ยนซีเล็กน้อย ก่อนจะทักทายจักรพรรดิ “เสด็จพ่อเพคะ พระชายาห
หลังจากทักทายอีกรอบ ฉู่เนี่ยนซีก็เห็นว่าแม่ของนางดูอ่อนแรงและเหนื่อยล้าเพราะเป็นห่วงนาง นางจึงหยิบน้ำแร่ขึ้นมาให้เสี่ยวเถานำไปต้มชา ก่อนที่นางจะยืนนวดให้ท่านแม่อยู่ด้านข้าง“พระชายายังมีความสามารถในการนวดอีกด้วยหรือ? ได้ยินมาว่าการนวดสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ แถมยังกำจัดสารพิษได้ด้วย แค่ข้ามองดูอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากแล้ว” หลิวซื่อหัวเราะ ลังเลอยู่นานกว่าจะพูดขึ้นฉู่เนี่ยนซีได้ยินอะไรบางอย่างจากคำพูดของหลิวซื่อ เมื่อเห็นนางมีท่าทีที่ดี จึงรู้ว่าหลิวซื่อคงอยากได้รับการรักษาจากนาง จึงให้อวี๋ตงไปเตรียมของที่จำเป็น และให้คุณหญิงฉู่เตรียมห้องว่างไว้ให้เพื่อจะรักษาให้หลิวซื่อขณะนี้ในห้องมีคนอยู่เพียงสี่คนคือฮูหยินฉู่ ฉู่เนี่ยนซี หลิวซื่อและจ้าวม่อเหยียนหลิวซื่อถามว่าตัวเองเป็นโรคอะไร ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองหน้าอกของนางแล้วกล่าวว่า "ตรงนี้เจ้าค่ะ ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ แต่ตอนนี้มันแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว อาจจะต้องเอามันออกเท่านั้นถึงจะช่วยชีวิตท่านป้าไว้ได้"เมื่อหลิวซื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ คนอื่น ๆ ต่างก็เบิกตากว้างมองไปที่ฉู่
ซ่างกวานเยียนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะขนห่านหนา ๆ ดูเหมือนนางกำลังคิดอะไรบางอย่าง มุมปากจึงเผยรอยยิ้มขึ้นอย่างอดไม่อยู่เมื่อเห็นเย่เฟยหลี่และฉู่เนี่ยนซีมาที่ห้องโถง ซ่างกวานเยียนก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ และทำความเคารพง่าย ๆ ก่อนที่ดวงตาของนางจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป“เยียนเอ๋อร์ไม่ค่อยสะดวกจึงไม่สามารถทำความเคารพแบบเป็นพิธีได้ ท่านอ๋องและพระชายาโปรดประธานอภัยให้หม่อมฉันด้วยนะเพคะ”เสียงที่มีเสน่ห์ของซ่างกวานเยียนทำให้ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกขนลุกเมื่อฉู่เนี่ยนซีได้ยินว่านางไม่ค่อยสะดวก รวมกับคำพูดของคนรับใช้เมื่อครู่ที่บอกว่านางมีเรื่องที่น่ายินดีจะบอก ทันใดนั้นนางก็นึกถึงบางสิ่ง และนางก็เหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่จมลงในใจของนางอย่างควบคุมไม่ได้ นางเหลือบมองเย่เฟยหลี และเห็นว่าเขาเต็มไปด้วยสงสัยอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ ‘ตัวเองทำอะไรไว้ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?’เมื่อเย่เฟยหลีเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีเพิกเฉยต่อเขาและนั่งลงไป เขาก็โบกเสื้อคลุมและนั่งบนที่นั่งหลัก ก่อนจะถามขึ้นมา "เกิดอะไรขึ้น?"“เยียนเอ๋อร์อาเจียนและรู้สึกอ่อนแรง จึงเชิญหมอสามท่านมาตรวจดู ทุกคนต่างก็บอกว่
อีกด้านหนึ่ง ซ่างกวานเยียนยิ้มขึ้นช้า ๆ เมื่อเห็นว่าเย่เฟยหลีไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ นางจึงค่อย ๆ เดินไปด้านข้างของเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของเย่เฟยหลีโดยตั้งใจที่จะให้เขาสัมผัสท้องของนางนางเห็นความเยือกเย็นบนใบหน้าที่ไม่แยแสของเย่เฟยหลี และทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และยิ่งไม่เข้าใจ ‘นี่คือลูกของเขานะ แถมยังเป็นลูกคนแรกของเขาเสียด้วย เหตุใดเขาจึงดูไม่มีความสุขเลยเล่า?’“ท่านอ๋อง ตกใจเกินไปหรือเปล่าเพคะ? เยียนเอ๋อร์เองก็ไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จในคราวเดียวเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าสวรรค์ทรงโปรดปราน ดังนั้นจึงมอบของขวัญชิ้นนี้ให้แก่เราน่ะเพคะ”ซ่างกวานเยียนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยปิติความสุข นางเพียงเดาว่าเย่เฟยหลีคงแค่ตกใจและยังปรับอารมณ์ไม่ได้เท่านั้นเย่เฟยหลียกมือขึ้นแล้วเหวี่ยงมันออกไปอย่างแรง เขาหรี่ตาลงแล้วมองไปที่ซ่างกวานเยียน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เปิดริมฝีปากบาง ๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า "ข้ากับเจ้าไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน แล้วเจ้าไปเอาเด็กคนนี้มาจากไหน?"เมื่อซ่างกวานเยียนได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางก็รู้สึกราวกับว่ามีอ่างน้ำเย็นไหลลงมาบนหน้า ซึ่งทำใ
ซ่างกวานเยียนร้องไห้อย่างหนัก นางถอยกลับไปหนึ่งก้าว ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยกำลังทั้งหมด จนเกิดเสียงดัง คราบเลือดเปรอะบนกระเบื้องปูพื้นเย่เฟยหลีก็กลัวว่านางจะตายที่นี่ ดังนั้นเขาจึงรีบคว้านางเอาไว้ซ่างกวานเยียนคิดว่าเย่เฟยหลีกำลังจะยกโทษให้ตน ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของนางก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว นางมองไปที่เย่เฟยหลีอย่างคาดหวัง มีทั้งความสุข ความหวาดกลัว และความหวัง วินาทีต่อมานางนึกอยากจะขอบคุณเย่เฟยหลีที่ไม่สืบสาวเอาความ“เจ้าไม่เพียงทรยศข้า แต่ยังนำความอัปยศมาสู่ราชวงศ์อีก เพียงแต่เจ้าเคยช่วยข้าไว้ เห็นแก่ที่เจ้าเคยมีบุญคุณต่อข้า ข้าจะให้สองทางเลือกกับเจ้า จะปลงผมบวชชีหรือจะหย่า?" เย่เฟยหลีมองซ่างกวานเยียนอย่างเย็นชา ราวกับกำลังมองวัชพืช ปราศจากความแยแสนางตาโต อ้าปากค้างมองเย่เฟยหลีอย่างพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียวนางรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่างกาย และคำพูดของเย่เฟยหลีไม่ต่างไปจากมีดคม ๆ ที่แทงเข้ามาในหัวใจของนาง“เย่เฟยหลี พระองค์จะทำเช่นนี้กับหม่อมฉันไม่ได้! พระองค์ลืมความรักระหว่างเราไปแล้วหรือเพคะ?” เสียงของซ่างกวานเยียนเปลี่ยนน้ำเสียงทำให้มันฟังดูเจ็บปวดยิ่งขึ้น ท่ามกลางห้องโถงท
“ท่านอ๋อง เราจะไปจวนมหาเสนาบดีกันไหมพ่ะย่ะค่ะ?”"ช้าก่อน"เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้นมองตะขอเงินที่แขวนอยู่ แสงที่เล็ดลอดออกมาดูราวกับฉู่เนี่ยนซีผู้แสนเย็นชาและยากจะเข้าใจเมื่อฉู่เนี่ยนซีกลับมาที่จวนมหาเสนาบดีก็ต้องเผชิญกับการสอบถามจากเสนาบดีฉู่และภรรยา นางบอกเพียงว่าคิดถึงท่านพ่อท่านแม่มากจึงอยากกลับมาอยู่สักสองวันแน่นอนว่าเสนาบดีฉู่และภรรยาไม่ได้ว่าอะไร และให้ฉู่เนี่ยนซีอาศัยอยู่ในห้องเดิมต่อซ่างกวานเยียนเดินโซเซกลับถึงเรือนตัวเอง และเรียกฝูหรงมา สั่งให้นางคิดให้ดีว่าเดือนที่แล้ว มีใครบ้างโดยเฉพาะบุรุษเคยมาที่เรือนของนางฝูหรงคิดอยู่ครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็ตระหนักได้ "ลูกพี่ลูกน้องของนายหญิง ซ่างกวานชางเพคะ! บ่าวบังเอิญพบเขาในตอนนั้น แถมยังกล่าวทักทายเขาด้วยเพคะ"ซ่างกวานเยียนสั่งให้ฝูหรงกลับไปก่อน ทั้งร่างกายของนางเย็นชาและโกรธกริ้ว นิ้วของนางที่กำชุดอยู่ก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทันทีเรื่องคืนนี้ทำเอาคนนอนไม่หลับในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าสว่างขึ้นเล็กน้อย ฉู่เนี่ยนซีที่นอนไม่หลับทั้งคืน นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสั่นเทาของจ้าวม่อเหยียนดังมาจากด้านนอก "น้อง
“แต่ว่ามนุษย์กำหนดไม่สู้ฟ้าลิขิต ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะแต่งงานกับท่านอ๋องหลีเร็วขนาดนี้ ข้าเศร้าใจมากจนทำได้เพียงดื่มเพื่อบรรเทาความเศร้า อีกทั้งยังนอนไม่หลับ เยียนเอ๋อร์ เรื่องในคืนนั้นเป็นความผิดของข้าเอง แต่ข้าก็มีใจให้เจ้าจริง ๆ หรือจะให้ข้าควักหัวใจออกมาให้เจ้าดู เช่นนั้นเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?”น้ำตาไหลเปื้อนใบหน้าของซ่างกวานเยียนอย่างเงียบ ๆ และยิ่งขมขื่นมากขึ้นไปอีกเมื่อน้ำตาไหลเข้าปากของนาง นางไม่มีกำลังอีกต่อไป สุดท้ายจึงพิงเข้ากับซ่างกวานชางแล้วพูดอย่างอ่อนแรง “ข้าท้องลูกของเจ้า แล้วเจ้าจะให้ข้าอยู่ต่อไปได้อย่างไร ข้าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร?!”“ลูก เจ้าพูดจริงหรือ? เจ้าท้องลูกของข้าหรือ?”ซ่างกวานชางดีใจมาก เขาหันไปหาซ่างกวานเยียน พลางอุ้มนางขึ้นอย่างมีความสุขและหมุนตัวไปรอบ ๆ สองครั้งก่อนที่จะวางนางลง จากนั้นก็เช็ดน้ำตาและกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา“เยียนเอ๋อร์ ได้มีลูกแล้วถึงข้าตายก็ไม่เสียใจ ตราบใดที่ข้าทำให้เจ้าและลูกสุขสบายได้ ข้าจะทำทุกอย่าง แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”ซ่างกวานเยียนทรุดตัวลงในอ้อมแขนของซ่างกวานชางและร้องไห้อย่างขมขื่น ขณะที่นางค่อย ๆ กลับคืนสู่ควา
ทอยลูกเต๋า เล่นหมากรุก เล่นไพ่และอื่น ๆฉู่เนี่ยนซีเล่นกับพวกเขาไปอย่างละรอบ แต่สภาพแวดล้อมที่อีกทึกไม่ได้กระทบต่อนางเลย นางให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวและดวงตาของพวกเขาในขณะที่เอาชนะด้วยความน่าอัศจรรย์กลุ่มคนเหล่านั้นคร่ำครวญว่าทักษะของพวกเขาด้อยกว่านาง จึงทิ้งเงินไว้และจากไปด้วยความนับถือ โดยบอกว่าพวกเขาจะกลับมาหาฉู่เนี่ยนซีเพื่อประลองฝีมือพนันอีกหากพวกเขามีโอกาสในอนาคตฉู่เนี่ยนซีตอบรับทันทีและบอกไปด้วยว่านางจะรอให้พวกเขากลับมาท่ามกลางฝูงชน ดวงตาสองคู่ในความมืดจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่วางตา จากนั้นก็จากไปโดยที่ไม่เป็นที่สะดุดตาใครหลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีออกมาจากโรงพนันหุยหุน นางยังไม่อยากกลับไปยังจวนอ๋องหลี แต่นางเลือกกลับไปอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีฉู่สักสองสามวันแสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นสาดแสงสีทองส่องลงมายังจวนอ๋องหลี แต่แสงแดดในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงนั้นกลับหนาวเย็น เหมือนกับดวงตาของซ่างกวานเยียนขณะมองดูเย่เฟยหลีออกจากจวน แม้ว่านางจะยังคงมีความรู้สึกรักเขาอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่ใช่รักที่ร้อนแรงเหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปนางได้ยินจากฝูหรงว่าฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ก