ทอยลูกเต๋า เล่นหมากรุก เล่นไพ่และอื่น ๆฉู่เนี่ยนซีเล่นกับพวกเขาไปอย่างละรอบ แต่สภาพแวดล้อมที่อีกทึกไม่ได้กระทบต่อนางเลย นางให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวและดวงตาของพวกเขาในขณะที่เอาชนะด้วยความน่าอัศจรรย์กลุ่มคนเหล่านั้นคร่ำครวญว่าทักษะของพวกเขาด้อยกว่านาง จึงทิ้งเงินไว้และจากไปด้วยความนับถือ โดยบอกว่าพวกเขาจะกลับมาหาฉู่เนี่ยนซีเพื่อประลองฝีมือพนันอีกหากพวกเขามีโอกาสในอนาคตฉู่เนี่ยนซีตอบรับทันทีและบอกไปด้วยว่านางจะรอให้พวกเขากลับมาท่ามกลางฝูงชน ดวงตาสองคู่ในความมืดจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่วางตา จากนั้นก็จากไปโดยที่ไม่เป็นที่สะดุดตาใครหลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีออกมาจากโรงพนันหุยหุน นางยังไม่อยากกลับไปยังจวนอ๋องหลี แต่นางเลือกกลับไปอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีฉู่สักสองสามวันแสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นสาดแสงสีทองส่องลงมายังจวนอ๋องหลี แต่แสงแดดในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงนั้นกลับหนาวเย็น เหมือนกับดวงตาของซ่างกวานเยียนขณะมองดูเย่เฟยหลีออกจากจวน แม้ว่านางจะยังคงมีความรู้สึกรักเขาอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่ใช่รักที่ร้อนแรงเหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปนางได้ยินจากฝูหรงว่าฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ก
ฝูหรงพูดพลางจ้องมองไปยังฉู่เนี่ยนซีที่อยู่ตรงประตู ทำท่าทางเป็นเดือดร้อนเป็นร้อนแทนคนอื่น อีกทั้งยังดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกคนใกล้ตัวที่ไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้เห็นว่าสาวใช้คนนี้กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจต่อเจ้านายดูเหมือนว่านางคงจะโดนรังแกอยู่บ่อย ๆ “เป็นถึงสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะ ทว่าช่างใจแคบนัก ตั้งท้องไม่ได้แทนที่จะโทษว่าตัวเองไม่มีความสามารถ แต่กลับไปอิจฉาอนุ”ชาวประมงที่ขายปลากำลังถือปลาอยู่ ยังไม่ทันจะได้ขายก็รีบไปดูด้วยความตื่นเต้น“ท่านเคยพูดว่าตนเองเป็นบุตรีมหาเสนาบดี อยากจะได้อะไรก็ต้องได้ ที่ผ่านมาท่านนิสัยเสียและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับท่านอ๋องหลีไม่ใช่หรือ? คิดอยู่เชียวว่าข่าวลือในช่วงนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว”หญิงชราอีกคนหนึ่งที่ไปซื้อของชำแม้ว่านางจะลดเสียงลง แต่ทุกคนรอบตัวนางก็ยังได้ยินอยู่ ไม่ต้องพูดถึงฉู่เนี่ยนซีที่มีประสาทการรับรู้ที่พิเศษกว่าคนทั่วไปนางยิ้มเยาะและในใจก็เกิดความโกรธ ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินซ่างกวานเยียนเอ่ยปากออกมาอีกครั้งซึ่งมีท่าทางเศร้าโศกและโกรธเคือง “พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให
ซ่างกวานเยียนโค้งคำนับเล็กน้อย และเมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินที่ดูไม่สู้ดี นางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฮูหยินอย่าโกรธไปเลย เยียนเอ๋อร์เข้าใจผิดไปเอง แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พระชายาก็ควรกลับจวนท่านอ๋องหลี ก่อนที่จะมีเรื่องซุบซิบไม่ดีตามมา”ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะพูด แต่ถูกฮูหยินรั้งเอาไว้ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฮูหยินฉู่ที่สามารถควบคุมสถานการณ์นี้ได้ นางมองไปที่ฉู่เนี่ยนซีพลางพูดอย่างรอบคอบ “ซีเอ๋อร์ อย่าว่าแต่ให้ข้าเลี้ยงดูเจ้าแค่วันเดียว แม้กระทั่งตลอดชีวิตข้าก็สามารถเลี้ยงดูเจ้าได้และไม่กลัวคำนินทาของคนอื่นด้วย”นางพูดให้ฉู่เนี่ยนซีฟัง และเป็นการเตือนซ่างกวานเยียนไปในตัว ฉู่เนี่ยนซีจะได้รับการสนับสนุนทุกอย่างจากจวนมหาเสนาบดีโดยไม่ต้องกังวลว่านางจะไปสร้างปัญหาอะไร และไม่ต้องกลัวคำนินทาของคนอื่น“แต่ในเมื่อเจ้าเป็นพระชายาหลีแล้ว และไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่วิ่งอยู่ข้าง ๆ แม่อีกต่อไป มีเรื่องหรือปัญหาอะไรมาย่อมต้องแก้ไข”ฮูหยินฉู่ตบที่มือของฉู่เนี่ยนซีเบา ๆ คำพูดนั้นบอกเป็นนัยว่านางไม่ควรใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองซ่างกวานเยียนอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยลอดไรฟันออกไปว่า “เจ้าค่ะ” โดยปกติแล้
ฝูหรงทำท่าทางไม่ยอมคน นางคุกเข่าแทบเท้าของเย่เฟยหลีพลางร้องไห้ “ท่านอ๋องเพคะ ชายารองเป็นห่วงพระชายามาก นางจึงไปที่จวนมหาเสนาบดีแต่เช้าเพื่อออกตัวยอมรับความผิดกับพระชายา ทว่าพระชายากลับให้ชายารองคุกเข่าท่ามกลางลมหนาวโดยสวมเพียงชุดบาง ๆ นี้เท่านั้นเพคะ”“อีกทั้งชายารองก็เชิญพระชายากลับมาด้วยความจริงใจและยังบอกอีกว่าลูก ๆ ของนางจะรับใช้และเคารพพระชายาเป็นอย่างดี บ่าวเป็นห่วงสุขภาพของชายารองมากจึงมารอท่านอยู่ที่หน้าประตู หากท่านมาไม่ทันเวลา เกรงว่าชายารองก็คงจะ…”“ไม่ใช่เช่นนั้น”ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกตกใจอย่างยิ่งที่ซ่างกวานเยียนไม่เพียงแต่แสดงละครเท่านั้น แต่ยังสร้างหลุมพรางเพื่อเล่นงานนางด้วย ช่างเป็นแผนการที่ร้ายกาจเสียจริง“ข้าคิดว่าความจริงคงเลวร้ายยิ่งกว่านี้ สตรีสารเลวเช่นเจ้าช่างสรรหาแผนการชั่วร้ายอยู่ร่ำไป! โชคดีที่พี่สามยังช่วยพูดแทนเจ้า พี่สาม ท่านเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้แล้วหรือยัง? นางมีนิสัยที่หมกมุ่นและชอบอิจฉาริษยา!”เย่ฉงเฉิงตัวสั่นด้วยความโกรธจนแทบอยากจะลงโทษฉู่เนี่ยนซีแทบไม่ไหวหลังจากที่หมอหลวงมาถึง เย่เฟยหลีก็อุ้มซ่างกวานเยียนเข้าไปในห้องส่วนตัวทัน
“หากนางต้องการทำร้ายเจ้าจริง ๆ นางก็มีหลายร้อยวิธีในการกำจัดเด็กในท้องของเจ้าโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่จำเป็นต้องใช้มีดพกเลยด้วยซ้ำ”เย่เฟยหลีไม่แม้แต่จะมองไปที่ซ่างกวานเยียน เขานั่งอยู่ฝั่งหนึ่งพลางจ้องมองตรงไปยังหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องเข้ามา คิดเพียงว่านี่เป็นเวลาเช้า แต่กลับรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปเป็นวันแล้วซ่างกวานเยียนที่กำลังใช้แขนชันตัวขึ้นมาก็เกิดอาการแข็งทื่อในทันที แต่นางยังคงไม่ยอมแพ้และยังอยากจะพูดปกป้องตัวเองอีกสักหน่อย“ซ่างกวานเยียน ข้ารับปากว่าจะไว้หน้าเจ้า ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้าและรับปากว่าจะไม่บอกความจริงกับใคร นี่คือจุดสิ้นสุดของความเมตตาระหว่างเจ้ากับข้า และหากเจ้ายังเที่ยวก่อความวุ่นวายไปทั่วอีก ถึงตอนนั้นก็อย่ามาหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้าแล้วกัน…”“ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ดูแลตัวเองด้วย”เย่เฟยหลีหยุดคำพูดของนาง มอบคำเตือนให้แล้วจึงเดินจากไปซ่างกวานเยียนคิดว่าตัวเองจะร้องไห้อีกครั้งด้วยความเจ็บปวด แต่หลังจากรออยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว นางได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นนางเอนตัวลงบนเตียงอีกครั้งและมองดูลวดลายอันวิจิ
ซ่างกวานเยียน ยืนขึ้นและเอียงศีรษะกระซิบกับชายชุดดำ จากนั้นก็มองชายชุดดำปีนออกไปนอกหน้าต่างแล้วจึงเปิดประตูเรียกฝูหรงเข้ามาพลางสั่งให้นางพาตนเองไปหาหมอ เนื่องจากไม่ทันระวังแผลเลยฉีก ต้องรีบทายาทำแผลโดยด่วนฝูหรงรออยู่ด้านนอก ซ่างกวานเยียนสวมหมวกม่านยาวกำลังทำแผลอยู่ที่ห้องด้านหลังของโรงหมอ นางขอกระดาษและปากกาจากเถ้าแก่ เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นภาษาง่าย ๆ แล้วพับปิดไว้“ข้าจะทิ้งจดหมายนี้ไว้กับเจ้าก่อน และจะมีคนมารับในตอนเย็น นี่คือเงินสิบตำลึงเป็นค่าตอบแทนของเจ้า”ซ่างกวานเยียนดันจดหมายและเงินไปด้านหน้าเถ้าแก่ที่กำลังมองนางอย่างไม่วางตาเถ้าแก่รับปากและรวบเงินมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองเพราะกลัวว่าซ่างกวานเยียนจะเปลี่ยนใจเอาเงินคืน“ท่านไม่ต้องกังวล ข้ารับรองว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เถ้าแก่ยิ้มให้นาง นางเห็นรัก โลภ โกรธ หลงในโลกนี้มามากมายแล้ว นางจึงไม่คิดกลัวซ่างกวานเยียนนั่งอยู่ในรถม้าพลางหลับตาเพื่อผ่อนคลายความจริงนางสามารถส่งจดหมายฉบับนี้ถึงมือผู้รับได้โดยตรง แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนจากจวนอ๋องหลีสังเกตเห็น และเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดใดใดที่อาจเกิดขึ้น นางจึงต้องดำเนินกา
“องค์ชายรอง เมื่อวานหม่อมฉันรอพระองค์ทั้งวัน แต่พระองค์ก็ไม่มาจับกุมฉู่เนี่ยนซีเลย ตอนแรกหม่อมฉันไม่เข้าใจเหตุผล แต่ในที่สุดหม่อมฉันก็พบว่าองค์ชายรองมีความคิดเป็นอื่นกับฉู่เนี่ยนซีแล้ว”ซ่างกวานเยียนจิบชาอย่างระมัดระวัง แต่ดวงตาของนางยังคงแสบจากไอร้อนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นางจึงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำให้ฝาชาหลุดออกจากถ้วยชาและหล่นลงไปกลิ้งวนรอบโต๊ะสองรอบ“องค์ชายรอง คิดว่าหม่อมฉันเดาไม่ออกหรือว่าพระองค์คิดอย่างไรกับฉู่เนี่ยนซี? หมอเทวดาเฮ่อหลานหนุนหลังฉู่เนี่ยนซี และคนที่หนุนหลังหมอเทวดาเฮ่อหลานก็คือหอการแพทย์ พระองค์อยากได้ฉู่เนี่ยนซี หวังในความรู้ด้านการแพทย์ของนาง จากนั้นก็จะได้ทำความรู้จักกับคนในหอการแพทย์”ซ่างกวานเยียนยืนตัวตรงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มีเพียงสายลมเย็น ๆ ที่เข้ามาเท่านั้นที่จะระงับความโกรธในใจของนางได้“หากจะใช่หรือไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิดแล้วจะทำไม? ซ่างกวานเยียน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้มาจุ้นจ้านเรื่องของข้า?!”เย่เหลียนเหลือบมองนางและรู้สึกโกรธในใจซ่างกวานเยียนหันกลับมาจ้องเย่เหลียน เขาไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งเทียบเท่ากับการยอมรับ‘ฉู่เนี่ยนซี ฉู่เนี่ยนซีอ
เย่เหลียนทักทายฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นนางถอยหลังไปสองสามก้าว เขาก็สับสนอีกครั้ง“หากท่านอ๋องมีธุระอะไรก็ตรัสอยู่ตรงนั้นเถิดเพคะ คนอื่นมาเห็นจะได้ไม่เอาไปนินทา นอกจากนี้ ท่านอ๋องเหลียนทรงเรียกหม่อมฉันว่าน้องหญิงจะดีกว่า วันนี้หม่อมฉันมาเพียงเพราะอยากรู้ว่าข้อความในจดหมายของพระองค์หมายถึงสิ่งใดเท่านั้น!”ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เหลียนอย่างเย็นชา หากเป็นเย่เฟยหลีนางก็จะมองอย่างเย็นชาเช่นกัน ทว่าก็ยังมีความอบอุ่นเจืออยู่ด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีกลับความอบอุ่นอยู่เลย“เนี่ยนซี เจ้า…” เย่เหลียนหยุดนิ่งเพราะความเฉยเมยของนาง แต่เขายังคงคิดว่านางกลัวจะทำร้ายจิตใจคนอื่นและกลัวการนินทาเท่านั้น “ไม่ต้องกังวล นอกจากคนของข้าแล้วจะไม่มีใครผ่านมาแน่นอน เนี่ยนซี แม้จะกลับถึงเมืองหลวงมาหลายวันแล้ว แต่ข้าก็ยังคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเจ้าที่หนานหลินอยู่ทุกวัน”ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว ตอนที่อยู่หนานหลินนางไปอยู่กับเขาตอนไหน?“เนี่ยนซี ข้าว่าข้าคงตกหลุมรักเจ้าจริง ๆ ไม่เกี่ยวกับหน้าตาหรือภูมิหลังวงศ์ตระกูล ก้าวแรกของข้าหลังจากยับยั้งปัญหาน้ำท่วมก็คือการเดินไปหาเจ้า นี่เจ้ายังไม่รู้