ซ่างกวานเยียนร้องไห้อย่างหนัก นางถอยกลับไปหนึ่งก้าว ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยกำลังทั้งหมด จนเกิดเสียงดัง คราบเลือดเปรอะบนกระเบื้องปูพื้นเย่เฟยหลีก็กลัวว่านางจะตายที่นี่ ดังนั้นเขาจึงรีบคว้านางเอาไว้ซ่างกวานเยียนคิดว่าเย่เฟยหลีกำลังจะยกโทษให้ตน ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของนางก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว นางมองไปที่เย่เฟยหลีอย่างคาดหวัง มีทั้งความสุข ความหวาดกลัว และความหวัง วินาทีต่อมานางนึกอยากจะขอบคุณเย่เฟยหลีที่ไม่สืบสาวเอาความ“เจ้าไม่เพียงทรยศข้า แต่ยังนำความอัปยศมาสู่ราชวงศ์อีก เพียงแต่เจ้าเคยช่วยข้าไว้ เห็นแก่ที่เจ้าเคยมีบุญคุณต่อข้า ข้าจะให้สองทางเลือกกับเจ้า จะปลงผมบวชชีหรือจะหย่า?" เย่เฟยหลีมองซ่างกวานเยียนอย่างเย็นชา ราวกับกำลังมองวัชพืช ปราศจากความแยแสนางตาโต อ้าปากค้างมองเย่เฟยหลีอย่างพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียวนางรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่างกาย และคำพูดของเย่เฟยหลีไม่ต่างไปจากมีดคม ๆ ที่แทงเข้ามาในหัวใจของนาง“เย่เฟยหลี พระองค์จะทำเช่นนี้กับหม่อมฉันไม่ได้! พระองค์ลืมความรักระหว่างเราไปแล้วหรือเพคะ?” เสียงของซ่างกวานเยียนเปลี่ยนน้ำเสียงทำให้มันฟังดูเจ็บปวดยิ่งขึ้น ท่ามกลางห้องโถงท
“ท่านอ๋อง เราจะไปจวนมหาเสนาบดีกันไหมพ่ะย่ะค่ะ?”"ช้าก่อน"เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้นมองตะขอเงินที่แขวนอยู่ แสงที่เล็ดลอดออกมาดูราวกับฉู่เนี่ยนซีผู้แสนเย็นชาและยากจะเข้าใจเมื่อฉู่เนี่ยนซีกลับมาที่จวนมหาเสนาบดีก็ต้องเผชิญกับการสอบถามจากเสนาบดีฉู่และภรรยา นางบอกเพียงว่าคิดถึงท่านพ่อท่านแม่มากจึงอยากกลับมาอยู่สักสองวันแน่นอนว่าเสนาบดีฉู่และภรรยาไม่ได้ว่าอะไร และให้ฉู่เนี่ยนซีอาศัยอยู่ในห้องเดิมต่อซ่างกวานเยียนเดินโซเซกลับถึงเรือนตัวเอง และเรียกฝูหรงมา สั่งให้นางคิดให้ดีว่าเดือนที่แล้ว มีใครบ้างโดยเฉพาะบุรุษเคยมาที่เรือนของนางฝูหรงคิดอยู่ครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็ตระหนักได้ "ลูกพี่ลูกน้องของนายหญิง ซ่างกวานชางเพคะ! บ่าวบังเอิญพบเขาในตอนนั้น แถมยังกล่าวทักทายเขาด้วยเพคะ"ซ่างกวานเยียนสั่งให้ฝูหรงกลับไปก่อน ทั้งร่างกายของนางเย็นชาและโกรธกริ้ว นิ้วของนางที่กำชุดอยู่ก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทันทีเรื่องคืนนี้ทำเอาคนนอนไม่หลับในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าสว่างขึ้นเล็กน้อย ฉู่เนี่ยนซีที่นอนไม่หลับทั้งคืน นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสั่นเทาของจ้าวม่อเหยียนดังมาจากด้านนอก "น้อง
“แต่ว่ามนุษย์กำหนดไม่สู้ฟ้าลิขิต ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะแต่งงานกับท่านอ๋องหลีเร็วขนาดนี้ ข้าเศร้าใจมากจนทำได้เพียงดื่มเพื่อบรรเทาความเศร้า อีกทั้งยังนอนไม่หลับ เยียนเอ๋อร์ เรื่องในคืนนั้นเป็นความผิดของข้าเอง แต่ข้าก็มีใจให้เจ้าจริง ๆ หรือจะให้ข้าควักหัวใจออกมาให้เจ้าดู เช่นนั้นเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?”น้ำตาไหลเปื้อนใบหน้าของซ่างกวานเยียนอย่างเงียบ ๆ และยิ่งขมขื่นมากขึ้นไปอีกเมื่อน้ำตาไหลเข้าปากของนาง นางไม่มีกำลังอีกต่อไป สุดท้ายจึงพิงเข้ากับซ่างกวานชางแล้วพูดอย่างอ่อนแรง “ข้าท้องลูกของเจ้า แล้วเจ้าจะให้ข้าอยู่ต่อไปได้อย่างไร ข้าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร?!”“ลูก เจ้าพูดจริงหรือ? เจ้าท้องลูกของข้าหรือ?”ซ่างกวานชางดีใจมาก เขาหันไปหาซ่างกวานเยียน พลางอุ้มนางขึ้นอย่างมีความสุขและหมุนตัวไปรอบ ๆ สองครั้งก่อนที่จะวางนางลง จากนั้นก็เช็ดน้ำตาและกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา“เยียนเอ๋อร์ ได้มีลูกแล้วถึงข้าตายก็ไม่เสียใจ ตราบใดที่ข้าทำให้เจ้าและลูกสุขสบายได้ ข้าจะทำทุกอย่าง แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”ซ่างกวานเยียนทรุดตัวลงในอ้อมแขนของซ่างกวานชางและร้องไห้อย่างขมขื่น ขณะที่นางค่อย ๆ กลับคืนสู่ควา
ทอยลูกเต๋า เล่นหมากรุก เล่นไพ่และอื่น ๆฉู่เนี่ยนซีเล่นกับพวกเขาไปอย่างละรอบ แต่สภาพแวดล้อมที่อีกทึกไม่ได้กระทบต่อนางเลย นางให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวและดวงตาของพวกเขาในขณะที่เอาชนะด้วยความน่าอัศจรรย์กลุ่มคนเหล่านั้นคร่ำครวญว่าทักษะของพวกเขาด้อยกว่านาง จึงทิ้งเงินไว้และจากไปด้วยความนับถือ โดยบอกว่าพวกเขาจะกลับมาหาฉู่เนี่ยนซีเพื่อประลองฝีมือพนันอีกหากพวกเขามีโอกาสในอนาคตฉู่เนี่ยนซีตอบรับทันทีและบอกไปด้วยว่านางจะรอให้พวกเขากลับมาท่ามกลางฝูงชน ดวงตาสองคู่ในความมืดจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่วางตา จากนั้นก็จากไปโดยที่ไม่เป็นที่สะดุดตาใครหลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีออกมาจากโรงพนันหุยหุน นางยังไม่อยากกลับไปยังจวนอ๋องหลี แต่นางเลือกกลับไปอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีฉู่สักสองสามวันแสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นสาดแสงสีทองส่องลงมายังจวนอ๋องหลี แต่แสงแดดในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงนั้นกลับหนาวเย็น เหมือนกับดวงตาของซ่างกวานเยียนขณะมองดูเย่เฟยหลีออกจากจวน แม้ว่านางจะยังคงมีความรู้สึกรักเขาอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่ใช่รักที่ร้อนแรงเหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปนางได้ยินจากฝูหรงว่าฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ก
ฝูหรงพูดพลางจ้องมองไปยังฉู่เนี่ยนซีที่อยู่ตรงประตู ทำท่าทางเป็นเดือดร้อนเป็นร้อนแทนคนอื่น อีกทั้งยังดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกคนใกล้ตัวที่ไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้เห็นว่าสาวใช้คนนี้กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจต่อเจ้านายดูเหมือนว่านางคงจะโดนรังแกอยู่บ่อย ๆ “เป็นถึงสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะ ทว่าช่างใจแคบนัก ตั้งท้องไม่ได้แทนที่จะโทษว่าตัวเองไม่มีความสามารถ แต่กลับไปอิจฉาอนุ”ชาวประมงที่ขายปลากำลังถือปลาอยู่ ยังไม่ทันจะได้ขายก็รีบไปดูด้วยความตื่นเต้น“ท่านเคยพูดว่าตนเองเป็นบุตรีมหาเสนาบดี อยากจะได้อะไรก็ต้องได้ ที่ผ่านมาท่านนิสัยเสียและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับท่านอ๋องหลีไม่ใช่หรือ? คิดอยู่เชียวว่าข่าวลือในช่วงนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว”หญิงชราอีกคนหนึ่งที่ไปซื้อของชำแม้ว่านางจะลดเสียงลง แต่ทุกคนรอบตัวนางก็ยังได้ยินอยู่ ไม่ต้องพูดถึงฉู่เนี่ยนซีที่มีประสาทการรับรู้ที่พิเศษกว่าคนทั่วไปนางยิ้มเยาะและในใจก็เกิดความโกรธ ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินซ่างกวานเยียนเอ่ยปากออกมาอีกครั้งซึ่งมีท่าทางเศร้าโศกและโกรธเคือง “พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให
ซ่างกวานเยียนโค้งคำนับเล็กน้อย และเมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินที่ดูไม่สู้ดี นางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฮูหยินอย่าโกรธไปเลย เยียนเอ๋อร์เข้าใจผิดไปเอง แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พระชายาก็ควรกลับจวนท่านอ๋องหลี ก่อนที่จะมีเรื่องซุบซิบไม่ดีตามมา”ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะพูด แต่ถูกฮูหยินรั้งเอาไว้ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฮูหยินฉู่ที่สามารถควบคุมสถานการณ์นี้ได้ นางมองไปที่ฉู่เนี่ยนซีพลางพูดอย่างรอบคอบ “ซีเอ๋อร์ อย่าว่าแต่ให้ข้าเลี้ยงดูเจ้าแค่วันเดียว แม้กระทั่งตลอดชีวิตข้าก็สามารถเลี้ยงดูเจ้าได้และไม่กลัวคำนินทาของคนอื่นด้วย”นางพูดให้ฉู่เนี่ยนซีฟัง และเป็นการเตือนซ่างกวานเยียนไปในตัว ฉู่เนี่ยนซีจะได้รับการสนับสนุนทุกอย่างจากจวนมหาเสนาบดีโดยไม่ต้องกังวลว่านางจะไปสร้างปัญหาอะไร และไม่ต้องกลัวคำนินทาของคนอื่น“แต่ในเมื่อเจ้าเป็นพระชายาหลีแล้ว และไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่วิ่งอยู่ข้าง ๆ แม่อีกต่อไป มีเรื่องหรือปัญหาอะไรมาย่อมต้องแก้ไข”ฮูหยินฉู่ตบที่มือของฉู่เนี่ยนซีเบา ๆ คำพูดนั้นบอกเป็นนัยว่านางไม่ควรใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองซ่างกวานเยียนอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยลอดไรฟันออกไปว่า “เจ้าค่ะ” โดยปกติแล้
ฝูหรงทำท่าทางไม่ยอมคน นางคุกเข่าแทบเท้าของเย่เฟยหลีพลางร้องไห้ “ท่านอ๋องเพคะ ชายารองเป็นห่วงพระชายามาก นางจึงไปที่จวนมหาเสนาบดีแต่เช้าเพื่อออกตัวยอมรับความผิดกับพระชายา ทว่าพระชายากลับให้ชายารองคุกเข่าท่ามกลางลมหนาวโดยสวมเพียงชุดบาง ๆ นี้เท่านั้นเพคะ”“อีกทั้งชายารองก็เชิญพระชายากลับมาด้วยความจริงใจและยังบอกอีกว่าลูก ๆ ของนางจะรับใช้และเคารพพระชายาเป็นอย่างดี บ่าวเป็นห่วงสุขภาพของชายารองมากจึงมารอท่านอยู่ที่หน้าประตู หากท่านมาไม่ทันเวลา เกรงว่าชายารองก็คงจะ…”“ไม่ใช่เช่นนั้น”ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกตกใจอย่างยิ่งที่ซ่างกวานเยียนไม่เพียงแต่แสดงละครเท่านั้น แต่ยังสร้างหลุมพรางเพื่อเล่นงานนางด้วย ช่างเป็นแผนการที่ร้ายกาจเสียจริง“ข้าคิดว่าความจริงคงเลวร้ายยิ่งกว่านี้ สตรีสารเลวเช่นเจ้าช่างสรรหาแผนการชั่วร้ายอยู่ร่ำไป! โชคดีที่พี่สามยังช่วยพูดแทนเจ้า พี่สาม ท่านเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้แล้วหรือยัง? นางมีนิสัยที่หมกมุ่นและชอบอิจฉาริษยา!”เย่ฉงเฉิงตัวสั่นด้วยความโกรธจนแทบอยากจะลงโทษฉู่เนี่ยนซีแทบไม่ไหวหลังจากที่หมอหลวงมาถึง เย่เฟยหลีก็อุ้มซ่างกวานเยียนเข้าไปในห้องส่วนตัวทัน
“หากนางต้องการทำร้ายเจ้าจริง ๆ นางก็มีหลายร้อยวิธีในการกำจัดเด็กในท้องของเจ้าโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่จำเป็นต้องใช้มีดพกเลยด้วยซ้ำ”เย่เฟยหลีไม่แม้แต่จะมองไปที่ซ่างกวานเยียน เขานั่งอยู่ฝั่งหนึ่งพลางจ้องมองตรงไปยังหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องเข้ามา คิดเพียงว่านี่เป็นเวลาเช้า แต่กลับรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปเป็นวันแล้วซ่างกวานเยียนที่กำลังใช้แขนชันตัวขึ้นมาก็เกิดอาการแข็งทื่อในทันที แต่นางยังคงไม่ยอมแพ้และยังอยากจะพูดปกป้องตัวเองอีกสักหน่อย“ซ่างกวานเยียน ข้ารับปากว่าจะไว้หน้าเจ้า ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้าและรับปากว่าจะไม่บอกความจริงกับใคร นี่คือจุดสิ้นสุดของความเมตตาระหว่างเจ้ากับข้า และหากเจ้ายังเที่ยวก่อความวุ่นวายไปทั่วอีก ถึงตอนนั้นก็อย่ามาหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้าแล้วกัน…”“ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ดูแลตัวเองด้วย”เย่เฟยหลีหยุดคำพูดของนาง มอบคำเตือนให้แล้วจึงเดินจากไปซ่างกวานเยียนคิดว่าตัวเองจะร้องไห้อีกครั้งด้วยความเจ็บปวด แต่หลังจากรออยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว นางได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นนางเอนตัวลงบนเตียงอีกครั้งและมองดูลวดลายอันวิจิ