“หากเป็นตามที่เจ้าพูด ซูเซียงก็ไม่ได้จมน้ำตายหรือ?” รอยยิ้มและสีหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและมั่นใจ “แน่นอนว่านางจมน้ำตายเพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีมองฮองเฮาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เพียงแต่นางไม่ได้จมน้ำตายในสระไท่เย่ฉือนี้เพคะ!”ความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในใจของฮองเฮา แต่นางก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลางพูดขึ้นด้วยความโกรธอย่างนิ่ง ๆ ว่า “ไร้สาระเสียจริง! หากไม่ได้จมน้ำที่นี่ ผู้ใหญ่ตัวโต ๆ จะไปจมน้ำตายได้ที่ไหนอีก!” พูดจบ ฮองเฮาก็หันไปหาองค์จักรพรรดิแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันว่าชายาหลีต้องการจะหลบเลี่ยงเรื่องที่ทำร้ายเล่อเอ๋อร์ นางจึงพูดจาไร้สาระเช่นนี้ แต่คนตายนั้นกว่า ซูเซียงไม่อยู่แล้ว ปล่อยนางนอนตากลมไว้เช่นนี้คงจะไม่ได้ รีบจัดพิธีฝังศพให้นางไปสู่สุคติโดยเร็วที่สุดจะดีกว่าเพคะ” “เหตุใดฮองเฮาถึงทรงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อคำพูดของซีเอ๋อร์เช่นนี้ด้วยเพคะ? สิ่งที่ซีเอ๋อร์พูดนั้นจะน่าเชื่อถือหรือไม่ เสด็จพ่อก็ทรงหาข้อสรุปเองได้เพคะ เพียงแต่ว่า...” ในขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาที่สงบนิ่งไม่ไหวติงเผยความรู้สึกที่ไม่อาจรู้ได้ว่าคืออะไร นางพูดเนิบ ๆ ว่า “ฮองเฮาตรั
เมื่อฮองเฮาเห็นท่าทางของนางเช่นนั้น ใจที่กำลังวิตกกังวลของฮองเฮาก็ผ่อนคลายลง และทำสีหน้ามั่นใจนิด ๆ “ชายาหลี นี่เจ้าจะบอกข้ากับฝ่าบาทว่าซูเซียงตายตรงนี้เช่นนั้นหรือ?” ฉู่เนี่ยนซีมองท่าทางมั่นใจของฮองเฮา คิ้วที่ขมวดอยู่ของนางก็ผ่อนคลายลง และรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “แน่นอนว่า...ไม่ใช่เพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีจงใจพูดลากเสียงยาว ๆ ส่วนฮองเฮาที่ยังดูมั่นใจในตอนแรก เมื่อได้ยินสองคำสุดท้าย รวมไปถึงเห็นสีหน้าของนาง ก็เกิดหวาดกลัวและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แววตาของฉู่เนี่ยนซีฉายแววเยาะเย้ยนิด ๆ จากนั้นก็ไม่สนใจฮองเฮาอีกและหันไปมององค์จักรพรรดิ “เมื่อพิจารณาจากศพของซูเซียง นางจมน้ำเสียชีวิตเพคะ แต่นางคงไม่ได้ตายในสระไท่เย่ฉือแน่นอน ดังนั้นซีเอ๋อร์จึงตัดสินว่า อ่างใบใหญ่ ๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ซูเซียงตายเพคะ” “แต่ว่า...ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสก ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่ฆาตกรจะก่อเหตุฆาตกรรมอย่างโจ่งแจ้ง ฉะนั้น หากเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ รกร้างไร้ผู้คน อีกทั้งยังใกล้กับที่นี่ นั่นจึงจะเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมที่ฆาตกรเลือกไว้เพคะ” พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ชำเลืองมองฮองเฮาพร้อมยิ้มที่ไม
ฉู่เนี่ยนซีรู้อยู่แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางคือฆาตกรที่ฆ่าซูเซียง เพราะพวกนางกลัวว่าซูเซียงจะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ในหอตำราหลวง หากปล่อยซูเซียงไปนางก็จะไม่ได้รับการลงโทษ ฉู่เนี่ยนซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ และชี้ไปที่อ่างน้ำ “อะไร? ตรงนั้นมีปัญหาอะไร?” เย่เซวียนเล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เพื่อปกปิดความตื่นตระหนกในใจของนาง นางและฮองเฮาร่วมมือกันทำเรื่องนี้ แต่พวกนางก็จัดการร่องรอยทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือหลักฐาน ‘นางคนอัปลักษณ์นี่ก็แค่แสร้งทำไปเท่านั้นเอง’ เมื่อเทียบกับเย่เซวียนเล่อที่กำลังตื่นตระหนก แต่ฮองเฮากลับดูสงบกว่ามาก นางเหลือบมองฉู่เนี่ยนซีพลางเยาะเย้ยในทันที “หรือในมุมมองของชายาหลีนั้นแม้แต่อ่างน้ำก็พูดได้?” “เป็นอย่างที่ฮองเฮาทรงตรัสเพคะ อ่างน้ำนี่พูดได้จริง ๆ” ฉู่เนี่ยนซียิ้มอย่างมั่นใจพลางยกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นข้อมือสีขาว นิ้วเรียวล้วงเข้าไปในอ่างน้ำแล้วคลำไปรอบ ๆ หลังจากนั้นไม่นาน มือเรียวงามของนางก็หยิบเอาผมสีดำสนิทจำนวนหนึ่งออกมาจากอ่าง “นั่นคืออะไร?” ทุกคนเข้ามาใกล้อย่างประหลาดใจด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน “เส้นผมเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีชูเส้นผมในมือขึ
“ฉู่เนี่ยนซี อย่าก่อเรื่องเลย รูปร่างของสิ่งนี้ดูแปลกมาก อีกทั้งวิธีใช้งาน ข้าคิดว่าเจ้าก็แค่อวดอ้างเท่านั้น!” เย่เซวียนเล่อมองสิ่งที่อยู่ในมือของฉู่เนี่ยนซี พลางเยาะเย้ยอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าเย่เซวียนเล่อเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ ฮองเฮาก็เหลือบมองนางด้วยความโกรธและแสร้งทำเป็นดุว่า “เล่อเอ๋อร์ ระวังปากด้วย!” เย่เซวียนเล่อเบ้ปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังสงบปากสงบคำไว้ เมื่อเห็นว่าเย่เซวียนเล่อหยุดพูด นางก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยท่าทีเคร่งขรึม ริมฝีปากสีแดงของนางก็เผยอขึ้นเล็กน้อย “อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นไม่ได้อัศจรรย์เท่าไหร่ ไม่ทราบว่าให้ข้าลองดูสักหน่อยได้หรือไม่?” “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ หม่อมฉันจะหันหลัง และอยากขอให้ฮองเฮาและองค์หญิงดึงผมสองสามเส้น วางไว้ข้าง ๆ และทำเครื่องหมายไว้ อีกทั้งหม่อมฉันก็สามารถยืนยันได้เช่นกันว่าเส้นผมเป็นของคนคนเดียวกัน” ฮองเฮาพยักหน้า และฉู่เนี่ยนซีก็หันหลังไปอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีคงจะแอบมองไม่ได้แล้ว ฮองเฮาและเย่เซวียนเล่อก็ดึงผมของตัวเองออกมาสองสามเส้นแล้ววางไว้ข้าง ๆ “เจ้าหันกลับมาได้แล้ว” เมื่อฉู่เนี่ยนซีไ
เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นที่ประจักษ์ ฉู่เนี่ยนซีก็กล่าวทันทีว่า “เสด็จพ่อ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเส้นผมในอ่างน้ำนี้เป็นของซูเซียง ข้อสันนิษฐานของซีเอ๋อร์ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อยเพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองที่อ่างน้ำ สีหน้าของนางก็ยิ่งเย็นชาจนน่าตกใจ และริมฝีปากของนางก็เอ่ยออกมา “ตามเวลาแล้ว ซูเซียงน่าจะถูกฆ่าตายเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ฆาตกรเคลื่อนย้ายศพเพื่อสร้างสถานการณ์ปลอม ตอนนี้เพียงแค่ต้องหาว่าใครคือฆาตกรที่ใจกล้าก่อเหตุฆาตกรรมในวังกลางวันแสก ๆ เช่นนี้เท่านั้น” “ไปเรียกขันทีที่เข้ากะยามนั้นมาที่นี่” องค์จักรพรรดิพูดอย่างเย็นชา จากนั้นกลุ่มขันทีที่ปฏิบัติหน้าที่ก็มาถึง ทุกคนต่างยืนกันเป็นระเบียบ เนื่องจากอยู่ห่างไกล ขันทีจำนวนมากที่ปฏิบัติหน้าที่จึงไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์จักรพรรดิ จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย บริเวณใกล้ ๆ กับตำหนักเย็นมีคนมาปฏิบัติหน้าที่ไม่มากนัก ซึ่งเป็นที่ที่ฆาตกรเหมาะจะลงมือก่ออาชญากรรมมากที่สุด หลังจากสอบสวน ไม่รู้เหตุใด วันนี้คนถึงเดินผ่านที่นี่มากกว่าปกติ หากจะตรวจสอบก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ชั่วขณะหนึ่งเกิดการหยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อฮองเฮา
ดวงตาขององค์จักรพรรดิสว่างราวกับสายฟ้า และความจริงก็ปรากฏอยู่ในใจของเขาอย่างช้า ๆ ฮองเฮามองวัตถุขนาดเท่าฝ่ามือในมือของฉู่เนี่ยนซี คิ้วของนางก็กระตุกโดยไม่ตั้งใจ นางกดขมับของตัวเองและรู้สึกถึงเลือดร้อนระอุที่ไหลผ่านเส้นเลือด ‘นางเด็กนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ !’ ‘เกรงว่าจะซ่อนสิ่งต่าง ๆ ไว้ไม่อยู่อีกต่อไป’ ‘ดูเหมือนว่าคงจะต้อง…’ ดวงตาของฮองเฮาสบกับเย่เซวียนเล่อ และปลอบนางให้สงบสติอารมณ์อย่างเงียบ ๆ เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้รับอนุญาต ก็ไม่สนใจฮองเฮากับองค์หญิงอีก นางเดินตรงไปหาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ฮองเฮา “เริ่มกันเลย!” เสียงของฉู่เนี่ยนซีอ่อนโยน แต่บางคนกลับรู้สึกว่าเหมือนเสียงฟ้าคำราม นางกวาดตามองสีหน้าของทุกคนทีละคน และเมื่อเดินมาถึงนางกำนัลอาวุโส นางก็ยิ้มมุมปากทันที “นางกำนัลอาวุโสผู้นี้เชิญมาก่อน!” “บ่าว...” นางเหลือบมองฮองเฮาโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นฮองเฮาก็ตกใจกลัวและตะโกนอย่างเร่งรีบ “นางกำนัลอาวุโสหลิว เจ้าจะมองข้าเพื่ออะไร ชายาหลีขอตรวจสอบ เจ้าก็ให้ความร่วมมือไปสิ! ดึงผมสักเส้นสองเส้นคงไม่เจ็บนักหรอก!” เห็นดังนั้น สายตาขอความช่วยเหลือของนางกำนัลอาวุโสหลิวก็เริ่มหายไป นางรู้
“เรื่องนี้กระจ่างแล้ว” เย่เซวียนเล่อเข้าหาองค์จักรพรรดิ “เสด็จพ่อควรจัดการกับนางกำนัลอาวุโสหลิวโดยเร็วจะดีกว่านะเพคะ นอกจากนี้ เรื่องของลูกก็ยังไม่ได้รับการจัดการ ฉู่เนี่ยนซีทำร้ายลูก เรื่องของซูเซียงนั้นเป็นเพียงอุบายไร้สาระ ขอให้เสด็จพ่อโปรดตัดสินด้วยเพคะ” ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เจ้าเด็กนี่กลับกังวลกลัวว่าจะเสียผลประโยชน์ ฮองเฮาที่เห็นเช่นนั้นจึงมองตาขวางใส่เย่เซวียนเล่อ “เล่อเอ๋อร์...อย่าเพิ่งจุ้น!” “นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้านะ! องค์หญิงผู้แสนสง่างามเช่นเจ้ากลืนมารยาทลงท้องไปหมดแล้วรึ?!” องค์จักรพรรดิถลึงตามองเย่เซวียนเล่อด้วยความโกรธ พลางมีสีหน้าเดือดดาล! “ลูก...” เย่เซวียนเล่อเศร้าสร้อย ขณะที่นางกำลังจะพูด ฮองเฮาก็จับมือนางแล้วส่ายหน้า เย่เซวียนเล่อก็สงบปากสงบคำในทันที ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองพวกเขาทั้งสองอย่างไม่ใส่ใจ นั่งยอง ๆ และมองตรงไปนางกำนัลอาวุโสหลิวด้วยดวงตาวาววับ “นางกำนัลอาวุโสหลิว เจ้าคิดว่าไม่อยากถูกฆ่าทิ้งไปอย่างงง ๆ เช่นนี้ล่ะสิ ตราบใดที่เจ้ายอมบอกชื่อคนที่อยู่เบื้องหลัง เสด็จพ่อจะให้โอกาสเจ้ากลับตัวกลับใจและลดโทษให้อย่างแน่นอน” “เสด็จพ่อ” เมื่อเห็นหน้าด้านข
‘ปิ่นปักผมทองคำ?’นางโน้มตัวลงก่อนจะหยิบปิ่นปักผมทองคำขึ้นมาจากหญ้า ความสุขฉายวาบขึ้นในดวงตาของนาง‘ในเขตพระราชวังแห่งนี้ ผู้ที่มีปิ่นปักผมรูปนกหงษ์เพลิงคือฮองเฮาเพียงผู้เดียวเท่านั้น มาดูกันว่าวันนี้ท่านยังจะโต้แย้งอย่างไร?!’นางถือปิ่นปักผมทองคำไว้ในมือและเดินไปข้างหน้าองค์จักรพรรดิก่อนจะยื่นให้พระองค์“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเก็บสิ่งนี้ได้ไม่ไกลจากที่นี่เพคะ”องค์จักรพรรดิหยิบปิ่นปักรูปนกหงษ์เพลิงขึ้นดู เขาค่อย ๆ กระชับฝ่ามือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “นี่เป็นของฮองเฮาใช่หรือไม่?”ฮองเฮาตื่นตระหนกมากและมองที่ปิ่นปักผมในมือขององค์จักรพรรดิองค์จักรพรรดิถือปิ่นปักผมรูปนกหงษ์เพลิงเดินเข้าไปใกล้ฮองเฮา ดวงตาแหลมคมดุจเหยี่ยวของเขาฉายความเย็นชา “ฮองเฮาจะไม่อธิบายอะไรหน่อยหรือ?”ฮองเฮาตัวสั่นและก้มศีรษะลงต่ำ นางหาเหตุผลมาโต้ตอบกลับไปไม่ได้เป็นเวลานานเย่เซวียนเล่อที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นางมองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างทำอะไรไม่ถูก“เสด็จพ่อ…” เห็นได้ชัดว่าเย่เซวียนเล่อต้องการช่วยมารดาของตนแก้ตัว แต่นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดังนั้นจึงทำได้แค่ยืนร้อนรนฉู่เนี่ย