เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นที่ประจักษ์ ฉู่เนี่ยนซีก็กล่าวทันทีว่า “เสด็จพ่อ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเส้นผมในอ่างน้ำนี้เป็นของซูเซียง ข้อสันนิษฐานของซีเอ๋อร์ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อยเพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองที่อ่างน้ำ สีหน้าของนางก็ยิ่งเย็นชาจนน่าตกใจ และริมฝีปากของนางก็เอ่ยออกมา “ตามเวลาแล้ว ซูเซียงน่าจะถูกฆ่าตายเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ฆาตกรเคลื่อนย้ายศพเพื่อสร้างสถานการณ์ปลอม ตอนนี้เพียงแค่ต้องหาว่าใครคือฆาตกรที่ใจกล้าก่อเหตุฆาตกรรมในวังกลางวันแสก ๆ เช่นนี้เท่านั้น” “ไปเรียกขันทีที่เข้ากะยามนั้นมาที่นี่” องค์จักรพรรดิพูดอย่างเย็นชา จากนั้นกลุ่มขันทีที่ปฏิบัติหน้าที่ก็มาถึง ทุกคนต่างยืนกันเป็นระเบียบ เนื่องจากอยู่ห่างไกล ขันทีจำนวนมากที่ปฏิบัติหน้าที่จึงไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์จักรพรรดิ จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย บริเวณใกล้ ๆ กับตำหนักเย็นมีคนมาปฏิบัติหน้าที่ไม่มากนัก ซึ่งเป็นที่ที่ฆาตกรเหมาะจะลงมือก่ออาชญากรรมมากที่สุด หลังจากสอบสวน ไม่รู้เหตุใด วันนี้คนถึงเดินผ่านที่นี่มากกว่าปกติ หากจะตรวจสอบก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ชั่วขณะหนึ่งเกิดการหยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อฮองเฮา
ดวงตาขององค์จักรพรรดิสว่างราวกับสายฟ้า และความจริงก็ปรากฏอยู่ในใจของเขาอย่างช้า ๆ ฮองเฮามองวัตถุขนาดเท่าฝ่ามือในมือของฉู่เนี่ยนซี คิ้วของนางก็กระตุกโดยไม่ตั้งใจ นางกดขมับของตัวเองและรู้สึกถึงเลือดร้อนระอุที่ไหลผ่านเส้นเลือด ‘นางเด็กนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ !’ ‘เกรงว่าจะซ่อนสิ่งต่าง ๆ ไว้ไม่อยู่อีกต่อไป’ ‘ดูเหมือนว่าคงจะต้อง…’ ดวงตาของฮองเฮาสบกับเย่เซวียนเล่อ และปลอบนางให้สงบสติอารมณ์อย่างเงียบ ๆ เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้รับอนุญาต ก็ไม่สนใจฮองเฮากับองค์หญิงอีก นางเดินตรงไปหาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ฮองเฮา “เริ่มกันเลย!” เสียงของฉู่เนี่ยนซีอ่อนโยน แต่บางคนกลับรู้สึกว่าเหมือนเสียงฟ้าคำราม นางกวาดตามองสีหน้าของทุกคนทีละคน และเมื่อเดินมาถึงนางกำนัลอาวุโส นางก็ยิ้มมุมปากทันที “นางกำนัลอาวุโสผู้นี้เชิญมาก่อน!” “บ่าว...” นางเหลือบมองฮองเฮาโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นฮองเฮาก็ตกใจกลัวและตะโกนอย่างเร่งรีบ “นางกำนัลอาวุโสหลิว เจ้าจะมองข้าเพื่ออะไร ชายาหลีขอตรวจสอบ เจ้าก็ให้ความร่วมมือไปสิ! ดึงผมสักเส้นสองเส้นคงไม่เจ็บนักหรอก!” เห็นดังนั้น สายตาขอความช่วยเหลือของนางกำนัลอาวุโสหลิวก็เริ่มหายไป นางรู้
“เรื่องนี้กระจ่างแล้ว” เย่เซวียนเล่อเข้าหาองค์จักรพรรดิ “เสด็จพ่อควรจัดการกับนางกำนัลอาวุโสหลิวโดยเร็วจะดีกว่านะเพคะ นอกจากนี้ เรื่องของลูกก็ยังไม่ได้รับการจัดการ ฉู่เนี่ยนซีทำร้ายลูก เรื่องของซูเซียงนั้นเป็นเพียงอุบายไร้สาระ ขอให้เสด็จพ่อโปรดตัดสินด้วยเพคะ” ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เจ้าเด็กนี่กลับกังวลกลัวว่าจะเสียผลประโยชน์ ฮองเฮาที่เห็นเช่นนั้นจึงมองตาขวางใส่เย่เซวียนเล่อ “เล่อเอ๋อร์...อย่าเพิ่งจุ้น!” “นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้านะ! องค์หญิงผู้แสนสง่างามเช่นเจ้ากลืนมารยาทลงท้องไปหมดแล้วรึ?!” องค์จักรพรรดิถลึงตามองเย่เซวียนเล่อด้วยความโกรธ พลางมีสีหน้าเดือดดาล! “ลูก...” เย่เซวียนเล่อเศร้าสร้อย ขณะที่นางกำลังจะพูด ฮองเฮาก็จับมือนางแล้วส่ายหน้า เย่เซวียนเล่อก็สงบปากสงบคำในทันที ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองพวกเขาทั้งสองอย่างไม่ใส่ใจ นั่งยอง ๆ และมองตรงไปนางกำนัลอาวุโสหลิวด้วยดวงตาวาววับ “นางกำนัลอาวุโสหลิว เจ้าคิดว่าไม่อยากถูกฆ่าทิ้งไปอย่างงง ๆ เช่นนี้ล่ะสิ ตราบใดที่เจ้ายอมบอกชื่อคนที่อยู่เบื้องหลัง เสด็จพ่อจะให้โอกาสเจ้ากลับตัวกลับใจและลดโทษให้อย่างแน่นอน” “เสด็จพ่อ” เมื่อเห็นหน้าด้านข
‘ปิ่นปักผมทองคำ?’นางโน้มตัวลงก่อนจะหยิบปิ่นปักผมทองคำขึ้นมาจากหญ้า ความสุขฉายวาบขึ้นในดวงตาของนาง‘ในเขตพระราชวังแห่งนี้ ผู้ที่มีปิ่นปักผมรูปนกหงษ์เพลิงคือฮองเฮาเพียงผู้เดียวเท่านั้น มาดูกันว่าวันนี้ท่านยังจะโต้แย้งอย่างไร?!’นางถือปิ่นปักผมทองคำไว้ในมือและเดินไปข้างหน้าองค์จักรพรรดิก่อนจะยื่นให้พระองค์“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเก็บสิ่งนี้ได้ไม่ไกลจากที่นี่เพคะ”องค์จักรพรรดิหยิบปิ่นปักรูปนกหงษ์เพลิงขึ้นดู เขาค่อย ๆ กระชับฝ่ามือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “นี่เป็นของฮองเฮาใช่หรือไม่?”ฮองเฮาตื่นตระหนกมากและมองที่ปิ่นปักผมในมือขององค์จักรพรรดิองค์จักรพรรดิถือปิ่นปักผมรูปนกหงษ์เพลิงเดินเข้าไปใกล้ฮองเฮา ดวงตาแหลมคมดุจเหยี่ยวของเขาฉายความเย็นชา “ฮองเฮาจะไม่อธิบายอะไรหน่อยหรือ?”ฮองเฮาตัวสั่นและก้มศีรษะลงต่ำ นางหาเหตุผลมาโต้ตอบกลับไปไม่ได้เป็นเวลานานเย่เซวียนเล่อที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นางมองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างทำอะไรไม่ถูก“เสด็จพ่อ…” เห็นได้ชัดว่าเย่เซวียนเล่อต้องการช่วยมารดาของตนแก้ตัว แต่นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดังนั้นจึงทำได้แค่ยืนร้อนรนฉู่เนี่ย
“องค์หญิงจะกลับแล้วหรือเพคะ?” เสียงของฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ดังมาก แต่มันก็ปกคลุมเสียงทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์เสียงของนางโดดเด่นในความเงียบงัน“ข้า... ข้าอยากกลับแล้ว” เย่เซวียนเล่อรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตอนนี้ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด“องค์หญิง ท่านต้องการให้จักรพรรดิให้ความยุติธรรมกับท่านไม่ใช่หรือ?”ฉู่เนี่ยนซีค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เย่เซวียนเล่อ และจับมือของนางไว้ด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว“หากองค์หญิงไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดถึงไม่รอดูก่อนละเพคะ?” ฉู่เนี่ยนซีแอบบีบมือเตือนเย่เซวียนเล่อเย่เซวียนเล่อรู้สึกมือชาและเย็นเยียบราวกับเหล็ก“ข้า... แค่... ไม่อยากร่วมสนุกแล้ว เสด็จพ่อ ลูกขอตัวลากลับก่อนนะเพคะ” เย่เซวียนเล่อรีบพูดขึ้นอย่างรนรานก่อนจะรีบจากไป “องค์หญิงห้าเคยบอกว่าเสด็จพ่อยังไม่ได้ตัดสินใจลงโทษให้ท่านไม่ใช่หรือ? เหตุใดไม่อยู่สืบสวนให้ชัดเจนก่อนล่ะเพคะ?” ฉู่เนี่ยนซีไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ นางเข้าไปขวางทางเย่เซวียนเล่อไว้ จู่ ๆ เย่เซวียนเล่อก็โกรธมากเมื่อเห็นใบหน้าที่อัปลักษณ์และไม่แยแสของฉู่เนี่ยนซี!“ข้าอยากกลับก็จะกลับ ใครอนุญาตให้เจ้ามาชี้นิ้วสั่งข้า? เจ้าเป็นแค่ชายา
ฮองเฮากลัวว่าฉู่เนี่ยนซีจะยังคงไม่ยอมความ และกลัวว่าองค์จักรพรรดิจะโกรธเย่เซวียนเล่อ ดังนั้นนางจึงรีบอธิบาย "เซวียนเล่อยังเด็ก บางทีก็พูดอะไรไปโดยไม่ทันได้คิด ดังนั้นจึงเกิดความขัดแย้งกับชายาหลี มันเป็นเพียงการโต้เถียงระหว่างเด็ก ๆ เท่านั้นเพคะ แถมเด็กคนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว หวังว่าองค์จักรพรรดิจะเมตตาสงสารนางด้วยเพคะ!”"ข้าย่อมสงสารลูกสาวของข้าอยู่แล้ว แต่ในฐานะองค์หญิง นางมีความเย่อหยิ่งและเผด็จการ วันนี้ข้าจะให้ทหารพาเจ้าไปเขียนคำสำนึกผิดที่วัดชิงหลิง เพื่อทำให้จิตใจของเจ้าสงบลง! เจ้าจะกลับวังได้หลังจากคัดจบหนึ่งพันจบแล้วเท่านั้น และหลังจากกลับมาที่วัง เจ้าก็ต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนกับแม่นม หากไม่ได้รับอนุญาติจากข้าก็ห้ามก้าวออกจากวังแม้แต่ก้าวเดียว!”“เสด็จพ่อ...ลูกไม่อยาก...”“ฝ่าบาทได้โปรดเห็นแก่ตระกูลของหม่อมฉันที่หลานชายของหม่อมฉันได้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ประเทศด้วย ได้โปรดละเว้นโทษให้เล่อเอ๋อร์ด้วยเถิดเพคะ!”ฮองเฮารีบกล่าวขึ้น นางยอมแบกรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวดีกว่าปล่อยให้เย่เซวียนเล่อได้รับอันตราย“ข้าให้เกียรติเจ้ามามากพอแล้ว อย่าให้มันมากเกินไป!” องค์จักรพรรดิพูดด
“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นความผิดของข้าเอง ในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก!”เย่เฟยหลีสังเกตเห็นว่าคนข้าง ๆ ร่างกายแข็งทื่อ จึงเปิดปากให้สัญญากับนางฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นมองเย่เฟยหลีเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่แยแสพูดตามตรง นางไม่ได้โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เฟยหลีอยู่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาและดำมืดของเย่เฟยหลี ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกราวกับว่าถูกปีศาจครอบงำ และเกือบจะตกลงไปในกระแสน้ำวน โดยไม่สามารถหลุดออกมาได้ฉู่เนี่ยนซีมองไปทางอื่นและกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า"ข้าหวังว่าในอนาคตระหว่างพวกเราจะมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง"ขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็เงียบไปครู่หนึ่ง และมองตรงไปที่เย่เฟยหลีก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ "ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะระมัดระวังตำแหน่งชายาหลีของตัวเองอยู่เสมอ และเหตุการณ์กลับบ้านกลางดึกแบบเมื่อคืนจะไม่เกิดขึ้นอีก ในช่วงหนึ่งปีนี้ ข้าจะเป็นชายาหลีให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้ท่านต้องเสียหน้า!”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกแยก ทำให้เย่เฟยหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ปกปิดมันไว้อย่างรว
ร่างหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีดำ แขนเสื้อลายเมฆพลิ้วไหวสง่างามท่ามกลางสายลมหันหลังให้ฉู่เนี่ยนซีเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลัง นางจึงหันกลับมาอย่างช้า ๆ และเห็นดวงตาที่เย็นชาส่องแสงพร่างพราวน่าเกรงขามภายใต้แสงจันทร์ที่พร่ามัว แม้ดูสงบนิ่งแต่กลับซ่อนความคมคายเอาไว้เมื่อบวกกับใบหน้าที่ดูราวกับรูปปั้น ก็ยิ่งดูเร้าใจเป็นพิเศษ“เย่เฟยหลี?” ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยขณะเดียวกันก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดจึงมาดูด้วยตาตัวเองอย่างนั้นหรือ?เย่เฟยหลีเห็นสีหน้าประหลาดของฉู่เนี่ยนซี และอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นด้วยความสุขเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว สีหน้ากลับมาสงบตามเดิมและพูดขึ้นนิ่ง ๆ ว่า "ไปกันเถอะ"ฉู่เนี่ยนซีตอบรับโดยไม่ลังเลและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เฟยหลีฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองข้างหลังเขาอย่างสงบ และสังเกตเห็นว่าองครักษ์กำลังมองมาที่พวกเขา ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าเหตุใดเย่เฟยหลีถึงมารอนางอยู่ที่นี่‘เขาต้องการให้คนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายหลีกับชายาหลีนั้นไม่ได้ขัดแย้งกันดังข่าวลือสินะ’‘เขาต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของทุกคน!’