องค์จักรพรรดิมองฉู่เนี่ยนซีด้วยดวงตาที่เฉียบคมราวกับนกอินทรี ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ไม่โกรธ แต่ทรงพลัง หากเป็นคนธรรมดา คงหายใจไม่ออกเสียจนต้องก้มศีรษะตัวสั่นไปแล้ว แต่ฉู่เนี่ยนซีกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ใบหน้าของเขาแม้จะดูดุดันก็ก็ยังคงดูสงบ ริมฝีปากของเขาเผยอออกเล็กน้อยและพูดเนิบ ๆ “การทำร้ายองค์หญิงห้าถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุนั้นก็เป็นสิ่งที่ซีเอ๋อร์กำลังจะขอให้เสด็จพ่อเป็นผู้ตัดสินเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองใบหน้าที่จริงจังขององค์จักรพรรดิและพูดต่อ “ในหอตำราหลวงนั้น องค์หญิงห้าทรงดูถูกบิดามารดาของซีเอ๋อร์โดยพลการก่อน อีกทั้งยังสั่งให้คนของนางจัดการซีเอ๋อร์ ซึ่งเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของหม่อมฉันอย่างร้ายแรง ดังนั้น ซีเอ๋อร์จึงร้องขอให้ทรงตัดสินใหม่ด้วยเถอะเพคะ!” หลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีพูดจบ นางก็โค้งตัวอย่างนอบน้อม ด้วยท่าทางที่จริงใจอย่างคนที่ไม่ได้ทำผิดอะไร องค์จักรพรรดิทรงขมวดคิ้วและมองไปที่เย่เซวียนเล่อ “มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นหรือ?” “ลูก…” เย่เซวียนเล่ออ้ำอึ้ง เมื่อฮองเฮาที่อยู่ด้านข้าง เห็นสีหน้าของพระธิดาของตัวเอง ก็รู้
“ฉู่เนี่ยนซี! ฉู่เนี่ยนซีต้องเป็นคนฆ่านางแน่ ๆ!” เย่เซวียนเล่อชี้ไปที่ฉู่เนี่ยนซีพลางตะโกน ฉู่เนี่ยนซีคิ้วขมวดด้วยความโกรธ ในดวงตาอาฆาตกระหายเลือด ‘ฆ่าคนเพื่อจะลงโทษนางเนี่ยนะ พวกเขาทำกันได้อย่างไร!’ ‘ชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นมนุษย์แล้ว!’ เมื่อเห็นท่าทีของนาง เย่เซวียนเล่อก็รู้สึกเจ็บบริเวณคอเล็กน้อย และหายใจไม่ออกขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงขยับเข้าไปใกล้ฮองเฮามากขึ้น ฮองเฮาตบมือของนางเพื่อปลอบโยน และมองฉู่เนี่ยนซีด้วยสายตาอำมหิต “เหตุใดพระชายาหลีจึงมีสีหน้าเช่นนั้น? แม้เล่อเอ๋อร์จะพูดตรงไปสักหน่อย แต่ข้อสงสัยนั่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เจ้าเพิ่งขอให้องค์จักรพรรดิรับสั่งให้ซูเซียงมาเข้าเฝ้า แต่ซูเซียงก็กลับถูกพบว่าเสียชีวิตในทะเลสาบไปเสียแล้ว คงจะตั้งใจไว้ล่ะสิ” “หากซีเอ๋อร์เป็นคนทำ จำเป็นที่จะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพื่อที่จะเรียกคนมาหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมคิดว่าคนมีสมองคงไม่พูดอะไรเช่นนั้นออกมา!” ดวงตาสีเข้มราวกับสระน้ำอันมืดมิดของเย่เฟยหลีปรายตามองฮองเฮา ทำเอาฮองเฮาถึงกับพูดไม่ออก ดวงตาขององค์จักรพรรดิขรึมขึ้น เขาจ้องมองไปที่ทุกคน และในที่สุดก็มองไปยังขันทีผู้น้อยที่กำ
เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้รับอนุญาต เหล่าองครักษ์ก็หลีกทางให้ ฉู่เนี่ยนซีค่อย ๆ เปิดผ้าขาวที่คลุมศีรษะของซูเซียง ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันอยู่ในใจและเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกอยากจะหนีไปจากตรงนี้ คนที่กำลังมีช่วงวัยที่ดีที่สุดต้องมาตายเพราะนาง! นางรักษาคนมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นคนแรกที่จากไปเพราะนาง เย่เฟยหลีมองมือที่ลังเลและท่าทางที่ลำบากของนาง ความสงสารก็แวบขึ้นมาในใจของเขา เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและจับมือนางไว้ “หากไม่อยากดูก็ไม่ต้องดู นางทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก!” ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เฟยหลีที่มีสีหน้าเป็นกังวล ภาพเมื่อวานก็ฉายซ้ำในหัวของนางอีกครั้ง นางสะบัดมือออกและมากุมมือตัวเองไว้อย่างไม่เป็นธรรมมชาติ “ข้าทำได้!” นางพูดเบา ๆ ราวกับว่านางกำลังบอกทั้งเขาและตัวเอง จากนั้นด้วยความมุ่งมั่น นางจึงเอื้อมมือออกไปเลิกผ้าขาวขึ้น สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือใบหน้าที่ซีดเซียวของซูเซียง โดยมีผมที่เปียกชุ่มปรกอยู่บนใบหน้าของนาง ช่างดูน่าแปลก ฉู่เนี่ยนซีเอื้อมมือไปเขี่ยผมสีดำคล้ายสาหร่ายออกและพบว่ามีบาดแผลเล็ก ๆ บนหน้าผากของซูเซียง เมื่อพิจารณาจากความรุนแรงแล้วคงจะใช้เวลานานทีเดียวถึงจะเห็นได้ชัดเจนข
ฮองเฮาถึงกับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ความตื่นตระหนกในดวงตาของนางสั่นไหว แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วนางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและมองไปที่องค์จักรพรรดิ “ฝ่าบาท คงเป็นเพราะซูเซียงไม่ระวังจึงพลาดท่าตกลงไปในสระไท่เย่ฉือ จะไปมีเหตุผิดปกติอะไรได้เพคะ ว่ากันว่าดวงจิตของผู้ตายจะได้พักผ่อนเมื่อกลับลงสู่ผืนดิน แล้วเหตุใดถึงยังปล่อยนางเอาไว้เช่นนี้เล่า? จัดพิธีศพให้นางเถิด! ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่จากองค์จักรพรรดิเลยนะเพคะ” “ใช่เพคะเสด็จพ่อ” เย่เซวียนเล่อที่อยู่ตรงนั้นตอบรับอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่ฉู่เนี่ยนซี องค์จักรพรรดิเลียริมฝีปากที่แห้งผากของเขา เขาไม่ได้พูดอะไรมาสักพักแล้ว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “เสด็จพ่อเคยคิดไหมเพคะ ว่าเหตุใดอยู่ดี ๆ นางถึงตกลงไปในสระไทเย่ฉือ? อีกทั้งยังเป็นวันที่อากาศแจ่มใสเช่นนี้ ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ?” ฉู่เนี่ยนซียิ้มบาง ๆ และเข้าใกล้ฮองเฮาอย่างไม่รีบร้อน “ฮองเฮาพูดอยู่เสมอว่าผู้ตายควรถูกฝังอย่างสงบ แต่หม่อมฉันคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก ดังนั้นควรทำให้ชัดเจนจะดีกว่าเพคะ” “แปลกรึ?” ฮองเฮาเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “มีอะไรแปลก? เป็นไปได้ว่าซูเซียงจะสะด
“หากเป็นตามที่เจ้าพูด ซูเซียงก็ไม่ได้จมน้ำตายหรือ?” รอยยิ้มและสีหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและมั่นใจ “แน่นอนว่านางจมน้ำตายเพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีมองฮองเฮาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เพียงแต่นางไม่ได้จมน้ำตายในสระไท่เย่ฉือนี้เพคะ!”ความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในใจของฮองเฮา แต่นางก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลางพูดขึ้นด้วยความโกรธอย่างนิ่ง ๆ ว่า “ไร้สาระเสียจริง! หากไม่ได้จมน้ำที่นี่ ผู้ใหญ่ตัวโต ๆ จะไปจมน้ำตายได้ที่ไหนอีก!” พูดจบ ฮองเฮาก็หันไปหาองค์จักรพรรดิแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันว่าชายาหลีต้องการจะหลบเลี่ยงเรื่องที่ทำร้ายเล่อเอ๋อร์ นางจึงพูดจาไร้สาระเช่นนี้ แต่คนตายนั้นกว่า ซูเซียงไม่อยู่แล้ว ปล่อยนางนอนตากลมไว้เช่นนี้คงจะไม่ได้ รีบจัดพิธีฝังศพให้นางไปสู่สุคติโดยเร็วที่สุดจะดีกว่าเพคะ” “เหตุใดฮองเฮาถึงทรงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อคำพูดของซีเอ๋อร์เช่นนี้ด้วยเพคะ? สิ่งที่ซีเอ๋อร์พูดนั้นจะน่าเชื่อถือหรือไม่ เสด็จพ่อก็ทรงหาข้อสรุปเองได้เพคะ เพียงแต่ว่า...” ในขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาที่สงบนิ่งไม่ไหวติงเผยความรู้สึกที่ไม่อาจรู้ได้ว่าคืออะไร นางพูดเนิบ ๆ ว่า “ฮองเฮาตรั
เมื่อฮองเฮาเห็นท่าทางของนางเช่นนั้น ใจที่กำลังวิตกกังวลของฮองเฮาก็ผ่อนคลายลง และทำสีหน้ามั่นใจนิด ๆ “ชายาหลี นี่เจ้าจะบอกข้ากับฝ่าบาทว่าซูเซียงตายตรงนี้เช่นนั้นหรือ?” ฉู่เนี่ยนซีมองท่าทางมั่นใจของฮองเฮา คิ้วที่ขมวดอยู่ของนางก็ผ่อนคลายลง และรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “แน่นอนว่า...ไม่ใช่เพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีจงใจพูดลากเสียงยาว ๆ ส่วนฮองเฮาที่ยังดูมั่นใจในตอนแรก เมื่อได้ยินสองคำสุดท้าย รวมไปถึงเห็นสีหน้าของนาง ก็เกิดหวาดกลัวและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แววตาของฉู่เนี่ยนซีฉายแววเยาะเย้ยนิด ๆ จากนั้นก็ไม่สนใจฮองเฮาอีกและหันไปมององค์จักรพรรดิ “เมื่อพิจารณาจากศพของซูเซียง นางจมน้ำเสียชีวิตเพคะ แต่นางคงไม่ได้ตายในสระไท่เย่ฉือแน่นอน ดังนั้นซีเอ๋อร์จึงตัดสินว่า อ่างใบใหญ่ ๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ซูเซียงตายเพคะ” “แต่ว่า...ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสก ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่ฆาตกรจะก่อเหตุฆาตกรรมอย่างโจ่งแจ้ง ฉะนั้น หากเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ รกร้างไร้ผู้คน อีกทั้งยังใกล้กับที่นี่ นั่นจึงจะเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมที่ฆาตกรเลือกไว้เพคะ” พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ชำเลืองมองฮองเฮาพร้อมยิ้มที่ไม
ฉู่เนี่ยนซีรู้อยู่แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางคือฆาตกรที่ฆ่าซูเซียง เพราะพวกนางกลัวว่าซูเซียงจะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ในหอตำราหลวง หากปล่อยซูเซียงไปนางก็จะไม่ได้รับการลงโทษ ฉู่เนี่ยนซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ และชี้ไปที่อ่างน้ำ “อะไร? ตรงนั้นมีปัญหาอะไร?” เย่เซวียนเล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เพื่อปกปิดความตื่นตระหนกในใจของนาง นางและฮองเฮาร่วมมือกันทำเรื่องนี้ แต่พวกนางก็จัดการร่องรอยทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือหลักฐาน ‘นางคนอัปลักษณ์นี่ก็แค่แสร้งทำไปเท่านั้นเอง’ เมื่อเทียบกับเย่เซวียนเล่อที่กำลังตื่นตระหนก แต่ฮองเฮากลับดูสงบกว่ามาก นางเหลือบมองฉู่เนี่ยนซีพลางเยาะเย้ยในทันที “หรือในมุมมองของชายาหลีนั้นแม้แต่อ่างน้ำก็พูดได้?” “เป็นอย่างที่ฮองเฮาทรงตรัสเพคะ อ่างน้ำนี่พูดได้จริง ๆ” ฉู่เนี่ยนซียิ้มอย่างมั่นใจพลางยกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นข้อมือสีขาว นิ้วเรียวล้วงเข้าไปในอ่างน้ำแล้วคลำไปรอบ ๆ หลังจากนั้นไม่นาน มือเรียวงามของนางก็หยิบเอาผมสีดำสนิทจำนวนหนึ่งออกมาจากอ่าง “นั่นคืออะไร?” ทุกคนเข้ามาใกล้อย่างประหลาดใจด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน “เส้นผมเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีชูเส้นผมในมือขึ
“ฉู่เนี่ยนซี อย่าก่อเรื่องเลย รูปร่างของสิ่งนี้ดูแปลกมาก อีกทั้งวิธีใช้งาน ข้าคิดว่าเจ้าก็แค่อวดอ้างเท่านั้น!” เย่เซวียนเล่อมองสิ่งที่อยู่ในมือของฉู่เนี่ยนซี พลางเยาะเย้ยอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าเย่เซวียนเล่อเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ ฮองเฮาก็เหลือบมองนางด้วยความโกรธและแสร้งทำเป็นดุว่า “เล่อเอ๋อร์ ระวังปากด้วย!” เย่เซวียนเล่อเบ้ปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังสงบปากสงบคำไว้ เมื่อเห็นว่าเย่เซวียนเล่อหยุดพูด นางก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยท่าทีเคร่งขรึม ริมฝีปากสีแดงของนางก็เผยอขึ้นเล็กน้อย “อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นไม่ได้อัศจรรย์เท่าไหร่ ไม่ทราบว่าให้ข้าลองดูสักหน่อยได้หรือไม่?” “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ หม่อมฉันจะหันหลัง และอยากขอให้ฮองเฮาและองค์หญิงดึงผมสองสามเส้น วางไว้ข้าง ๆ และทำเครื่องหมายไว้ อีกทั้งหม่อมฉันก็สามารถยืนยันได้เช่นกันว่าเส้นผมเป็นของคนคนเดียวกัน” ฮองเฮาพยักหน้า และฉู่เนี่ยนซีก็หันหลังไปอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีคงจะแอบมองไม่ได้แล้ว ฮองเฮาและเย่เซวียนเล่อก็ดึงผมของตัวเองออกมาสองสามเส้นแล้ววางไว้ข้าง ๆ “เจ้าหันกลับมาได้แล้ว” เมื่อฉู่เนี่ยนซีไ