“ฉู่เนี่ยนซี! ฉู่เนี่ยนซีต้องเป็นคนฆ่านางแน่ ๆ!” เย่เซวียนเล่อชี้ไปที่ฉู่เนี่ยนซีพลางตะโกน ฉู่เนี่ยนซีคิ้วขมวดด้วยความโกรธ ในดวงตาอาฆาตกระหายเลือด ‘ฆ่าคนเพื่อจะลงโทษนางเนี่ยนะ พวกเขาทำกันได้อย่างไร!’ ‘ชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นมนุษย์แล้ว!’ เมื่อเห็นท่าทีของนาง เย่เซวียนเล่อก็รู้สึกเจ็บบริเวณคอเล็กน้อย และหายใจไม่ออกขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงขยับเข้าไปใกล้ฮองเฮามากขึ้น ฮองเฮาตบมือของนางเพื่อปลอบโยน และมองฉู่เนี่ยนซีด้วยสายตาอำมหิต “เหตุใดพระชายาหลีจึงมีสีหน้าเช่นนั้น? แม้เล่อเอ๋อร์จะพูดตรงไปสักหน่อย แต่ข้อสงสัยนั่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เจ้าเพิ่งขอให้องค์จักรพรรดิรับสั่งให้ซูเซียงมาเข้าเฝ้า แต่ซูเซียงก็กลับถูกพบว่าเสียชีวิตในทะเลสาบไปเสียแล้ว คงจะตั้งใจไว้ล่ะสิ” “หากซีเอ๋อร์เป็นคนทำ จำเป็นที่จะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพื่อที่จะเรียกคนมาหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมคิดว่าคนมีสมองคงไม่พูดอะไรเช่นนั้นออกมา!” ดวงตาสีเข้มราวกับสระน้ำอันมืดมิดของเย่เฟยหลีปรายตามองฮองเฮา ทำเอาฮองเฮาถึงกับพูดไม่ออก ดวงตาขององค์จักรพรรดิขรึมขึ้น เขาจ้องมองไปที่ทุกคน และในที่สุดก็มองไปยังขันทีผู้น้อยที่กำ
เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้รับอนุญาต เหล่าองครักษ์ก็หลีกทางให้ ฉู่เนี่ยนซีค่อย ๆ เปิดผ้าขาวที่คลุมศีรษะของซูเซียง ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันอยู่ในใจและเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกอยากจะหนีไปจากตรงนี้ คนที่กำลังมีช่วงวัยที่ดีที่สุดต้องมาตายเพราะนาง! นางรักษาคนมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นคนแรกที่จากไปเพราะนาง เย่เฟยหลีมองมือที่ลังเลและท่าทางที่ลำบากของนาง ความสงสารก็แวบขึ้นมาในใจของเขา เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและจับมือนางไว้ “หากไม่อยากดูก็ไม่ต้องดู นางทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก!” ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เฟยหลีที่มีสีหน้าเป็นกังวล ภาพเมื่อวานก็ฉายซ้ำในหัวของนางอีกครั้ง นางสะบัดมือออกและมากุมมือตัวเองไว้อย่างไม่เป็นธรรมมชาติ “ข้าทำได้!” นางพูดเบา ๆ ราวกับว่านางกำลังบอกทั้งเขาและตัวเอง จากนั้นด้วยความมุ่งมั่น นางจึงเอื้อมมือออกไปเลิกผ้าขาวขึ้น สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือใบหน้าที่ซีดเซียวของซูเซียง โดยมีผมที่เปียกชุ่มปรกอยู่บนใบหน้าของนาง ช่างดูน่าแปลก ฉู่เนี่ยนซีเอื้อมมือไปเขี่ยผมสีดำคล้ายสาหร่ายออกและพบว่ามีบาดแผลเล็ก ๆ บนหน้าผากของซูเซียง เมื่อพิจารณาจากความรุนแรงแล้วคงจะใช้เวลานานทีเดียวถึงจะเห็นได้ชัดเจนข
ฮองเฮาถึงกับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ความตื่นตระหนกในดวงตาของนางสั่นไหว แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วนางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและมองไปที่องค์จักรพรรดิ “ฝ่าบาท คงเป็นเพราะซูเซียงไม่ระวังจึงพลาดท่าตกลงไปในสระไท่เย่ฉือ จะไปมีเหตุผิดปกติอะไรได้เพคะ ว่ากันว่าดวงจิตของผู้ตายจะได้พักผ่อนเมื่อกลับลงสู่ผืนดิน แล้วเหตุใดถึงยังปล่อยนางเอาไว้เช่นนี้เล่า? จัดพิธีศพให้นางเถิด! ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่จากองค์จักรพรรดิเลยนะเพคะ” “ใช่เพคะเสด็จพ่อ” เย่เซวียนเล่อที่อยู่ตรงนั้นตอบรับอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่ฉู่เนี่ยนซี องค์จักรพรรดิเลียริมฝีปากที่แห้งผากของเขา เขาไม่ได้พูดอะไรมาสักพักแล้ว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “เสด็จพ่อเคยคิดไหมเพคะ ว่าเหตุใดอยู่ดี ๆ นางถึงตกลงไปในสระไทเย่ฉือ? อีกทั้งยังเป็นวันที่อากาศแจ่มใสเช่นนี้ ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ?” ฉู่เนี่ยนซียิ้มบาง ๆ และเข้าใกล้ฮองเฮาอย่างไม่รีบร้อน “ฮองเฮาพูดอยู่เสมอว่าผู้ตายควรถูกฝังอย่างสงบ แต่หม่อมฉันคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก ดังนั้นควรทำให้ชัดเจนจะดีกว่าเพคะ” “แปลกรึ?” ฮองเฮาเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “มีอะไรแปลก? เป็นไปได้ว่าซูเซียงจะสะด
“หากเป็นตามที่เจ้าพูด ซูเซียงก็ไม่ได้จมน้ำตายหรือ?” รอยยิ้มและสีหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและมั่นใจ “แน่นอนว่านางจมน้ำตายเพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีมองฮองเฮาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เพียงแต่นางไม่ได้จมน้ำตายในสระไท่เย่ฉือนี้เพคะ!”ความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในใจของฮองเฮา แต่นางก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลางพูดขึ้นด้วยความโกรธอย่างนิ่ง ๆ ว่า “ไร้สาระเสียจริง! หากไม่ได้จมน้ำที่นี่ ผู้ใหญ่ตัวโต ๆ จะไปจมน้ำตายได้ที่ไหนอีก!” พูดจบ ฮองเฮาก็หันไปหาองค์จักรพรรดิแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันว่าชายาหลีต้องการจะหลบเลี่ยงเรื่องที่ทำร้ายเล่อเอ๋อร์ นางจึงพูดจาไร้สาระเช่นนี้ แต่คนตายนั้นกว่า ซูเซียงไม่อยู่แล้ว ปล่อยนางนอนตากลมไว้เช่นนี้คงจะไม่ได้ รีบจัดพิธีฝังศพให้นางไปสู่สุคติโดยเร็วที่สุดจะดีกว่าเพคะ” “เหตุใดฮองเฮาถึงทรงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อคำพูดของซีเอ๋อร์เช่นนี้ด้วยเพคะ? สิ่งที่ซีเอ๋อร์พูดนั้นจะน่าเชื่อถือหรือไม่ เสด็จพ่อก็ทรงหาข้อสรุปเองได้เพคะ เพียงแต่ว่า...” ในขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาที่สงบนิ่งไม่ไหวติงเผยความรู้สึกที่ไม่อาจรู้ได้ว่าคืออะไร นางพูดเนิบ ๆ ว่า “ฮองเฮาตรั
เมื่อฮองเฮาเห็นท่าทางของนางเช่นนั้น ใจที่กำลังวิตกกังวลของฮองเฮาก็ผ่อนคลายลง และทำสีหน้ามั่นใจนิด ๆ “ชายาหลี นี่เจ้าจะบอกข้ากับฝ่าบาทว่าซูเซียงตายตรงนี้เช่นนั้นหรือ?” ฉู่เนี่ยนซีมองท่าทางมั่นใจของฮองเฮา คิ้วที่ขมวดอยู่ของนางก็ผ่อนคลายลง และรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “แน่นอนว่า...ไม่ใช่เพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีจงใจพูดลากเสียงยาว ๆ ส่วนฮองเฮาที่ยังดูมั่นใจในตอนแรก เมื่อได้ยินสองคำสุดท้าย รวมไปถึงเห็นสีหน้าของนาง ก็เกิดหวาดกลัวและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แววตาของฉู่เนี่ยนซีฉายแววเยาะเย้ยนิด ๆ จากนั้นก็ไม่สนใจฮองเฮาอีกและหันไปมององค์จักรพรรดิ “เมื่อพิจารณาจากศพของซูเซียง นางจมน้ำเสียชีวิตเพคะ แต่นางคงไม่ได้ตายในสระไท่เย่ฉือแน่นอน ดังนั้นซีเอ๋อร์จึงตัดสินว่า อ่างใบใหญ่ ๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ซูเซียงตายเพคะ” “แต่ว่า...ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสก ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่ฆาตกรจะก่อเหตุฆาตกรรมอย่างโจ่งแจ้ง ฉะนั้น หากเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ รกร้างไร้ผู้คน อีกทั้งยังใกล้กับที่นี่ นั่นจึงจะเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมที่ฆาตกรเลือกไว้เพคะ” พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ชำเลืองมองฮองเฮาพร้อมยิ้มที่ไม
ฉู่เนี่ยนซีรู้อยู่แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางคือฆาตกรที่ฆ่าซูเซียง เพราะพวกนางกลัวว่าซูเซียงจะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ในหอตำราหลวง หากปล่อยซูเซียงไปนางก็จะไม่ได้รับการลงโทษ ฉู่เนี่ยนซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ และชี้ไปที่อ่างน้ำ “อะไร? ตรงนั้นมีปัญหาอะไร?” เย่เซวียนเล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เพื่อปกปิดความตื่นตระหนกในใจของนาง นางและฮองเฮาร่วมมือกันทำเรื่องนี้ แต่พวกนางก็จัดการร่องรอยทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือหลักฐาน ‘นางคนอัปลักษณ์นี่ก็แค่แสร้งทำไปเท่านั้นเอง’ เมื่อเทียบกับเย่เซวียนเล่อที่กำลังตื่นตระหนก แต่ฮองเฮากลับดูสงบกว่ามาก นางเหลือบมองฉู่เนี่ยนซีพลางเยาะเย้ยในทันที “หรือในมุมมองของชายาหลีนั้นแม้แต่อ่างน้ำก็พูดได้?” “เป็นอย่างที่ฮองเฮาทรงตรัสเพคะ อ่างน้ำนี่พูดได้จริง ๆ” ฉู่เนี่ยนซียิ้มอย่างมั่นใจพลางยกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นข้อมือสีขาว นิ้วเรียวล้วงเข้าไปในอ่างน้ำแล้วคลำไปรอบ ๆ หลังจากนั้นไม่นาน มือเรียวงามของนางก็หยิบเอาผมสีดำสนิทจำนวนหนึ่งออกมาจากอ่าง “นั่นคืออะไร?” ทุกคนเข้ามาใกล้อย่างประหลาดใจด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน “เส้นผมเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีชูเส้นผมในมือขึ
“ฉู่เนี่ยนซี อย่าก่อเรื่องเลย รูปร่างของสิ่งนี้ดูแปลกมาก อีกทั้งวิธีใช้งาน ข้าคิดว่าเจ้าก็แค่อวดอ้างเท่านั้น!” เย่เซวียนเล่อมองสิ่งที่อยู่ในมือของฉู่เนี่ยนซี พลางเยาะเย้ยอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าเย่เซวียนเล่อเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ ฮองเฮาก็เหลือบมองนางด้วยความโกรธและแสร้งทำเป็นดุว่า “เล่อเอ๋อร์ ระวังปากด้วย!” เย่เซวียนเล่อเบ้ปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังสงบปากสงบคำไว้ เมื่อเห็นว่าเย่เซวียนเล่อหยุดพูด นางก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยท่าทีเคร่งขรึม ริมฝีปากสีแดงของนางก็เผยอขึ้นเล็กน้อย “อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นไม่ได้อัศจรรย์เท่าไหร่ ไม่ทราบว่าให้ข้าลองดูสักหน่อยได้หรือไม่?” “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ หม่อมฉันจะหันหลัง และอยากขอให้ฮองเฮาและองค์หญิงดึงผมสองสามเส้น วางไว้ข้าง ๆ และทำเครื่องหมายไว้ อีกทั้งหม่อมฉันก็สามารถยืนยันได้เช่นกันว่าเส้นผมเป็นของคนคนเดียวกัน” ฮองเฮาพยักหน้า และฉู่เนี่ยนซีก็หันหลังไปอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซีคงจะแอบมองไม่ได้แล้ว ฮองเฮาและเย่เซวียนเล่อก็ดึงผมของตัวเองออกมาสองสามเส้นแล้ววางไว้ข้าง ๆ “เจ้าหันกลับมาได้แล้ว” เมื่อฉู่เนี่ยนซีไ
เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นที่ประจักษ์ ฉู่เนี่ยนซีก็กล่าวทันทีว่า “เสด็จพ่อ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเส้นผมในอ่างน้ำนี้เป็นของซูเซียง ข้อสันนิษฐานของซีเอ๋อร์ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อยเพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองที่อ่างน้ำ สีหน้าของนางก็ยิ่งเย็นชาจนน่าตกใจ และริมฝีปากของนางก็เอ่ยออกมา “ตามเวลาแล้ว ซูเซียงน่าจะถูกฆ่าตายเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ฆาตกรเคลื่อนย้ายศพเพื่อสร้างสถานการณ์ปลอม ตอนนี้เพียงแค่ต้องหาว่าใครคือฆาตกรที่ใจกล้าก่อเหตุฆาตกรรมในวังกลางวันแสก ๆ เช่นนี้เท่านั้น” “ไปเรียกขันทีที่เข้ากะยามนั้นมาที่นี่” องค์จักรพรรดิพูดอย่างเย็นชา จากนั้นกลุ่มขันทีที่ปฏิบัติหน้าที่ก็มาถึง ทุกคนต่างยืนกันเป็นระเบียบ เนื่องจากอยู่ห่างไกล ขันทีจำนวนมากที่ปฏิบัติหน้าที่จึงไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์จักรพรรดิ จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย บริเวณใกล้ ๆ กับตำหนักเย็นมีคนมาปฏิบัติหน้าที่ไม่มากนัก ซึ่งเป็นที่ที่ฆาตกรเหมาะจะลงมือก่ออาชญากรรมมากที่สุด หลังจากสอบสวน ไม่รู้เหตุใด วันนี้คนถึงเดินผ่านที่นี่มากกว่าปกติ หากจะตรวจสอบก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ชั่วขณะหนึ่งเกิดการหยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อฮองเฮา