ฉู่เนี่ยนซียิ้มอย่างเย็นชาและมองตรงไปที่นางด้วยดวงตาที่สดใส “แล้วเหตุใดท่านอ๋องเฉิงถึงต่อว่าข้าเพื่อเจ้าเล่า!" “นั่นเป็นเพราะท่านอ๋องเฉิงไม่ต้องการให้ท่านรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า!” “ข้าไปรังแกเจ้าตอนไหน?” “ก็...ตอนที่กลับมาจากวังเมื่อวานนี้!” ซ่างกวานเยียนมองไปยังดวงตาที่ลุกวาวของฉู่เนี่ยนซี รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย และตอบนางทีละคำถาม! “ท่านอ๋องเฉิงเห็นกับตาว่าหม่อมฉันเป็นคนผลักนางหรือไม่เพคะ?” ฉู่เนี่ยนซีเมินซ่างกวานเยียน และมองไปยังเย่ฉงเฉิงที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและมองนางกลับด้วยสีหน้าโกรธเคือง เมื่อเย่ฉงเฉิงได้ยินคำถาม เขาก็อยากจะตอบทันที ฉู่เนี่ยนซีหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “พระองค์จะพยักหน้าหรือส่ายหน้าก็ได้ แค่ต้องทรงคิดให้ดีก่อนตอบ!” ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นดูสีหน้าของนาง เย่ฉงเฉิงก็รู้สึกว่าทั้งร่างกายของเขาแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติ และเขาก็ส่ายหน้าไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากส่ายหน้าไปแล้ว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดหน่อย ๆ ในขณะนั้น เขาก็เริ่มกลัวสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้ขึ้นมาบ้างแล้วจริง ๆ! “เสด็จพ่อคงเห็นแล้วว่าท่านอ๋องเฉิงไม่เห็นหม่อมฉันผลักซ่างกวานเยียน แ
ฉู่เนี่ยนซียิ้มมุมปากด้วยท่าทีนิ่งสงบเหมือนเคย “ซีเอ๋อร์ไม่มีอะไรจะพูด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหม่อมฉันยอมรับผิดนะเพคะ!” “เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ฮองเฮาขมวดคิ้ว ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วมองฮองเฮาด้วยสายตาประชดประชันเล็ก ๆ “หากพระองค์ต้องการกล่าวหาใครสักคนก็ย่อมทำได้อยู่แล้ว แต่ในฐานะแม่ของแผ่นดิน ฮองเฮาไม่อาจเลือกที่รักมักที่ชังได้ การที่ทรงกระตือรือร้นที่จะลงโทษซีเอ๋อร์เช่นนี้ อาจทำให้ท่านอ๋องหลีไม่พอใจเพราะชายาของตนไปทำร้ายองค์ชายเข้า ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของท่านอ๋องหลี่แน่นอน คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าพระองค์มีเจตนาอื่นแอบแฝง” คำพูดของฉู่เนี่ยนซีชัดเจนและตรงไปตรงมาอย่างมาก อ๋องเหลียนกับอ๋องหลีขัดแย้งกันมาตลอด และอ๋องเหลียนเป็นคนของฮองเฮา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉู่เนี่ยนซี อ๋องหลีก็จะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอำนาจทางทหารที่เขาเพิ่งได้มาอาจจะถูกใครบางคนยึดคืนไป ที่ฮองเฮากระทำไปทั้งหมด เป็นเพราะปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้เห็นผลลัพธ์นี้ นั่นทำให้องค์จักรพรรดิมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก และเย่ฉงเฉิงที่ไม่สามารถพูดได้ หว่างคิ้วของเขาก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่ต่
ฉู่เนี่ยนซีได้ยินดังนั้น ก็มองไปที่เย่เฟยหลีและเห็นว่ายังมีเหงื่อหยดเล็ก ๆ อยู่บนหน้าผากของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะกุลีกุจอมาไม่น้อย เขาคงกังวลมากเพราะกลัวว่าซ่างกวานเยียนคนโปรดของเขาจะถูกรังแก นางกำหมัดก้มหน้า และบังคับตัวเองไม่ให้มองเขา หากเย่เฟยหลีออกมาให้การเป็นพยานด้วยตัวเองว่านางเป็นคนผลักซ่างกวานเยียนและทำให้เย่ฉงเฉิงพูดไม่ได้ ไม่ว่านางจะโต้เถียงเก่งแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ แม้สถานะปัจจุบันของนางคือชายาเอกของเย่เฟยหลี แต่เขาเป็นคนที่มีความยุติธรรมที่สุด พูดอะไรไปใคร ๆ ก็เชื่อ เย่เฟยหลีฟังคำถามขององค์จักรพรรดิ และมองไปที่ซ่างกวานเยียน จากนั้นจึงมองไปที่เย่ฉงเฉิง ฉู่เนี่ยนซีที่เห็นเขาทำเช่นนั้น ก็ยิ้มเย็นอยู่ในใจ และความรู้สึกผิดหวังก็เกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ นี่นางคาดหวังอะไร เขาคงไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ซ่างกวานเยียนต้องทนทุกข์อย่างแน่นอน อีดทั้งยังหวังที่จะช่วยให้น้องชายของเขาได้รับความยุติธรรม ส่วนนางก็เป็นเพียงพระชายาแค่ในนามตามข้อตกลงเท่านั้นเอง! สำหรับความยุติธรรมของนาง คงไม่ใช่เรื่องที่เย่เฟยหลีจะสนใจ เมื่อคิดเช่นนี้ ฉู่เนี่ยนซีก็ผ่อนคลายลง และสีหน้าไม่แยแสข
ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เย่เฟยหลีก็มองนางอย่างสงบ ทำให้นางกลืนคำพูดกลับลง ไปทันที ในตอนแรกเขาแก้ตัวแทนนาง มาวันนี้เขาก็ทะเลาะกับฮ่องเฮาอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งนั่นทำให้ ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย“อย่าหยาบคาย!” จักรพรรดิตะโกนเสียงดังมาจากด้านข้าง “นางเป็นมารดาของประเทศ และเป็นท่านแม่ของเจ้า!”เย่เฟยหลียังคงมีสีหน้าเย็นชา เขายืนตัวตรงมองไปที่ฮ่องเฮาอย่างไม่เกรงกลัว "ลูกเพียงแค่อยากจะเตือนให้พระองค์รู้ถึงสถานะของตนก็เท่านั้น"“เจ้า...” ฮ่องเฮาไม่คิดว่าท่าทีของอีกฝ่ายจะแข็งกร้าวเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางของจักรพรรดิที่ดูเหมือนไม่อยากจะพูดอะไร นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระงับความคับข้องใจ และสงบสติอารมณ์ด้วยท่าทางที่สง่างาม "องค์ชายหลีและภรรยาช่างรักกันดีจริง ๆ พระชายาหลีเก่งไม่เบา ถึงได้ทำให้องค์ชายหลีพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ได้ แต่ทว่าเรื่องในวันนี้ ข้าเองก็มีส่วนผิด ที่เข้าใจพระชายาหลีผิดไป นอกจากของที่ข้านำมามอบให้พระชายาหลีในวันนี้แล้ว ข้าจะสั่งให้คนนำปิ่นปักผมชิ้นโปรดของข้ามาส่งเป็นการชดเชยในภายหลังด้วย”พูดจบฮ่องเฮาก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซี ก่อนจะสะบัดแข
“ไม่มีพะย่ะค่ะ ท่านพ่อก็คงจะเดาเรื่องนี้ออกหมดแล้วไม่ใช่หรือ? คงไม่จำเป็นต้องให้ลูกอธิบายอะไรอีก”“เหอะ พวกเจ้าทั้งสองกล้าไม่น้อย คนหนึ่งกล้าเล่นงานองค์ชายจนเป็นใบ้ แถมยังกล้าพูดว่าองค์ชายเจ็ดมีความสัมพันธ์กับนางสนมของเจ้าอีก ส่วนอีกคนก็กล้าวางหลุมพรางจักรพรรดิและปกปิดมัน ไม่กลัวว่าข้าจะโกรธแล้วลงโทษพวกเจ้าเลยหรือ?”จักรพรรดิจ้องมองด้วยความโกรธ แต่ดวงตาของเขากลับสงบตามปกติเย่เฟยหลีมองเขานิ่ง ๆ โดยมีมุมปากโค้งงอที่หาชมได้ยาก “ถ้าท่านพ่ออยากจะลงโทษ เมื่อครู่ก็ไม่คงไม่เอาแต่มองอยู่เฉย ๆ หรอกพะย่ะค่ะ”จักรพรรดิสงบนิ่งยกมือขึ้นลูบเคราตัวเอง และมองไปที่เย่เฟยหลี่อย่างไม่อาจเข้าใจได้ "เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงไม่ชอบเจ้า?"เย่เฟยหลีหันกลับมามองเขาแล้วพูดขึ้นชัด ๆ ทีละคำ "เพราะในบรรดาองค์ชายของท่านพ่อ มีเพียงลูกเท่านั้นที่เหมือนท่านมากที่สุด!"จักรพรรดิตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาเย่เฟยหลีไม่สะทกสะท้าน ยังคงสงบนิ่ง และพูดขึ้นนิ่ง ๆ ว่า "และก็เป็นเพราะการที่ท่านไม่ชอบข้ามันดูจงใจเกินไป ดังนั้นฮ่องเฮาจึงไม่เชื่อ ไม่อย่างนั้นลูกจะกลายเป็นหนามยอกอกในสายตาของนางได้อย่างไร"
เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้ยินว่าจักรพรรดิจากไปแล้ว นางก็ตรงไปที่ห้องหนังสือของเย่เเฟยหลีทันทีในเวลานี้ เย่เเฟยหลีได้ถอดชุดเกราะออกแล้วและสวมอาภรณ์สีขาว ความเคร่งขรึมและดุดันของเขาลดลงเล็กน้อย แต่ดูสง่างามและหล่อมากขึ้น เวลานี้เขากำลังนั่งอ่านบทความอยู่บนโต๊ะ เย่เเฟยหลีรู้สึกได้ว่ามีคนมา เขาจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นฉู่เนี่ยนซีที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ตรงหน้าประตูเมื่อฉู่เนี่ยนซีได้สติ เธอก็กระแอมไอแก้เขิน "เอ่อ...ข้าเอายามาส่ง"เมื่อพูดอย่างนั้น นางก็เดินไปที่ข้างโต๊ะและวางยาในมือลง "นี่คือยาสำหรับรักษาเย่ฉงเฉิง"นางไม่ได้วางยาพิษเขาจริง ๆ เพียงแค่ฝังเข็มเพื่อทำให้เขาไม่สามารถเปล่งเสียงได้เท่านั้นและยานี้จะช่วยรักษาผลกระทบจากการฝัง แม้ว่านางจะสามารถไปฝังเข็มเพื่อรักษาเขาได้ แต่นางยังนึกแค้นไม่หาย และเขาไม่คู่ควรให้นางต้องไปรักษาด้วยตัวเอง "เข้าใจแล้ว!"“แล้วก็ ขอบคุณท่านด้วย” ฉู่เนี่ยนซีพูดอย่างเชื่องช้า เมื่อเห็นเย่เเฟยหลีมองมาด้วยสีหน้าสงบ นางก็ไม่พอใจทันที "แต่ข้าไม่เสียใจที่ทำเช่นนั้นหรอกนะ"พูดจบนางก็เลิกมองเย่เเฟยหลี หันหลังกลับ ตั้งท่าจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว "ข้าขอโทษ"เสียงทุ้มลึ
ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงเล็กน้อย และถอนหายใจกับความผิดปกติของเขาในวันนี้ แต่คิดว่านั่นคงเป็นเพราะเย่เฟยหลีเข้าใจนางผิดเมื่อวานนี้ เขาถึงได้พูดดี ๆ กับนางนางจึงแค่ขานรับเบา ๆ แล้วจากไปเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจของนาง เย่เฟยหลีก็รู้สึกขัดหูขัดตาเล็กน้อยจนกระทั่งเหลียงหยวนเข้ามา เย่เฟยหลีก็กลับมามีสีหน้าเย็นชาอีกครั้ง“ท่านอ๋อง หลังจากที่องค์ชายเฉิงกลับไปแล้ว เขาก็หยุดสร้างปัญหาพะย่ะค่ะ เพียงแต่โวยวายว่าจะพบท่าน ครึ่งวันกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้”เย่เฟยหลีเหลือบมองยาบนโต๊ะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง“อีกสองสามวันค่อยให้เขาทานยานี้”เหลียงหยวนดูงุนงง "ยานี้...พระชายานำมาให้หรือพะย่ะค่ะ?""อืม"“แล้วเหตุใด…” ต้องรออีกสองสามวันก่อนที่เหลียงหยวนจะพูดจบ ดวงตาเย็นชาของเย่เฟยหลีก็เหลือบมองไป“รับทราบพะย่ะค่ะ”เหลียงหยวนอดไม่ได้ที่จะหดคอกลับ และเริ่มสวดภาวนาให้องค์ชายเฉิงในใจ พระชายาและองค์ชายร่วมมือกันจัดการเรื่องนี้ องค์ชายเฉิงช่างน่าสงสารจริง ๆอีกด้านหนึ่ง ฉู่เนี่ยนซีรีบกลับไปที่เรือนของตัวเองอย่างรวดเร็ว อวี๋หนานกลับมาแล้ว และกำลังรายงานสถานการณ์ในหอการแพทย์กับนาง ในวันต่อ ๆ มา เนื่องจาก
เมื่อไทเฮาเห็นทางทางสงบนิ่งของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อยในใจ สิ่งนี้ต่างไปจากข่าวลือที่เคยได้ยินมา แต่การชิงของคนอื่นไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีไทเฮาขมวดคิ้ว และไม่ได้สนใจนางอีก “จักรพรรดิ เริ่มพิธีเซ่นไหว้เถิด”“เริ่มพิธีเซ่นไหว้!” เมื่อจักรพรรดิพยักหน้า เสียงคมชัดของขันทีเฉินก็ดังก้องไปทั่วทั้งลานกลุ่มคนในชุดนักพรตยืนอยู่บนแท่น และวางสัตว์หกชนิดลงบนโต๊ะ ได้แก่ ม้า วัว แกะ ไก่ สุนัข และหมูผู้นำนักพรตที่มีเครายาว ในมือข้างหนึ่งถือแส้และอีกข้างถือแก้วสุรา เสียงกลองดังขึ้นและมีการจุดธูปบนเครื่องสังเวยเขาปาข้าวสาร เผาธูปและกระดาษ ก่อนจะคุกเข่าลงคำนับถือเป็นอันเสร็จพิธี ผู้นำนักพรตยื่นธูปเก้าดอกให้ไทเฮา จักรพรรดิและฮ่องเฮาตามลำดับทั้งสามหยิบธูป จุดไฟก่อนจะคุกเข่าลงบนเสื่อและกราบไหว้เทพเจ้า อธิษฐานด้วยศรัทธาเมื่อเสียงกลองหยุดลง ทั้งสามก็ยืนขึ้นและปักธูปลงในกระถางแต่ทันทีที่ปักธูปลงไป ธูปที่ลุกไหม้ก็หักลงทันที และธูปอีกครึ่งหนึ่งก็ตกลงไปบนโต๊ะไทเฮาเป็นเช่นนั้น และแม้แต่จักรพรรดิและฮ่องเฮาเองก็เป็นแบบเดียวกันเหตุการณ์พลิกผันครั้งนี้ทำให้ทุกคนตกใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าแ