เช่นนี้ ก็สามารถปล่อยมือมาสร้างทหารม้าหนักใหม่ได้!หากเป็นขบวนปะทะ ทหารม้าหนักเหมาะสมที่สุดแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ หยุนเจิงมองเจียเจียปู้ที่ถูกมัดไว้ด้านข้าง“ทักษะการรับมือสถานการณ์ของเจ้าไม่เลว นับว่าเป็นแม่ทัพที่ดี ข้าจะให้โอกาสเจ้ายอมแพ้!”หยุนเจิงเริ่มชักจูงเจียเจียปู้ให้ยอมแพ้“ฝันไปเถอะ!”เจียเจียปูสองตาแดง จ้องหยุนเจิงอย่างรุนแรง “เป่ยหวนข้ามีแต่ผู้ชายที่ตายในสนามรบ ไม่มีผู้ชายที่ยอมจำนน!”“……”หยุนเจิงหมดคำจะพูด ชี้ไปยังทหารม้าเป่ยหวนเหล่านั้นที่ยอมจำนน ถากถางอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่เสแสร้งจะตายหรือ? คนเหล่านี้ ไม่ใช่ชายเป่ยหวนหรือ? ล้วนเป็นสมุนรับใช้ของกองทัพพวกเจ้า?”เจียเจียปู้เมื่อได้ฟังพลันกล่าวสิ่งใดไม่ออก ใบหน้าก็เริ่มแดง“จะฆ่าจะแกงเช่นไร แล้วแต่จะบัญชา!”เจียเจียปู้หลับตาลงอย่างตรงไปตรงมา ยืดคอของตัวเอง“ไม่ยอมจำนวนจริงหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อย่าคิดแข็งกระด้างกับข้า อีกไม่นานตอนที่เป่ยหวนพวกเจ้าร้องขอข้า ตอนนี้เจ้ายอมจำนวน ข้าสามารถประคองเจ้าเป็นจั่วเสียนอ๋องของเป่ยหวน ถึงขั้น ให้เจ้าเป็นประมุขใหญ่ของเป่ยหวน!”เขาอยากสนับสนุน
ค่ายใหญ่เป่ยหวน“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว!เกออาซูที่กำลังหลับอยู่ถูกคนปลุกให้ตื่น“เกิดสิ่งใดขึ้นอีก?”เกออาซูลืมตาขึ้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ถามทหารคนสนิทด้วยความหงุดหงิดทหารคนสนิทมองเกออาซูด้วยความกระวนกระวาย กล่าวด้วยความเศร้าเสียใจ “กองทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเจียเจียปู้เจอกับการโจมตีของทัพศัตรู เกิดความเสียหายอย่างหนัก! มีเพียงทหารหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคนที่ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีกลับมา เจียเจียปู้เหมือนจะถูกทัพศัตรูประหารแล้ว...”“อะไรนะ?”ความง่วงของเกออาซูหายไปหมดสิ้น พลันลุกขึ้นยืนทว่าข่าวร้ายที่มาโดยกะทันหันทำให้เขาเวียนหัว เกือบหัวทิ่มไปกับพื้นหลังพยายามยืนอย่างมั่นคง เกออาซูคว้าทหารคนสนิท คำรามด้วยความอาฆาต “พูดมา เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”ทหารหนึ่งหมื่นห้าพันคนออกไป กลับมาได้แค่หนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคน?แม้แต่เจียเจียปู้ก็ถูกประหารแล้ว?เหตุใดเป็นเช่นนี้?เจียเจียปู้เจ้าคนสารเลว เขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?เขาสั่งเด็ดขาดพยายามอย่ารับศึกกับทหารม้าเป่ยหวน แค่ต้องถ่วงเวลาพวกเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดต้องรับศึกทัพศัตรู?คนหนึ่งหมื่นสามพันคน!พวกเขามีกองทัพทั้งหมดไม่ถึงส
เป็นเช่นนี้ต่อไป ชนเผ่าด้านหลังต้องเสียหายหนักเช่นกันสู้ก็ไม่ได้ ไม่สู้ก็ไม่ได้ตอนนี้ ควรทำเช่นไร?เวลานี้ เกออาซูหวังว่าเจียเหยาจะสยบชนเผ่าของอาหลู่ไถได้โดยเร็ว!ถ่วงเวลาต่อไปเช่นนี้ ต่อให้องค์หญิงเจียเหยาสยบชนเผ่าอาหลู่ไถแล้ว ก็ไม่อาจชดเชยความเสียหายของพวกเขาได้ศัตรูของพวกเขาตอนนี้ ไม่ใช่แค่ต้าเฉียนยังมีโปหลวนที่ต้องการก่อการร้ายด้วย!โปหลวนที่สมควรตาย เวลานี้แล้ว นึกไม่ถึงเขายังคิดแย่งตำแหน่งประมุขใหญ่?จักรพรรดิต้าเฉียนแม้แต่หยุนเจิงแย่งอำนาจควบคุมทหาร ครอบครองทหารส่วนตน เรื่องนี้ก็ยังอดทนไว้ได้ เหตุใดโปหลวนจึงไม่คิดถึงส่วนรวม?แล้วก็ยังมีฮูหลัวกับอาหลู่ไถ!หากไม่ใช่พวกเขาก่อเรื่อง หยุนเจิงจะมีโอกาสได้เช่นไร?เวลานี้ เกออาซูกำลังถามหาบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของจั่วเริ่นอ๋องหลังจากพยายามระงับความโกรธ เกออาซูให้หัวหน้านายกองไปพักผ่อนก่อน จากนั้นก็สั่งทหารคนสนิทของตัวเอง “เดินทางตลอดคืนไปบอกเรื่องทางนี้กับองค์หญิงเจียเหยา ให้องค์หญิงรีบตัดสินใจ!”“ขอรับ!”ทหารคนสนิทไม่รอช้า รีบพุ่งออกไปเกออาซูนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าผิดหวังพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า!ข่าวการพ่า
สองวันให้หลัง พวกหยุนเจิงหาเจอชนเผ่าอีกแห่งวันที่สอง พวกเขาโจมตีสองชนเผ่าติดต่อกันเนื่องจากกองทัพหน้าของพวกเขาล้วนแต่งการเป็นชาวเป่ยหวน คนของสองชนเผ่าจึงไม่ได้ป้องกันพวกเขา นั่นทำให้การโจมตีของพวกเขาราบรื่นเป็นพิเศษต่อสู้สองสนาม พวกเขาล้มตายในสนามรบไม่ถึงร้อยคนหลังจากแบ่งกองหน้าและกองหลัง คนบาดเจ็บสาหัสสองร้อยกว่าคนก็ถูกพวกเขาพาไปด้วยกองหน้ารับผิดชอบโจมตี กองหลังรับผิดชอบบรรทุกเสบียงที่ได้มาและคนบาดเจ็บหนักเสบียงและสิ่งของที่พกพาไปได้สะดวกก็นำไป หากไม่สะดวกพกพา เผาทั้งโดยตรงส่วนวัวแพะของชนเผ่าเหล่านั้น พวกเขาฆ่าทั้งหมดพวกเขาไม่เอาไป ก็ไม่อาจเหลือทิ้งไว้ให้เป่ยหวนตีกันมาสองวัน พวกเขาได้รับเกราะมาอีกไม่น้อยทุกวันนี้ ภายในกองหนึ่งหมื่นสองพันคนของพวกเขา มีคนแต่งกายเป็นชาวเป่ยหวนแล้วห้าพันคนสายัณห์ยามตะวันรอน ฉินชีหู่นำทหารโจมตีชนเผ่าเป่ยหวนอีกครั้งรอจนหยุนเจิงนำทัพหลังมาถึง พวกฉินชีหู่ได้เก็บกวาดสนามรบแล้วหยุนเจิงเพิ่งมาถึง ฉินชีหู่มาหาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น“เจ้าเดาสิ นี่คือชนเผ่าของใคร?”ฉินชีหู่กระพริบตา ถามหยุนเจิงด้วยรอยยิ้มร้าย“ข้าจะรู้ได้เช่นไ
มันเทศ เป็นอาหารช่วยชีวิตในยามแห้งแล้ง!“ห๊า?”ฉินชีหู่สับสนนี่นับว่าเป็นผลงานใหญ่แล้ว?หยุนเจิงไม่สนใจจะอธิบายกับฉินชีหู่ รีบเรียกอวี๋ซื่อจงมา “เร็ว สั่งคนไปขุดของพวกนี้ออกมาให้หมด! ใช่แล้ว ตอนที่บรรจุ ต้องบรรจุดินเข้าไปด้วย อย่าให้ถูกความเย็นจนเน่าเสีย! เร็ว!”หยุนเจิงตื่นเต้นมากมารดาเขาสิ!นี่สิคือของดีที่แท้จริง!เจียเหยาสตรีผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าจะแอบปลูกมันเทศ?นางคิดจะใช้มันเทศมาคลี่คลายวิกฤตขาดแคลนเสบียงของเป่ยหวนหรือ?ครอบครัวคนอื่นขุดมันฝรั่งที่ไซบีเรีย นางกลับปลูกมันเทศที่ซีบีเรียยังดีที่เขาพบแล้ว!เอาไป เอาไปให้หมด!มันเทศสักลูกก็ไม่เหลือทิ้งไว้ให้นาง!แต่ว่า ผลผลิตของสิ่งนี้ในทางเหนือคงสู้ผลผลิตของทางใต้ได้กระมัง?ช่างมันแล้ว!ต่อให้แย่เพียงใดก็ยังให้ผลผลิตสูงกว่าข้าวสาลี!“นี่มันคือสิ่งใดกันแน่? ทำให้เจ้าดีใจเพียงนี้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยความสงสัยพวกเขาโจมตีชนเผ่าหลายแห่งก่อนหน้านี้ ยึดม้าศึกมามากมาย ไม่เห็นหยุนเจิงตื่นเต้นเช่นนี้!ก็แค่ของดำปี๋ชิ้นหนึ่ง ทำให้หยุนเจิงตื่นเต้นได้เพียงนี้แล้ว?“สมบัติ มันคือสมบัติแน่นอน!”หยุนเจิงข่มความตื
เช้าวันที่สอง พวกหยุนเจิงนำทหารถอนทัพครั้งนี้พวกเขาโจมตีชนเผ่าของเป่ยหวนทั้งหมดสี่แห่ง ทั้งยังเอาชนะกองกำลังเจียเจียปู้ด้วยยึดม้าศึกได้จำนวนมหาศาลตอนนี้พวกเขาสามารถทำได้ถึงหนึ่งคนขี่ม้าสองตัว ยังมีคนจำนวนน้อยสามารถหนึ่งคนขี่ม้าสามตัวพวเขาเพิ่งจากไปไม่ถึงสองชั่วยาม เจียเหยานำกองทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นมาถึงยังชนเผ่าของตนเอง“รีบปล่อยคน!”เจียเหยาสั่งหนึ่งประโยค ไม่สนใจไปตรวจสอบความเสียหายของชนเผา แต่รีบควบม้าไปยังแปลงดินที่เพาะปลูกมันเทศดินของนางทันทีนางภาวนาในใจไม่หยุด ภาวนาขอให้พวกหยุนเจิงไม่ถูกตาต้องใจของในดินเหล่านี้ภาวนาขอให้หยุนเจิงไม่มีนิสัยดับความหวังของคนถึงเพียงนั้นไม่นาน เจียเหยามาถึงยังที่ดินที่ปลูกมันเทศดินของนางเมื่อเห็นที่ดินถูกขุดจนเละเทะไปทั้งผืน เจียเหยาเหมือนถูกฟ้าฝ่า เกือบร่วงหล่นจากหลังม้าหลังพยายามควบคุมสติอย่างหนัก เจียเหยารีบร้อนกระโดดลงหลังม้า วิ่งโซซัดโซเซไปยังที่ดินเละเทะไปทั้งผืนหญ้าที่ปกคลุมอยู่บนดินเหล่านั้นล้วนกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ อยู่ด้านข้าง ดินถูกพลิกขึ้นมาราวกับถูกสุนัขขุดเจียเหยาทรุดลงไปกับพื้น ปัดดินโคลนด้วยความกระวนกระวาย ต
พวกเขาสูญเสียอย่างหนักแล้ว หากเสบียงเหล่านั้นถูกเผาทิ้งอีก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีไปทางด้านหลังแล้วไม่ได้!เวลานี้ นางไม่อาจถูกหยุนเจิงจูงจมูกเดินได้อีกต่อไปแล้ว!เจียเหยาพยายามสูดหายใจลึก จากนั้นกัดคำรามเสียงต่ำ “นอกจากเหลือคนทิ้งไว้หนึ่งร้อยคน ทั้งหมดไปกับข้า!”กล่าวจบ เจียเหยาขี่ม้าออกไปทันทีนางตอนนี้ไม่ได้คิดจะไปสังหารหนึ่งหมื่นกว่าคนของหยุนเจิงให้ราบคราบสิ้นซากนางแค่อยากไล่ตามไปเท่านั้น!ต่อให้ต้องบังคับพวกหยุนเจิงที่กำลังหลบหนีให้ทิ้งมันเทศดินเหล่านั้นไว้ก็ตามขอแค่หยุนเจิงทิ้งมันเทศดินเหลือไว้ให้นาง ต่อให้ต้องมองดูพวกหยุนเจิงจากไปต่อหน้าต่อตา นางก็ยินดี!ไม่นาน เจียเหยานำกองทัพหนึ่งหมื่นออกเดินทางไม่หยุดบนทุ่งหญ้า ต้องการหากองทัพของพวกเขาหยุนเจิงให้เจอนั้นง่ายดายแค่ตามรอยเท้ามาไปตลอดทางก็สามารถหาเจอแล้วเพื่อไล่ตามพวกหยุนเจิง เจียเหยาไม่สนใจม้าศึกม้าศึกที่ต้องเดินทางไกลว่าท้องหิวหรือไม่ เร่งเดินทัพไปตลอดทาง ระหว่างทางเปลี่ยนม้าไม่หยุด รับประกันว่าม้าศึกที่บรรทุกคนนั้นได้พักผ่อนหลังไล่ตามสองชั่วยาม ในที่สุดสายสืบก็พบร่องรอยกองทัพของพวกหยุนเจิงเวล
เจ้าจับไว้ไม่อยู่ ยกให้ข้าดีกว่า!คำพูดหนึ่งประโยคของหยุนเจิง จุดไฟโทสะของเจียเหยาขึ้นมาในชั่วพริบตา“หยุนเจิง!”ดวงตาทั้งสองของเจียเหยาเต็มไปด้วยไฟโทสะ คำรามต่ำด้วยแรงอาฆาตเข้มข้น “ข้าไม่อยากเสียเวลาพูดไร้สาระกับเจ้า! หากเจ้าไม่ทิ้งมันเทศดินเอาไว้ ต่อให้กองทัพข้าต้องพังย่อยยับ ก็ต้องเก็บเจ้าเอาไว้ในอยู่บนแผ่นดินเป่ยหวนข้าตลอดไป!”ไฟโทสะไร้สิ้นสุดของจเจียเหยาถูกจุดขึ้นแล้วเจียเหยารู้ พวกเขามากันด้วยความเร็ว กำลังรบจึงลดลง หากต้องปะทะกับพวกหยุนเจิง ทหารม้าหนึ่งหมื่นของนาง ไม่ได้มีความมั่นใจสิบส่วนว่าจะจัดกการทหารม้าของพวกหยุนเจิงได้แต่ตอนนี้นางไม่สนใจสิ่งใดมากมายแล้วนางจำเป็นต้องแย่งมันเทศดินกลับมา!สู้กับต้าเฉียนจนถึงตอนนี้ เป่ยหวนพลังแคว้นเสียหายอย่างหนักการเพราะปลูกมันเทศดินที่ให้ผลผลิตสูงน่ามหัศจรรย์เป็นบริเวณกว้าง สามารถฟื้นฟูพลังแคว้นเป่ยหวนได้อย่างรวดเร็วมีเพียงต้องฟื้นฟูพลัง จึงสามารถไปหาต้าเฉียนเพื่อล้างความอัปยศได้!“ขอแค่เจ้ากล้าทำสงคราม ข้าก็ทำเป็นเพื่อนเจ้าให้ถึงที่สุด!”นัยน์ตาหยุนเจิงไหววูบแววเย็นชา ร้องตะโกนถาม “เหล่าชายชาตรีต้าเฉียน กล้าสู้กับทหารม้าเป่
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ