เว่ยเหวินจงน้ำเสียงเฉียบ “พวกเราต้องหาวิธีส่งรายงานให้ฝ่าบาท ทำให้ฝ่าบาทรู้เรื่องหยุนเจิงก่อกบฎ!”“ข้าเกรงว่าด่านเป่ยลู่จะถูกหยุนเจิงควบคุมแล้ว” หวังชี่กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “แผนกบฎของหยุนเจิงครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวมาอย่างดี! ทันทีที่ด่านเป่ยลู่ถูกเขาควบคุม พวกเราก็ไม่มีหนทางไปส่งรายงานให้ฝ่าบาทแล้ว...”“ด่านเป่ยลู่คงไม่ถูกควบคุมง่ายดายเช่นนั้น”เว่ยเหวินจงส่ายหน้า “ด้านเป่ยลู่เป็นด่านที่ถูกคุ้มกันจากภายใน นอกจากหยุนเจงจะแอบยัดคนของตัวเองไว้ในด่านเป่ยลู่ มิฉะนั้นไม่มีทางแย่งอำนาจการควบคุมด่านเป่ยลู่มาได้โดยง่าย!”นี่เป็นด่านเป่ยลู่!แม่ทัพนายกองมากมายของด่านเป่ยลู่เป็นคนของจักรพรรดิเหวินอย่าว่าแต่หยุนเจิงเลย แม้แต่เขาคิดจะแย่งอำนาจการควบคุมด่านเป่ยลู่ล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายได้ยินว่า เซียวติ้งอู่ที่เป็นฝ่ายของลาออกนามหยวนฉงผู้นั้น มีบุญคุณความแค้นกับหยุนเจิงหยวนฉงไม่มีทางปล่อยให้หยุนเจิงแย่งชิงด่านเป่ยลู่ไป“เช่นนั้นก็ดี!”หวังชี่พยักหน้าเบาๆ “ขอแค่ไม่เสียด่านเป่ยลู่ไป หยุนเจิงช้าเร็วก็ต้องถูกจัด!”“เช่นนั้น...หากหยุนเจิงจัดการล่วงหน้า ควบคุมด่านเป่ยลู่ได้แล้วเล่า?
ติ้งเป่ยฟู่เทียนเหยียนเหมือนนั่งทับเข็มก่อนเว่ยเหวินจงเดินทางไปยังเมืองจิ้งอัน สั่งให้ฟูเทียนเหยี่ยนรักษาการณ์เมืองติ้งเป่ยจากนั้น ฟู่เทียนรอไม่ทันเว่ยเหวินจงนำศพพวกหยุนเจิงกลับมา แต่กลับได้ข่าวตู๋กูเช่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนนำกำลังพลเฝ้าด้านหน้าขังเว่ยเหวินจงเอาไว้ในเมืองเทียนหูตอนนี้ ติ้งเป่ยมีทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนเท่านั้นคิดจะไปช่วยเว่ยเหวิงจง แทบเป็นไปไม่ได้เลยอีกทั้ง เขาก็ไม่กล้าไปช่วยเว่ยเหวินจงด้วยยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องสู้รบแค่บอกว่าตู๋กูเช่อนำกองทัพปิดล้อมเว่ยเหวินจงด้วยตัวเองเรื่องนี้ก็แปลกมากแล้วเดิมทีตู๋กูเช่อไม่ได้ติดต่อกับหยุนเจิงมากนักตามหลักแล้ว ตู๋กูเช่อไม่มีเหตุผลช่วยหยุนเจิงก่อกบฏนอกจากนี้ ทหารม้าแนวหน้าสองเมืองล้วนถูกพวกหยุนเจิงควบคุม ต่อให้หยุนเจิงรบชนะหลายครั้ง เหล่าแม่ทัพของทั้งสองเมืองก็ไม่ถึงขั้นรวมตัวกับหยุนเจิงหรอก!ภายใน ต้องมีเรื่องที่คนอื่นไม่รู้!ตอนนี้เขาไม่อาจเสี่ยงไปช่วยเหลือเว่ยเหวินจง อาจลากตัวเองเข้าไปพัวพันด้วยถึงขั้นลากกองทัพหนึ่งหมื่นห้าพันของติ้งเป่ยเข้าไปพัวพันด้วยก่อนที่สถานการณ์จะชัดเจน ไม่บุ่มบ่ามจะดีกว่า!ขณะที่
ภายใต้แววตาสงสัยของตู๋กูเช่อ หยุนเจิงกระดกสุราเข้าปากตนเล็กน้อย“แค่กๆ…”ดื่มไปเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้หยุนเจิงสำลักจนไออย่างต่อเนื่อง“มารดามันเถอะ ไอ้นี่กลิ่นดี แต่รสชาติห่วยมาก”หยุนเจิงบ่นอยู่สองสามประโยค แล้วยื่นกระบอกน้ำให้กับตู๋กูเช่อ “แม่ทัพตู๋กู สักหน่อยไหม?”“ไม่เอาดีกว่าๆ!”ตู๋กูเช่อโบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่สามารถต้านทานกับฤทธิ์จากเจ้านี่ได้จริงๆ”“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ” หยุนเจิงหัวเราะ “ดื่มสักเล็กน้อยยังพอไหว จะได้อุ่นขึ้น”ตู๋กูเช่อมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย หลังจากครุ่นคิดไปชั่วขณะ ก็รับกระบอกน้ำมาดื่มไปอึกหนึ่ง“แค่กๆ…”วินาทีต่อมา ตู๋กูเช่อก็สำลักสุรานั่นด้วยมองดูสภาพของตู๋กูเช่อแล้ว หยุนเจิงพลันอดไม่ได้หัวเราะลั่นออกมา“แม่ทัพหลี่ สักหน่อยไหม?”หยุนเจิงเงยหน้ามองหลี่เฉวียนหลี่เฉวียนรีบส่ายศีรษะ “ข้าไม่เอาดีกว่า”หยุนเจิงเลิกคิ้วเย้ย “ทำไม กลัวว่าข้าจะวางยาใส่เจ้านั้นรึ?”“ไม่ขอรับๆ…”หลี่เฉวียนส่ายหน้า “ท่านอ๋องกับแม่ทัพตู๋กูยังดื่มแล้วเลย ต้องไม่มียาพิษอยู่แล้ว”“แล้วจะกลัวอะไรอีกเล่า?”หยุนเจิงยื่นกระบอกน้ำให้กับหลี่เฉวียน “ดื่มสักหน่อยสิ! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าม
ฟู่เทียนเหยียนครุ่นคิดอยู่ในห้องพักหนึ่ง ถึงจะมาที่ประตูเหนือที่หยุนเจิงพวกเขาอยู่แต่แล้วเมื่อเขามาถึงประตูเหนือ ก็มึนงงในทันใด“ท่านอ๋อง นี่มันสุราอะไรกัน? แรงไปแล้วกระมัง?”“ฮ่าๆ เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้นำมาดื่มอยู่แล้ว! แต่นำมาฆ่าเชื้อแผล เพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ! ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าโง่หรือถึงขนาดมอบสุราชั้นดีให้พวกเจ้าดื่ม แล้วยังมอบหนึ่งร้อยตำลึงให้พวกเจ้าอีก?”“เจ้านี่…ฆ่าเชื้อได้ด้วยหรือ?”“ไร้สาระ ต้องได้อยู่แล้ว! จะว่าไปมีผู้ใดอยากลองอีกหรือไม่?”“ข้าน้อยอยากลองขอรับ…”ทหารกลุ่มใหญ่ล้อมหยุนเจิงกับตู๋กูเช่อไว้แต่ทว่าไม่มีท่าทีจะล้อมจับหยุนเจิงพวกเขาเลย!หยุนเจิงและตู๋กูเช่อนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นลูกพี่ พูดจาคุยเล่นกับเหล่าทหาร“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ?”ฟู่เทียนเหยียนเดินมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วส่งเสียงตะคอกเมื่อเห็นฟู่เทียนเหยียนที่เดินมาอย่างกรุ่นโกรธแล้ว เหล่าทหารพลันแยกย้ายกันในบัดดลแต่ทว่าเพิ่งจะแยกย้ายไปได้ไม่กี่จั้ง ฝูงชนก็นึกถึงคำสั่งที่พวกเขาได้รับพวกเขาต้องล้อมจับหยุนเจิงกับตู๋กูเช่อนี่!เมื่อนึกขึ้นได้ ฝูงชนก็รีบกลับไปล้อมวงเหมือนเดิมเพียงแต่ก็ยังไม่ม
หยุนเจิงโบกมือให้กับตู๋กูเช่อ “แม่ทัพตู๋กู นำจดหมายฉบับนั้นให้ฟู่เทียนเหยียนดู!”ตู๋กูเช่อพยักหน้า แล้วหยิบจดหมายที่เว่ยเหวินจงร่วมมือกับศัตรูออกมา แล้วตบไหล่ฟู่เทียนเหยียนเบาๆ “เหล่าฟู่ ดูซะนะ!”ฟู่เทียนเหยียนรีบเปิดอ่านจดหมายเพียงแค่อ่านผ่านๆ ลมหายใจของฟู่เทียนเหยียนก็ถี่ขึ้นมา สีหน้าแย่สุดขีด“นี่ไม่ใช่ลายมือของแม่ทัพใหญ่!”ฟู่เทียนเหยียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วเงยหน้าขึ้นทันใด “พวกเจ้าใส่ร้าย!”“หากเจ้าร่วมมือกับศัตรู เจ้าจะเขียนด้วยลายมือของเจ้าหรือ?”ตู๋กูเช่อมองฟู่เทียนเหยียนแวบหนึ่ง “หากเว่ยเหวินจงไม่ร่วมมือกับศัตรู เจ้าคิดว่าป้อมเมืองสองป้อมเมืองจะอยู่พรรคพวกเดียวกับท่านอ๋องหรือ?”“หากเจ้าคิดว่าพวกข้ากำลังใส่ร้ายเว่ยเหวินจงอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็ไปถามคนที่ฝ่าวงล้อมออกจากชายแดนกู้เหล่านั้นดู!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้เว่ยเหวินจงทำให้คนบริสุทธิ์เหล่านั้นตายไปเท่าไร?”“หากไม่จับตัวคนชั่วเว่ยเหวินจงนี่ แล้วเราจะอธิบายต่อวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตายไปเหล่านั้นได้อย่างไร?”“ข้าขอบอกเจ้าตรงนี้เลย หากไม่ใช่เพราะไม่อยากทำให้ทหารต้าเฉียนของเราเข่นฆ่ากันเอง พวกข้าบุกเมืองเทียนหูไปจับตัวคนชั่
หลังจากที่ซื้อใจทหารของกองทหารติ้งเป่ยได้แล้ว หยุนเจิงพลันรีบควบม้าพาฝูงชนไปที่ด่านเป่ยลู่ทันทีส่วนหม่าอี้ก็มอบให้ฟู่เทียนเหยียน!ถึงแม้หยวนเลี่ยจะเป็นผู้จงรักภักดีต่อเว่ยเหวินจง ทั้งยังนำกองทหารม้าชั้นยอดเก้าพันนายเฝ้าหม่าอี้ แต่อย่างไรหม่าอี้ก็ยังมีทหารแก่ชราอ่อนแอหลายหมื่นนายเช่นเดียวกัน!ทหารแก่ชราอ่อนแอเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนของหยุนเจิงทั้งนั้นหากเช่นนี้ยังไม่สามารถยึดหม่าอี้ได้ ฟู่เทียนเหยียนก็ไร้ประโยชน์มากแล้วพูดถึงหยวนเลี่ย หยุนเจิงจึงถามตู๋กูเช่อขึ้นอย่างสงสัย “จริงสิ หยวนเลี่ยมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับเว่ยเหวินจงจริงหรือ?”“ไม่มี”ตู๋กูเช่อส่ายศีรษะ “แต่ทว่า หยวนเลี่ยถือว่าเป็นบุตรบุญธรรมของเว่ยเหวินจงกระมัง!”บิดาของหยวนเลี่ยเคยเป็นผู้บัญชาการใกล้ชิดของเว่ยเหวินจง แต่ทว่าตายจากไปในสงครามครั้งใหญ่ซั่วเป่ยเมื่อหกปีก่อนต่อมา เว่ยเหวินจงฝากคนให้พาหยวนเลี่ยมาที่ซั่วเป่ย แล้วฝึกซ้อมเขาถึงแม้เว่ยเหวินจงจะไม่รับหยวนเลี่ยเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าก็ปฏิบัติต่อหยวนเลี่ยเป็นบุตรและเพราะว่ามีการสนับสนุนจากเว่ยเหวินจง หยวนเลี่ยถึงได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแต่ทว่
เห็นท่าทีของคนผู้นี้แล้ว โจรที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็รีบมาคารวะตาม“คารวะท่านอ๋อง!”ฝูงชนคารวะพร้อมกัน ทำเอาตู๋กูเช่อและทหารม้าที่ตามมาด้วยมึนงงคนพวกนี้ก็เป็นคนของหยุนเจิงด้วยนั้นหรือ?“เอาเถอะ ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงควบม้าออกไป แล้วมองฝูงชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ตู้กุยหยวนล่ะ?”หัวโจกรีบตอบ “ทูลท่านอ๋อง ผู้บัญชาการตู้สั่งให้พวกข้ามาตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่และติ้งเป่ยขอรับ ส่วนเขานำทัพแปดร้อยคนไปที่ด่านเป่ยลู่แล้ว…”“ดีมาก!”หยุนเจิงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วถามว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”“ห้าวันก่อนขอรับ!”“ระหว่างนั้นมีทหารส่งสาส์นจากติ้งเป่ยกับหม่าอี้ผ่านมาหรือไม่?”“มีขอรับ แต่ถูกพวกข้าจับไว้หมดแล้ว!”จับไว้หมดแล้ว?หยุนเจิงเผยรอยยิ้มพึงพอใจจับได้ก็ดี!ขอเพียงตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่กับเมืองอื่นๆ คนของด่านเป่ยลู่ก็จะไม่รู้ว่าเว่ยเหวินจงถูกล้อมจับอยู่ที่เทียนหู เช่นนั้นก็จะไม่ระมัดระวังพวกเขาด้วยบัดนี้ ตู้กุยหยวนพาคนแทรกเข้าไปในด่านเป่ยลู่อีก เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายขึ้นแล้วหยุนเจิงตัดสินใจ แล้วโบกมือ “เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเข้าดำเนินการตามแผนต่อเถอ
ด่านเป่ยลู่หยวนจงใจไม่นิ่งเรื่องที่กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือถูกล้อมไว้ที่ชายแดนกู้กว่าสี่หมื่นนาย เขาต้องรู้อยู่แล้วไม่กี่วันก่อน เว่ยเหวินจงยังเร่งให้คนส่งจดหมายไปรายงานที่เมืองจักรพรรดิด้วยถึงแม้เขาจะไม่ได้ความอะไรจากปากทหารข้างกายของเว่ยเหวินจง แต่เพียงแต่แผ่นหลังของคนเหล่านั้นปักธงสามด้านไว้ก็รู้แล้วว่าป้อมเมืองฝ่ายหน้าของซั่วเป่ยเกิดเรื่องใหญ่เข้าแล้ว แถมยังต้องเป็นข่าวร้ายด้วยแน่ๆหยุนเจิงถูกล้อมไว้ที่ชายแดนกู้ เขาต้องดีใจอยู่แล้วแต่ทว่าป้อมเมืองฝ่ายหน้าของซั่วเป่ยเกิดเรื่องใหญ่ เหตุใดเว่ยเหวินจงถึงไม่ส่งข่าวมาที่ด่านเป่ยลู่เลย?ตามหลักแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เกินสามวันเว่ยเหวินจงต้องส่งคนมาถามสถานการณ์ของด่านเป่ยลู่แล้วนี่เป็นเรื่องขั้นพื้นฐาน!หากเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เพียงแค่วันเดียวก็เพียงพอแล้ว!แต่นี่ก็ห่างจากวันที่ทหารข้างกายของเว่ยเหวินจงไปรายงานที่เมืองจักรพรรดิเป็นเวลาหกวันแล้ว!หกวัน!เวลานานเพียงนี้ แต่เว่ยเหวินจงกลับไม่ถามไถ่ถึงด่านเป่ยลู่เลย?และคนที่เขาส่งไปยังติ้งเป่ยเมื่อสามวันก่อน หากเป็นสถานการณ์ปกติ เมื่อคืนวานก็ควรจะกลับมาถึงแล้ว แต่ทว่าคนของเข