ภายใต้แววตาสงสัยของตู๋กูเช่อ หยุนเจิงกระดกสุราเข้าปากตนเล็กน้อย“แค่กๆ…”ดื่มไปเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้หยุนเจิงสำลักจนไออย่างต่อเนื่อง“มารดามันเถอะ ไอ้นี่กลิ่นดี แต่รสชาติห่วยมาก”หยุนเจิงบ่นอยู่สองสามประโยค แล้วยื่นกระบอกน้ำให้กับตู๋กูเช่อ “แม่ทัพตู๋กู สักหน่อยไหม?”“ไม่เอาดีกว่าๆ!”ตู๋กูเช่อโบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่สามารถต้านทานกับฤทธิ์จากเจ้านี่ได้จริงๆ”“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ” หยุนเจิงหัวเราะ “ดื่มสักเล็กน้อยยังพอไหว จะได้อุ่นขึ้น”ตู๋กูเช่อมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย หลังจากครุ่นคิดไปชั่วขณะ ก็รับกระบอกน้ำมาดื่มไปอึกหนึ่ง“แค่กๆ…”วินาทีต่อมา ตู๋กูเช่อก็สำลักสุรานั่นด้วยมองดูสภาพของตู๋กูเช่อแล้ว หยุนเจิงพลันอดไม่ได้หัวเราะลั่นออกมา“แม่ทัพหลี่ สักหน่อยไหม?”หยุนเจิงเงยหน้ามองหลี่เฉวียนหลี่เฉวียนรีบส่ายศีรษะ “ข้าไม่เอาดีกว่า”หยุนเจิงเลิกคิ้วเย้ย “ทำไม กลัวว่าข้าจะวางยาใส่เจ้านั้นรึ?”“ไม่ขอรับๆ…”หลี่เฉวียนส่ายหน้า “ท่านอ๋องกับแม่ทัพตู๋กูยังดื่มแล้วเลย ต้องไม่มียาพิษอยู่แล้ว”“แล้วจะกลัวอะไรอีกเล่า?”หยุนเจิงยื่นกระบอกน้ำให้กับหลี่เฉวียน “ดื่มสักหน่อยสิ! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าม
ฟู่เทียนเหยียนครุ่นคิดอยู่ในห้องพักหนึ่ง ถึงจะมาที่ประตูเหนือที่หยุนเจิงพวกเขาอยู่แต่แล้วเมื่อเขามาถึงประตูเหนือ ก็มึนงงในทันใด“ท่านอ๋อง นี่มันสุราอะไรกัน? แรงไปแล้วกระมัง?”“ฮ่าๆ เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้นำมาดื่มอยู่แล้ว! แต่นำมาฆ่าเชื้อแผล เพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ! ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าโง่หรือถึงขนาดมอบสุราชั้นดีให้พวกเจ้าดื่ม แล้วยังมอบหนึ่งร้อยตำลึงให้พวกเจ้าอีก?”“เจ้านี่…ฆ่าเชื้อได้ด้วยหรือ?”“ไร้สาระ ต้องได้อยู่แล้ว! จะว่าไปมีผู้ใดอยากลองอีกหรือไม่?”“ข้าน้อยอยากลองขอรับ…”ทหารกลุ่มใหญ่ล้อมหยุนเจิงกับตู๋กูเช่อไว้แต่ทว่าไม่มีท่าทีจะล้อมจับหยุนเจิงพวกเขาเลย!หยุนเจิงและตู๋กูเช่อนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นลูกพี่ พูดจาคุยเล่นกับเหล่าทหาร“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ?”ฟู่เทียนเหยียนเดินมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วส่งเสียงตะคอกเมื่อเห็นฟู่เทียนเหยียนที่เดินมาอย่างกรุ่นโกรธแล้ว เหล่าทหารพลันแยกย้ายกันในบัดดลแต่ทว่าเพิ่งจะแยกย้ายไปได้ไม่กี่จั้ง ฝูงชนก็นึกถึงคำสั่งที่พวกเขาได้รับพวกเขาต้องล้อมจับหยุนเจิงกับตู๋กูเช่อนี่!เมื่อนึกขึ้นได้ ฝูงชนก็รีบกลับไปล้อมวงเหมือนเดิมเพียงแต่ก็ยังไม่ม
หยุนเจิงโบกมือให้กับตู๋กูเช่อ “แม่ทัพตู๋กู นำจดหมายฉบับนั้นให้ฟู่เทียนเหยียนดู!”ตู๋กูเช่อพยักหน้า แล้วหยิบจดหมายที่เว่ยเหวินจงร่วมมือกับศัตรูออกมา แล้วตบไหล่ฟู่เทียนเหยียนเบาๆ “เหล่าฟู่ ดูซะนะ!”ฟู่เทียนเหยียนรีบเปิดอ่านจดหมายเพียงแค่อ่านผ่านๆ ลมหายใจของฟู่เทียนเหยียนก็ถี่ขึ้นมา สีหน้าแย่สุดขีด“นี่ไม่ใช่ลายมือของแม่ทัพใหญ่!”ฟู่เทียนเหยียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วเงยหน้าขึ้นทันใด “พวกเจ้าใส่ร้าย!”“หากเจ้าร่วมมือกับศัตรู เจ้าจะเขียนด้วยลายมือของเจ้าหรือ?”ตู๋กูเช่อมองฟู่เทียนเหยียนแวบหนึ่ง “หากเว่ยเหวินจงไม่ร่วมมือกับศัตรู เจ้าคิดว่าป้อมเมืองสองป้อมเมืองจะอยู่พรรคพวกเดียวกับท่านอ๋องหรือ?”“หากเจ้าคิดว่าพวกข้ากำลังใส่ร้ายเว่ยเหวินจงอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็ไปถามคนที่ฝ่าวงล้อมออกจากชายแดนกู้เหล่านั้นดู!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้เว่ยเหวินจงทำให้คนบริสุทธิ์เหล่านั้นตายไปเท่าไร?”“หากไม่จับตัวคนชั่วเว่ยเหวินจงนี่ แล้วเราจะอธิบายต่อวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตายไปเหล่านั้นได้อย่างไร?”“ข้าขอบอกเจ้าตรงนี้เลย หากไม่ใช่เพราะไม่อยากทำให้ทหารต้าเฉียนของเราเข่นฆ่ากันเอง พวกข้าบุกเมืองเทียนหูไปจับตัวคนชั่
หลังจากที่ซื้อใจทหารของกองทหารติ้งเป่ยได้แล้ว หยุนเจิงพลันรีบควบม้าพาฝูงชนไปที่ด่านเป่ยลู่ทันทีส่วนหม่าอี้ก็มอบให้ฟู่เทียนเหยียน!ถึงแม้หยวนเลี่ยจะเป็นผู้จงรักภักดีต่อเว่ยเหวินจง ทั้งยังนำกองทหารม้าชั้นยอดเก้าพันนายเฝ้าหม่าอี้ แต่อย่างไรหม่าอี้ก็ยังมีทหารแก่ชราอ่อนแอหลายหมื่นนายเช่นเดียวกัน!ทหารแก่ชราอ่อนแอเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนของหยุนเจิงทั้งนั้นหากเช่นนี้ยังไม่สามารถยึดหม่าอี้ได้ ฟู่เทียนเหยียนก็ไร้ประโยชน์มากแล้วพูดถึงหยวนเลี่ย หยุนเจิงจึงถามตู๋กูเช่อขึ้นอย่างสงสัย “จริงสิ หยวนเลี่ยมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับเว่ยเหวินจงจริงหรือ?”“ไม่มี”ตู๋กูเช่อส่ายศีรษะ “แต่ทว่า หยวนเลี่ยถือว่าเป็นบุตรบุญธรรมของเว่ยเหวินจงกระมัง!”บิดาของหยวนเลี่ยเคยเป็นผู้บัญชาการใกล้ชิดของเว่ยเหวินจง แต่ทว่าตายจากไปในสงครามครั้งใหญ่ซั่วเป่ยเมื่อหกปีก่อนต่อมา เว่ยเหวินจงฝากคนให้พาหยวนเลี่ยมาที่ซั่วเป่ย แล้วฝึกซ้อมเขาถึงแม้เว่ยเหวินจงจะไม่รับหยวนเลี่ยเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าก็ปฏิบัติต่อหยวนเลี่ยเป็นบุตรและเพราะว่ามีการสนับสนุนจากเว่ยเหวินจง หยวนเลี่ยถึงได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแต่ทว่
เห็นท่าทีของคนผู้นี้แล้ว โจรที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็รีบมาคารวะตาม“คารวะท่านอ๋อง!”ฝูงชนคารวะพร้อมกัน ทำเอาตู๋กูเช่อและทหารม้าที่ตามมาด้วยมึนงงคนพวกนี้ก็เป็นคนของหยุนเจิงด้วยนั้นหรือ?“เอาเถอะ ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงควบม้าออกไป แล้วมองฝูงชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ตู้กุยหยวนล่ะ?”หัวโจกรีบตอบ “ทูลท่านอ๋อง ผู้บัญชาการตู้สั่งให้พวกข้ามาตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่และติ้งเป่ยขอรับ ส่วนเขานำทัพแปดร้อยคนไปที่ด่านเป่ยลู่แล้ว…”“ดีมาก!”หยุนเจิงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วถามว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”“ห้าวันก่อนขอรับ!”“ระหว่างนั้นมีทหารส่งสาส์นจากติ้งเป่ยกับหม่าอี้ผ่านมาหรือไม่?”“มีขอรับ แต่ถูกพวกข้าจับไว้หมดแล้ว!”จับไว้หมดแล้ว?หยุนเจิงเผยรอยยิ้มพึงพอใจจับได้ก็ดี!ขอเพียงตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่กับเมืองอื่นๆ คนของด่านเป่ยลู่ก็จะไม่รู้ว่าเว่ยเหวินจงถูกล้อมจับอยู่ที่เทียนหู เช่นนั้นก็จะไม่ระมัดระวังพวกเขาด้วยบัดนี้ ตู้กุยหยวนพาคนแทรกเข้าไปในด่านเป่ยลู่อีก เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายขึ้นแล้วหยุนเจิงตัดสินใจ แล้วโบกมือ “เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเข้าดำเนินการตามแผนต่อเถอ
ด่านเป่ยลู่หยวนจงใจไม่นิ่งเรื่องที่กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือถูกล้อมไว้ที่ชายแดนกู้กว่าสี่หมื่นนาย เขาต้องรู้อยู่แล้วไม่กี่วันก่อน เว่ยเหวินจงยังเร่งให้คนส่งจดหมายไปรายงานที่เมืองจักรพรรดิด้วยถึงแม้เขาจะไม่ได้ความอะไรจากปากทหารข้างกายของเว่ยเหวินจง แต่เพียงแต่แผ่นหลังของคนเหล่านั้นปักธงสามด้านไว้ก็รู้แล้วว่าป้อมเมืองฝ่ายหน้าของซั่วเป่ยเกิดเรื่องใหญ่เข้าแล้ว แถมยังต้องเป็นข่าวร้ายด้วยแน่ๆหยุนเจิงถูกล้อมไว้ที่ชายแดนกู้ เขาต้องดีใจอยู่แล้วแต่ทว่าป้อมเมืองฝ่ายหน้าของซั่วเป่ยเกิดเรื่องใหญ่ เหตุใดเว่ยเหวินจงถึงไม่ส่งข่าวมาที่ด่านเป่ยลู่เลย?ตามหลักแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เกินสามวันเว่ยเหวินจงต้องส่งคนมาถามสถานการณ์ของด่านเป่ยลู่แล้วนี่เป็นเรื่องขั้นพื้นฐาน!หากเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เพียงแค่วันเดียวก็เพียงพอแล้ว!แต่นี่ก็ห่างจากวันที่ทหารข้างกายของเว่ยเหวินจงไปรายงานที่เมืองจักรพรรดิเป็นเวลาหกวันแล้ว!หกวัน!เวลานานเพียงนี้ แต่เว่ยเหวินจงกลับไม่ถามไถ่ถึงด่านเป่ยลู่เลย?และคนที่เขาส่งไปยังติ้งเป่ยเมื่อสามวันก่อน หากเป็นสถานการณ์ปกติ เมื่อคืนวานก็ควรจะกลับมาถึงแล้ว แต่ทว่าคนของเข
“หากข้าไม่มา ก็คงไม่รู้ว่าเจ้าหลับสบายแค่ไหน!”หยวนจงโกรธจัด เขาเตะไปทีหนึ่ง ทำให้หยวนกุยล้มลงกับพื้น แล้วด่าสุดฤทธิ์ว่า “สถานการณ์ป้อมเมืองฝ่ายเหนือเป็นอย่างไรไม่แน่ชัด ติ้งเป่ยก็ไม่มีข่าวสารมาเสียที ข้ากังวลแทบตาย แต่เจ้ากลับมาดื่มสุราอยู่ที่นี่? ให้ข้าโยนเจ้าเข้าไปในบ่อสุรา ดื่มให้หน่ำใจหน่อยหรือไม่?”หยวนกุยล้มอยู่กับพื้น แล้วมองหยวนจงแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าเพียงแค่กำลังคิดว่าหยุนเจิงไอ้สุนัขนั่นต้องตายแน่ๆ ข้าจึงดีใจ แล้ว…”ตุบ!หยวนกุยยังไม่ทันพูดจบ หยวนจงก็เตะไปอีกทีหนึ่ง“ไอ้ระยำ อยากตายหรือไง?”หยวนจงโกรธจนตัวสั่น แล้วเตะไอ้ระยำนั่นอีกสองสามทีไอ้ระยำรู้จักแต่กินไม่รู้จักสู้!เขาลืมแล้วหรือไงว่าปากเน่าๆ นี้ไปก่อเรื่องมามากแค่ไหน?คำพูดเช่นนี้ เขายังกล้าพูดอีก?หากแพร่ออกไปแล้ว คนที่ไม่รู้คงคิดว่าพวกเขาจะฆ่าหยุนเจิงแน่!อยากฉลองก็แอบฉลองสิ!หยวนจงยิ่งคิดยิ่งโกรธ เตะทีหนึ่งตามด้วยอีกทีหนึ่ง“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว!”“ข้าไม่กล้าทำอีกต่อไปแล้ว!”“ไว้ชีวิตข้าเถอะ!”หยวนกุยถูกเตะจนร้องทรมาน ร้องขอชีวิตไม่หยุดหยวนจงโกรธจัด ไม่สนใจหยวนกุย เพียงแค่เตะเต็มแรง
หยุนเจิงและตู๋กูเช่อคอยอยู่ราวสองเค่อ หยวนจงสองพ่อลูกถึงจะมาถึงจวนแม่ทัพเมื่อเห็นหยวนกุย หยุนเจิงก็ดีอกดีใจคนโง่นี่ตามมายังซั่วเป่ยจริงด้วย!ด้วยสายตาของหยุนเจิง ทำให้หยวนกุยอดกัดฟันไม่ได้หยุนเจิง!ไอ้สุนัขนี่จริงๆ ด้วย!ไอ้สุนัขนี่ฝ่าวงล้อมออกมาได้สำเร็จจริงๆ!ให้ตายเถอะ!เป็นไปได้อย่างไรกัน!กองทหารแสนกว่านายของเป่ยหวนนั่นทำอะไรอยู่?กองทหารแสนกว่านายล้อมชายแดนกู้ไว้ แต่ยังทำให้พวกเขาฝ่าออกมาได้อีก?วินาทีนี้ หยวนกุยเพียงแค่อยากทักทายบรรพบุรุษของแม่ทัพหลักของเป่ยหวนคนของเป่ยหวนเชี่ยวชาญด้านการรบและความกล้าหาญไม่ใช่หรือ?ภายใต้การล้อมด้วยคนแสนกว่านายยังสามารถทำให้หยุนเจิงฝ่าวงล้อมออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วย?เชี่ยวชาญด้านการรบและความกล้าหาญบ้าอะไร!ไร้ประโยชน์!ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น!“ข้าหยวนจง ขอคารวะท่านอ๋อง รองผู้บัญชาการ…”แม้หยวนจงจะสงสัย แต่ก็ต้องทักทายระหว่างที่ทักทายนั้น หยวนจงยังจ้องไปที่หยวนกุยทีหนึ่งหยวนกุยได้สติ รีบทักทายตาม “ข้าหยวนกุย ขอคารวะท่านอ๋อง รองผู้บัญชาการ!”“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วมองไปที่หยวนกุย “นายกองทหารม้าหยวน ไม่ค
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ