หยุนเจิงโบกมือให้กับตู๋กูเช่อ “แม่ทัพตู๋กู นำจดหมายฉบับนั้นให้ฟู่เทียนเหยียนดู!”ตู๋กูเช่อพยักหน้า แล้วหยิบจดหมายที่เว่ยเหวินจงร่วมมือกับศัตรูออกมา แล้วตบไหล่ฟู่เทียนเหยียนเบาๆ “เหล่าฟู่ ดูซะนะ!”ฟู่เทียนเหยียนรีบเปิดอ่านจดหมายเพียงแค่อ่านผ่านๆ ลมหายใจของฟู่เทียนเหยียนก็ถี่ขึ้นมา สีหน้าแย่สุดขีด“นี่ไม่ใช่ลายมือของแม่ทัพใหญ่!”ฟู่เทียนเหยียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วเงยหน้าขึ้นทันใด “พวกเจ้าใส่ร้าย!”“หากเจ้าร่วมมือกับศัตรู เจ้าจะเขียนด้วยลายมือของเจ้าหรือ?”ตู๋กูเช่อมองฟู่เทียนเหยียนแวบหนึ่ง “หากเว่ยเหวินจงไม่ร่วมมือกับศัตรู เจ้าคิดว่าป้อมเมืองสองป้อมเมืองจะอยู่พรรคพวกเดียวกับท่านอ๋องหรือ?”“หากเจ้าคิดว่าพวกข้ากำลังใส่ร้ายเว่ยเหวินจงอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็ไปถามคนที่ฝ่าวงล้อมออกจากชายแดนกู้เหล่านั้นดู!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้เว่ยเหวินจงทำให้คนบริสุทธิ์เหล่านั้นตายไปเท่าไร?”“หากไม่จับตัวคนชั่วเว่ยเหวินจงนี่ แล้วเราจะอธิบายต่อวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตายไปเหล่านั้นได้อย่างไร?”“ข้าขอบอกเจ้าตรงนี้เลย หากไม่ใช่เพราะไม่อยากทำให้ทหารต้าเฉียนของเราเข่นฆ่ากันเอง พวกข้าบุกเมืองเทียนหูไปจับตัวคนชั่
หลังจากที่ซื้อใจทหารของกองทหารติ้งเป่ยได้แล้ว หยุนเจิงพลันรีบควบม้าพาฝูงชนไปที่ด่านเป่ยลู่ทันทีส่วนหม่าอี้ก็มอบให้ฟู่เทียนเหยียน!ถึงแม้หยวนเลี่ยจะเป็นผู้จงรักภักดีต่อเว่ยเหวินจง ทั้งยังนำกองทหารม้าชั้นยอดเก้าพันนายเฝ้าหม่าอี้ แต่อย่างไรหม่าอี้ก็ยังมีทหารแก่ชราอ่อนแอหลายหมื่นนายเช่นเดียวกัน!ทหารแก่ชราอ่อนแอเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนของหยุนเจิงทั้งนั้นหากเช่นนี้ยังไม่สามารถยึดหม่าอี้ได้ ฟู่เทียนเหยียนก็ไร้ประโยชน์มากแล้วพูดถึงหยวนเลี่ย หยุนเจิงจึงถามตู๋กูเช่อขึ้นอย่างสงสัย “จริงสิ หยวนเลี่ยมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับเว่ยเหวินจงจริงหรือ?”“ไม่มี”ตู๋กูเช่อส่ายศีรษะ “แต่ทว่า หยวนเลี่ยถือว่าเป็นบุตรบุญธรรมของเว่ยเหวินจงกระมัง!”บิดาของหยวนเลี่ยเคยเป็นผู้บัญชาการใกล้ชิดของเว่ยเหวินจง แต่ทว่าตายจากไปในสงครามครั้งใหญ่ซั่วเป่ยเมื่อหกปีก่อนต่อมา เว่ยเหวินจงฝากคนให้พาหยวนเลี่ยมาที่ซั่วเป่ย แล้วฝึกซ้อมเขาถึงแม้เว่ยเหวินจงจะไม่รับหยวนเลี่ยเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าก็ปฏิบัติต่อหยวนเลี่ยเป็นบุตรและเพราะว่ามีการสนับสนุนจากเว่ยเหวินจง หยวนเลี่ยถึงได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแต่ทว่
เห็นท่าทีของคนผู้นี้แล้ว โจรที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็รีบมาคารวะตาม“คารวะท่านอ๋อง!”ฝูงชนคารวะพร้อมกัน ทำเอาตู๋กูเช่อและทหารม้าที่ตามมาด้วยมึนงงคนพวกนี้ก็เป็นคนของหยุนเจิงด้วยนั้นหรือ?“เอาเถอะ ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงควบม้าออกไป แล้วมองฝูงชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ตู้กุยหยวนล่ะ?”หัวโจกรีบตอบ “ทูลท่านอ๋อง ผู้บัญชาการตู้สั่งให้พวกข้ามาตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่และติ้งเป่ยขอรับ ส่วนเขานำทัพแปดร้อยคนไปที่ด่านเป่ยลู่แล้ว…”“ดีมาก!”หยุนเจิงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วถามว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”“ห้าวันก่อนขอรับ!”“ระหว่างนั้นมีทหารส่งสาส์นจากติ้งเป่ยกับหม่าอี้ผ่านมาหรือไม่?”“มีขอรับ แต่ถูกพวกข้าจับไว้หมดแล้ว!”จับไว้หมดแล้ว?หยุนเจิงเผยรอยยิ้มพึงพอใจจับได้ก็ดี!ขอเพียงตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่กับเมืองอื่นๆ คนของด่านเป่ยลู่ก็จะไม่รู้ว่าเว่ยเหวินจงถูกล้อมจับอยู่ที่เทียนหู เช่นนั้นก็จะไม่ระมัดระวังพวกเขาด้วยบัดนี้ ตู้กุยหยวนพาคนแทรกเข้าไปในด่านเป่ยลู่อีก เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายขึ้นแล้วหยุนเจิงตัดสินใจ แล้วโบกมือ “เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเข้าดำเนินการตามแผนต่อเถอ
ด่านเป่ยลู่หยวนจงใจไม่นิ่งเรื่องที่กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือถูกล้อมไว้ที่ชายแดนกู้กว่าสี่หมื่นนาย เขาต้องรู้อยู่แล้วไม่กี่วันก่อน เว่ยเหวินจงยังเร่งให้คนส่งจดหมายไปรายงานที่เมืองจักรพรรดิด้วยถึงแม้เขาจะไม่ได้ความอะไรจากปากทหารข้างกายของเว่ยเหวินจง แต่เพียงแต่แผ่นหลังของคนเหล่านั้นปักธงสามด้านไว้ก็รู้แล้วว่าป้อมเมืองฝ่ายหน้าของซั่วเป่ยเกิดเรื่องใหญ่เข้าแล้ว แถมยังต้องเป็นข่าวร้ายด้วยแน่ๆหยุนเจิงถูกล้อมไว้ที่ชายแดนกู้ เขาต้องดีใจอยู่แล้วแต่ทว่าป้อมเมืองฝ่ายหน้าของซั่วเป่ยเกิดเรื่องใหญ่ เหตุใดเว่ยเหวินจงถึงไม่ส่งข่าวมาที่ด่านเป่ยลู่เลย?ตามหลักแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เกินสามวันเว่ยเหวินจงต้องส่งคนมาถามสถานการณ์ของด่านเป่ยลู่แล้วนี่เป็นเรื่องขั้นพื้นฐาน!หากเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เพียงแค่วันเดียวก็เพียงพอแล้ว!แต่นี่ก็ห่างจากวันที่ทหารข้างกายของเว่ยเหวินจงไปรายงานที่เมืองจักรพรรดิเป็นเวลาหกวันแล้ว!หกวัน!เวลานานเพียงนี้ แต่เว่ยเหวินจงกลับไม่ถามไถ่ถึงด่านเป่ยลู่เลย?และคนที่เขาส่งไปยังติ้งเป่ยเมื่อสามวันก่อน หากเป็นสถานการณ์ปกติ เมื่อคืนวานก็ควรจะกลับมาถึงแล้ว แต่ทว่าคนของเข
“หากข้าไม่มา ก็คงไม่รู้ว่าเจ้าหลับสบายแค่ไหน!”หยวนจงโกรธจัด เขาเตะไปทีหนึ่ง ทำให้หยวนกุยล้มลงกับพื้น แล้วด่าสุดฤทธิ์ว่า “สถานการณ์ป้อมเมืองฝ่ายเหนือเป็นอย่างไรไม่แน่ชัด ติ้งเป่ยก็ไม่มีข่าวสารมาเสียที ข้ากังวลแทบตาย แต่เจ้ากลับมาดื่มสุราอยู่ที่นี่? ให้ข้าโยนเจ้าเข้าไปในบ่อสุรา ดื่มให้หน่ำใจหน่อยหรือไม่?”หยวนกุยล้มอยู่กับพื้น แล้วมองหยวนจงแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าเพียงแค่กำลังคิดว่าหยุนเจิงไอ้สุนัขนั่นต้องตายแน่ๆ ข้าจึงดีใจ แล้ว…”ตุบ!หยวนกุยยังไม่ทันพูดจบ หยวนจงก็เตะไปอีกทีหนึ่ง“ไอ้ระยำ อยากตายหรือไง?”หยวนจงโกรธจนตัวสั่น แล้วเตะไอ้ระยำนั่นอีกสองสามทีไอ้ระยำรู้จักแต่กินไม่รู้จักสู้!เขาลืมแล้วหรือไงว่าปากเน่าๆ นี้ไปก่อเรื่องมามากแค่ไหน?คำพูดเช่นนี้ เขายังกล้าพูดอีก?หากแพร่ออกไปแล้ว คนที่ไม่รู้คงคิดว่าพวกเขาจะฆ่าหยุนเจิงแน่!อยากฉลองก็แอบฉลองสิ!หยวนจงยิ่งคิดยิ่งโกรธ เตะทีหนึ่งตามด้วยอีกทีหนึ่ง“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว!”“ข้าไม่กล้าทำอีกต่อไปแล้ว!”“ไว้ชีวิตข้าเถอะ!”หยวนกุยถูกเตะจนร้องทรมาน ร้องขอชีวิตไม่หยุดหยวนจงโกรธจัด ไม่สนใจหยวนกุย เพียงแค่เตะเต็มแรง
หยุนเจิงและตู๋กูเช่อคอยอยู่ราวสองเค่อ หยวนจงสองพ่อลูกถึงจะมาถึงจวนแม่ทัพเมื่อเห็นหยวนกุย หยุนเจิงก็ดีอกดีใจคนโง่นี่ตามมายังซั่วเป่ยจริงด้วย!ด้วยสายตาของหยุนเจิง ทำให้หยวนกุยอดกัดฟันไม่ได้หยุนเจิง!ไอ้สุนัขนี่จริงๆ ด้วย!ไอ้สุนัขนี่ฝ่าวงล้อมออกมาได้สำเร็จจริงๆ!ให้ตายเถอะ!เป็นไปได้อย่างไรกัน!กองทหารแสนกว่านายของเป่ยหวนนั่นทำอะไรอยู่?กองทหารแสนกว่านายล้อมชายแดนกู้ไว้ แต่ยังทำให้พวกเขาฝ่าออกมาได้อีก?วินาทีนี้ หยวนกุยเพียงแค่อยากทักทายบรรพบุรุษของแม่ทัพหลักของเป่ยหวนคนของเป่ยหวนเชี่ยวชาญด้านการรบและความกล้าหาญไม่ใช่หรือ?ภายใต้การล้อมด้วยคนแสนกว่านายยังสามารถทำให้หยุนเจิงฝ่าวงล้อมออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วย?เชี่ยวชาญด้านการรบและความกล้าหาญบ้าอะไร!ไร้ประโยชน์!ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น!“ข้าหยวนจง ขอคารวะท่านอ๋อง รองผู้บัญชาการ…”แม้หยวนจงจะสงสัย แต่ก็ต้องทักทายระหว่างที่ทักทายนั้น หยวนจงยังจ้องไปที่หยวนกุยทีหนึ่งหยวนกุยได้สติ รีบทักทายตาม “ข้าหยวนกุย ขอคารวะท่านอ๋อง รองผู้บัญชาการ!”“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วมองไปที่หยวนกุย “นายกองทหารม้าหยวน ไม่ค
แม้จะรู้ว่าเขาไม่ระวัง แต่ก็ไม่น่าจะหลบฝ่าบาทที่ฝีมิอการตบไป!ให้ตายเถอะ!สารเลวนี่ไม่ได้มีแรง!ตอนอยู่เมืองจักรพรรดิ ก็ให้หยุดให้แสง!ก่อกบฏ!องค์รัชทาบาทพูดถูก ไอ้คนอันตรายนี่จะมาก่อกบฏที่ซั่วเป่ย!“หยุนเจิง เจ้าจะก่อกบฏจริงหรือ?แววตาของหยวนจงเคลื่อนไหว แล้วมองหยุนเจิงอย่างเย็นชาหยุนเจิงกล่าว แล้วฟาดมือลงไปอีกครั้งครั้งนี้ หยวนจงเตรียมตัวมา ในที่สุดก็หลบได้“อุ๊ย กล้าหลบด้วย?”หยุนเจิงมองหยวนจงยิ้มๆ “เจ้ากำลังขัดราชโองการนะ!”“เหลวไหล!”หยวนจงกล่าว “โจรทำให้ขุนนางแตกแยก ยังมีหน้ามาพูดเรื่องราชโองการกับข้าอีก?”“ท่านพ่อ ไม่ต้องเสียเวลากับเขาแล้ว!”หยวนกุยได้สติ “จับตัวโจรที่ทำให้ภายในแตกแยกคนนี้ก่อน แล้วส่งตัวไปที่เมืองจักรพรรดิทันที!”คิดจะก่อกบฏ!เขากำลังหดหู่เรื่องหยุนเจิงฝ่าวงล้อมได้สำเร็จอยู่เลย!แต่สุดท้าย หยุนเจิงกลับวิ่งมามอบความตายเอง!ครั้งนี้ ในที่สุดตนก็มีโอกาสแก้แค้นแล้ว!อีกอย่างยังเป็นผลงานจับทหารทรยศด้วย!ผลงานที่มาถึงตรงหน้าแล้ว ใครจะปฏิเสธได้?วินาทีนี้ หยวนกุยถึงไม่ได้เกลียดหยุนเจิงปานนั้นจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าหยุนเจิงน่ารักมาก!พาทหารม้ามาพ
ค่ายทิศใต้ ด่านเป่ยลู่ทหารม้าเร็วนายหนึ่งควบม้าพุ่งมายังปากค่ายทหารอย่างรวดเร็ว“หยุด!”ทหารยามพอเห็นดังนั้นก็รีบหยุดเขาไว้“สองพ่อลูกหยวนฉงหมิ่นเบื้องสูง ใครจะลอบสังหารท่านอ๋องและรองแม่ทัพ รีบพาข้าเข้าพบท่านแม่ทัพ! หากว่าท่านอ๋องและรองแม่ทัพเกิดเสียหายอะไร ระวังหัวเจ้าจะหลุดจากบ่า!”ทหารม้าเร็วพูดและมองไปทางทหารยามด้วยสีหน้าร้อนรนพอนายทหารกลุ่มหนึ่งได้ยินคำพูดของทหารม้าเร็วแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนพลันเห็นว่าทหารม้าเร็วมาแค่คนเดียวก็ไม่ได้กังวลว่าเขาจะมาโจมตีค่าย จึงได้รีบนำเขาเข้าสู่ค่าย มีทหารอีกนายรีบวิ่งไปแจ้งหัวหน้าผู้ดูแลค่ายใหญ่ทิศใต้ฉากเดียวกันนี้เกิดขึ้นที่ด่านเป่ยลู่และค่ายทหารอื่นๆ อีกด้วยเช่นกันไม่นาย นายทหารแต่ละกองก็รีบรุดออกจากค่ายใหญ่ แล้วไปที่จวนท่านแม่ทัพของหยวนฉงที่เขาอยู่อาศัยสองพ่อลูกหยวนฉงจะลอบสังหารท่านอ๋องและรองแม่ทัพ!นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก!ในขณะที่หยวนกุยจับกุมตัวหยุนเจิงและตู๋กูเช่อไปที่บริเวณค่ายของตัวเองนั้น จู่ๆ ถนนสองข้างทางก็ปรากฏพลทหารจำนวนมากผู้คนทั้งหลายวิ่งไม่หยุด ส่งผลให้พื้นผิวสั่นสะเทือนไปทั่วพอเห็นว่าพวกพลทหารเหล่านี้วิ่งไปทางที่อ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่