หยวนกุยมองเหล่าทหารที่เดินหน้าตรงมา ในใจเขาเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย ในความชุลมุน หยวนกุยชักดาบขึ้นพาดที่คอของหยุนเจิง ตะโกนขึ้นอย่างโมโห “ถอยทัพไปให้หมด ไม่เช่นนั้น ข้าจะฆ่าเขาเสีย!”“แค่กๆ…”พอหยุนเจิงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเย็นวาบที่คอ เขาไม่เพียงแต่จะไม่กลัว แต่กลับแทบจะหลุดหัวเราะเจ้าคนโง่นี่ โง่ได้น่ารักจริงๆ เลยนะ!ครานี้ เขาไม่มีทางล้มล้างความผิดของตัวเองได้แล้ว!ตู๋กูเช่อชำเลืองตามองหยวนกุยคราหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวเบาๆ หยวนกุยนี่ เป็นเหมือนที่ท่านอ๋องพูดจริงๆ ด้วย เป็นเจ้าทึ่มที่สมองโตและร่างกายเติบโตแค่นั้นจริงๆชักดาบขึ้นมาพาดคอหยุนเจิงผู้เป็นท่านอ๋องต่อหน้าผู้คนมากมายเนี่ยนะ?เขาจับตัวหยุนเจิงมาข่มขู่เหล่าแม่ทัพพวกนี้ ไม่เท่ากับว่ากำลังยอมรับข้อหาที่เขาคิดจะลอบสังหารหยุนเจิงกับตนหรือ?หลังจากที่หยวนกุยกระทำการเช่นนี้ เหล่าแม่ทัพก็ยกมือขึ้นห้ามเหล่าทหารพล ความเย็นในตามากขึ้นฉับพลันเวลานี้ พวกเขามั่นใจแล้วว่าหยวนกุยคิดจะลอบสังหารหยุนเจิงและตู๋กูเช่อจริงๆ แล้ว!ฟางซีเฟิงกวาดสายตาเย็นเยือกไปทางพวกหยวนกุย แล้วตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ “อู๋ฮู่ รีบนำกองกำลังพลและม้าไ
ตอนนี้เรื่องสองพ่อลูกหยวนฉงกับหยวนกุยคิดอยากจะลอบสังหารพวกเขานั้นเป็นจริงแล้ว เรื่องต่อมาก็ง่ายแล้วเมื่อจวนแม่ทัพของหยวนฉงถูกล้อม หยวนฉงเองก็หมดหนทางสู้แล้วตอนนี้ ต่อให้หยวนฉงจะพูดว่าหยุนเจิงและตู๋กูเช่อจะก่อกบฏยังไง ก็ไม่มีใครเชื่อเขาแล้วหยวนฉงเพิ่งมาถึงด่านเป่ยลู่ได้นานแค่ไหนกัน?นับนิ้วดูแล้วยังไม่ถึงสิบวันเลย!ความน่าเชื่อถือในตัวของหยวนฉงนั้นเทียบไม่ได้กับตู๋กูเช่อและหยวนเจิงเลยบวกกับการช่วยเหลือจากลูกชายโง่ๆ ตอนนี้ ทุกคนล้วนคิดว่า หยวนฉงได้รับบัญชาจากองค์รัชทายาทหยวนลี่ มาลอบสังหารหยุนเจิงและตู๋กูเช่อทหารส่วนใหญ่ของจวนหยวนฉงพอเผชิญหน้ากับเหล่ากองทัพทหารที่ห้อมล้อมก็เลือกวางอาวุธแล้วมอบตัวมีเพียงหยวนฉงและทหารสนิทของเขาที่ไม่ยอมแพ้แต่พอได้เผชิญหน้ากับกองทัพทหารยิ่งใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาขัดขืนแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์สุดท้าย ทหารสนิทของหยวนฉงก็ถูกฆ่า หยวนฉงถูกจับกุมตัว“หยุนเจิง ตู๋กูเช่อ! พวกสันดานโจร พวกเจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”ดวงตาของหยวนฉงแดงก่ำเป็นเลือด เปิดปากด่า“จะตายอยู่แล้วยังกล้าใส่ร้ายป้ายสีพวกข้าอีก?”ตู๋กูเช่อมองไปที่หยวนฉงอย่างเย็นยะเยือก แล้วถามว่า “ท่านอ๋อง
แม้เว่ยเหวินจงจะคาดการณ์ผลลัพธ์นี้ได้แล้ว แต่อัตราความเร็วในการหลบหนีของทหารเหล่านี้เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากทว่า สำหรับเว่ยเหวินจงแล้ว กลับไม่นับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายทำให้คนเหล่านั้นที่สงสัยเขา ไม่เชื่อเขาหนีไปให้หมดก็ดี ป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้รบกวนขวัญกำลังใจทหารจากนั้น เขาจะได้พาคนที่ยืนหยัดเชื่อมั่นเขาเว่ยเหวินจงไม่เปลี่ยนแปลงออกจากเทียนหูทางตะวันออกเฉียงใต้ อ้อมสนามม้าโม่หยางไปทางใต้ สุดท้ายก็ข้ามเทือกเขาหยุนหลิงแสนกว้างใหญ่ นำทุกคนกลับไปในด่าน ป้องกันการถูกกลุ่มกบฏลักพาตัวแน่นอน นี่เป็นวาทศาสตร์ที่เว่ยเหวินจงบอกกับหวังชี่และฮั่วกู้เขายังต้องการพวกหวังชี่!หากขณะที่หลบหนีเผชิญเข้ากับการจู่โจมของพวกเสิ่นลั่วเยี่ยน เขาก็จะได้ส่งหวังชี่และฮั่วกู้นำกองทัพไปต่อต้านได้สะดวกเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะสามารถเร่งเวลาพาทหารคนสนิทของเขาข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ย ไปยังดินแดนเป่ยหวน ลี้ภัยที่เป่ยหวน!ตอนนี้ ขอแค่ลี้ภัยที่เป่ยหวน เขาถึงจะมีความหวังว่าจะรอดชีวิต ถึงจะมีความหวังในการล้างแค้นหยุนเจิงมิฉะนั้น เขามีแต่ต้องตายสถานเดียว!กลางดึก เว่ยเหวินจงเรียกหวังชี่และฮั่วกู้มายังห้องของเขา“
วันถัดไป หยุนเจิงและตู๋กูเช่อวางแผนเชิญแม้ทัพระดับกลางขึ้นไปของด่านเป่ยลู่มางานเลี้ยงงานเลี้ยงจบลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ตู๋กูเช่อบอกเรื่องที่เว่ยเหวินจงสมคบคิดศัตรูกับทุกคน แจ้งให้ทราบอย่างตรงไปตรงมา หลังจากนี้หยุนเจิงเป็นผู้ดูแลกองทหารมณฑลทางเหนือคำพูดของตู๋กูเช่อ เป็นดั่งศิลาหนึ่งก้อนก่อเกิดระลอกคลื่นนับพันจนถึงเวลานี้ แม่ทัพทุกคนถึงเข้าใจ พวกหยุนเจิงต้องการยึดอำนาจจริงๆหลังจากหยุนเจิงและตู๋กูเช่อวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าต่อหน้าเหล่าแม่ทัพอย่างอดทน แม่ทัพกว่าครึ่งเลือกฟังคำสั่งหยุนเจิง อีกครึ่งยอมตายดีกว่ายอมจำนนเหล่าแม่ทัพที่ยอมตายดีกว่ายอมจำนวน โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นลูกหลานหรือลูกศิษย์ของคนในราชสำนักคิดจะทำให้คนเหล่านี้ยอมรับ เป็นเรื่องยากมากหยุนเจิงจนปัญญา ทำได้เพียงจับพวกเขาขังไว้ชั่วคราว แล้วก็รับประกัน นอกจากขังพวกเขาเอาไว้ ไม่มีทางทำให้พวกเขาลำบาก เนื้อและสุรามีให้พวกเขาไม่ขาดหลังจากนำคนเหล่านั้นเข้าคุกแล้ว หยุนเจิงบอกกับเหล่าแม่ทัพที่เข้าร่วมกับเขา “แม่ทัพนายกองทุกท่าน ตั่งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะสับเปลี่ยนทหารคนสนิทข้างกายของพวกท่าน!”“ข้าไม่กลัวที่จะบอกความจริงพ
ตู๋กูเช่อถอนหายใจยาว กล่าวด้วยความทอดถอนใจพวกเขาไม่เคยตึงเตรียมเช่นนี้มาก่อนสองวันนี้ ตู๋กูเช่ออยู่ด้วยความกังวลใจ แทบไม่ได้หลับตานอน“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ?”หยุนเจิงยักไหล่ จากนั้นก็ยิ้มแห้ง “ดังนั้น การจัดตำแหน่งของเสด็จพ่อช่างฉลาดปราดเปรื่อง! ให้ลูกหลานและลูกศิษย์ของเหล่าแม่ทัพในราชสำนักมายังด่านเป่ยลู่ ก็เท่ากับนำด่านเป่ยลู่และราชสำนักผูกมัดไว้ด้วยกัน! ต่อให้เว่ยเหวินจงคิดก่อกบฏ ก็ยากที่จะเคลื่อนย้ายทหารและม้าในด่านเป่ยลู่...”จักรพรรดิเหวินอาจมีข้อบกพร่องบางอย่างในด้านความทักษธทางการทหาร แต่เมื่อเป็นเรื่องของอำนาจ เขาเก่งกาจมากก็ใช่ ผู้ที่สามารถต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์จากองค์ชายมากมาย จะไม่เก่งเรื่องอำนาจได้เช่นไร?ตู๋กูเช่อพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง จากนั้นก็ถาม “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราควรไปพิชิตสามเมืองชายแดนหรือไม่?”“ควรลงมือได้แล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแห้งกล่าวอีกครั้ง “บอกตามตรง ตอนนี้ความหมายในการกอบกู้สามเมืองชายแดนไม่ได้มีมากมายแล้ว! สิ่งที่สำคัญสุดตอนนี้ก็คือยึดครองชายแดนกู้ เวลาที่จะพิชิตชายแดนชิงและเว่ยค่อยทำหลังจากนั้น...”ตอนนี้ ชายแดนกู้เป็นส
เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนเจิงมอบหน้าที่แม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่ให้กับจั่วเริ่น ส่วนตนและตู๋กูเช่อรับหน้าที่พาหัวหน้าแม่ทัพด่านเป่ยลู่ห้าหกคนนำกองทหารยอดเยี่ยมสองหมื่นนายเริ่มเดินทางสู่ป้อมเมืองแนวหน้าทั้งสองพวกเขาสามารถชิงอาหารได้จากหม่าอี้ ดังนั้นจึงพกเสบียงอาหารแห้งมาเพียงเล็กน้อยขณะออกเดินทาง หยุนเจิงสั่งการให้จั่วเริ่นส่งคนไปรับคนตระกูลเสิ่นมายังด่านเป่ยลู่ พร้อมมอบจดหมายที่ปิดผนึกไว้อย่างดีให้จั่วเริ่นหนึ่งฉบับ ให้ส่งไปยังฮูหยินเสิ่นระหว่างที่พวกเขาเดินทางไปยังหม่าอี้ คนที่ถูกส่งไปติดต่อกับแต่ละฝ่ายได้นำข่าวดีกลับมาไม่น้อยเว่ยเหวินจงถูกจับกุมไว้ได้แล้ว และกำลังถูกกักขังไว้ที่ป้อมเมืองจิ้งอันเสิ่นลั่วเยี่ยนรวบรวมทหารที่หนีจากเมืองเทียนหูได้หลายพันนาย และกำลังนำกองทหารพักอาศัยอยู่ที่เมืองเทียนหูชั่วคราวฟู่เทียนเหยียนยึดครองหม่าอี้ได้แล้ว หยวนเลี่ยแม่ทัพรักษาการณ์ของหม่าอี้พยายามลอบสังหารฟู่เทียนเหยียน จึงถูกประหารชีวิตบัดนี้ ฟู่เทียนเหยียนกำลังตั้งหลักอยู่ที่หม่าอี้ พร้อมส่งคนไปติดต่อแม่ทัพรักษาการณ์ของโม่หยางตั้งแต่ที่แม่ทัพรักษาการณ์ของโม่หยางรู้ว่าเว่ยเหวินจงสูญเสีย
ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร ก็ไร้ความหมายแล้ว“ข้าต้องการยึดอำนาจจริง!”หยุนเจิงไม่ปฏิเสธ แล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “แต่ข้าพูดจากใจได้เลยว่า ข้าไม่เคยคิดจะให้เหล่าทหารแม่ทัพของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือไปตาย! เจ้าไม่อยากให้ข้ายึดอำนาจ ก็เอาความสามารถมาสู้!”“แต่เจ้ากลับทำอะไรลงไป? นอกจากจะหวาดกลัวจนไม่กล้าเดินหน้าสู้แล้ว ก็รู้เพียงติดต่อกับศัตรูทรยศคนของตนเอง!”“หากเจ้านำความสามารถในการทรยศคนของตนเองไปใช่กับเป่ยหวนสักนิดล่ะก็ ข้าจะยังชื่นชมว่าเป็นบุรุษยอดเยี่ยมคนหนึ่ง!”“แต่บัดนี้ ข้าละอายใจที่มีคนทรยศอย่างเจ้าอยู่ในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ!”เผชิญหน้ากับสายตาอันเยือกเย็นของหยุนเจิงแล้ว ในใจเว่ยเหวินจงพลันรู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อยเพียงแต่ว่าไม่นานเว่ยเหวินจงก็กลับคืนสู่สภาพปกติตกอยู่ในกำมือของหยุนเจิงแล้ว เขายังจะกลัวอะไรอีก?“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ผู้ชนะเป็นราชา ผู้แพ้เป็นโจรก็เท่านั้น!”เว่ยเหวินจงเอ่ยประชด “หยุนเจิง เจ้าอย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย แม้ว่าเจ้าจะยึดอำนาจกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือได้แล้วอย่างไร? เมื่อเผชิญกับการโจมตีจากราชสำนักและเป่ยหวนทั้งสองฝั่ง เจ้าคิดหรือว่าคนเท่านี้จะสามารถต้านทานได้
ณ ที่ประชุมราชสำนัก จักรพรรดิเหวินกำลังประทับอยู่บนพระที่นั่งด้วยสีพระพักตร์ไม่สู้ดีนักในพระหัตถ์ของเขาถือจดหมายจากฉินลิ่วก่านลายมืออักษรนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นของฉินลิ่วก่าน!ด่านเป่ยลู่ปิดด่านไปแล้ว!ฉินลิ่วก่านนำกองทหารและม้าเร่งเดินทางไปยังซั่วเป่ย แต่กลับไม่สามารถเข้าด่านเป่ยลู่ได้แม่ทัพรักษาการณ์ของด่านเป่ยลู่ ก็ไม่ใช่หยวนจงอีกแล้วด้วย!แต่เป็นจั่วเริ่น!จั่วเริ่นสั่งให้คนชูป้ายนอกด่านเป่ยลู่ว่า ด่านเป่ยลู่ปิดด่านเวลาหนึ่งเดือน!ฉินลิ่วก่านยืนด่าอยู่นอกด่านเป่ยลู่อยู่ครึ่งชั่วยาม จั่วเริ่นถึงจะสั่งให้คนปล่อยตัวฉินลิ่วก่านเข้ามาแต่ทว่าอนุญาตให้ฉินลิ่วก่านเข้ามาคนเดียวเท่านั้น!คนอื่นๆ ที่ฉินลิ่วก่านพามา ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสักคนหลังจากผ่านไปครึ่งวันเต็ม ฉินลิ่วก่านถึงจะเขียนจดหมายสั่งให้คนส่งกลับไปยังเมืองจักรพรรดิในจดหมายนั้น ฉินลิ่วก่านเองก็ได้รายงานถึงสถานการณ์จริงของด่านเป่ยลู่ให้กับจักรพรรดิเหวินเจ้าหกยังไม่ตาย!เสิ่นลั่วเยี่ยน ฉินชีหู่และตู๋กูเช่อก็ยังไม่ตาย!พวกเขาใช้แผนการของหยุนเจิง โดยแยกกองทหารเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำโดยตู๋กูเช่อ ฝ่าวงล้อมจากแนวหน้
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ