เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนเจิงมอบหน้าที่แม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่ให้กับจั่วเริ่น ส่วนตนและตู๋กูเช่อรับหน้าที่พาหัวหน้าแม่ทัพด่านเป่ยลู่ห้าหกคนนำกองทหารยอดเยี่ยมสองหมื่นนายเริ่มเดินทางสู่ป้อมเมืองแนวหน้าทั้งสองพวกเขาสามารถชิงอาหารได้จากหม่าอี้ ดังนั้นจึงพกเสบียงอาหารแห้งมาเพียงเล็กน้อยขณะออกเดินทาง หยุนเจิงสั่งการให้จั่วเริ่นส่งคนไปรับคนตระกูลเสิ่นมายังด่านเป่ยลู่ พร้อมมอบจดหมายที่ปิดผนึกไว้อย่างดีให้จั่วเริ่นหนึ่งฉบับ ให้ส่งไปยังฮูหยินเสิ่นระหว่างที่พวกเขาเดินทางไปยังหม่าอี้ คนที่ถูกส่งไปติดต่อกับแต่ละฝ่ายได้นำข่าวดีกลับมาไม่น้อยเว่ยเหวินจงถูกจับกุมไว้ได้แล้ว และกำลังถูกกักขังไว้ที่ป้อมเมืองจิ้งอันเสิ่นลั่วเยี่ยนรวบรวมทหารที่หนีจากเมืองเทียนหูได้หลายพันนาย และกำลังนำกองทหารพักอาศัยอยู่ที่เมืองเทียนหูชั่วคราวฟู่เทียนเหยียนยึดครองหม่าอี้ได้แล้ว หยวนเลี่ยแม่ทัพรักษาการณ์ของหม่าอี้พยายามลอบสังหารฟู่เทียนเหยียน จึงถูกประหารชีวิตบัดนี้ ฟู่เทียนเหยียนกำลังตั้งหลักอยู่ที่หม่าอี้ พร้อมส่งคนไปติดต่อแม่ทัพรักษาการณ์ของโม่หยางตั้งแต่ที่แม่ทัพรักษาการณ์ของโม่หยางรู้ว่าเว่ยเหวินจงสูญเสีย
ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร ก็ไร้ความหมายแล้ว“ข้าต้องการยึดอำนาจจริง!”หยุนเจิงไม่ปฏิเสธ แล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “แต่ข้าพูดจากใจได้เลยว่า ข้าไม่เคยคิดจะให้เหล่าทหารแม่ทัพของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือไปตาย! เจ้าไม่อยากให้ข้ายึดอำนาจ ก็เอาความสามารถมาสู้!”“แต่เจ้ากลับทำอะไรลงไป? นอกจากจะหวาดกลัวจนไม่กล้าเดินหน้าสู้แล้ว ก็รู้เพียงติดต่อกับศัตรูทรยศคนของตนเอง!”“หากเจ้านำความสามารถในการทรยศคนของตนเองไปใช่กับเป่ยหวนสักนิดล่ะก็ ข้าจะยังชื่นชมว่าเป็นบุรุษยอดเยี่ยมคนหนึ่ง!”“แต่บัดนี้ ข้าละอายใจที่มีคนทรยศอย่างเจ้าอยู่ในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ!”เผชิญหน้ากับสายตาอันเยือกเย็นของหยุนเจิงแล้ว ในใจเว่ยเหวินจงพลันรู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อยเพียงแต่ว่าไม่นานเว่ยเหวินจงก็กลับคืนสู่สภาพปกติตกอยู่ในกำมือของหยุนเจิงแล้ว เขายังจะกลัวอะไรอีก?“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ผู้ชนะเป็นราชา ผู้แพ้เป็นโจรก็เท่านั้น!”เว่ยเหวินจงเอ่ยประชด “หยุนเจิง เจ้าอย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย แม้ว่าเจ้าจะยึดอำนาจกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือได้แล้วอย่างไร? เมื่อเผชิญกับการโจมตีจากราชสำนักและเป่ยหวนทั้งสองฝั่ง เจ้าคิดหรือว่าคนเท่านี้จะสามารถต้านทานได้
ณ ที่ประชุมราชสำนัก จักรพรรดิเหวินกำลังประทับอยู่บนพระที่นั่งด้วยสีพระพักตร์ไม่สู้ดีนักในพระหัตถ์ของเขาถือจดหมายจากฉินลิ่วก่านลายมืออักษรนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นของฉินลิ่วก่าน!ด่านเป่ยลู่ปิดด่านไปแล้ว!ฉินลิ่วก่านนำกองทหารและม้าเร่งเดินทางไปยังซั่วเป่ย แต่กลับไม่สามารถเข้าด่านเป่ยลู่ได้แม่ทัพรักษาการณ์ของด่านเป่ยลู่ ก็ไม่ใช่หยวนจงอีกแล้วด้วย!แต่เป็นจั่วเริ่น!จั่วเริ่นสั่งให้คนชูป้ายนอกด่านเป่ยลู่ว่า ด่านเป่ยลู่ปิดด่านเวลาหนึ่งเดือน!ฉินลิ่วก่านยืนด่าอยู่นอกด่านเป่ยลู่อยู่ครึ่งชั่วยาม จั่วเริ่นถึงจะสั่งให้คนปล่อยตัวฉินลิ่วก่านเข้ามาแต่ทว่าอนุญาตให้ฉินลิ่วก่านเข้ามาคนเดียวเท่านั้น!คนอื่นๆ ที่ฉินลิ่วก่านพามา ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสักคนหลังจากผ่านไปครึ่งวันเต็ม ฉินลิ่วก่านถึงจะเขียนจดหมายสั่งให้คนส่งกลับไปยังเมืองจักรพรรดิในจดหมายนั้น ฉินลิ่วก่านเองก็ได้รายงานถึงสถานการณ์จริงของด่านเป่ยลู่ให้กับจักรพรรดิเหวินเจ้าหกยังไม่ตาย!เสิ่นลั่วเยี่ยน ฉินชีหู่และตู๋กูเช่อก็ยังไม่ตาย!พวกเขาใช้แผนการของหยุนเจิง โดยแยกกองทหารเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำโดยตู๋กูเช่อ ฝ่าวงล้อมจากแนวหน้
แม้ว่าหยุนเจิงพวกเขาจะสังหารเว่ยซั่ว จับตัวเว่ยเหวินจงไว้ได้ เขาก็ย่อมสามารถคิดว่าหยุนเจิงกำลังแก้แค้นแทนเหล่าทหารที่ตายเพราะเว่ยเหวินจง!แต่หยุนเจิงบังอาจจับตัวหยวนจงสองพ่อลูกและแม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่ได้อย่างไร?ใครให้อำนาจเขาในการแต่งตั้งแม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่กัน?แม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่ มีเพียงเขาที่เป็นจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์แต่งตั้งได้!แต่ทว่าจักรพรรดิเหวินคิดไม่ตกว่าเว่ยเหวินจงที่รักษาการณ์ซั่วเป่ยมาหลายปีเช่นนี้ เหตุใดเขาถึงต้องร่วมมือกับศัตรูด้วยการยึดคืนเมืองสามชายแดนกลับคืนมานั้น เจ้าหกก็มีส่วนช่วย แล้วมีหรือที่ตนจะไม่ให้คุณงานความดีกับเว่ยเหวินจง?เหตุใดเว่ยเหวินจงต้องนำชีวิตคนสี่หมื่นกว่าคนไปสู่ความตายด้วย!ไม่สิ หกหมื่นกว่าคนต่างหาก!ยังมีทหารชาวนาชราอ่อนแอที่ขนส่งเสบียงไปยังชายแดนกู้อีกสองหมื่นกว่านาย!เหตุใดเว่ยเหวินจงถึงได้อำมหิตถึงเพียงนี้?หากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเว่ยเหวินจงเลย เช่นนั้นเพราะเหตุใดทหารมณฑลฝ่ายเหนือถึงได้เปลี่ยนไปอยู่กับเจ้าหกล่ะ?แผ่นอกของจักรพรรดิเหวินอดไม่ได้ที่จะกระเพื่อมขึ้นลง ทว่าในศีรษะกลับสับสนวุ่นวา
เซวียเช่อไม่ได้พูดอย่างชัดเจนทว่าก็เข้าใจความหมายที่จะสื่อการบุกโจมตีด่านเป่ยลู่นั้นเสมือนกับส่งคนไปตาย!อีกอย่าง เขาแสดงความในใจออกมาทันทีว่าหากจะบุกโจมตีด่านเป่ยลู่ เขาขอปฏิเสธการนำทัพ!วินาทีนี้ จู่ๆ เซวียเช่อก็รู้สึกอิจฉาเซียวว่านโฉวขึ้นมาหากตนป่วยเหมือนเซียวว่านโฉวก็คงดีเช่นนั้น ตนก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องพรรค์นี้แล้วหลังจากได้ยินคำพูดของเซวียเช่อแล้ว แววตาเย็นชาพลันผุดขึ้นนัยน์ตาของหยุนลี่ตาเฒ่านี่!ไม่บุกโจมตีด่านเป่ยลู่ แล้วจะรอให้เจ้าหกไอ้สุนัขนั่นเป็นใหญ่หรือไง?หากไม่เร่งกำจัดเจ้าหกตอนนี้ ต่อไปเกรงว่าเจ้าหกต้องกำจัดเขาเป็นแน่!เจ้าหกอาจจะเตรียมแผนการกำจัดเขาไว้แล้วด้วยซ้ำ!เจ้าหกไอ้สุนัขนั่นต้องจงใจไม่สังหารเว่ยเหวินจงแน่ๆ!ไอ้สุนัขนั่นต้องคิดจะใช้เว่ยเหวินจงมาข่มขู่ตนแน่ๆ!เมื่อได้ยินคำพูดของเซวียเช่อแล้ว จักรพรรดิเหวินก็เงียบอย่างอดไม่ได้ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องยุทธการเท่าแม่ทัพอาวุโสอย่างเซวียเช่อเขานัก แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นจักรพรรดิที่ทรงนำทัพเองด่านเป่ยลู่!เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าด่านเป่ยลู่โจมตียากแค่ไหน!หากไม่ใช่เช่นนั้น เขาสั่งให้คนโจมตีด่านเ
จางฮว๋ายรีบเอ่ยแนะนำ “บัดนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรยังไม่แน่ชัด การบุกโจมตีด่านเป่ยลู่โดยพลการ คนที่บาดเจ็บและตายล้วนแต่เป็นบุรุษของต้าเฉียนเราทั้งนั้น! กระหม่อมขอร้องให้ฝ่าบาททรงเชื่อใจหรงกั๋วกง หรงกั๋วกงกล้าเอาศีรษะเป็นเดิมพันแทนองค์ชายหก เช่นนั้นก็แสดงว่า…”“เจ้าเองก็คิดว่าเจ้าหกไม่มีทางก่อกบฏนั้นหรือ?” จักรพรรดิเหวินถามจางฮว๋ายหน้านิ่ง“เอ่อ…”จางฮว๋ายชะงักเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “กระหม่อมเชื่อว่าองค์ชายหกไม่มีทางก่อกบฏแน่นอน!”“เพราะเหตุใด?”จักรพรรดิเหวินจ้องจางฮว๋ายด้วยสายตาเฉียบคม “ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อว่าผู้ก่อตั้งจักรพรรดิจะตั้งกองทหารก่อกบฏเช่นกัน!”จางฮว๋ายอ้าปากเล็กน้อย เงียบกริบในทันใดจริง!จักรพรรดิเกาจู่เองก็เคยเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ในสายตาของฝูงชนเช่นเดียวกันแต่สุดท้าย ก็ตั้งกองทหารก่อกบฏอยู่ดีไม่ใช่หรือ?ขณะที่จางฮว๋ายไม่รู้จะพูดอะไรอยู่นั้น ขันทีก็ได้ยกสุราและจอกสุราพร้อมกับกับแกล้มอีกสี่อย่าง“ถอยออกไปให้หมด!”จักรพรรดิเหวินโบกมือ สั่งให้คนรับใช้ทุกคนรวมถึงมู่ซุ่นออกไปให้หมดมู่ซุ่นปฏิบัติตามคำสั่ง แล้วรีบพาทุกคนทั้งนา
ณ ตระกูลเซียวขณะที่เซียวว่านโฉวกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่ในห้อง จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“ก๊อก…ก็อกๆ…”เสียงสั้นหนึ่งเสียงยาวสองคนตระกูลเซียวเองกำลังเคาะประตู“เข้ามา!”เซียวว่านโฉวเพิ่งกล่าวจบ เซียวติ้งอู่ก็ผลักประตูเข้าไปทันทีพร้อมปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ท่านพ่อ เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เซียวติ้งอู่เข้าไปถึงก็รีบกล่าวกับบิดาว่า “ได้ยินว่าองค์ชายหกควบคุมกองทหารมณฑลฝ่ายเหนืออยู่ ด่านเป่ยลู่ก็อยู่ในการควบคุมของเขาด้วย และตอนนี้ด่านเป่ยลู่ก็ถูกปิดแน่นแล้ว…”เซียวว่านโฉวชะงักเล็กน้อย แล้วยิ้มแห้งต่อบุตรชาย “เป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าหรือยัง?”เซียวติ้งอู่พยักหน้าหงึกๆ แล้วมองบิดาด้วยสีหน้ายกย่องนับถือสองสามวันนี้ ซั่วเป่ยส่งข่าวเรื่องที่หยุนเจิงตายแล้วกลับมา ทั่วทั้งราชสำนักต่างก็เชื่อสนิทใจมีเพียงท่านพ่อเท่านั้นที่บอกว่าหยุนเจิงยังไม่ตาย คิดว่าพวกเขาเริ่มดำเนินแผนการยึดอำนาจกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือแล้ว!ไม่คาดคิดว่าท่านพ่อจะพูดถูกจริงๆ!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซียวติ้งอู่ก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาดีนะที่ตนไม่ใช่แม่ทัพรักษาการณ์ของด่านเป่ยลู่แล้ว!ไม่เช่นนั้น ด่านเป่ยลู่คงต้อ
ชั้นน้ำแข็งของแม่น้ำไป๋สุ่ยก็เริ่มมีร่องรอยของการละลายแล้วอย่างมากอีกสิบวัน ก็คงไม่สามารถวิ่งม้าบนแม่น้ำไป๋สุ่ยแล้วหยุนเจิงนำพาแม่ทัพกลุ่มหนึ่งมาถึงโขดเป่ยหยวนถึงแม้ร่างศพที่ถอดจากโขดเป่ยหยวนจนถึงโขดชายแดนกู้จะถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว แต่บนผิวน้ำแข็งก็ยังมีร่องรอยคราบเลือดหลงเหลืออยู่อย่างเห็นได้ชัดมีทั้งคราบเลือดจากทหารต้าเฉียน และทหารเป่ยหวนดูคราบเลือดที่แทงตาแทงใจนั่นแล้ว เหล่าแม่ทัพต่างก็กริ้วโกรธขึ้นมาทหารสามหมื่นกว่านาย!เพราะการร่วมมือกับศัตรูของเว่ยเหวินจง ทำให้ทหารสามหมื่นกว่านายต้องตายอย่างอนาถอยู่ที่นี่!หากไม่ใช่เพราะหยุนเจิงห้ามเอาไว้ กลุ่มคนคงฆ่าเว่ยเหวินจงไม่ให้เหลือแม้แต่วิญญาณไปตั้งนานแล้วหยุนเจิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวเสียงดุดันว่า “พาตัวขึ้นมา!”สิ้นเสียงหยุนเจิง เว่ยเหวินจงที่ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนก็ถูกพาขึ้นมาส่วนทหารอีกคนหนึ่งถือศีรษะของเว่ยซั่ว แล้ววางศีรษะของเว่ยซั่วไว้ตรงหน้าโต๊ะจุดธูปเว่ยเหวินจงรู้ว่าหยุนเจิงพวกเขาคิดจะทำอะไร จึงพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์แต่แล้วก็ไร้ประโยชน์“คุกเข่าซะ!”ทหารสองคนที่พาตัวเว่ยเหวินจงมาใช้เท้าเตะหลังเข่าเว่ยเหว
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่