ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร ก็ไร้ความหมายแล้ว“ข้าต้องการยึดอำนาจจริง!”หยุนเจิงไม่ปฏิเสธ แล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “แต่ข้าพูดจากใจได้เลยว่า ข้าไม่เคยคิดจะให้เหล่าทหารแม่ทัพของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือไปตาย! เจ้าไม่อยากให้ข้ายึดอำนาจ ก็เอาความสามารถมาสู้!”“แต่เจ้ากลับทำอะไรลงไป? นอกจากจะหวาดกลัวจนไม่กล้าเดินหน้าสู้แล้ว ก็รู้เพียงติดต่อกับศัตรูทรยศคนของตนเอง!”“หากเจ้านำความสามารถในการทรยศคนของตนเองไปใช่กับเป่ยหวนสักนิดล่ะก็ ข้าจะยังชื่นชมว่าเป็นบุรุษยอดเยี่ยมคนหนึ่ง!”“แต่บัดนี้ ข้าละอายใจที่มีคนทรยศอย่างเจ้าอยู่ในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ!”เผชิญหน้ากับสายตาอันเยือกเย็นของหยุนเจิงแล้ว ในใจเว่ยเหวินจงพลันรู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อยเพียงแต่ว่าไม่นานเว่ยเหวินจงก็กลับคืนสู่สภาพปกติตกอยู่ในกำมือของหยุนเจิงแล้ว เขายังจะกลัวอะไรอีก?“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ผู้ชนะเป็นราชา ผู้แพ้เป็นโจรก็เท่านั้น!”เว่ยเหวินจงเอ่ยประชด “หยุนเจิง เจ้าอย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย แม้ว่าเจ้าจะยึดอำนาจกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือได้แล้วอย่างไร? เมื่อเผชิญกับการโจมตีจากราชสำนักและเป่ยหวนทั้งสองฝั่ง เจ้าคิดหรือว่าคนเท่านี้จะสามารถต้านทานได้
ณ ที่ประชุมราชสำนัก จักรพรรดิเหวินกำลังประทับอยู่บนพระที่นั่งด้วยสีพระพักตร์ไม่สู้ดีนักในพระหัตถ์ของเขาถือจดหมายจากฉินลิ่วก่านลายมืออักษรนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นของฉินลิ่วก่าน!ด่านเป่ยลู่ปิดด่านไปแล้ว!ฉินลิ่วก่านนำกองทหารและม้าเร่งเดินทางไปยังซั่วเป่ย แต่กลับไม่สามารถเข้าด่านเป่ยลู่ได้แม่ทัพรักษาการณ์ของด่านเป่ยลู่ ก็ไม่ใช่หยวนจงอีกแล้วด้วย!แต่เป็นจั่วเริ่น!จั่วเริ่นสั่งให้คนชูป้ายนอกด่านเป่ยลู่ว่า ด่านเป่ยลู่ปิดด่านเวลาหนึ่งเดือน!ฉินลิ่วก่านยืนด่าอยู่นอกด่านเป่ยลู่อยู่ครึ่งชั่วยาม จั่วเริ่นถึงจะสั่งให้คนปล่อยตัวฉินลิ่วก่านเข้ามาแต่ทว่าอนุญาตให้ฉินลิ่วก่านเข้ามาคนเดียวเท่านั้น!คนอื่นๆ ที่ฉินลิ่วก่านพามา ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสักคนหลังจากผ่านไปครึ่งวันเต็ม ฉินลิ่วก่านถึงจะเขียนจดหมายสั่งให้คนส่งกลับไปยังเมืองจักรพรรดิในจดหมายนั้น ฉินลิ่วก่านเองก็ได้รายงานถึงสถานการณ์จริงของด่านเป่ยลู่ให้กับจักรพรรดิเหวินเจ้าหกยังไม่ตาย!เสิ่นลั่วเยี่ยน ฉินชีหู่และตู๋กูเช่อก็ยังไม่ตาย!พวกเขาใช้แผนการของหยุนเจิง โดยแยกกองทหารเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำโดยตู๋กูเช่อ ฝ่าวงล้อมจากแนวหน้
แม้ว่าหยุนเจิงพวกเขาจะสังหารเว่ยซั่ว จับตัวเว่ยเหวินจงไว้ได้ เขาก็ย่อมสามารถคิดว่าหยุนเจิงกำลังแก้แค้นแทนเหล่าทหารที่ตายเพราะเว่ยเหวินจง!แต่หยุนเจิงบังอาจจับตัวหยวนจงสองพ่อลูกและแม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่ได้อย่างไร?ใครให้อำนาจเขาในการแต่งตั้งแม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่กัน?แม่ทัพรักษาการณ์ด่านเป่ยลู่ มีเพียงเขาที่เป็นจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์แต่งตั้งได้!แต่ทว่าจักรพรรดิเหวินคิดไม่ตกว่าเว่ยเหวินจงที่รักษาการณ์ซั่วเป่ยมาหลายปีเช่นนี้ เหตุใดเขาถึงต้องร่วมมือกับศัตรูด้วยการยึดคืนเมืองสามชายแดนกลับคืนมานั้น เจ้าหกก็มีส่วนช่วย แล้วมีหรือที่ตนจะไม่ให้คุณงานความดีกับเว่ยเหวินจง?เหตุใดเว่ยเหวินจงต้องนำชีวิตคนสี่หมื่นกว่าคนไปสู่ความตายด้วย!ไม่สิ หกหมื่นกว่าคนต่างหาก!ยังมีทหารชาวนาชราอ่อนแอที่ขนส่งเสบียงไปยังชายแดนกู้อีกสองหมื่นกว่านาย!เหตุใดเว่ยเหวินจงถึงได้อำมหิตถึงเพียงนี้?หากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเว่ยเหวินจงเลย เช่นนั้นเพราะเหตุใดทหารมณฑลฝ่ายเหนือถึงได้เปลี่ยนไปอยู่กับเจ้าหกล่ะ?แผ่นอกของจักรพรรดิเหวินอดไม่ได้ที่จะกระเพื่อมขึ้นลง ทว่าในศีรษะกลับสับสนวุ่นวา
เซวียเช่อไม่ได้พูดอย่างชัดเจนทว่าก็เข้าใจความหมายที่จะสื่อการบุกโจมตีด่านเป่ยลู่นั้นเสมือนกับส่งคนไปตาย!อีกอย่าง เขาแสดงความในใจออกมาทันทีว่าหากจะบุกโจมตีด่านเป่ยลู่ เขาขอปฏิเสธการนำทัพ!วินาทีนี้ จู่ๆ เซวียเช่อก็รู้สึกอิจฉาเซียวว่านโฉวขึ้นมาหากตนป่วยเหมือนเซียวว่านโฉวก็คงดีเช่นนั้น ตนก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องพรรค์นี้แล้วหลังจากได้ยินคำพูดของเซวียเช่อแล้ว แววตาเย็นชาพลันผุดขึ้นนัยน์ตาของหยุนลี่ตาเฒ่านี่!ไม่บุกโจมตีด่านเป่ยลู่ แล้วจะรอให้เจ้าหกไอ้สุนัขนั่นเป็นใหญ่หรือไง?หากไม่เร่งกำจัดเจ้าหกตอนนี้ ต่อไปเกรงว่าเจ้าหกต้องกำจัดเขาเป็นแน่!เจ้าหกอาจจะเตรียมแผนการกำจัดเขาไว้แล้วด้วยซ้ำ!เจ้าหกไอ้สุนัขนั่นต้องจงใจไม่สังหารเว่ยเหวินจงแน่ๆ!ไอ้สุนัขนั่นต้องคิดจะใช้เว่ยเหวินจงมาข่มขู่ตนแน่ๆ!เมื่อได้ยินคำพูดของเซวียเช่อแล้ว จักรพรรดิเหวินก็เงียบอย่างอดไม่ได้ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องยุทธการเท่าแม่ทัพอาวุโสอย่างเซวียเช่อเขานัก แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นจักรพรรดิที่ทรงนำทัพเองด่านเป่ยลู่!เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าด่านเป่ยลู่โจมตียากแค่ไหน!หากไม่ใช่เช่นนั้น เขาสั่งให้คนโจมตีด่านเ
จางฮว๋ายรีบเอ่ยแนะนำ “บัดนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรยังไม่แน่ชัด การบุกโจมตีด่านเป่ยลู่โดยพลการ คนที่บาดเจ็บและตายล้วนแต่เป็นบุรุษของต้าเฉียนเราทั้งนั้น! กระหม่อมขอร้องให้ฝ่าบาททรงเชื่อใจหรงกั๋วกง หรงกั๋วกงกล้าเอาศีรษะเป็นเดิมพันแทนองค์ชายหก เช่นนั้นก็แสดงว่า…”“เจ้าเองก็คิดว่าเจ้าหกไม่มีทางก่อกบฏนั้นหรือ?” จักรพรรดิเหวินถามจางฮว๋ายหน้านิ่ง“เอ่อ…”จางฮว๋ายชะงักเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “กระหม่อมเชื่อว่าองค์ชายหกไม่มีทางก่อกบฏแน่นอน!”“เพราะเหตุใด?”จักรพรรดิเหวินจ้องจางฮว๋ายด้วยสายตาเฉียบคม “ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อว่าผู้ก่อตั้งจักรพรรดิจะตั้งกองทหารก่อกบฏเช่นกัน!”จางฮว๋ายอ้าปากเล็กน้อย เงียบกริบในทันใดจริง!จักรพรรดิเกาจู่เองก็เคยเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ในสายตาของฝูงชนเช่นเดียวกันแต่สุดท้าย ก็ตั้งกองทหารก่อกบฏอยู่ดีไม่ใช่หรือ?ขณะที่จางฮว๋ายไม่รู้จะพูดอะไรอยู่นั้น ขันทีก็ได้ยกสุราและจอกสุราพร้อมกับกับแกล้มอีกสี่อย่าง“ถอยออกไปให้หมด!”จักรพรรดิเหวินโบกมือ สั่งให้คนรับใช้ทุกคนรวมถึงมู่ซุ่นออกไปให้หมดมู่ซุ่นปฏิบัติตามคำสั่ง แล้วรีบพาทุกคนทั้งนา
ณ ตระกูลเซียวขณะที่เซียวว่านโฉวกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่ในห้อง จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“ก๊อก…ก็อกๆ…”เสียงสั้นหนึ่งเสียงยาวสองคนตระกูลเซียวเองกำลังเคาะประตู“เข้ามา!”เซียวว่านโฉวเพิ่งกล่าวจบ เซียวติ้งอู่ก็ผลักประตูเข้าไปทันทีพร้อมปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ท่านพ่อ เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เซียวติ้งอู่เข้าไปถึงก็รีบกล่าวกับบิดาว่า “ได้ยินว่าองค์ชายหกควบคุมกองทหารมณฑลฝ่ายเหนืออยู่ ด่านเป่ยลู่ก็อยู่ในการควบคุมของเขาด้วย และตอนนี้ด่านเป่ยลู่ก็ถูกปิดแน่นแล้ว…”เซียวว่านโฉวชะงักเล็กน้อย แล้วยิ้มแห้งต่อบุตรชาย “เป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าหรือยัง?”เซียวติ้งอู่พยักหน้าหงึกๆ แล้วมองบิดาด้วยสีหน้ายกย่องนับถือสองสามวันนี้ ซั่วเป่ยส่งข่าวเรื่องที่หยุนเจิงตายแล้วกลับมา ทั่วทั้งราชสำนักต่างก็เชื่อสนิทใจมีเพียงท่านพ่อเท่านั้นที่บอกว่าหยุนเจิงยังไม่ตาย คิดว่าพวกเขาเริ่มดำเนินแผนการยึดอำนาจกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือแล้ว!ไม่คาดคิดว่าท่านพ่อจะพูดถูกจริงๆ!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซียวติ้งอู่ก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาดีนะที่ตนไม่ใช่แม่ทัพรักษาการณ์ของด่านเป่ยลู่แล้ว!ไม่เช่นนั้น ด่านเป่ยลู่คงต้อ
ชั้นน้ำแข็งของแม่น้ำไป๋สุ่ยก็เริ่มมีร่องรอยของการละลายแล้วอย่างมากอีกสิบวัน ก็คงไม่สามารถวิ่งม้าบนแม่น้ำไป๋สุ่ยแล้วหยุนเจิงนำพาแม่ทัพกลุ่มหนึ่งมาถึงโขดเป่ยหยวนถึงแม้ร่างศพที่ถอดจากโขดเป่ยหยวนจนถึงโขดชายแดนกู้จะถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว แต่บนผิวน้ำแข็งก็ยังมีร่องรอยคราบเลือดหลงเหลืออยู่อย่างเห็นได้ชัดมีทั้งคราบเลือดจากทหารต้าเฉียน และทหารเป่ยหวนดูคราบเลือดที่แทงตาแทงใจนั่นแล้ว เหล่าแม่ทัพต่างก็กริ้วโกรธขึ้นมาทหารสามหมื่นกว่านาย!เพราะการร่วมมือกับศัตรูของเว่ยเหวินจง ทำให้ทหารสามหมื่นกว่านายต้องตายอย่างอนาถอยู่ที่นี่!หากไม่ใช่เพราะหยุนเจิงห้ามเอาไว้ กลุ่มคนคงฆ่าเว่ยเหวินจงไม่ให้เหลือแม้แต่วิญญาณไปตั้งนานแล้วหยุนเจิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวเสียงดุดันว่า “พาตัวขึ้นมา!”สิ้นเสียงหยุนเจิง เว่ยเหวินจงที่ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนก็ถูกพาขึ้นมาส่วนทหารอีกคนหนึ่งถือศีรษะของเว่ยซั่ว แล้ววางศีรษะของเว่ยซั่วไว้ตรงหน้าโต๊ะจุดธูปเว่ยเหวินจงรู้ว่าหยุนเจิงพวกเขาคิดจะทำอะไร จึงพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์แต่แล้วก็ไร้ประโยชน์“คุกเข่าซะ!”ทหารสองคนที่พาตัวเว่ยเหวินจงมาใช้เท้าเตะหลังเข่าเว่ยเหว
เมื่อกลับไปถึงป้อมเมืองจิ้งอัน หยุนเจิงก็ได้สั่งการให้กองทหารใหญ่เริ่มเตรียมการเดินทางสู่ชายแดนกู้ครั้งนี้ พวกเขาจะไม่ผิดพลาดเหมือนครั้งก่อนอีกการจะเข้าสู่ชายแดนกู้นั้นต้องรอให้เสบียงอาหารที่ตามมาถึงก่อน โดยกองทหารหลายหมื่นนายนี้จะเป็นผู้ขนส่งเสบียงไปยังชายแดนกู้เองอีกอย่าง วัสดุที่ซ่อมแซมกำแพงเมืองเหล่านั้น รวมถึงไม้และถ่านก็ต้องเตรียมไว้มากพอเขาไม่อยากเผชิญกับเหตุการณ์ฆ่าม้าศึกเพื่อเป็นอาหารเลี้ยงปากท้อง แต่ก็ยังไม่มีของที่จะมาทำให้เนื้อสุกอีกแล้วขณะที่กองทหารกำลังเตรียมตัวสำหรับการเดินทางสู่ชายแดนกู้อยู่นั้น ในที่สุดหยุนเจิงเองก็มีเวลาไปเยี่ยมฮั่วกู้และรองแม่ทัพของเขาสักทีเมื่อได้เจอกับหยุนเจิงอีกครั้ง ฮั่วกู้รู้สึกเกร็งมากกว่าแต่ก่อนนักบัดนี้ หยุนเจิงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่ควบคุมความเป็นความตายของเขาแล้ว!ถึงแม้เขาจะช่วยหยุนเจิงจับตัวเว่ยเหวินจง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหยุนเจิงจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือไม่“แม่ทัพฮั่ว เราไม่ได้เจอกันนานเลย”หยุนเจิงเงยหน้ามองฮั่วกู้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ใช่แล้ว…”ฮั่วกู้มองหยุนเจิงอย่างระมัดระวัง “ครั้งก่อนตอนที่อยู่ซั่วฟาง ข้าเองก็…”“
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ