หลังฟ้าสว่าง เสิ่นลั่วเยี่ยนและฉินชีหู่เริ่มเตรียมถอนทัพหยุนเจิงนำทหารม้าร้อยกว่าคนมาถึงนอกเมืองเทียนหู“ตะโกนเถอะ!”หยุนเจิงไม่รอช้า สั่งให้ทุกคนเรื่องตะโกนบอกกองทหารรักษาการณ์เมืองเทียนหู“จิ้งเป่ยอ๋องมีคำสั่ง เว่ยเหวินจงสมคบคิดศัตรูขายชาติ เจตนาวางแผนทำลายกองทัพนับหมื่นเมืองกู้! กองทหารรักษาการณ์เทียนหูถูกเว่ยเหวินจงบีบบังคับด้วยความไม่รู้ ล้วนไม่มีความผิด! ผู้ที่จับเป็นเว่ยเหวินจงได้ ประทานรางวัลหนึ่งพันตำลึงทอง!”ทุกคนร้องตะโดนติตต่อกันหลายรอบไม่นาน เว่ยเหวินจงในเมืองเทียนหูก็นั่งไม่ติดแล้วเว่ยเหวินจงอยู่ภายใต้การคุ้มกันของทหารคนสนิท พาฮั่วกู้และหวังชี่ถึงมาบนกำแพงเมืองเมื่อเห็นหยุนเจิง ในใจหวังชี่ก็ตัดสินใจแล้วขอแค่ท่านอ๋องมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือ เขาฆ่าเว่ยเหวินจงแล้ว แต่หยุนเจิงตายในเมืองกู้ หัวทั้งสองของเขาล้วนไม่มีจดจบที่ดี“โจรกบฏหยุนเจิง!”เว่ยเหวินจงผรุสวาทโดยความโมโห “ฝ่าบาทโปรดปรานท่าน นึกไม่ถึงว่าท่านกล้าร่วมมือกับเจ้าสุนัขตู๋กูเช่อก่อกบฎ? ข้าขอเตือนท่านให้กลับตัว ฝ่าบาทเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก บางทีอาจไว้ชีวิตท่าน!”“เว่ยเหวินจง เจ้าย
เว่ยเหวินจงน้ำเสียงเฉียบ “พวกเราต้องหาวิธีส่งรายงานให้ฝ่าบาท ทำให้ฝ่าบาทรู้เรื่องหยุนเจิงก่อกบฎ!”“ข้าเกรงว่าด่านเป่ยลู่จะถูกหยุนเจิงควบคุมแล้ว” หวังชี่กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “แผนกบฎของหยุนเจิงครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวมาอย่างดี! ทันทีที่ด่านเป่ยลู่ถูกเขาควบคุม พวกเราก็ไม่มีหนทางไปส่งรายงานให้ฝ่าบาทแล้ว...”“ด่านเป่ยลู่คงไม่ถูกควบคุมง่ายดายเช่นนั้น”เว่ยเหวินจงส่ายหน้า “ด้านเป่ยลู่เป็นด่านที่ถูกคุ้มกันจากภายใน นอกจากหยุนเจงจะแอบยัดคนของตัวเองไว้ในด่านเป่ยลู่ มิฉะนั้นไม่มีทางแย่งอำนาจการควบคุมด่านเป่ยลู่มาได้โดยง่าย!”นี่เป็นด่านเป่ยลู่!แม่ทัพนายกองมากมายของด่านเป่ยลู่เป็นคนของจักรพรรดิเหวินอย่าว่าแต่หยุนเจิงเลย แม้แต่เขาคิดจะแย่งอำนาจการควบคุมด่านเป่ยลู่ล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายได้ยินว่า เซียวติ้งอู่ที่เป็นฝ่ายของลาออกนามหยวนฉงผู้นั้น มีบุญคุณความแค้นกับหยุนเจิงหยวนฉงไม่มีทางปล่อยให้หยุนเจิงแย่งชิงด่านเป่ยลู่ไป“เช่นนั้นก็ดี!”หวังชี่พยักหน้าเบาๆ “ขอแค่ไม่เสียด่านเป่ยลู่ไป หยุนเจิงช้าเร็วก็ต้องถูกจัด!”“เช่นนั้น...หากหยุนเจิงจัดการล่วงหน้า ควบคุมด่านเป่ยลู่ได้แล้วเล่า?
ติ้งเป่ยฟู่เทียนเหยียนเหมือนนั่งทับเข็มก่อนเว่ยเหวินจงเดินทางไปยังเมืองจิ้งอัน สั่งให้ฟูเทียนเหยี่ยนรักษาการณ์เมืองติ้งเป่ยจากนั้น ฟู่เทียนรอไม่ทันเว่ยเหวินจงนำศพพวกหยุนเจิงกลับมา แต่กลับได้ข่าวตู๋กูเช่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนนำกำลังพลเฝ้าด้านหน้าขังเว่ยเหวินจงเอาไว้ในเมืองเทียนหูตอนนี้ ติ้งเป่ยมีทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนเท่านั้นคิดจะไปช่วยเว่ยเหวิงจง แทบเป็นไปไม่ได้เลยอีกทั้ง เขาก็ไม่กล้าไปช่วยเว่ยเหวินจงด้วยยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องสู้รบแค่บอกว่าตู๋กูเช่อนำกองทัพปิดล้อมเว่ยเหวินจงด้วยตัวเองเรื่องนี้ก็แปลกมากแล้วเดิมทีตู๋กูเช่อไม่ได้ติดต่อกับหยุนเจิงมากนักตามหลักแล้ว ตู๋กูเช่อไม่มีเหตุผลช่วยหยุนเจิงก่อกบฏนอกจากนี้ ทหารม้าแนวหน้าสองเมืองล้วนถูกพวกหยุนเจิงควบคุม ต่อให้หยุนเจิงรบชนะหลายครั้ง เหล่าแม่ทัพของทั้งสองเมืองก็ไม่ถึงขั้นรวมตัวกับหยุนเจิงหรอก!ภายใน ต้องมีเรื่องที่คนอื่นไม่รู้!ตอนนี้เขาไม่อาจเสี่ยงไปช่วยเหลือเว่ยเหวินจง อาจลากตัวเองเข้าไปพัวพันด้วยถึงขั้นลากกองทัพหนึ่งหมื่นห้าพันของติ้งเป่ยเข้าไปพัวพันด้วยก่อนที่สถานการณ์จะชัดเจน ไม่บุ่มบ่ามจะดีกว่า!ขณะที่
ภายใต้แววตาสงสัยของตู๋กูเช่อ หยุนเจิงกระดกสุราเข้าปากตนเล็กน้อย“แค่กๆ…”ดื่มไปเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้หยุนเจิงสำลักจนไออย่างต่อเนื่อง“มารดามันเถอะ ไอ้นี่กลิ่นดี แต่รสชาติห่วยมาก”หยุนเจิงบ่นอยู่สองสามประโยค แล้วยื่นกระบอกน้ำให้กับตู๋กูเช่อ “แม่ทัพตู๋กู สักหน่อยไหม?”“ไม่เอาดีกว่าๆ!”ตู๋กูเช่อโบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่สามารถต้านทานกับฤทธิ์จากเจ้านี่ได้จริงๆ”“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ” หยุนเจิงหัวเราะ “ดื่มสักเล็กน้อยยังพอไหว จะได้อุ่นขึ้น”ตู๋กูเช่อมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย หลังจากครุ่นคิดไปชั่วขณะ ก็รับกระบอกน้ำมาดื่มไปอึกหนึ่ง“แค่กๆ…”วินาทีต่อมา ตู๋กูเช่อก็สำลักสุรานั่นด้วยมองดูสภาพของตู๋กูเช่อแล้ว หยุนเจิงพลันอดไม่ได้หัวเราะลั่นออกมา“แม่ทัพหลี่ สักหน่อยไหม?”หยุนเจิงเงยหน้ามองหลี่เฉวียนหลี่เฉวียนรีบส่ายศีรษะ “ข้าไม่เอาดีกว่า”หยุนเจิงเลิกคิ้วเย้ย “ทำไม กลัวว่าข้าจะวางยาใส่เจ้านั้นรึ?”“ไม่ขอรับๆ…”หลี่เฉวียนส่ายหน้า “ท่านอ๋องกับแม่ทัพตู๋กูยังดื่มแล้วเลย ต้องไม่มียาพิษอยู่แล้ว”“แล้วจะกลัวอะไรอีกเล่า?”หยุนเจิงยื่นกระบอกน้ำให้กับหลี่เฉวียน “ดื่มสักหน่อยสิ! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าม
ฟู่เทียนเหยียนครุ่นคิดอยู่ในห้องพักหนึ่ง ถึงจะมาที่ประตูเหนือที่หยุนเจิงพวกเขาอยู่แต่แล้วเมื่อเขามาถึงประตูเหนือ ก็มึนงงในทันใด“ท่านอ๋อง นี่มันสุราอะไรกัน? แรงไปแล้วกระมัง?”“ฮ่าๆ เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้นำมาดื่มอยู่แล้ว! แต่นำมาฆ่าเชื้อแผล เพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ! ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าโง่หรือถึงขนาดมอบสุราชั้นดีให้พวกเจ้าดื่ม แล้วยังมอบหนึ่งร้อยตำลึงให้พวกเจ้าอีก?”“เจ้านี่…ฆ่าเชื้อได้ด้วยหรือ?”“ไร้สาระ ต้องได้อยู่แล้ว! จะว่าไปมีผู้ใดอยากลองอีกหรือไม่?”“ข้าน้อยอยากลองขอรับ…”ทหารกลุ่มใหญ่ล้อมหยุนเจิงกับตู๋กูเช่อไว้แต่ทว่าไม่มีท่าทีจะล้อมจับหยุนเจิงพวกเขาเลย!หยุนเจิงและตู๋กูเช่อนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นลูกพี่ พูดจาคุยเล่นกับเหล่าทหาร“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ?”ฟู่เทียนเหยียนเดินมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วส่งเสียงตะคอกเมื่อเห็นฟู่เทียนเหยียนที่เดินมาอย่างกรุ่นโกรธแล้ว เหล่าทหารพลันแยกย้ายกันในบัดดลแต่ทว่าเพิ่งจะแยกย้ายไปได้ไม่กี่จั้ง ฝูงชนก็นึกถึงคำสั่งที่พวกเขาได้รับพวกเขาต้องล้อมจับหยุนเจิงกับตู๋กูเช่อนี่!เมื่อนึกขึ้นได้ ฝูงชนก็รีบกลับไปล้อมวงเหมือนเดิมเพียงแต่ก็ยังไม่ม
หยุนเจิงโบกมือให้กับตู๋กูเช่อ “แม่ทัพตู๋กู นำจดหมายฉบับนั้นให้ฟู่เทียนเหยียนดู!”ตู๋กูเช่อพยักหน้า แล้วหยิบจดหมายที่เว่ยเหวินจงร่วมมือกับศัตรูออกมา แล้วตบไหล่ฟู่เทียนเหยียนเบาๆ “เหล่าฟู่ ดูซะนะ!”ฟู่เทียนเหยียนรีบเปิดอ่านจดหมายเพียงแค่อ่านผ่านๆ ลมหายใจของฟู่เทียนเหยียนก็ถี่ขึ้นมา สีหน้าแย่สุดขีด“นี่ไม่ใช่ลายมือของแม่ทัพใหญ่!”ฟู่เทียนเหยียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วเงยหน้าขึ้นทันใด “พวกเจ้าใส่ร้าย!”“หากเจ้าร่วมมือกับศัตรู เจ้าจะเขียนด้วยลายมือของเจ้าหรือ?”ตู๋กูเช่อมองฟู่เทียนเหยียนแวบหนึ่ง “หากเว่ยเหวินจงไม่ร่วมมือกับศัตรู เจ้าคิดว่าป้อมเมืองสองป้อมเมืองจะอยู่พรรคพวกเดียวกับท่านอ๋องหรือ?”“หากเจ้าคิดว่าพวกข้ากำลังใส่ร้ายเว่ยเหวินจงอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็ไปถามคนที่ฝ่าวงล้อมออกจากชายแดนกู้เหล่านั้นดู!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้เว่ยเหวินจงทำให้คนบริสุทธิ์เหล่านั้นตายไปเท่าไร?”“หากไม่จับตัวคนชั่วเว่ยเหวินจงนี่ แล้วเราจะอธิบายต่อวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตายไปเหล่านั้นได้อย่างไร?”“ข้าขอบอกเจ้าตรงนี้เลย หากไม่ใช่เพราะไม่อยากทำให้ทหารต้าเฉียนของเราเข่นฆ่ากันเอง พวกข้าบุกเมืองเทียนหูไปจับตัวคนชั่
หลังจากที่ซื้อใจทหารของกองทหารติ้งเป่ยได้แล้ว หยุนเจิงพลันรีบควบม้าพาฝูงชนไปที่ด่านเป่ยลู่ทันทีส่วนหม่าอี้ก็มอบให้ฟู่เทียนเหยียน!ถึงแม้หยวนเลี่ยจะเป็นผู้จงรักภักดีต่อเว่ยเหวินจง ทั้งยังนำกองทหารม้าชั้นยอดเก้าพันนายเฝ้าหม่าอี้ แต่อย่างไรหม่าอี้ก็ยังมีทหารแก่ชราอ่อนแอหลายหมื่นนายเช่นเดียวกัน!ทหารแก่ชราอ่อนแอเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนของหยุนเจิงทั้งนั้นหากเช่นนี้ยังไม่สามารถยึดหม่าอี้ได้ ฟู่เทียนเหยียนก็ไร้ประโยชน์มากแล้วพูดถึงหยวนเลี่ย หยุนเจิงจึงถามตู๋กูเช่อขึ้นอย่างสงสัย “จริงสิ หยวนเลี่ยมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับเว่ยเหวินจงจริงหรือ?”“ไม่มี”ตู๋กูเช่อส่ายศีรษะ “แต่ทว่า หยวนเลี่ยถือว่าเป็นบุตรบุญธรรมของเว่ยเหวินจงกระมัง!”บิดาของหยวนเลี่ยเคยเป็นผู้บัญชาการใกล้ชิดของเว่ยเหวินจง แต่ทว่าตายจากไปในสงครามครั้งใหญ่ซั่วเป่ยเมื่อหกปีก่อนต่อมา เว่ยเหวินจงฝากคนให้พาหยวนเลี่ยมาที่ซั่วเป่ย แล้วฝึกซ้อมเขาถึงแม้เว่ยเหวินจงจะไม่รับหยวนเลี่ยเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าก็ปฏิบัติต่อหยวนเลี่ยเป็นบุตรและเพราะว่ามีการสนับสนุนจากเว่ยเหวินจง หยวนเลี่ยถึงได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแต่ทว่
เห็นท่าทีของคนผู้นี้แล้ว โจรที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็รีบมาคารวะตาม“คารวะท่านอ๋อง!”ฝูงชนคารวะพร้อมกัน ทำเอาตู๋กูเช่อและทหารม้าที่ตามมาด้วยมึนงงคนพวกนี้ก็เป็นคนของหยุนเจิงด้วยนั้นหรือ?“เอาเถอะ ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงควบม้าออกไป แล้วมองฝูงชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ตู้กุยหยวนล่ะ?”หัวโจกรีบตอบ “ทูลท่านอ๋อง ผู้บัญชาการตู้สั่งให้พวกข้ามาตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่และติ้งเป่ยขอรับ ส่วนเขานำทัพแปดร้อยคนไปที่ด่านเป่ยลู่แล้ว…”“ดีมาก!”หยุนเจิงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วถามว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”“ห้าวันก่อนขอรับ!”“ระหว่างนั้นมีทหารส่งสาส์นจากติ้งเป่ยกับหม่าอี้ผ่านมาหรือไม่?”“มีขอรับ แต่ถูกพวกข้าจับไว้หมดแล้ว!”จับไว้หมดแล้ว?หยุนเจิงเผยรอยยิ้มพึงพอใจจับได้ก็ดี!ขอเพียงตัดเส้นทางสื่อสารของด่านเป่ยลู่กับเมืองอื่นๆ คนของด่านเป่ยลู่ก็จะไม่รู้ว่าเว่ยเหวินจงถูกล้อมจับอยู่ที่เทียนหู เช่นนั้นก็จะไม่ระมัดระวังพวกเขาด้วยบัดนี้ ตู้กุยหยวนพาคนแทรกเข้าไปในด่านเป่ยลู่อีก เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายขึ้นแล้วหยุนเจิงตัดสินใจ แล้วโบกมือ “เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเข้าดำเนินการตามแผนต่อเถอ
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง
กุ่ยฟางแม้ว่าขณะนี้ดินแดนกุ่ยฟางจะเต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว แต่เจียเหยาก็ยังไม่หยุดการเคลื่อนทัพ ด้วยผลจากสิ่งที่พวกเขายึดได้ระหว่างทาง กองทัพของพวกเขาจึงไม่มีใครต้องทนหนาว ทว่าความหนาวเย็นของอากาศยังคงสร้างความลำบากไม่น้อยให้กับพวกเขา ทัวฮวนและจู่หลู่ได้เสนอให้เจียเหยารับคำขอเจรจาของชื่อเหยียนหลายครั้ง แต่เจียเหยาก็ไม่ได้สนใจในตอนนี้ กองทัพของพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองหลวงของกุ่ยฟางไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้แล้ว! เมื่อเผชิญกับกองทัพที่ประชิดเข้ามา ชื่อเหยียนจึงส่งคนมาเจรจาขอสงบศึกอีกครั้ง ครั้งนี้ เจียเหยาไม่ได้ขับไล่คนที่ชื่อเหยียนส่งมาอีก เจียเหยาได้พบกับอาเคอถูในกระโจมใหญ่ เมื่ออาเคอถูถูกนำตัวเข้ามา เจียเหยากำลังใช้มีดเล็กๆ ตัดเนื้อแกะชิ้นร้อนๆ จากขาแกะส่งเข้าปาก ข้างกายของนาง เกออาซูยืนอยู่พร้อมถือดาบในมือ อาเคอถูไม่ทราบว่าเนื้อแกะนั้นอร่อยเพียงใด แต่เจียเหยากลับดูเหมือนกำลังเพลิดเพลินอย่างมาก “ข้าน้อยคารวะองค์หญิงเจียเหยา!” อาเคอถูคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อถวายคำนับเจียเหยา เจียเหยาช้อนตามองเล็กน้อย มองอาเคอถูอย่างเรียบเฉย “เจ้าควรเรียกข้าว่า ‘องค์หญิ
ฤดูหนาวอันยาวนาน พวกเขามีสิ่งที่ต้องเตรียมการมากมาย หยุนเจิงเดินหาอยู่ในค่ายอยู่นาน จึงเจอฉินชีหู่ในโรงตีเหล็กของค่าย เมื่อเห็นหยุนเจิง ฉินชีหู่ก็รีบถือกระบองหนามที่เขาสั่งการตีด้วยตัวเองเข้ามาหา พลางกล่าวด้วยความภูมิใจ “น้องชาย เจ้าช่างมาถูกเวลา! มาดูอาวุธใหม่ของข้าหน่อยสิ!” “ข้าดูซิ” หยุนเจิงรับกระบองหนามมาจากมือของฉินชีหู่ เพียงแค่จับก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักมหาศาล แม้หยุนเจิงจะฝึกฝนร่างกายร่วมกับเมี่ยวอินมานาน แต่เมื่อถือกระบองหนามนี้ไว้ในมือก็ยังรู้สึกว่าหนักเกินกำลังเล็กน้อย “นี่คงหนักเจ็ดสิบจินได้กระมัง?” หยุนเจิงมองฉินชีหู่ด้วยความตกตะลึง “เจ็ดสิบแปดจิน!” ฉินชีหู่หัวเราะพลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นี่คืออาวุธที่หนักที่สุดในกองทัพแน่นอน!” ตอนนี้ฉินชีหู่หลงใหลในกระบองหนามชนิดนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดาบใหญ่หรือหอกยาว เมื่อเจอกระบองหนามของเขา ก็ต้องยอมแพ้ทั้งนั้น เพียงแค่ฟาดลงไปครั้งเดียว เกราะใดก็ป้องกันไม่ได้! เรียกได้ว่าเทพมาขวางก็กำจัดเทพ พระมาขวางก็กำจัดพระ!” “เจ้ามันแน่!” หยุนเจิงกล่าวเหน็บแนมพลางคืนกระบองหนามให้ฉินชีหู่ “ช่ว
เรื่องการอภิเษกสมรสกับเจียเหยา หยุนเจิงไม่ได้ให้ความสำคัญนัก พลังงานทั้งหมดของเขาทุ่มเทไปกับการเตรียมการกองทัพใหม่ สำหรับกองทัพกุยอี้ หยุนเจิงยังคงยึดหลักการเดิม คือ ในหนึ่งกองทัพต้องประกอบด้วยคนจากหลายแคว้น เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบกันเองและป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น กองทัพกุยอี้สี่หมื่นนาย ถูกขยายมาจากกองกำลังหนึ่งหมื่นกว่าคนของฟู่เทียนเหยียนและพรรคพวก ผู้ที่สร้างผลงานจากศึกก่อนหน้านี้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นนายทหารระดับกลางและล่าง ฟู่เทียนเหยียน ฮั่วกู้ จั่วเหริน และเกาเหอ ต่างก็นำกองกำลังหนึ่งหมื่นนาย ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาในศึกก่อนหน้า หยุนเจิงจึงจัดสรรม้าให้กองทัพกุยอี้หนึ่งหมื่นตัว และจัดตั้งกองทหารม้าห้าพันนาย ซึ่งสังกัดในกองกำลังของฟู่เทียนเหยียน หลังจากจัดการเรื่องกองทัพใหม่เรียบร้อย หยุนเจิงจึงพาคนไปเคารพหลุมศพของตู้กุยหยวน ระหว่างทางกลับ หยุนเจิงครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอนาคต เมื่อการเตรียมการเบื้องต้นเสร็จสิ้น กองทัพกุยอี้ทั้งสี่หมื่นนายจะต้องแยกกันไปฝึก ส่วนกองทัพประจำการใหม่สองหมื่นนาย เรื่องนี้ค่อนข้างง่าย กองกำลังสองหมื่นนี้เดิมทีเป็
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา